Friday, 17 May 2024
คนดัง

ทำ 3 สิ่งนี้ทันที!! หากพบมิจฉาชีพ

'ดีอีเอส' แนะ 'ประชาชน-คนดัง' พบถูกแอบอ้างชื่อ-รูปภาพ ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม ต้องรีบแจ้งด่วนผ่าน 3 ช่องทางนี้ ได้แก่ กดรายงานไปที่เจ้าของแพลตฟอร์ม / แจ้งผ่านโทร. 1212 / แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งเว็บไซต์และสถานีท้องที่ ยืนยัน 'ดีอีเอส' พร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งปิดบัญชีปลอม และติดตามผู้กระทำผิดเข้ามาดำเนินคดี  

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ยังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่น ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอมทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และ IG เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะยิ่งถ้าผู้ที่ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวก็เสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง

สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงที่เป็น Romance Scam หรือหลอกให้หลงรักและสูบเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่ บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดัง สร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น 

ปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่านการเมือง (ดีอีเอส) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม เข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างตั้งสติ และดำเนินการผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการประสานการปิดบัญชีโซเชียลที่แอบอ้าง ได้แก่ 

1.) แจ้งรายงานไปที่แพลตฟอร์มโซเชียล โดยการ report ไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการ Social Network ที่ถูกแอบอ้าง ซึ่งทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และ IG มีเมนูให้รายงานบัญชีปลอมโดยตรงอยู่แล้ว จากนั้นรอขั้นตอนการตรวจสอบของทางแพลตฟอร์ม

2.) ช่องทางของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่สายด่วน โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอส + ช่องทางอื่นๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ 

'อ.กิตติธัช' ทวนความจำบทเรียนครั้งสำคัญของคนไทย เมื่อดราม่าโควิด ถูก 'สื่อ-คนดัง-นักการเมือง' หลอกลวง

กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 'Kittitouch Chaiprasith' ระบุว่า...

บทเรียนครั้งสำคัญของคนไทย
ที่ถูกสื่อ คนดัง นักการเมืองหลอกลวง
กับดราม่าเรื่องวัคซีนโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว

วันนี้ผมจะกลับมาทบทวนความจำให้สังคมไทยกันอีกครั้ง เพื่อให้ตกผลึกและทบทวนความจำกันนะครับ

1. วัคซีนโควิด-19 (ในเวลานั้น) เป็นวัคซีน 'ใช้กรณีฉุกเฉิน' (Emergency Usage Authorization) บริษัทผู้ผลิตจะไม่ขายให้เอกชนรายใดทั้งสิ้น เขาจะขายให้แต่กับรัฐบาลโดยตรงเท่านั้น เพราะมันต้องใช้ข้อกฎหมายยกเว้น เพราะหากมีผลข้างเคียง ก็จะได้ฟ้องร้องไม่ได้

2. วัคซีนทุกชนิดมี 'ตัวแทนจำหน่าย' วัคซีนของไฟเซอร์ ก็มีบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทย, โมเดอน่าก็มีบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา, ซิโฟาร์ม ก็มีไบโอจีนีเทค เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายหรือดีลกับรัฐ

ดังนั้นที่คุณเห็นนักการเมืองฝ่ายค้าน Influencer สื่อ สถาปนิกชื่อดัง และเครือข่ายทั้งหลาย ออกมาโพนทะนานว่า "เพื่อนคนนั้นคนนี้มีเส้นสายบริษัท ติดต่อเอาเข้าวัคซีนมาได้" "ผมมีติดต่อรุ่นพี่ในบริษัทวัคซีนให้ช่วย" บลาๆๆ

ทั้งหมดคือ 'การโกหก' ในรูปแบบ 18 มงกุฎที่ตั้งใจหลอกลวงประชาชน เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจหรือประโยชน์ทางการเมืองทั้งสิ้น

หมายเหตุ : ตอนนั้นบริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย ออกหนังสือแถลงการณ์มา 3 รอบ (แบบเดียวกับที่ผมพูดข้างบน) แต่สื่อ นักการเมือง และ Influencer ดังสายการเมืองก็ยังคงหน้าด้าน ไม่สนใจ และโกหกประชาชนอยู่ต่อไป

https://www.reuters.com/world/asia-pacific/thai-hospital-tycoon-sticks-guns-vaccine-claims-2021-07-16/

ขอให้สังคมไทยจำชื่อของคนเหล่านั้นไว้ให้ดี ทั้ง สื่อและ Influencer ทุกคนที่พยายามปั่นกระแสเรื่องวัคซีน ให้คนเข้าใจว่า 'รัฐบาลกีดกันไม่ยอมให้นำเข้าวัคซีน' และปั่นเพื่อเชิดชูคนที่โกหกหลอกลวงประชาชนให้เป็นฮีโร่

ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าทั้งหมดที่คนเหล่านั้นทำ เขาทำไปเพราะเขามองพวกคุณเป็นแค่ 'หมากทางการเมือง' ที่จะปั่นหัว จะเอากะลา (สื่อ) มาครอบอย่างไรก็ได้ จะหลอกจะชี้นำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง

ขอเพียงแค่ให้ได้โจมตีรัฐบาลที่ไม่ใช่ฝั่งพวกเขา และมาเชิดชูนักการเมืองที่พวกเขาหนุนเท่านั้นเอง

วันนี้ผมคิดว่าคนไทยจำนวนมาก น่าจะเริ่มตาสว่างกันมากขึ้นแล้ว ว่าคุณเผชิญอยู่ในยุคที่คนทำสื่อและ Influencer ดัง พร้อมจะหลอกปั่นหัวพวกคุณ ด้วยเรื่องโกหก บิดเบือนได้ทุกอย่าง

ทั้งที่ปากพวกเขาอ้างว่า "เขารักเทิดทูน เป็นฝ่ายประชาธิปไตย" แต่คุณจะเห็นได้ว่าการกระทำของพวกเขาล้วนตรงข้ามกับคำว่าประชาธิปไตยทั้งสิ้น 

ประชาธิปไตยที่ดีตามหลักการปกครอง คือการให้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนเป็นจริง เพื่อประชาชนจะได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง

แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นทำ ล้วนแต่เป็นการโกหกหลอกลวง บิดเบือนข้อมูลหรือเลือกนำเสนอครึ่งหนึ่งเสี้ยวเดียว เพื่อให้คุณเข้าใจผิดๆ ดังนั้นการกระทำของพวกเขา จึงตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตย (ที่ดี) อย่างสิ้นเชิง

ก็หวังว่าบทเรียนครั้งนี้ จะสอนสังคมไทยให้ได้โตขึ้นไปอีกขั้นและมีภูมิคุ้มกันที่ดีกับเรื่องโกหก บิดเบือนเหล่านี้มากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ

เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เราคงได้แต่รอวันที่สังคมไทยพังพินาศ เพราะถูกนักสร้างภาพหลอกลวงพวกนี้ กลับขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ดังเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับเรื่องวัคซีนโควิด-19

นั่งเชียร์กีฬาแบบฉบับ ‘คนดังระดับโลก’ ถ้ากล้องจับ ‘โบกมือ-ยิ้มแล้วจบ’ ไม่หวงแสง

(30 มิ.ย.66) ภาพนักการเมืองหนุ่มพร้อมคณะเข้าไปชมการแข่งขันวอลเลย์บอลระหว่างทีมชาติไทยกับตุรกีเมื่อวันก่อน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะภาพของคนรุ่นใหม่ถูกฉายทับกับการกีฬานั้น ไม่ว่ามองมุมไหนก็ต้องบอกว่า ‘งดงาม’

แต่ทว่า 'เขา' คนนั้นกลับแสดงออกจน ‘เกินงาม’

ในหมู่ประเทศที่กีฬาได้รับความนิยมมากๆ เช่น อังกฤษ หรือ สหรัฐอเมริกา การมีคนดังเข้าไปนั่งเชียร์ถึงริมขอบสนามคือเรื่องธรรมดาสามัญ (มาก) รักเชียร์ทีมไหน กีฬาประเภทใด ก็ตามแต่กำลังใจ กำลังทรัพย์ของท่าน (เอง) บางคนได้ตั๋วเชิญ บ้างก็ลงทุนซื้อตั๋วรายปีเพื่อสนับสนุนทีมรักของตนอีกทาง

แทบทั้งหมดล้วนมีฐานะ 'แฟนคนหนึ่ง' เช่นเดียวกับ 'แฟนานุแฟนทั้งหลาย'

เพราะในงานกีฬา ‘พระเอก-นางเอก’ ก็คือ ‘นักกีฬา’

ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่คับโลกระดับ สตีเวน สปีลเบิร์ก, เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่, แจ็ค นิโคลสัน, แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์ หรือตัวมัม ริฮานนา กระทั่งอดีตและปัจจุบันประธานาธิบดี บารัก โอบามา & โจ ไบเดน ก็นั่งปะปนกับคนดูท่านอื่นข้างสนาม หรือเต็มที่ก็ริงไซด์ (แถวหน้า) กล้องจับขึ้นจอสนามก็โบกมือทักทายตามมารยาทสักที เท่านี้จบ ไม่มีวนรอบ 2 หรือ 3

ย้ำอีกทีว่าตัวเอกของทุก ๆ สเตเดียม คือ 'นักกีฬา'

ดารา นักร้อง นักแสดง นักการเมือง ต่างก็มีเวทีพร้อมแสงไฟสปอร์ตไลท์จับเป็นของตนเองอยู่แล้ว ตามธรรมเนียมปฏิบัติจึงไม่ควร 'หาซีน' แก่ตัว โดยช่วงชิงพื้นที่นักกีฬาผู้กำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

คนดูกีฬาก็เสมือนกำลังชมละครซึ่งปราศจากการแสดงนั่นเอง

หลายปีก่อนเคยมีนักร้องผิวสีคนหนึ่ง เข้าไปชมเกมบาสเกตบอลอย่างคนดูเกมปกติธรรมดา โดยเขาคนนั้นกำลังมีข่าวพัวพันเรื่องยาเสพติด แถมข้อหาทำร้ายร่างกายแฟนสาว โชคไม่ดีมีคนดูท่านอื่นจำ (เขา) ได้ เสียงโห่ไล่จนนักกีฬาหยุดเล่น สุดท้ายพ่อหนุ่มนักแรปรายนั้น ต้องเดินคอตกออกจากสนามไป...และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าไม่มีกล้องตัวใดในสนามจับภาพเขาคนนั้นเลย

พลังของแฟน (คนดู) สนับสนุนกีฬานั้นยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์เสมอ

เรื่อง: พรชัย นวการพิศุทธิ์
 

อดห่วงสังคมไทย ‘ปวกเปียก-เบาหวิว-ผิวเปลือก’   เมื่อมีคนดัง ‘โง่’ สังคมไทยจึงได้แต่ความ ‘ง่อย’

สังคมไทย เวลาจะดูว่า ‘คนดัง’ ในแวดวงต่าง ๆ เช่น ดารา นักร้อง หรือเซเลบที่มีชื่อเสียงในวงสังคมคนไหนฉลาดปราดเปรื่อง หวังพึ่งพา คิดดีต่อส่วนรวม หรือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมได้หรือไม่นั้น วิธีง่ายที่สุด ให้ดูการให้สัมภาษณ์ออกสื่อในแต่ละครั้ง…

แม้คำถามที่ถูกถามจากนักข่าว หรือผู้ดำเนินรายการต่าง ๆ จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่คนดังที่มี ‘สำนึกดี’ หรือ ‘คิดเป็น’ จริง ๆ จะสามารถพูดเชื่อมโยงไปถึงเรื่องความห่วงใยต่อสังคมที่เป็นไปได้ตลอดเวลา หรือจะดูการเขียน Facebook สำหรับคนที่เล่น Facebook อยู่เป็นประจำก็พอจะเห็นตัวตนจริง ๆ ได้ชัดในระดับหนึ่ง 

และนั่นก็รวมถึงนักการเมืองด้วย!!

นักการเมืองไทยยุคใหม่มักแสดงออกถึงการเป็นคนที่มีการศึกษาสูง แต่ทุกวันนี้บางคนยังเขียนคำว่า ‘คะ’ กับ ‘ค่ะ’ หรือ ‘ครับ’ เป็น ‘คับ’ โชว์ออกโซเชียลเน็ตเวิร์กรายวัน เห็นถึงการเป็นคนขาดความรู้ ขาดความละเอียดในการดำเนินชีวิต ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อมีสำนึกที่ต่ำเตี้ยเช่นนี้ ก็ยากที่ประชาชนจะหวังพึ่งพาอาศัยในเรื่องที่ถูกต้องได้ 

เรื่องการไปให้สัมภาษณ์สื่อต่าง ๆ บางคนอาจจะคิดว่าก่อนที่คนดังจะตอบ ก็ต้องกลับมาที่คำถามจากสื่อก่อน ด้วยสื่อไทยจำนวนไม่น้อย ก็มักจะถามในสิ่งที่ไม่ได้มีประโยชน์กับสังคม หรือถามแต่สิ่งที่ชาวบ้านนิยมชมชอบ แต่ขาดความลุ่มลึกในการถาม ขาดคำถามที่มีประสิทธิภาพ 

แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ว่าใครจะถามมาแบบไหน คนดังที่มีความฉลาดหลักแหลมในการตอบ และมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับที่สูงมากพอ คำตอบนั้น ๆ ก็จะมีแง่มุมให้คิดตามในทุก ๆ คำถามเสมอ เรียกว่าสามารถใช้ทุกโอกาส ทุกช่องทางที่มี ผลักดัน และต่อยอดไปในทางสร้างสรรค์ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ แต่เรื่องเช่นนี้เราจะไม่มีทางได้เห็นในกลุ่มคนดังที่บ้องตื้น โง่เขลาเบาปัญญา แสวงหาแต่ชื่อเสียงและเงินทองไปวัน ๆ ซึ่งจะมีเป็นส่วนใหญ่ ๆ ในสังคมไทย 

บางที ที่เด็ก ๆ สมัยนี้ ขาดความลึกซึ้ง ขาดสามัญสำนึกในการอยู่ร่วมกันในสังคม และหยาบกระด้าง นั่นเพราะส่วนหนึ่งเราขาด ‘แบบอย่างที่ดี’ ยุคนี้เราจะเจอแต่ประเภทป่วยเปียก เบาหวิว และผิวเปลือก ฉายโชว์ออกสื่อ ปลิวว่อนบนโลกโซเชียลอยู่ตลอดเวลา แล้วแก่นแกนที่ดีงาม ความแข็งแรงทางความคิดที่ตั้งอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องจากใครไหนเล่า จะมีให้ยึดเกาะหรือเดินตาม? มีแต่เลวร้ายลงจนยากจะฉุดดึงให้กลับมาสูงสง่าเท่าเดิม 

คำตอบที่ช่วยพยุงได้ในทันทีคือ ‘ตัวเรา’ 

ถ้าคิดว่าพึ่งพาใครไม่ได้ ก็อย่าพยายามเป็นในแบบที่มักง่าย และทำในสิ่งที่มันดูไม่งาม ผลักให้สังคมมันล้มตามกันไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top