Friday, 17 May 2024
กระทรวงการต่างประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศ ตบหน้า 'รพ.ธรรมศาสตร์' แจงดีล Moderna ล่ม เหตุโปแลนด์ไม่ให้เอาไปขาย

กระทรวงการต่างประเทศ แจงเหตุ ดีลบริจาควัคซีน Moderna จากโปแลนด์ล่ม เพราะรพ.ธรรมศาสตร์ จะขอรับวัคซีน 1 ใน 3 ส่วนอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วนนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งโปแลนด์แจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ออกคำชี้แจง หลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ อ้างว่ากระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทำหนังสือยืนยันตัวตนให้ รพ.ธรรมศาสตร์ในการขอรับบริจาควัคซีน Moderna ซึ่งยังมีอายุใช้งานได้ถึงเดือนเมษายน 2565 จำนวน 1.5 ล้านโดส จากประเทศโปแลนด์ เป็นเหตุให้ต้องยุติการขอรับบริจาคลง โดยระบุว่า…

ตามที่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้ลงข้อความพาดพิงถึงการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอรับบริจาควัคซีนโมเดอร์นาจากสำนักงานสำรองทางยุทธศาสตร์ของโปแลนด์ จำนวน 1.5 ล้านโดส โดยระบุว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอให้กระทรวงการต่างประเทศออกจดหมายยืนยันว่า รัฐบาลไทยยินดีรับบริจาควัคซีนดังกล่าว เนื่องจากหน่วยงานผู้บริจาคประสงค์ให้รัฐบาลไทย โดยหน่วยงานภาครัฐที่มีสถานะเป็นผู้แทนรัฐบาล แจ้งเจตนาจะรับบริจาค แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่ออกหนังสือดังกล่าวให้ ทำให้การบริจาควัคซีนดังกล่าวต้องยกเลิกไปนั้น

กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงดังนี้ว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แจ้งกระทรวงการต่างประเทศว่า ในการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงจะรับวัคซีนจำนวน 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ได้รับบริจาคไว้เอง เพื่อให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และจะมอบวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วน เพื่อนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์แล้ว ได้รับแจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย และฝ่ายไทยต้องได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาด้วย ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นแนวปฏิบัติโดยทั่วไปของการบริจาควัคซีนและเวชภัณฑ์ระหว่างประเทศ และไม่สามารถเจรจาต่อรองเป็นอื่นได้

‘ผัดไทย’ ขึ้นแท่นอาหารฮิต ติดอันดับ 2 เมนูจานด่วน ที่คนมะกันสั่งเดลิเวอรี่มากที่สุด

เพจ กระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand โพสต์ข้อความระบุว่า 2021 Uber Eats Cravings Report จัดอันดับให้ผัดไทยอยู่ในลำดับที่ 2 ของอาหารจานด่วนที่ถูกสั่งมาทานที่บ้านมากที่สุด (the most ordered items) ในสหรัฐอเมริกา โดยอันดับหนึ่งคือ มันฝรั่งทอด (fries)

CNN เลือก ‘ต้มยำกุ้ง’ ติด 1 ใน 20 ซุปที่ดีที่สุดในโลก

เพจ กระทรวงการต่างประเทศ Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2565 สำนักข่าว CNN ของสหรัฐอเมริกา ได้คัดเลือก "ต้มยำกุ้ง" ของไทยเป็น 1 ใน 20 รายการอาหารประเภทซุปที่ดีที่สุดในโลก 

'ไทย'​ มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์แก่สภากาชาดยูเครน ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากภัยสงคราม

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ เผยว่า​ รัฐบาลไทยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน​ โดยได้ส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยสงครามมูลค่า 2 ล้านบาท

กระทรวงการต่างประเทศ อนุมัติงบช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน จำนวน 2 ล้านบาท โดยมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ซอ ดำเนินการจัดซื้อสิ่งของเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยสงครามในพื้นที่ผ่านสภากาชาดยูเครนหรือองค์การระหว่างประเทศที่เหมาะสม

‘ดอน’ เผย เมียนมาเสียใจ กรณีเครื่องบินรบรุกล้ำไทย รับปากไม่บินล้ำน่านฟ้าไทยอีก พร้อมทำหนังสือชี้แจง

(5 ก.ค.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือทวิภาคีกับ นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเมียนมา ระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ (4 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่า... 

ได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเครื่องบินของเมียนมาที่บินลุกล้ำน่านฟ้าไทย ซึ่งฝ่ายเมียนมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และไม่ได้เกิดขึ้นโดยเจตนาถือเป็นอุบัติเหตุ โดยฝ่ายเมียนมาแจ้งว่าจะทำหนังสือมาถึงฝ่ายไทย
 

‘รองนายกฯ ดอน’ ต้อนรับนักเรียน ‘ยุวทูตความดี’ เยาวชนรุ่นใหม่ ที่ทั้งเรียนเก่ง - เป็นคนดี

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 นายดอน ปรมัตถ์นัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้การต้อนรับเด็กนักเรียนจาก 3 โรงเรียนในเครือข่ายยุวทูตความดี ที่กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุน ที่เดินทางมารับรางวัลนักเรียนดีเด่นจากนายกรัฐมนตรี

ตัวแทนนักเรียนยุวทูตความดี ด.ญ.ชิสา คชมิตร จากโรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ด.ญ.กชวรรณ ทัศนิยม จากโรงเรียนบ้านโคกทุ่งน้อย จ.หนองบัวลำภู นอกจากนั้นยังมีตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ 

ตัวแทนนักเรียนที่จะเข้ารับรางวัลจากนายกฯ นอกจากเรียนเก่งแล้ว บางคนเป็นนักกีฬาดีเด่นเป็นแชมป์ปิงปองประเทศไทยและอาเซียนในรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และยังเรียนดี อุทิศตัวเพื่อสังคม ทำสาธารณประโยชน์

‘โฆษกกระทรวงฯ’ เผย ‘บิ๊กตู่’ ไฟเขียว!! เตรียมใช้เครื่องบินกองทัพฯ อพยพ ‘คนไทย’ ในซูดาน เน้นช่วยเหลือให้รัดกุม-ปลอดภัยที่สุด

(23 เม.ย.66) นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยในซูดาน ว่า ทางการไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีรวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสั่งการให้ดำเนินการช่วยเหลือคนไทยให้รัดกุมและปลอดภัยที่สุด

นางกาญจนากล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพอากาศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาดและสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ กำลังเร่งดำเนินงานอย่างแข็งขันเพื่อเตรียมการช่วยเหลือคนไทยให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งต้องเป็นไปโดยรอบคอบที่สุด เนื่องจากยังคงมีข้อห่วงกังวลด้านความปลอดภัย และสถานการณ์ยังคงมีความอ่อนไหว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติการใช้เครื่องบินกองทัพอากาศเพื่อการอพยพแล้ว ในชั้นนี้ ยังรอการยืนยันเรื่องท่าอากาศยานและวันที่แน่นอนอยู่ ซึ่งจะเป็นในโอกาสแรกที่ทุกปัจจัยเงื่อนไขลงตัว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำช่องทางการสื่อสาร หมายเลขฉุกเฉิน 09-6165-7120 / 09-6352-0513 / 09-6352-9015 สำหรับญาติของนักเรียนและคนไทยในซูดานที่ประสงค์จะสอบถามสถานการณ์ รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้เปิดช่องทางการติดต่อเพื่อขอรับความช่วยเหลือที่หมายเลข +201019401243 หรืออีเมล์ [email protected] รวมทั้งได้ประสานงานกับคนไทยในซูดานผ่าน Chat group 5 กลุ่ม เพื่อความคล่องตัวด้วย


ที่มา : https://www.matichon.co.th/foreign/news_3939500

‘รัฐบาล’ ประกาศลดขั้นตอนวีซ่า อำนวยความสะดวก แก่ นทท. หลังยอด นทท.6 เดือนแรกพุ่ง โกยรายได้กว่า 6 แสนล้านบาท

(10 ส.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยมีมากต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว 31 ก.ค.- 6 ส.ค. เฉลี่ยวันละ กว่า 8 หมื่นคน

โดยยอดนักท่องเที่ยวสะสมแตะ 16 ล้านคนแล้ว พบ 5 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยจำนวนสูงสุด ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานสนับสนุนนโยบาย อำนวยความสะดวก กระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เกิดการสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 663,862 ล้านบาทโดย นักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 2,513,520 คน จีน 1,935,241 คน เกาหลีใต้ 945,217 คน อินเดีย 913,479 คน และรัสเซีย 869,998 คน

สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากจีน เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด จำนวน 95,581 คน รองลงมา ได้แก่ มาเลเซีย 73,810 คน เกาหลีใต้ 37,754 คน อินเดีย 27,707 คน และเวียดนาม 25,717 คน สะท้อนให้เห็นว่าไทยยังคงเป็นจุดหมายสำคัญที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน โดยกระทรวงการต่างประเทศได้เพิ่มความสะดวกในการขอรับการตรวจลงตรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการลดขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว โดยได้ปรับลดเอกสารประกอบการยื่นขอรับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวพร้อมกับลดระยะเวลาการพิจารณาการตรวจลงตราเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่

1.) ลดเอกสารประกอบการยื่นขอรับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวเหลือเพียง 6 รายการ ประกอบด้วย หน้าหนังสือเดินทาง, รูปถ่าย, บัตรโดยสารเครื่องบิน, ที่พัก, เอกสารยืนยันที่อยู่ และหลักฐานทางการเงิน 

2.) ลดระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติการตรวจลงตราจาก 14 วันทำการเหลือ 7 วันทำการ

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบเอกสารประกอบการขอรับการตรวจลงตรา ซึ่งจะช่วยให้การตรวจสอบและการพิจารณาอนุมัติการตรวจลงตรามีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างดี จนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นไปตามคาดการณ์ และแม้ในช่วงนอกฤดูกาล ก็ยังมีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่น่าพอใจ จากการดำเนินนโยบายการจัดกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่สอดรับกับความสนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการนำเสนอความงดงามของประเทศ และไมตรีภาพที่มีต่อผู้มาเยือน ซึ่งจากผลการสำรวจของเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ ประเทศไทยอยู่ในความสนใจอันดับต้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง” น.ส.รัชดา กล่าว

หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนากับงาน TICA Connect ครั้งที่ ​8

กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (Thailand International Cooperation Agency: TICA) จัดงาน TICA Connect ครั้งที่ 8 ในหัวข้อ Enhancing International Cooperation for Sustainable Future” (การขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยได้ย้ำว่า ในการขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศนั้น การมีส่วนร่วมจากนานาประเทศ และทุกภาคส่วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (2030 Agenda for Sustainable Development) ทั้งนี้ ไทยมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวร่วมกัน โดยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy) และ BCG Model ในการดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน TICA Connect ครั้งนี้นั้น นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์หลักในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเผยแพร่การดำเนินงานด้านการพัฒนาของไทยในต่างประเทศ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน รวมทั้งเน้นบทบาทของหน่วยงานด้านการพัฒนาทั้งไทยและต่างประเทศที่เป็นคู่ร่วมมือกับ TICA ตลอดจนเป็นเวทีสร้างเครือข่ายระหว่างกันเพื่อประโยชน์ในการร่วมกันดำเนินงานในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดนิทรรศการของกรมความร่วมมือฯ ซึ่งนำโครงการในสปป. ลาว กัมพูชา และภูฏานมาจัดแสดง และคู่ร่วมมือต่าง ๆ เช่น โครงการหลวง กรมพัฒนาชุมชนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ฟาร์มทะเลตัวอย่าง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งนำผลิตภัณฑ์จากผู้พิการมาจัดแสดงและจำหน่าย ตลอดจนหน่วยงานด้านการพัฒนาต่างประเทศเช่น USAID และ Peace Corps ของสหรัฐฯ JICA ของญี่ปุ่น KOICA ของเกาหลีใต้ GIZ จากเยอรมนี AFD ของฝรั่งเศส และ Mekong Institute (MI) และหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นการเผยแพร่การให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาทั้งของไทยและที่กรมฯ ดำเนินการกับหุ้นส่วนต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม โดยกิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 คน จากคณะทูตานุทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทยนักเรียน นิสิต นักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงผู้รับทุนกรมความร่วมมือฯ และสื่อต่าง ๆ

ภายในงาน ยังมีการบรรยายโดย ดร. สุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณนครนิวยอร์ก เข้าร่วมงานในครั้งนี้และได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “Linking Forward to Leave No One Behind” โดยได้เน้นย้ำประชาคมโลกควรร่วมมือกันแก้ไขประเด็นท้าทาย อาทิ ผลกระทบของโรคโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมทั้งได้เสนอแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ (1) การแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่น ความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพเพื่อเสริมสร้างรากฐานในการยุติความยากจน (2) การแก้ปัญหาระบบการเงินโลก รวมถึงการปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ และ (3) การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและเสริมสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ​

กรมความร่วมมือฯ ได้จัดให้มีการเสวนา ๒ รายการ รายการแรกเป็นการเสวนาในหัวข้อ “Enhancing International Development Cooperation for Sustainable Future: Working Together to Promote SDG 13 and SDG 17” โดยผู้แทนจาก TICA และคู่ร่วมมือต่าง ๆ ได้แก่ AFD, GIZ, JICA, KOICA, USAID และสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในไทยและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และการเสวนารายการที่สองในหัวข้อ “เปิดประสบการณ์นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ไปประยุกต์ใช้ในต่างประเทศผ่านโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยวิทยากรที่เป็นผู้ดำเนินโครงการในต่างประเทศ เช่น ภูฏาน กัมพูชา และ สปป.ลาว มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความสำเร็จและความท้าทายในการดำเนินงาน ซึ่งในโอกาสเดียวกันนี้ กรมความร่วมมือฯ ได้เปิดตัวคู่มือการประยุกต์ใช้ SEP ในต่างประเทศ ในเว็ปไซต์ของกรมความร่วมมือฯ ด้วย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

​นอกจากนี้ กรมความร่วมมือฯ ได้มอบเข็มเกียรติคุณและประกาศนียบัตรแก่บริษัทบางจาก รีเทล จำกัด  สำหรับความร่วมมือในการต่อยอดโครงการพัฒนาเมล็ดกาแฟที่ปลูกโดยสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรดอยสะเก็ดพัฒนา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง TICA และ JICA จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ “กาแฟดริปเทพเสด็จ” ที่มีจำหน่ายที่ร้านกาแฟอินทนินซึ่งทำให้ชาวเกษตรกรกาแฟดอยสะเก็ดมีรายได้มากขึ้น “กรมความร่วมมือฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้ และหวังว่าจะสามารถนำรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อประชาชน(Public Private Partnership for People : PPPP) ไปประยุกต์กับโครงการอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต” อธิบดีกรมความร่วมมือฯ กล่าว

‘รมว.กต.ไทย-ซาอุฯ’ เร่งสานต่อพลวัตรความร่วมมือทวิภาคี ส่งเสริมด้านการศึกษา-ท่องเที่ยว หนุนความสัมพันธ์ภาค ปชช.

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 66 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อาล ซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78)

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสานต่อพลวัตความร่วมมือทวิภาคีไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์เมื่อปี 2565 โดยยินดีที่จะได้มีโอกาสพบหารือกันอีกในห้วงการประชุม ASEAN – GCC Summit ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม ที่กรุงริยาด และการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดีฯ – ไทย (STCC) ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือแนวทางการ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน อาทิ การใช้ระบบ e-Visa ของซาอุดีอาระเบีย การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทย และการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างซาอุดีอาระเบียกับภูเก็ต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top