Sunday, 19 May 2024
กาแฟ

เชียงใหม่ - อุตสาหกรรมเชียงใหม่ จัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ นำเสนอผลงานผู้ประกอบการ กลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟในภาคเหนือ สร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจ

อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดกิจกรรมเจรจาธุรกิจพร้อมนำเสนอผลงานผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟในภาคเหนือ ภายใต้โครงการพัฒนาศูนย์กลางอุตสาหกรรมและธุรกิจกาแฟในภูมิภาค (Lanna Coffee Hub) กิจกรรมพัฒนาขีดความสามารถเชิงธุรกิจของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและธุรกิจกาแฟ (Coffee Entrepreneurs Development)

โดยมีนายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานกล่าวเปิดงาน นายบุญอุ้ม วงศ์บุตร อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน มีผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และหัวหน้าส่วนราชการ และผู้มีเกียรติร่วมงาน ณ ลานกิจกรรมชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

โครงการดังกล่าวเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ได้รับโอกาส ในการต่อยอดธุรกิจสู่เวทีระดับสากล นอกเหนือจากองค์ความรู้และการพัฒนาทักษะจากการอบรม เพื่อพัฒนาทักษะและขีดความสามารถทางการแข่งขันทางธุรกิจของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและธุรกิจกาแฟ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมกาแฟและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมตอบโจทย์กลุ่มตลาดเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กรอบ BCG Model และเป็นที่รู้จักในวงกว้างอันนำไปสู่การเกิดศูนย์กลางอุตสาหกรรมกาแฟในระดับภูมิภาค     

ทั้งนี้ นายบุญอุ้ม วงศ์บุตร อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวให้ข้อมูลในฐานะผู้ให้ทุนว่า สำหรับกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2564  โดยจัดให้มีนิทรรศการแสดงผลงานผลิตภัณฑ์และจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำจำนวนกว่า 50 บูธ

คอกาแฟเฮ!! ผลวิจัย ชี้ ดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้ว ทั้ง 'ใส่-ไม่ใส่' น้ำตาล เลี่ยงการเสียชีวิตได้ลดลง 30% จากทุกสาเหตุ

(10 มี.ค.66) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 'คอกาแฟได้เฮ ชีวิตอยู่ยาว?' ว่า...

มนุษย์โลกได้รับทราบสรรพคุณของกาแฟมาเนิ่นนาน เช่นเดียวกับคนไทยและคนทำงานที่ไม่เป็นเวลา เป็นกะกลางวันบ้าง กลางคืนบ้าง ทั้งอาชีพยาม อาชีพหมอ ที่ต้องพึ่งกาแฟเป็นอาจิณ นัย ว่า เป็นกลายๆ ทำงานติดกัน 36 หรือไม่ก็ยาวถึง 48 เกือบ 72 ชั่วโมงก็มี ใช้วิธียืนหลับ นั่งหลับ และได้กาแฟเป็นที่พึ่ง

สรรพคุณของกาแฟนั้น หมอดื้อได้เคยเล่าให้ฟัง ในคอลัมน์สุขภาพหรรษา มา ก่อนหน้านี้ และมีการศึกษาในเรื่องของการดื่มกาแฟและทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้นหรือความเสี่ยงในการตายน้อยลง  เช่น การศึกษาในกลุ่มประเทศยุโรป 10 ประเทศ รายงานในวารสาร สมาคมอายุรแพทย์ของอเมริกา (Ann Intern Med) ในปี 2017 และในปีเดียวกันนั้นเอง ในวารสาร เดียวกัน แต่เป็นการศึกษาในคนที่ไม่ใช่ผิวขาว และจนกระทั่งการศึกษาที่เกี่ยวพันกับภาวะสุขภาพ และการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง และนิ่วในถุงน้ำดีรวมทั้งโรคต่าง ๆ ในวารสารทางด้านโภชนาการของยุโรปในปี 2022 ก็พบว่ามีประโยชน์คล้ายกัน

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของกาแฟ ยังเป็นเรื่องที่มีผู้คนอยากรู้ว่า จะดื่มกาแฟแบบไหนดี ชนิดคั่ว หรือต้ม แบบชนิดกรองหรือไม่กรอง  และประการสำคัญก็คือ ถ้าใส่น้ำตาลหรือน้ำตาลเทียมลงไปจะลดความดีของกาแฟลงหรือไม่

โดยที่มีการประเมินในปี 2022 ว่าคนอเมริกันดื่มกาแฟวันละ 517 ล้าน แก้ว และเมื่อสอบถามเป็นรายตัวก็ยังพบว่า 66% รายงานว่าเมื่อวานก็ยังดื่มกาแฟอยู่

กาแฟนั้น มีสารที่มีคุณประโยชน์อยู่หลายชนิด และทั้งนี้ เชื่อว่ากลไกในการทำให้สุขภาพดีต่อสู้โรค มีส่วนเกี่ยวพันกับความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ที่ได้จากคาเฟอีน และ chlorogenic acids และยังมีคุณสมบัติในการต้านเลือดข้น โดยผ่านกลไกทางเกร็ดเลือด

ดังนั้น น่าจะช่วยอธิบายที่กาแฟนั้น ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหรือลิ่มเลือดอุดตันต่าง ๆได้ และแม้กระทั่งในปัจจุบัน กาแฟเป็นอีกตัวหนึ่งที่มีการศึกษาว่าจะสามารถป้องกันโรคสมองเสื่อมได้หรือไม่

‘เมืองผูเอ่อร์’ แหล่งปลูกเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยม รวมมูลค่า ส่งออกกาแฟสดสีเขียวกว่า 2 พันล้านบาท

ปักกิ่ง, 14 มี.ค. (ซินหัว) — สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในปี 2022 มูลค่าการส่งออกเมล็ดกาแฟสดสีเขียว (green coffee beans) ที่ผลิตในเมืองผูเอ่อร์ของจีนสูงถึง 462 ล้านหยวน (ราว 2.32 พันล้านบาท) โตขึ้นร้อยละ 296.4 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยผูเอ่อร์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) และเป็นที่รู้จักด้านการเป็นแหล่งผลิตชาผูเอ่อร์ของจีน

เมืองผูเอ่อร์ตั้งอยู่ที่ละติจูด 24 องศาเหนือ และพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับความสูงตั้งแต่ 1,000 – 2,000 เมตร ที่นี่มีสภาพอากาศค่อนข้างร้อนชื้น ดินมีความอุดมสมบูรณ์ มีแสงแดดที่เพียงพอ มีปริมาณน้ำฝนอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีสภาพแวดล้อมทางนิเวศที่ดี นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องปลูกชาแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยม กระทั่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “นครหลวงแห่งกาแฟ” ของจีน

เมล็ดกาแฟผูเอ่อร์ให้รสชาติที่มีความสมดุล ไม่เปรี้ยวหรือขมเกินไป กลมกล่อมด้วยกลิ่นหอมแบบผลไม้ และมีเนื้อเนียนละเอียด เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั่วโลก เห็นได้จากยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

รายงานระบุว่าปลายทางการส่งออกเมล็ดกาแฟสีเขียวของเมืองผูเอ่อร์ได้แก่ ยุโรป อาเซียน อเมริกา ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่น ๆ

ในปี 2022 เมืองผูเอ่อร์มีพื้นที่ปลูกกาแฟราว 45,267 เฮกตาร์ (ราว 2.28 แสนไร่) และมีผลผลิต 55,700 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในจีน

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองผูเอ่อร์ได้เพิ่มความพยายามหลายด้านเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมกาแฟ เช่น ผลักดันการปลูกกาแฟ การวิจัยและพัฒนา การแปรรูป การขาย และการจัดเก็บกาแฟ

เมืองผูเอ่อร์ยังเปิดตัวโครงการนำร่องด้านประกันสินค้าในปี 2019 เพื่อการกำหนดราคาเมล็ดกาแฟสีเขียวของเมือง โดยมุ่งลดภาระของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ปลูกกาแฟ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมให้ยั่งยืน

ผลที่ได้รับคือ ผลิตภัณฑ์กาแฟผูเอ๋อร์หลายชนิด เช่น กาแฟสำเร็จรูป เมล็ดกาแฟอบ ถุงกาแฟหูห้อย และกาแฟแคปซูล ต่างได้รับความนิยมและเป็นหนึ่งในสินค้าขายดีทางออนไลน์
 

‘สตาร์บัคส์’ ลั่น!! เปิดร้านในไทยให้ได้ 800 สาขาในปี 2030 พร้อมตั้งเป้าขยายร้านกาแฟชุมชนให้ครบ 8 แห่งภายในปีเดียวกัน

ไม่นานมานี้ ‘เนตรนภา ศรีสมัย’ กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การเดินทางกว่า 25 ปีของสตาร์บัคส์ ประเทศไทย ทำให้แบรนด์มีร้านสาขาทั่วประเทศถึง 465 สาขา เป็นสาขาหลัก 396 สาขา, ไดรฟ์ทรู 56 สาขา และสตาร์บัคส์รีเสิร์ฟ 13 สาขา 

“สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ซึ่งมีพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) กว่า 4,300 คนที่ร่วมกันส่งมอบประสบการณ์สตาร์บัคส์ในทุกวัน ให้บริการลูกค้ามากกว่า 800,000 คนในทุกสัปดาห์ ยังคงเดินหน้าในการสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับลูกค้าและชุมชน พร้อมมองหาโอกาสในการสร้างสัมพันธภาพที่มากขึ้นผ่านแก้วกาแฟ”

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนร้านสาขาจนครบ 800 แห่ง พร้อมกับร้านกาแฟเพื่อชุมชนครบ 8 แห่งภายในปี 2030 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเร่งการเติบโตในไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีพลวัตมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควบคู่ไปกับการกระชับความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

สำหรับร้านกาแฟสตาร์บัคส์เพื่อชุมชน (Starbucks Community Store) ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นร้านสาขาที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้พาร์ทเนอร์ สามารถเป็นส่วนหนึ่งและมีส่วนร่วมกับชุมชนในรูปแบบเฉพาะ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละร้านสาขา

และล่าสุดสตาร์บัคส์ได้เปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชนสาขาที่ 2 ที่ไอคอนสยาม ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยรายได้ 10 บาทจากการจำหน่ายกาแฟทุกแก้ว จะได้รับการแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกันให้แก่ 2 องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร

ซึ่งได้แก่ มูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (Integrated Tribal Development Foundation – ITDF) และ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (Scholars of Sustenance – SOS)

นอกจากนี้ ร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งใหม่นี้ ยังสอดคล้องกับพันธกิจของสตาร์บัคส์ที่จะเปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชนให้ได้ทั้งหมด 1,000 แห่งทั่วโลกภายในปี 2030 ด้วย

สตาร์บัคส์ ประเทศไทย บอกว่า เหตุผลที่เลือกไอคอนสยามเป็นร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งที่ 2 ต่อจากสาขาแรกที่หลังสวน เนื่องจากสาขาไอคอนสยามเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในไทย มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนั่นหมายถึงเกิดโอกาสที่จะมีรายได้ไปแบ่งปันให้กับชุมชนมากขึ้นด้วย

“ร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งใหม่ที่ไอคอนสยามนี้ สะท้อนคำมั่นสัญญาของแบรนด์สตาร์บัคส์ในการสร้างความเป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัดเพื่อการเชื่อมโยงสัมพันธภาพระหว่างผู้คน และการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของไทย” เนตรนภา กล่าวเสริม

‘Mountain Coffee @ Zoo’ ร้านแนวใหม่ สุดชิลที่ระยอง เที่ยวเพลินกันทั้งวัน ถูกใจกันทั้งครอบครัว

ร้าน Mountain Coffee @ Zoo ตั้งอยู่เลขที่ 109 ม.4 ริมถนนสาย  3376 แยกขนำไร่-อ.บ้านฉาง ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง 

นอกจากจะเปิดเป็นร้านที่มีกาแฟระดับพรีเมี่ยม เครื่องดื่ม เบอเกอรี่ และอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีมาไว้บริการลูกค้า หลากหลายสไตล์ ทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น และอาหารไทยที่จำหน่ายในราคาถูกแล้ว ที่นี่ก็ยังมีสวนสัตว์ขนาดย่อมไว้ให้ลูกค้าได้เที่ยวชมสัตว์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด  เช่น สิงโต นกกระจอกเทศ อัลปากา กวาง ม้าแคระ หนูยักษ์ ช้าง ควายเผือก กระต่าย  เป็นต้น จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว ผู้ใหญ่เสียค่าเข้าชม คนละ 100 บาท ส่วนเด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงมีครรภ์ นั้นทางร้านเปิดให้เข้าชมสวนสัตว์ได้ฟรี 

น.ส.กรณ์ณิศา สุนทรพิทักษ์ผล กรรมการผู้จัดการใหญ่  บ.เมาท์เท่น คอฟฟี่ แอท ซู จก. ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกนั้นได้มาซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวไว้  24 ไร่ เพื่อปลูกบ้านเป็นที่พักอาศัย เนื่องจากใกล้ที่เรียนของลูก ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านกาแฟ เพียงแค่ต้องการให้กลุ่มเพื่อนผู้ปกครองลูก ๆ มานั่งคุยกัน ขายกาแฟได้วันละ 4-5 แก้วก็ดีใจแล้ว กระทั่งทำมาเรื่อย ๆ ลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น เนื่องจากกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารมีการเลือกวัตถุดิบที่ดี คิดสรรทุกเมนูโดยกุ๊กที่มาจากโรงแรม 5 ดาว เครื่องดื่มและอาหารทุกจาน ผ่านการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอยากให้ลูกค้าได้รับประทานของดี จึงต้องใส่ใจการทำทุกขั้นตอน พร้อมกับตัดสินใจนำสัตว์ต่างๆ เข้ามา เพื่อให้ลูกค้าได้ชมกันอย่างใกล้ชิด และถ่ายรูป ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลาย ไม่ให้รู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อมาที่ร้าน โดยมีโซนสวนสัตว์สำหรับเด็กและครอบครัว ซึ่งสัตว์ทุกตัวจะเป็นสัตว์ที่เชื่องและได้รับการฝึกมาแล้ว เด็กๆจึงเข้าไปชมครอบครัว ได้ป้อนอาหารให้สัตว์ เป็นการผ่อนคลาย และสร้างความรักความอบอุ่น สร้างกิจกรรมดีดีร่วมกันในครบครัว    

ร้านกาแฟ Mountain Coffee @ Zoo เปิดให้บริการทุกวัน โดยโซนอาหาร และเครื่องดื่ม เปิดตั้งแต่เวลา 06.00 น.-20.00 น.โซนสวนสัตว์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น.-21.00 น. สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.092-882-7361 

พิกัด : https://www.google.com/maps/place/Mountain+Coffee+@+Zoo/@12.8211733,101.0607547,17z/data=!3m1!4b1!4m6!3m5!1s0x3102ec2325e74761:0x3da94050349ae91c!8m2!3d12.8211733!4d101.0607547!16s%2Fg%2F11fx8l5d5d?entry=ttu
 

‘Santa Lucia’ สุดยอดกาแฟคุณภาพจากฟาร์ม ณ ฮอนดูรัส ลบล้างความเชื่อ-ภาพจำเดิมๆ ที่ว่ามีแต่กาแฟ ‘กลิ่นพีช’

เมื่อไม่นานมานี้ เฟซบุ๊ก ‘Atikhun Thongtang’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

‘Santa Lucia’

ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ และชอบฮอปร้านกาแฟตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในยุคหลัง ๆ มานี้ คงจะเคยเจอถุงกาแฟ Santa Lucia หรือแม้แต่เคยได้ลองชิมมาแล้ว ซึ่งส่วนมากเกือบทั้งหมดเป็นรสพีชที่ชัดและรุนแรง ถ้าชอบก็ชอบไปเลย ไม่ชอบก็ไม่ชอบไปเลย และเนื่องจาก Traceability หรือการตรวจสอบย้อนกลับได้เป็นหัวใจหลักของเป้าหมายองค์กรของเรา เราจึงอยากนำข้อมูลที่เราไปสืบทราบความเป็นมาของชื่อกาแฟ Santa Lucia มาให้ทุกคนได้ทราบกัน

ในปี 2019 ในเวที ‘COE (cup of excellence)’ ซึ่งเป็นเวทีประกวดกาแฟระดับสากล ได้จัดการประกวดสุดยอดกาแฟของประเทศฮอนดูรัส และตัวที่ได้อันดับ 1 ในปีนั้นคือกาแฟสายพันธุ์ Gesha จากแปลงปลูก Cosana ของฟาร์ม Santa Lucia นั้นเอง ซึ่งในเวลานั้นถือว่าเป็นกาแฟที่ได้คะแนนสูงสุดของ COE เลยทีเดียว จากนั้นมาทำให้ฟาร์มมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นและมีแฟนคลับเกิดขึ้นทั่วโลก ในประเทศไทยเราก็เช่นกัน

แต่เนื่องจากว่าชื่อ Santa Lucia นับเป็นชื่อที่ใช้กันทั่วไปมาก การใช้ชื่อนี้ในหลาย ๆ ที่ โดยเฉพาะโซนอเมริกากลาง ทำให้ไม่สามารถจดลิขสิทธิ์ชื่อฟาร์มได้ และทำให้เราอาจจะเห็นกาแฟที่ถูกตั้งชื่อว่า Santa Lucia กันมากมาย โดยเฉพาะตัวที่เจอกันบ่อย ๆ ในไทย หมายความว่าแม้จะใช้ชื่อเดียวกัน แต่กาแฟเหล่านั้นมิได้ถูกผลิตจากฟาร์ม Santa Lucia ในฮอนดูรัสที่ชนะการประกวด และไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย

คุณ Erwin Mierisch เจ้าของฟาร์ม Santa Lucia นี้เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัวผู้ผลิตกาแฟ ที่พยายามพัฒนาคุณภาพกาแฟมาโดยตลอดหลายรุ่น รวมถึงทำงานในการสนับสนุนเกษตรกรหลากหลายภาคส่วน ในการพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟและการปลูกกาแฟ โดยให้ความเคารพต่อธรรมชาติและอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน จนปัจจุบันนี้ได้เข้ามาทำงานใน ‘COE’ อย่างเต็มตัวในตำแหน่ง Director และได้ยกเลิกการนำกาแฟของฟาร์มตัวเองเข้าเวทีประกวดของ COE แต่ได้นำกาแฟคุณภาพสูงของตัวเองมาจัดเป็นการประมูลในรูปแบบ Private Auction และการขายแบบ Microlot แทน

ทั้งนี้หมายความว่าถ้าเราต้องการชิมกาแฟ Santa Lucia ฟาร์มเดียวกับที่ชนะการประกวดมาหลายเวที จะต้องซื้อกาแฟของบริษัท Fincas Mierisch เท่านั้น (ซึ่งโลโก้บริษัทนี้มีลิขสิทธิ์นะจ๊ะ)

และด้วยความโชคดีจากการตามติดเรื่องราวของเรา ทำให้เรามีโอกาสได้แบ่งกาแฟคุณภาพสูงที่มีน้อยนิดจากฟาร์มนี้มาทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วย Casona (Geisha washed), Trianglo (Geisha washed), และสุดท้าย Los Favoritos Auction Lot rank 2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ Pacamara (washed) ของ Santa Lucia ที่ได้ข่าวมาว่ามีความโดดเด่น ชนะสายพันธุ์ Geisha อีกหลายตัวบนโต๊ะชิม ซึ่งคั่วออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร รวมถึงเรื่องราวเพิ่มเติมของกาแฟแต่ละตัว รอติดตามชม (หรือตามชิม) กันได้อีกไม่นานนี้ครับ…

แล้วมาล้างความเชื่อที่ว่า Santa Lucia มีแต่กลิ่นพีช (เหมือนที่เราเคยเชื่อ) ไปด้วยกัน ที่เพจเฟซบุ๊ก Somdul Agroforestry Home นะครับ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top