Saturday, 18 May 2024
คนละครึ่งเฟส4

ครม. เคาะ คนละครึ่ง เฟส 4 ได้คนละ 1,200 บาท เริ่มใช้ 1 ก.พ. 65

ที่ประชุม ครม. อนุมัติโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จ่ายคนละ 1,200 บาท เริ่มใช้ 1 ก.พ.-30 เม.ย.

วันที่ 24 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ห้องศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) บนตึกไทยคู่ฟ้า

หนึ่งในวาระที่น่าจับตาคือ การรายงานการใช้เงินกู้ โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ที่มีเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธาน ลำดับ 3 ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2565 (คกง.)

1 ก.พ. นี้ เตรียม "เป๋าตัง" ให้พร้อม! 28 ล้านสิทธิเดิมกด “ยืนยัน” ใช้คนละครึ่งเฟส 4 ได้ทันทีทั่วประเทศ “นายกฯ” กำชับคลังเตรียมระบบให้พร้อมรองรับการใช้งาน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนทุกกลุ่มทุกสาขาอาชีพ สั่งการเร่งบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 กรอบวงเงิน 34,800 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากต่อเนื่อง ให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน จำนวนสิทธิรวม 29 ล้านสิทธิ โดยสนับสนุนวงเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และบริการ นวดสปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และสินค้าหรือบริการที่กระทรวงการคลังกำหนด จากภาครัฐในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เข้าร่วมโครงการจำนวนไม่เกิน 29 ล้านคน ล่าสุดกระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ได้เร็วขึ้น เริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 (กลุ่มเดิม) มีจำนวน 27.98 ล้านสิทธิ กลุ่มนี้สามารถกดยืนยันสิทธิในแอพเป๋าตังค์ได้เลย ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป โดยจะต้องเริ่มใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิโดยสิทธิที่เหลืออาจจะนำมา พิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งหากยังประสงค์จะเข้าโครงการฯ จะต้องลงทะเบียนเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ทั้งนี้หากยืนยันสิทธิและใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ครั้งแรกในระยะที่กำหนด สามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 และกลุ่ม 2 ) ผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มให้อีก 1 ล้านกว่าสิทธิ เพื่อให้ครบ 29 ล้านสิทธิ  โดยกลุ่มใหม่นี้สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์  2565 และสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 2565 ซึ่งสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังมีมาตรการช้อปดีมีคืน 2565 ที่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ หนังสือ e-Book และสินค้า OTOP ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2565 (ยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี 2566) ที่ใช้ได้ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 โดยประชาชนที่ใช้โครงการช้อปดีมีคืนก็สามารถใช้โครงการคนละครึ่งเฟส 4 ได้ด้วย 

'คลัง' รับคนได้คนละครึ่งยืนยันสิทธิ 1 ก.พ.นี้ ไม่ต้องรีบ หลีกเลี่ยงแอปล่ม

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 1 ก.พ. 2565 ซึ่งจะเป็นวันแรกของการกดรับยืนยันและการใช้จ่ายสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ทางธนาคารกรุงไทย ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ให้จัดทำโครงการฯ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับระบบการโอนเงินต่างธนาคารเพื่อโอนเข้า g-Walletแล้ว และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงหรือลดความแออัดในช่วงเวลาการใช้สิทธิผ่านเป๋าตัง พร้อมกันในวันแรก ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ที่พร้อมจะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 4 สามารถโอนเงินเข้า g-Wallet ล่วงหน้าก่อนเริ่มการใช้จ่าย

ทั้งนี้ในส่วนของประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 จะสามารถลงทะเบียนผ่านแอปเป๋าตัง หรือ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ได้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 2565 จนกว่าจะครบจำนวนประมาณ1 ล้านสิทธิโดยสามารถเริ่มใช้จ่ายวันแรกในวันที่ 17 ก.พ. 2565

สำหรับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 จะเริ่มให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 27.98 ล้านคน ยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 วันแรกในวันอังคารที่ 1 ก.พ.2565 เป็นต้นไป ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง และสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ทันทีหลังการกดยืนยันสิทธิเรียบร้อยแล้ว ไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.พ.– 30 เม.ย.2565 

 

‘ทิพานัน’ เตือนอย่าแลกสิทธิคนละครึ่งเป็นเงินสด ชี้ ผิดกฎหมาย-ถูกตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการอื่น

‘ทิพานัน’ เตือน ร้านค้า-ประชาชน อย่าแลกสิทธิคนละครึ่งเป็นเงินสด ชี้ ผิดกฎหมาย-ถูกตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการอื่น 

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ข้าวราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 โดยเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 30 เม.ย. นี้ จำนวน 1,200 บาทต่อคน ให้กับประชาชนที่รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ 29 ล้านคน คาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 7-8 หมื่นล้านบาท โดยภาพรวมการใช้จ่ายในวันแรกคึกคัก มีผู้กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการ 16.93 ล้านคน ใช้สิทธิสแกนจ่าย 2.4 ล้านราย ยอดใช้จ่าย 253.43 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 247.81 ล้านบาท มียอดใช้จ่ายรวมในวันแรก 501.24 ล้านบาท 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จากการมอนิเตอร์โซเชียลเน็ตเวิร์ก พบว่ามีบุคคลจำนวนมาก ประกาศรับแลกสิทธิโครงการคนละครึ่ง เช่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ทวีตข้อความว่า “รับแลกคนละครึ่งนะคะ สแกนเสร็จโอนทันที สนใจแอดไลน์ … ค่ะ เจ้าเก่าเจ้าเดิม…” เป็นต้น ข้อความดังกล่าวสะท้อนว่าทำมาหลายครั้ง และผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ การแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด ถือว่ากระทำทุจริตผิดกฎหมายเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง มีเจตนาหลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงที่ควรแจ้ง ทำให้ได้ประโยชน์ทางทรัพย์สินไปจากผู้ถูกหลอกคือรัฐ มีโทษจำคุกถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 341

‘หอการค้าฯ’ แนะ!! ภาคต่อคนละครึ่งเฟส 5 หลังเฟส 4 ดันเม็ดเงินสะพัด 6.4 หมื่นล้าน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้กำหนดนโยบายการดำเนินงาน ต่อเนื่องจากนโยบายเร่งด่วน 99 วัน ที่ได้ดำเนินการจนสำเร็จเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังประสบปัญหาหลายอย่าง เช่น เรื่องโควิดที่ยังระบาดอยู่และมีมาตรการหลายอย่างที่ทำให้เดินหน้าเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นควรเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทั่วประเทศให้เกิน 70% แล้วประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็ว ซึ่งหากเป็นไปได้ควรประกาศหลังสงกรานต์นี้ เพราะเราพึ่งพิงทั้งการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนกับต่างชาติ การประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นได้เร็ว จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

นอกจากนั้น เรายังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่งผลให้ต้องเผชิญกับสินค้าราคาแพงขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจะมีแผนช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนบ้างแล้ว แต่คงยังไม่พอ และอาจจะไม่ทันต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงนี้

อย่างไรก็ตามภาคเอกชนเห็นว่า การกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นเรื่องสำคัญ โดยมาตรการคนละครึ่ง เฟส 4 กำลังจะหมดรอบในเดือนเมษายนนี้ มีเม็ดเงินในระบบสะพัดแล้วกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นมาตรการที่ได้ประโยชน์และบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนได้จริง เชื่อว่า จะช่วยลดแรงกดดันที่ต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากภาวะสินค้าราคาแพงได้อีกด้วย โดยต้องการเสนอให้รัฐบาลขยายเวลามาตรการคนละครึ่งไปจนถึงสิ้นปี 2565 และควรมีคนละครึ่งเฟส 5 ออกมาซึ่งวงเงินที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่เฟสละ 1,500 บาท

ขณะเดียวกันใน เรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็ควรขยายเวลาการเก็บเต็มจำนวนออกไปก่อน แล้วค่อยทยอยเก็บเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได ก็จะช่วยลดภาระให้ประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีนี้ได้

นายสนั่น กล่าวว่าภาคเอกชนเคยเสนอเรื่องขยายเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้เสนอผ่าน ครม.ไปแล้ว ดังนั้น ควรรีบนำเรื่องขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% ให้เป็น 70% ผ่านสภาฯ เพื่อให้รัฐบาลสามารถกู้เงินมากระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจได้ เพราะขณะนี้เพดานหนี้ใกล้เต็ม 60% แล้ว อีกทั้งเงินกู้เดิมก็เหลือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และตอนนี้ยังเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การกู้เงินเพิ่มมากระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดภาระหนี้ เพื่อ Reboot เศรษฐกิจ และดูแลกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการฟื้นตัว เช่น มาตรการคนละครึ่ง เฟส 5 และขยายสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น

“ตอนนี้เครื่องจักรที่จะสามารถช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในปีนี้ คือเรื่องการส่งออก ซึ่งการดูแลค่าเงินบาทและการอำนวยความสะดวก จะเป็นปัจจัยให้การส่งออกเดินหน้าได้ดีขึ้น ดังนั้น ปัญหาเร่งด่วนในตอนนี้ คือการแก้ปัญหาการส่งออกผลไม้ไปจีน ซึ่งต้องขอขอบคุณทีมรัฐบาล ที่ได้ช่วยจัดการไปเจรจากับประเทศจีน โดยผมเพิ่งเดินทางกลับมาพร้อมกับท่านดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งได้มีการหารือกับท่านหวังอี้ มนตรีแห่งรัฐ และ รมว.ต่างประเทศ และทีมเศรษฐกิจ ในการแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้ เพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มเวลาเปิดด่าน รวมถึงจะส่งเจ้าหน้าที่จีนมาช่วยตรวจสินค้าตั้งแต่ต้นทางอีกด้วย ซึ่งเชื่อว่า สถานการณ์จะสามารถคลี่คลายต่อไปได้” นายสนั่น กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top