Monday, 6 May 2024
การพนัน

ตำรวจเตือน! พ่อ - แม่ และผู้ปกครอง ปล่อยปละละเลยให้เด็กเล่นการพนัน อาจถูกดำเนินคดีด้วย

วันที่ 6 ต.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้มี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ในปัจจุบัน พบว่ามีเด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของภัยทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยเฉพาะการชักจูงและล่อลวงให้เข้าเล่นพนันออนไลน์ ทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปกับการพนัน จนนำไปสู่การก่ออาชญากรรมประเภทอื่น เช่นกรณีเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุ เด็กอายุเพียง 16 ปี ก่อเหตุบุกรุกเข้าไปภายในบ้าน และได้ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายเจ้าของบ้านและผู้พักอาศัยได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.โพธาราม จว.ราชบุรี โดยผู้กระทำผิดอ้างว่าจะเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในบ้านไปจ่ายหนี้จากการเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนเพื่อจับกุมผู้จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงความร่วมมือ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้ต้องสอดส่องดูแลเอาใจใส่บุตรหลานไม่ให้ประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และหากพบว่าบุคคลใดมีพฤติกรรมชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กและเยาวชน ประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด หรือเล่นการพนัน บุคคลดังกล่าวจะมีความผิดตาม มาตรา 26 ประกอบมาตรา 78 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

เตือน!! ‘พริตตี้-เน็ตไอดอล’ รับงานช่วงบอลโลก หากเข้าข่ายชวนเล่นพนัน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

วันที่ 26 พ.ย. 65 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. แจ้งเตือนบุคคลที่มีชื่อเสียง ศิลปิน ดารา พริตตี้ เน็ตไอดอล และนักพากย์เสียง ให้ใช้ความรอบคอบและระมัดระวังในการรับงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โปรโมตเว็บไซต์ต่างๆ ต้องตรวจสอบรายละเอียดของงานและหลีกเลี่ยงงานที่มีความเสี่ยง ถ้าถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาหรือชักชวนประชาชนให้เล่นการพนันทายผลแข่งขันฟุตบอล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 

‘ศาลอาญา’ สั่งจำคุก ‘เสี่ยโป้’ 50 ปี 48 เดือน คดีชวนเล่นพนันออนไลน์ - ฟอกเงิน 1.7 พันล้าน

(14 ธ.ค. 65) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีชักชวนเล่นพนันออนไลน์ หมายเลขดำอ.981/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ อดีตผู้กว้างขวางย่านฝั่งธนบุรี น.ส.จุฑามาศ จันที แฟนสาว กับพวก เป็นจำเลยที่ 1-21 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478, พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2504, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ฯลฯ

อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 10 ส.ค.61- 20 ธ.ค.63 จำเลยทั้ง 21 คนกับพวกที่หลบหนี อาทิ น.ส.บานเย็น ชาญนรา มารดานายเสี่ยโป้ บังอาจร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกันโดยจัดและโฆษณาชักชวน จูงใจ หรือไลฟ์สด ในฐานะเจ้ามือรับกินรับใช้ โดยจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โปรแกรม แอปพลิเคชันต่าง ๆ ทุกประเภทการพนัน ลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเป็น 3 กลุ่มคือกลุ่มบริหารสั่งการ มีนายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 1, น.ส.จุฑามาศ แฟนสาวนายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 2, นายพุทธรักษ์ ชัชอานนท์ ญาตินายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 3, น.ส.พลอยพิชชา ปะดุลัง จำเลย ที่ 4 และน.ส.บานเย็น มารดา ที่หลบหนี

กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มครอบครองและใช้บัญชีเงินฝาก 

กลุ่มที่ 3 เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ที่ใช้ในการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ พบว่า มีการรับโอน-รับแทงจำนวน 575,323 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,760,970,545 บาท รวมทั้งการโอนเงิน อันเป็นการฟอกเงินรวม 2,713 รายการ รวมยอดเงิน 841,678,523 บาท

โจทก์จึงขอให้ศาล พิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ โดยนายเสี่ยโป้ กับพวกรวม 19 คน ไม่ได้รับการประกันตัว ถูกคุมขังในเรือนจำ

ส่วนนายพุทธรักษ์ จำเลยที่ 3 และน.ส.พลอยพิชชา จำเลยที่ 4 ได้รับการประกันตัว แต่หลบหนีระหว่างพิจารณา ศาลสั่งออกหมายจับ โดยวันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยที่ถูกคุมขังในเรือนจำมาศาล ส่วนจำเลยที่ 3-4 (พี่ชาย-พี่สะใภ้) ซึ่งได้ประกันหลบหนี

ศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 กระทง จำคุก 3 เดือน, ฐานเป็นเจ้ามือ จำนวน 3 กระทง จำคุก 3 เดือน, ฐานช่วยประกาศโฆษณาชักชวน ให้เข้าเล่นพนัน จำนวน 14 กระทง จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 48 เดือน และฐานฟอกเงิน จำนวน 25 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 50 ปี รวม 4 ฐานความผิด เป็นจำคุก 50 ปี 48 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว คงลงโทษได้ไม่เกินเพดานโทษจำคุก 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) 

น.ส.จุฑามาศ จันที ภริยาเสี่ยโป้ จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานช่วยประกาศโฆษณาชักชวนให้เข้าเล่นพนัน จำนวน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 6 เดือน 

นายพุทธรักษ์ ชัชอานนท์ พี่ชายเสี่ยโป้ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานช่วยประกาศโฆษณาชักชวนให้เข้าเล่นพนัน จำนวน 1 กระทง จำคุก 3 เดือน 

น.ส.พลอยพิชชา ปะตุลัง จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานฟอกเงิน จำนวน 7 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 14 ปี 

ตร. ประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานฯ พร้อมปิดศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 (World Cup 2022)

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ตระหนักถึงความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของการลักลอบเล่นพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 (World Cup 2022) และการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกออนไลน์ ซึ่งจัดการแข่งขึ้นในระหว่างวันที่ 19 พ.ย.-18 ธ.ค. 65  โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกฯ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์  หลักบุญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ควบคุม กำกับ ดูแล  ซึ่งบัดนี้ การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22  (World Cup 2022) ได้เสร็จสิ้นแล้ว

วันอังคาร ที่ 20 ธ.ค. 65 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 8 สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมาย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมปิดศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 (World Cup 2022) เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลกฯ 

'สำนักงานตำรวจแห่งชาติ' แถลงผลงานรอบ 3 เดือน ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล กวาดล้างอาชญากรรมอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง

สืบสวนปราบปรามจับกุม คดียาเสพติด คดีออนไลน์ การพนัน อาวุธปืน สถานบริการ เพิ่มความเข้มในการคัดกรองและจัด
ระเบียบคนต่างด้าวฯ แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่

วันนี้ (20 ม.ค. 66) เวลา 11.00 น. ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านการปราบปรามอาชญากรรมอย่างเฉียบขาด จริงจัง บังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย ยังคงนโยบาย ผบ.ตร. ในการยกระดับการบริการประชาชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติ และอาชญากรรมออนไลน์ การพนัน อาวุธปืน สถานบริการ เพิ่มความเข้มในการคัดกรองและจัดระเบียบคนต่างด้าวผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 31 ธ.ค.65 ดังนี้

1. ด้านการกวาดล้างอาชญากรรม
1.1 สถิติคดีอาญา 4 กลุ่ม ทั่วประเทศ สามารถจับกุมได้ 221,205 คดี
1.2 การระดมกวาดอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสำคัญ (APEC, ฟุตบอลโลก, ปีใหม่) จับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 11,811 คดี ผู้ต้องหา 10,450 คน จับบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 9,465 หมายจับ ผู้ต้องหา 9,255 คน จับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ผู้ต้องหา 12,245 ราย ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวม 1,770,565,337 บาท และเงินทุนหมุนเวียน 11,202,398,188 บาท
1.3 กวาดล้างและจัดระเบียบ คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ระดมกวาดล้างคนต่างด้าว Overstay ในห้วงวันที่ 1 ธ.ค.-13 ธ.ค.65 จับกุมได้ 7,886 ราย สถิติการจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง 3,017 ราย, ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น 23 ราย และนำพาคนต่างด้าว

4 ราย สถิติการดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ (10 ประเภทความผิด) จำนวน 34 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 64 ราย และช่วยเหลือผู้เสียหายได้ 91 ราย (ข้อมูลจาก ศพดส.ตร.)
1.4 โครงการประชาสัมพันธ์ เครือข่ายป้องกันอาชญากรรม
1.4.1 โครงการฝากบ้าน 4.0 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 มีประชาชนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 8,583 ราย  เป็นการลงทะเบียนผ่านทางแอปพลิเคชัน 'ฝากบ้าน 4.0' จำนวน 7,190 ราย และลงทะเบียนผ่านการติดต่อกับสถานีตำรวจ  ในละแวกบ้าน จำนวน 1,393 ราย ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า “สามารถลงทะเบียนฝากบ้าน 4.0 ได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาล”
1.4.2 โครงการ Stop Walk and Talk เป็นการเก็บข้อมูลจากการหยุดรถตรวจพูดคุยกับประชาชน นำข้อมูลมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมก่อนเกิดเหตุ ซึ่งในการห้วงมีการประชุม APEC มีการบันทึกข้อมูลบุคคลที่พบปะพูดคุย จำนวน 593,621 ครั้ง
1.4.3 เพื่อนบ้านเตือนภัย ให้ประชาชนสามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองได้ในขั้นต้น เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน และระหว่างประชาชนด้วยกัน
1.4.4 โครงการ 1 ตำรวจ 1 หมู่บ้าน พบปะทำความรู้จัก รับฟังปัญหาจากประชาชน แสวงหาความร่วมมือ ทำลายกระบวนการยาเสพติด ควบคุมและลดพฤติกรรมที่อันตราย ในระยะที่ 1 จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจลงสู่ชุมชน จำนวน 1,365 ชุมชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมได้ 203 คดี

2. ด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด
2.1 สถิติการจับกุมคดียาเสพติด จับกุมได้ 69,385 คดี ผู้ต้องหา 68,354 คน (ปริมาณของกลา ยาบ้า 93,118,132 เม็ด, ไอซ์ 77,246 กิโลกรัม, เฮโรอีน 36,861 กิโลกรัม เคตามีน 43,084 กิโลกรัม โคเคน 262 กิโลกรัม และ ยาอี 54,789 เม็ด)
2.2 โครงการค้นหา ผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยา และผู้ป่วยจิตเวช เพื่อนำเข้าสู่การบำบัดรักษา จำนวน 401,452 คน โดย แบ่งเป็น ผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยา จำนวน 350,056 คน ผู้สมัครใจนําเข้ากระบวนการบําบัดยาเสพติด จำนวน 106,937 คน ผู้ป่วยจิตเวชส่งเข้ารับการบำบัด จำนวน 51,396 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วยจิตเวชสาเหตุจากยาเสพติด จำนวน 25,586 คน
2.3 โครงการชุมชนยั่งยืน ดำเนินการไปแล้วจำนวน 2,966 ชุมชน พบผู้เสพยาเสพติด จำนวน 28,164 คน ในปี พ.ศ. 2566 จะดำเนินการอีกจำนวน 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน นำเข้าสู่การบำบัดรักษาโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Based Treatment : CBTx)

3. ด้านการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3.1 การแจ้งความออนไลน์ รับแจ้งความ 67,479 คดี ขยายผลและออกหมายจับจำนวน 321 Case ID จับกุมได้ 95 Case ID คิดเป็น 30% พบความเสียหายรวม 8,815,670,563 บาท อายัดบัญชีได้ 24,614 บัญชี อายัดเงินได้ 105,917,104 บาท
3.2 ความร่วมมือภาคีเครือข่ายและการประชาสัมพันธ์
3.2.1 บันทึกข้อความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ  มีผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลฯ กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย ปปง. ร่วมเป็นสักขีพยาน
3.2.2 โครงการสร้างภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) อบรมครูแม่ไก่ 11 กองบัญชาการ รวม 116 นาย และ ครู ข.ไข่ จำนวน 29 กองบังคับการ
3.2.3 บันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับไปรษณีย์แห่งประเทศไทย จัดทำโปสเตอร์รูปแบบกลโกงของมิจฉาชีพ จำนวน 2,000,000 แผ่น แจกจ่ายให้ประชาชนและสถานีตำรวจทั่วประเทศ
3.2.4 โครงการ แชทบอท@police1441 ผ่านแอปพลิเคชัน Line เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแก่ประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
 
3.4 ปรับปรุงระเบียบกฎหมาย
3.4.1 ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ เสนอร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ..... เพื่อให้ครอบคลุมการปฏิบัติของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
3.4.2 ร่วมเสนอร่างประกาศ ปปง. เรื่อง การจัดทำข้อมูลบุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานและการฟอกเงินฯ เข้าสู่ระบบตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน HR-03

4. ด้านการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ
4.1 Service Mind ปรับแนวคิดการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,484 สถานี เน้นการให้บริการดุจญาติมิตร รับรู้ แก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ ยกระดับการบริการทุกสายงาน เช่น สายตรวจต้องเข้าไปรับรู้ปัญหาของชุมชน (Stop Walk and Talk) พนักงานสอบสวนต้องแจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ทราบ เป็นต้น
4.2 สำรวจความพึงพอใจประชาชน ต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งประเทศ โดยมีที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการภายนอกเป็นผู้สำรวจจากกลุ่มประชากรเป้าหมาย จำนวน 80,000 หมู่บ้าน ประชาชน 1 ล้าน คน ทำการสำรวจ 2 ครั้ง/ปี (ครั้งที่ 1 ในเดือน ม.ค.66 และ ครั้งที่ 2 ในเดือน ก.ค.66)
4.3 การรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ออนไลน์ (ผ่านระบบ JCOMS)  เปิดช่องทางให้ประชาชนได้มีโอกาสร้องเรียน ร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแสต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ JCOMS : www.jcoms.police.go.th และเว็บไซต์สำนักงานจเรตำรวจ : www.jaray.go.th หรือสแกนผ่านทาง QR Code ปัจจุบันมีการรับเรื่องร้องเรียน 1,851 เรื่อง แจ้งเบาะแส/ขอความช่วยเหลือ 1,261 เรื่อง รวม 3,112 เรื่อง

เสื่อมเสียต่อสภาฯ!! สภาฯ สั่งลุย! ตั้งคณะกรรมการฯ สอบข้อเท็จจริง ปม ส.ส.เล่นพนัน ลั่น! หากผิดจริง ฟันตามกฎหมาย

(3 มี.ค.2566) ว่าที่ ร.ต.ยุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ ส.ส. กรณีพบการเล่นการพนันในพื้นที่อาคารรัฐสภาบริเวณห้องทำงานของ ส.ส. ว่า ในการเข้าใช้ห้องทำงานของ ส.ส. ยังมีระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการบริหารจัดการพื้นที่และอาคารรัฐสภา พ.ศ. 2565 เกี่ยวกับข้อปฏิบัติทั่วไปในการใช้พื้นที่และอาคารรัฐสภา ข้อ 8 (2) ที่ห้ามมิให้มีการกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดี

 

ดังนั้น เมื่อปรากฏตามข้อร้องเรียนว่า มี ส.ส. เล่นการพนันภายในพื้นที่รัฐสภา ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 อันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา และฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ ส.ส. และกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ที่กำหนดให้สมาชิกฯ ต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติและสภาฯ

‘เส้นด้าย’ แจง!! เสียพนันออนไลน์แค่ 1 ล้าน ส่วนอีก 20 กว่าล้านเสียให้คาสิโนในต่างประเทศ

‘เส้นด้าย สอดอ สไตล์’ บอก เสียเงินพนันออนไลน์แค่ล้านเดียว ที่เหลือเสียที่คาสิโน หลังเคยไลฟ์เสียพนันออนไลน์ 25 ล้าน แจงภาพถ่ายร่วม ‘แทนไท-นอท’ เป็นคลาสอบรมคริปโตที่ดูไบ ด้าน ตร.ไซเบอร์แจ้งข้อหาเล่นพนัน

(25 เม.ย.66) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโยโลยี (บช.สอท.) น.ส.พิมพ์ลดา แววไธสง หรือ เส้นด้าย สอดอ style ยูทูบเบอร์ดัง เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำกับตำรวจ บช.สอท.กรณีการไลฟ์เล่าประสบการณ์เสียพนันออนไลน์ 25 ล้านบาทภายในเวลา 3 เดือน 

น.ส.พิมพ์ลดากล่าวว่า ตนมาให้ปากคำกับตำรวจในฐานะพยาน โดยยอมรับว่าตัวเองได้เล่นพนันออนไลน์จริงๆ มีเพียงเว็บไซต์ใหญ่เว็บเดียว แต่เปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นเว็บใด เนื่องจากเป็นข้อมูลที่พูดคุยกับตำรวจไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เงินส่วนมากที่เสียไปนั้น เป็นการเล่นพนันที่คาสิโนในต่างประเทศร่วมๆ 20 กว่าล้านบาท แต่ที่เสียให้เว็บพนันนั้น เป็นเพียง 1 ล้านกว่าบาท พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่เคยชี้ชวนให้ใครมาเล่นพนัน เพียงแต่เตือนสติว่าอย่าเข้ามาวงการนี้ ถือเป็นประสบการณ์ความล้มเหลวของตัวเอง
น.ส.พิมพ์ลดา กล่าวว่า ตำรวจได้แจ้งข้อหาตน ฐานเล่นการพนันในราชอาณาจักร เบื้องต้นให้การรับสารภาพ 

ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ จะซักถามในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายแทนไท ณรงค์กูล และ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท สองนักธุรกิจชื่อดังนั้น ตนไม่มีความกังวล เพราะภาพถ่ายร่วมกันที่ปรากฎไปนั้น เป็นคลาสอบรมเรื่องเงินดิจิตัล ที่เคยถูกส่งไปเรียนที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยตนเพียงเคยยืมเงินนายพันธ์ธวัช เพียง 300 บาท ซื้อผ้าโพกหัวไปเท่านั้น จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คืน 

เธอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา เพียงแต่ทำอินฟลูเอนเซอร์และเปิดธุรกิจบริษัทขายของเท่านั้น ซึ่งเงินที่นำไปเล่นพนัน ก็เป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจ สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลังได้ แต่ดีเอสไอจะเรียกสอบปากคำเมื่อใดนั้นต้องรอเจ้าหน้าที่แจ้งอีกครั้ง

คนไทยติดการพนันทุกรูปแบบกว่า 30 ล้านคน นักพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 6-7 แสนคนทุกปี

นักวิชาการเผยแต่ละปีคนไทยเล่นพนันทุกรูปแบบกว่า 30 ล้านคน เงินสะพัดปีละ 4-5 แสนล้าน มีผู้เล่นพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี 6-7แสนคน พร้อมฟันธงหวยเอ็น 3-แอล 6 แก้ปัญหาสลากขายเกินราคา-หวยใต้ดินไม่ได้!! ขณะที่คนรุ่นใหม่เมิน! เพราะชอบเล่นพนันออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่า

นายรัตพงษ์ สอนสุภาพ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า จากผลศึกษาของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน พบว่า แต่ละปีมีคนไทยเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันทุกรูปแบบ 30 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 300,000-400,000 ล้านบาทต่อปี และทุกปีมีผู้เล่นพนันหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 600,000-700,000 คน โดยเล่นพนันที่หลากหลาย ไม่ได้เจาะลงที่สลากกินแบ่งฯ อย่างเดียว มีพนันฟุตบอล พนันออนไลน์

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกผลิตภัณฑ์สลากใหม่ ทั้งสลากเลขสามหลัก หรือเอ็น 3 และลอตเตอรี่ 6 หรือแอล 6 นั้น จะไม่สามารถแก้ปัญหาสลากเกินราคา และหวยใต้ดินให้หมดไปได้ เนื่องจากหวยใต้ดินอยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน ผู้ขายมีความคุ้นเคย กับผู้ซื้อมากกว่า หาซื้อได้ง่าย มีเครดิตและส่วนลดให้ผู้ซื้อได้ด้วย ขณะที่ประเมินว่าหากรัฐบาลออกสลากเอ็น 3 น่าจะมียอดขายราวปีละ 40,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับการทำหวยบนดินสมัยรัฐบาลในอดีต ส่วนผู้ซื้อน่าจะมีทั้งกลุ่มผู้ซื้อรายเดิม ๆ ที่ซื้อทั้งหวยใต้ดินและเอ็น 3 ส่วนผู้ซื้อรายใหม่อาจ ไม่มาก เพราะเอ็น 3 ไม่น่าถูกจริตกับคนรุ่นใหม่ โดยผลศึกษาพบว่าคนรุ่นใหม่นิยมเล่นพนันออนไลน์ผ่านสมาร์ตโฟนมากกว่า

ทั้งนี้ สลากเอ็น 3 เหมือนจะมาแข่งหวยใต้ดิน แต่ต้องดูว่าจะกำหนดราคาเท่าไหร่ หากตั้งไว้ 50 บาท ก็ไม่ยืดหยุ่น แถมหวยใต้ดินยังมีระบบเครดิต ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง มีเจ้ามือเป็นคนในชุมชนหมู่บ้าน มีความสะดวกในการเข้าถึงผู้ซื้อมากกว่า แต่จุดแข็งของเอ็น 3 คือการขายผ่านระบบดิจิทัลอย่างเดียว จะลดความเสี่ยงของผู้ซื้อเพราะเป็นของรัฐ ถูกแล้วได้เงินแน่ มีความปลอดภัยทางข้อมูล ที่สำคัญระบบดิจิทัลยังช่วยคัดกรองไม่ให้เข้าถึงเยาวชนได้ แต่สุดท้ายเชื่อว่าหวยใต้ดินจะไม่หายไป และจะขายคู่ขนานไปกับเอ็น 3 เช่นเดิม

ส่วนสลากแอล 6 จะช่วยให้สำนักงานสลากฯ เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลที่ขายผ่านแอปเป๋าตังได้ง่ายขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยแก้ปัญหาการขายเกินราคาได้หรือไม่ เนื่องจาก 1 ปีที่ผ่านมา ได้เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลมาตลอด แต่สลากยังขายเกินราคาเช่นเดิม เนื่องจากติดปัญหาเชิงโครงสร้าง คือ ตัวแทนจำหน่ายไม่ได้ขายเอง มีการนำไปขายช่วง โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้โควตาถาวรงวดละ 30 ล้านใบ มองว่าควรลดตัวแทนจำหน่ายแบบเก่าและหันไปเพิ่มส่วนของการซื้อจอง เพราะเป็นความต้องการของตลาดที่แท้จริง

เมื่อเสนอเรื่อง จัดสรรโควตาสลากใหม่ อาจทำให้บางหน่วยงานไม่พอใจ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ ส่วนจะเพิ่มจำนวนสลากเข้ามาในระบบเท่าไร ดูจากตัวเลขปี 64-65 มีปริมาณสลากที่น่าจะขาดอยู่ 50 ล้านใบ ปัจจุบันมีสลากดั้งเดิมงวดละ 100 ล้านใบ ถ้าปี 67 จะเพิ่มสลากดิจิทัลเป็น 30 ล้านใบ เชื่อว่าปัญหาขายเกินราคายังอยู่ ซึ่งโดยหลักการแล้วการเพิ่มจำนวนสลากจะทำให้ราคาลดลงเรื่อย ๆ แต่ต้องเพิ่มในปริมาณที่มากพอ ส่วนเพิ่มเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาหลายองค์ประกอบ

'ดร.สุวินัย' ยกกรณี 'บ้านบิ๊กโจ๊ก-เว็บพนันออนไลน์-หมิ่น 112' ฉากทัศน์พิฆาตมาเฟียทุกวงการอย่างเด็ดขาด กำลังเกิด!!

(26 ก.ย.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ระบุว่า...

ความจริงที่มีหนึ่งเดียว เรื่องบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับคดีเว็บพนันออนไลน์

เวลาอ่านข่าว อย่าอ่านตามตรรกะหรือวาทกรรมที่มีใครบางคนต้องการให้คนอ่านเชื่อตามนั้น เพื่อจูงจมูกคนอ่านให้เชื่อใน ‘บทสรุป’ ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว

สิ่งที่คนอ่านควรทำคือ หาข้อเท็จจริงที่เป็น ‘ความจริงที่มีหนึ่งเดียว’ ออกมา โดยยังไม่รีบด่วนสรุปอะไรทั้งสิ้น

(1) บ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ทั้ง 5 หลัง ความจริงเจ้าของบ้าน 3 หลัง คือเสี่ยแต๋ม คนดังจังหวัดอุดรธานี ส่วนอีก 2 หลังเป็นของภรรยาเสี่ยแต๋ม…สรุปก็คือเป็นของเสี่ยแต๋มและภรรยา ที่ ‘อุปถัมภ์’ บิ๊กโจ๊กกับลูกน้อง โดยให้พักพิงแทบจะฟรี

(2) เพราะบ้านทั้ง 5 หลังนี้มีการจ่ายค่าไฟโดยใช้บัญชีม้าของมินนี่ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ โดยที่บัญชีม้าคือ นายครรชิต ที่เป็นผู้ที่มีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมากกว่า 5 คดี

(3) ความจริงก็คือ บิ๊กโจ๊กพำนักอยู่ในบ้านที่มีชื่อเจ้าของเป็นคนอื่น แต่ทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น

(4) มีภาพที่บิ๊กโจ๊กถ่ายภาพกับมินนี่ แต่ไม่ชัดเจนว่าบิ๊กโจ๊กรู้จักมินนี่หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊กคนหนึ่งสนิทสนมกับมินนี่แน่นอน

(5) พ.ต.อ.เขมรินทร์ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก ผู้ที่ถูกออกหมายจับ มีการซื้อพระจากต้อม นครสวรรค์ ด้วยเงินจำนวนมาก ลักษณะเหมือนการฟอกเงิน โดยเอาเงินจากเครือข่ายมินนี่เข้าไปซื้อพระ โดยที่ต้อม นครสวรรค์ เกี่ยวข้องกับนายเป้ ผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ที่อ้างว่าถูกผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เรียกเงิน 140 ล้านบาท 

(6) มินนี่ทำเว็บพนันตั้งแต่ปี 2560 ดูจากหน้าตาและอายุ มินนี่น่าจะเป็นแค่หุ่นเชิดของขาใหญ่ในวงการสีเทามากกว่า โดยมีลูกน้องบิ๊กโจ๊กเข้าไปเกี่ยวข้องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

 (7) ผู้ต้องหาแถวสองแถวสามที่จะตำรวจถูกดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือกลุ่มตำรวจ กลุ่มนักข่าว กลุ่มพลเรือน และกลุ่มนักกฎหมาย

ขอแถมข่าวอีกเรื่อง ที่ดูเผิน ๆ เหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน

"ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทยได้ให้สัมภาษณ์เนชั่นว่า จะเพิ่มให้พวก 112 หรือหมิ่นสถาบันในประเภทที่ 17 เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาดไปด้วย ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงมีการจัดทำบัญชีดำแกนนำที่มีอิทธิพลในสื่อและแกนนำม๊อบต่อต้านรัฐบาลและหมิ่นสถาบันรวมถึงนักการเมืองพรรคก้าวไกลอีกด้วย"

หากมองป่าทั้งป่า เราจะเห็นภาพกว้างเรื่อง ‘การปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกวงการอย่างเด็ดขาด’ ที่น่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ โดยที่การปราบปรามผู้มีอิทธิพลในวงการเว็บพนันออนไลน์เป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น

จงจับตาเรื่อง ‘การปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกวงการ’ หลังจากนี้ให้ดีเถิด

'ดร.สุวินัย' ชี้!! ไม่มีใคร 'ได้เงิน-ชัยชนะ' จากเว็บพนันออนไลน์ เหตุ!! ผู้ 'แพ้-ชนะ' ถูกกำหนดล่วงหน้า ใต้ผู้ยิ่งใหญ่คอยคุมเกม

(27 ก.ย.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ 'รู้ทันเว็บพนันออนไลน์' ว่า...

เว็บพนันออนไลน์ที่หากินกับคนไทยทุกเว็บ จะมีรายได้แบบอู้ฟู่มาก ๆ โดยไม่มีทางที่จะสูญเสียแต่อย่างใดเลย

เนื่องเพราะทุกเว็บพนันออนไลน์เหล่านี้มีการใช้ระบบ AI ที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจจิตวิทยาและธรรมชาติของปุถุชนอย่างลึกซึ้ง

เพื่อหลอกล่อผู้คนให้หลงเข้าไปเล่นในเว็บพนันออนไลน์ จนเสพติดการพนันออนไลน์งอมแงมโงหัวไม่ขึ้น

ทั้งนี้มันได้มีการตั้งโปรแกรมดักเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะให้ผู้เล่นแต่ละรายจะชนะกี่ % และแพ้กี่ % 

สั้น ๆ มันก็เหมือนกับ AI ในเครื่อง GPS ที่รู้ตั้งแต่แรกแต่ต้นจนจบว่า ผู้เล่นคนนั้นจะลงเอยยังที่ใดตอนที่เข้ามาใช้ในแต่ละครั้ง

รายได้ของเว็บพนันออนไลน์จึงอู้ฟู่สุด ๆ ชนิดบ่อนจริงในโลกออฟไลน์ชิดซ้ายไปเลย

ยกตัวอย่าง โต๊ะบาคาร่าที่แทงกันสด ๆ และเห็นวิดีโอการแจกไพ่ เปิดไพ่ จากบ่อนปอยเปต แบบสด ๆ 

โดยแทงเสร็จปุ๊บ ก็จะเห็นสาวเขมรเปิดไพ่ให้เห็นแบบสด ๆ นั้น แท้จริงแล้ว มันเป็นภาพ AI ที่แต่งหลอกทั้งสิ้น

คนส่วนใหญ่ที่หลงเข้ามาเล่นพนันในเว็บพนันออนไลน์มักไม่ค่อยรู้กันหรอก 

เหมือนอย่างที่ Day Trader ที่เทรด Forex  มักไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเทรดกับโบรกเกอร์ที่เป็น ‘เจ้ามือตัวจริง’ ของแพลตฟอร์มที่ตัวเองใช้เทรด หาได้เข้าไปเทรดในตลาด Forex จริง ๆ ไม่

เพราะฉะนั้น คนที่เข้าไปเล่นพนันในเว็บพนันออนไลน์ แทงเท่าไหร่ ก็หมด! เพราะ AI มันจะฉลาดมาก พอรู้ว่า รายนี้เป็นนักเล่นหน้าใหม่เข้ามา มันก็จะอ่อยเหยื่อให้ได้ก่อนตามหลักจิตวิทยา 

เคยมีอินฟลูฯ คนนึงหมดไปกับบาคาร่าออนไลน์ 20 ล้าน 

และมีคดีดังคดีหนึ่งในอดีตที่หนุ่มโปรแกรมเมอร์ไทยคนนึงเข้ามาแจ้งความกับตำรวจและขอความคุ้มครองจากกระทรวงยุติธรรม เพราะว่าตนเองโดนไล่ล่าจากตำรวจใหญ่ยศนายพลคนหนึ่งที่ไปอุ้มเขาจากลานจอดรถ พร้อมข่มขู่ว่าจะฆ่า

เนื่องจากนายพลตำรวจ เจ้าของเว็บพนันออนไลน์คนนี้ ได้คาดคั้นถามเขาว่า...

“ทำไมจู่ ๆ รายได้จากเว็บพนันของกูลดลง”

ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้จากโปรแกรมที่ตั้งเอาไว้ นายพลตำรวจจึงคิดว่า โปรแกรมเมอร์คนนี้เป็นยักยอก จึงมาดักอุ้มและมีภาพวงจรปิดออกมาด้วย 

จากที่เล่ามาข้างต้น ‘ความจริงที่มีหนึ่งเดียว’ ก็คือ...

(1) นายพลตำรวจผู้มีอิทธิพลบางคน ล้วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ไม่มากก็น้อย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

(2) ไม่มีใครได้เงินจากเว็บพนันออนไลน์ ถ้าไปเล่นหุ้น ยังมีผู้ชนะในตลาดหุ้น 5-10% ของผู้เล่นทั้งหมด
แต่ในเว็บพนันออนไลน์ ผู้เล่นที่สามารถชนะเว็บพนันออนไลน์ได้มี 0% คือไม่มีเลย

ประชาชนจึงต้องรู้ทันกลไกและเล่ห์กลของเว็บพนันออนไลน์

เมื่อรู้ทันก็จะไม่หลงกล พลาดเสียเงินก้อนใหญ่ให้กับเว็บพนันออนไลน์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top