Monday, 7 July 2025
TheStatesTimes

เพียงหนึ่งภาพแต่สื่อหลายความรู้สึก ดวงตาที่มุ่งมั่นของจ่าตรี เดินทางฝึกผสม ‘KAKADU 2024’ ณ ประเทศออสเตรเลีย

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘เสียงจากทหารเรือ’ เพจอย่างเป็นทางการของกิจการวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า…

“ผมจะทำให้แม่ภูมิใจ” จ่าตรีทหารเรือ ร่วมออกเดินทางฝึกผสม ‘KAKADU 2024’ ณ ประเทศออสเตรเลีย 

เชื่อว่าภาพนี้สื่อได้หลายอารมณ์ ล้านความรู้สึก แต่ดวงตาที่มุ่งมั่นของจ่าตรีคนนี้ จะทำให้ครอบครัวของเขาภูมิใจ ที่เกิดเป็นชายชาติทหาร นามว่า ‘ราชนาวี’

‘เอ-ศุภชัย’ แจงปมดรามาไข่พะโล้ 499 บาท แพงเกินไป ชี้!! ราคานี้ได้ 2 กล่องใหญ่ๆ เทียบซื้อตามตลาดได้ 10 ถุง

(28 ส.ค. 67) จากกรณีที่คุณพั้มกิ้น '@pumpkin._77' อินฟูลเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์คลิปรีวิวอาหารเมนูไข่พะโล้ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการดาราชื่อดังเพิ่งจะเริ่มเปิดออเดอร์ให้ทุกคนได้ลองสั่งซื้อมาชิมกันได้ไม่นาน โดยในคลิปดังกล่าวคุณพั้มกิ้น อธิบายรายละเอียดเบื้องต้นว่า เป็นการรีวิวเอง และจ่ายเงินค่าอาหารเองทั้งหมด พร้อมกับแนบตัวเลขราคาชัดเจน 499 บาท (รวมส่ง) ซึ่ง 499 บาทนี้ จะได้รับไข่พะโล้ 2 กล่องใหญ่ ๆ แพ็เกจแน่นหนา ในขณะที่เนื้อสัตว์ รวมถึงไข่ก็ใส่มาให้แบบแน่น ๆ จุก ๆ 

ล่าสุดผู้จัดการดาราชื่อดัง 'เอ ศุภชัย' ก็ได้ออกมาแถลงความจริงในประเด็นดังกล่าว พร้อม คุณหน่อย ปนันชิตา เพื่อนสนิทพี่เอ ผ่านทางติ๊กต็อกบัญชี @granddl.khwan.pananchita โดยเผยว่า กระแสวิจารณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะหลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่า พะโล้ราคา 499 บาท คือราคาต่อ 1 ถ้วย แต่จริง ๆ แล้วทุกคนจะได้รับ 2 ถ้วย หากนำไปเทใส่หม้อก็อาจจะได้เต็มหม้อ และเมื่อเทียบกับราคาตามท้องตลาดก็ถือว่าเหมาะสม เพราะปริมาณใกล้เคียงกับ 10 ถุงที่ขายในตลาด อีกทั้งเรื่องวัตถุดิบก็จัดเต็มถึงเครื่อง รสชาติคุ้มราคา

ตอนแรกคนเอามารีวิวแค่ 1 ถ้วย แต่จริง ๆ คำว่า 499 คือ 2 ถ้วยใหญ่ คุณต้องเอามาเทใส่หมอสุกี้ก็ได้ พี่เอว่าเต็มหม้อแน่นอน เปรียบเทียบแบบนี้ ถ้าเราไปเดินตามตลาดไข่พะโล้ถุงหนึ่ง 50 บาท อาจจะได้ไข่ 2 ฟอง หมูอีก 2 ชิ้น เต้าหู้ประมาณ 1-2 ชิ้น โดยประมาณ 50 บาท บางที่ 3 ฟองเราก็ไม่รู้ แต่ทั่วไปก็คือ 2 ฟอง ซึ่งราคาต่อ 2 ฟอง คือ 50 บาท เมื่อ 10 ฟองก็ 500 หรือเท่ากับ 10 ถุง 500 บาท

พะโล้ของพี่เอก็ราคาทั่วไปกับตลาดเลย เพียงแต่ว่าเราขายแพ็กเกจใหญ่เพราะเราไม่สามารถขาย 1 ถุง 50 บาทได้ เพราะค่าส่งไม่คุ้ม จุดเริ่มต้นที่ขายเพราะทุกคนเห็นเราทุกคนนั่งทานข้าวอยู่ที่บ้านพี่เอ ก็จะเห็นทุกคนชอบตักไข่พะโล้มาทานก่อน จนทุกคนรีเควสว่าเมื่อไหร่พี่เอจะเอาเมนูที่เรากินกันในบ้านตอนที่เราไปนั่งคุยงานมาให้ทางบ้านได้ทานบ้าง

จริง ๆ พี่เอต้องกราบบอกทุกคนนะ ถ้าพี่เอทำอะไรแล้ว พี่เอตั้งใจ ใส่ใจรายละเอียด เพราะแม่หน่อยสอนมา คนบริโภคว่าเราไม่ได้ พี่เอก็เลยต้องตั้งใจขนาดนี้ คือหมูต้องตุ๋นกันทั้งคืน มีวันหนึ่งที่แก๊สหมดตอนเที่ยงคืน เพราะพี่เอยังนั่งเคี่ยวพะโล้อยู่เลย เพราะมันต้องตุ๋นถึงเช้า ปรากฏว่าต้องโทรฯ ไปร้านแก๊สจนถูกร้านแก๊สว่า เอ็นดูพี่เอเถอะค่ะ อีกอย่างบางที่ขายน้ำพะโล้เหมือนน้ำล้างจาน มันไม่เข้มข้น แล้วเราคนใต้เวลาทำอะไรเครื่องแกงต้องนัมเบอร์วัน

หลังเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไป ก็มีแฟน ๆ จำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า ปริมาณคุ้มค่ากับราคาตามที่บอกไว้จริง อีกทั้งยังรสชาติถึงเครื่องอย่างมาก อีกทั้งชาวเน็ตยังบอกอีกว่าหน้าตาของไข่พะโล้ดูเข้มข้นถึงเครื่องมาก

‘ตำรวจ’ บุกรวบ ‘หนุ่มเมียนมา’ ฆ่าคนขับแท็กซี่ จ.สมุทรปราการ พบเสื้อเปื้อนเลือด-โทรศัพท์-รถของผู้ตาย เบื้องต้นให้การปฏิเสธ

(28 ส.ค. 67) จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตถูกนำมาทิ้งหมกภายในพงหญ้าริมบ่อปลา หมู่ที่ 7 ซอยข้างโรงพยาบาลรามาธิบดี สมุทรปราการ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานชุดสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50-60 ปี สวมเสื้อโปโลสีเทา กางเกงขายาวสีครีม สวมรองเท้าแตะหูหนีบ มีแขนทั้ง 2 ข้าง ถูกพันธนาการด้วยเชือกไนล่อนสีเขียวมือไขว้หลัง ที่ศีรษะมีบาดแผลขนาดใหญ่จนกะโหลกแตก จากการโดนของแข็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ซึ่งเป็นชายชาวเมียนมา ทราบชื่อคือนายมอง จอ มิน หรือนายซัน อายุ 42 ปี จับได้ที่เพิงพักใกล้เคียงหมู่บ้านบัวทองธานี ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง โดยพบแท็กซี่สีเหลือง-เขียว ของผู้ตาย และโทรศัพท์มือถืออยู่ในเพิงพัก

โดยนายซัน ปฏิเสธข้อกล่าวหา บอกว่าตนไม่ได้ก่อเหตุ ไม่ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุเลย และไม่ได้ก่อเหตุฆ่าใคร พอทีมข่าวบอกว่าแล้วรถแท็กซี่มาได้อย่างไรก็ไม่สามารถตอบได้ ทีมข่าวได้บอกว่าพี่เอาเขาไปถ่วงน้ำทำไม ยังทำท่าตกใจ หันมาบอกทีมข่าวว่าไม่ได้ทำ นอกจากนี้ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของพื้นที่ ก็บอกว่าชายคนดังกล่าวนั้นมาพักอยู่ที่นี่ได้ 1 สัปดาห์แล้ว

ต่อมาทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนายซัน ผู้ก่อเหตุฆาตกรรม คนขับรถชายแท็กซี่​ที่พื้นที่​บางพลี​ จังหวัดสมุทรปราการ​ ตอนแรกนายซันบ่ายเบี่ยงบอกว่าตนเองไม่ได้ขับรถแท็กซี่ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ยอมเปิดปากว่ามีคนบอกให้ตนเองไปขับรถแท็กซี่ เพื่อนำมาซ่อมทำสี​ และยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย​ จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาจับและนักข่าวก็มาถ่ายภาพตนทำไม​​

ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง และชุดสืบภาค 1​ ทราบข้อมูลว่า เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ ย่านหมู่บ้านบัวทองธานี ภายในซอยตลาดนัดบังยา​ ​ต.บางบัวทอง​  อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี​ พอมาถึงจุดเกิดเหตุก็เห็นรถแท็กซี่ของผู้ตายจอดอยู่สุดซอย ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงคนทุบ หลังคาบ้าน ห่างจากรถที่จอดประมาณ 20 เมตร จึงรวมพลมายังบ้านหลังดังกล่าว ก็พบชายต้องสงสัย ลักษณะคล้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่สมุทรปราการแจ้งมา ว่าเป็นชาวต่างชาติผิวคล้ำ รูปร่างสูงผอม 

จึงเข้าจับกุมได้ภายในบ้านหลังดังกล่าว ทราบภายหลังว่าเป็นบ้านพักของญาติ โดยชายคนดังกล่าว ได้นำกุญแจรถแท็กซี่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยอมรับเพียงว่าตนเป็นคนขับรถแท็กซี่มา แต่ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นคนก่อเหตุฆาตกรรม​ ชุดจับกุมจึงทำการค้น บ้านพักชายคนดังกล่าว​ ทราบว่าเป็นชาวเมียนมา ชื่อว่านายซัน​ จากนั้นพอเข้าไปค้นภายในบ้านก็พบเสื้อสีขาว ลักษณะเปื้อนเลือดฉีกขาด มีร่องรอยต่อสู้ พบกางเกงเปื้อนโคลน และพบโทรศัพท์ของผู้ตายอยู่ภายในบ้านพัก​ ซึ่งได้ให้ชุดพิสูจน์หลักฐาน เก็บร่องรอยคราบ เลือดเพื่อทำการพิสูจน์ต่อไป

เบื้องต้น หลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง พบว่าบริเวณท้ายรถมีเชือกไนล่อนสีเขียว ลักษณะเดียวกันกับที่คนร้ายใช้มัดมือผู้เสียชีวิต จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะนำรถคันดังกล่าว ไปที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ข้อมูลอีกด้านเพื่อคนที่มีความคิดหวังจะยึดโซเชียลมีเดียเป็นที่ทำมาหากิน ร้อยละ 97.5% ที่มีรายได้จากการเป็นยูทูบเบอร์ 'ไม่พ้นความยากจน'

(28 ส.ค.67) ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก 'Stapnavatr Vajira' ได้โพสต์ข้อมูลที่น่าสนใจในทางเศรษฐกิจของคนที่มีความคิดหวังจะเอาโซเชียลมีเดียเป็นที่ทำมาหากิน ไว้ดังนี้...

(1) ประเทศไทยมี Ranking อยู่ในอันดับ 10 ของโลก ที่มีการสร้างช่องยูทูบและมีผู้ติดตามเกิน 10 ล้าน หรือถ้าพูดในอีกด้านหนึ่งคือ เมืองไทยได้มีคนที่อยากจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งในแง่การผลิตหรือบริโภค น่าจะเยอะมากแล้ว หรือ อาจเข้าโซน Red Ocean ได้แล้ว

(2) 58% ของคนสร้างคอนเทนต์ในโลก ทำงานนี้อย่างเดียว

(3) 59% ของการทำคอนเทนต์ในช่วงปีแรก จะมีรายได้ไม่เกิน 100 ดอลลาร์!!!

(4) มีเพียงร้อยละ 12 ของผู้สร้างคอนเทนต์ที่ทำงานเต็มเวลา จะมีรายได้เกิน 50,000 ดอลลาร์ต่อปี และมีร้อยละ 46 ที่มีรายได้น้อยกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อปี

(5) ร้อยละ 97.5% มีรายได้จากการเป็นยูทูบเบอร์ ไม่พ้นความยากจน

เอาไว้บอกลูกหลานที่ไม่อยากทำงาน นึกว่างานแบบนี้ดี

อดอยากครับ เป็นทั้งโลก

ทำสวนดีกว่ามั้งครับ

EA เคลียร์หนี้ระยะสั้นได้หมด เร่งจัดหาแหล่งเงินทุน พร้อมไปต่อยานยนต์ไฟฟ้า-น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

 

EA เคลียร์หนี้ระยะสั้นหมด ขอบคุณผู้ถือหุ้นกู้ทุกคนและสถาบันการเงินทุกแห่งที่เชื่อมั่นในศักยภาพ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ - น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนเพิ่มสภาพคล่องในการทำธุรกิจ เร่งเดินหน้าหาแหล่งเงินทุน เจรจา Strategic Partner 
ที่มีศักยภาพพร้อมเติบโตต่อเนื่อง

(28 ส.ค. 67) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ได้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 12 รุ่น รวมวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 24,000 ล้านบาท การประชุมกับผู้ถือหุ้นกู้ที่จัดขึ้นครั้งนี้เพื่อเป็นการขอให้ยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของหุ้นกู้รุ่นอื่นที่เป็นข้อกำหนดสิทธิ โดยในที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้โหวตยินยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ส่งผลให้บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาหนี้ระยะสั้นได้จบทั้งหมด พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ 

โดยในรายละเอียดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ที่จัดขึ้นนี้เพื่อพิจารณาวาระ“การขอผ่อนผันให้ (1) การเปลี่ยนแปลงวันครบกำหนดไถ่ถอนตั๋วแลกเงิน ระยะสั้นรุ่น EA24723A และ EA24801A และ (2) การขอขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ EA248A และ EA249A รวมถึงการเสนอปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย การให้หลักประกันและการเข้าทำสัญญาใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อ 11.1 (ญ) ของข้อกำหนดสิทธิ” โดยแบ่งการประชุมเป็น 4 กลุ่ม ช่วงเช้าและบ่าย ในช่วงเช้าเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นกู้  รุ่น EA249A EA269A EA289A มีผู้ถือหุ้นกู้ร้อยละ 97.5 ได้ลงมติอนุมัติเห็นด้วย และมีเพียงร้อยละ 2.5  ไม่เห็นด้วย และในช่วงบ่ายเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 3 กลุ่มด้วยกันดังนี้ กลุ่มที่ 1 รุ่น EA257A,  มีผู้ถือหุ้นกู้ร้อยละ 100.00 ได้ลงมติอนุมัติเห็นด้วย กลุ่มที่ 2 รุ่น EA259A, EA279A, EA299A, EA329A มีผู้ถือหุ้นกู้ร้อยละ 63.79 ได้ลงมติอนุมัติเห็นด้วย และมีเพียงร้อยละ 36.21 ไม่เห็นด้วย และกลุ่มที่ 3 EA261A, EA281A, EA301A, EA331A มีผู้ถือหุ้นกู้ร้อยละ 61.19 ได้ลงมติอนุมัติเห็นด้วย และมีเพียงร้อยละ 38.81 ไม่เห็นด้วย 

การจัดประชุมครั้งนี้ถึงแม้จะไม่สามารถจัดแบบ Hybrid แต่ก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถือหุ้นสามารถเข้ามาร่วมประชุมที่สถานที่จัดประชุมและสอบถามข้อกังวลได้

นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) ของ EA กล่าวว่า “ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นที่ให้ความร่วมมือและไว้วางใจลงมติอนุมัติให้บริษัทเดินหน้าต่อไป ขอขอบคุณสถาบันการเงินทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง วันนี้ EA เคลียร์ปัญหาหนี้ได้ ช่วงเวลาต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา ด้วยธุรกิจของบริษัทยังคงดำเนินตามปกติ ผู้บริหารชุดใหม่พร้อมเดินเครื่องการทำงานเต็มที่และมั่นใจว่าจะขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตต่อไป”

“ก้าวต่อไปบริษัทกำลังเดินหน้าจัดหาแหล่งเงินทุนทั้งจากสถาบันการเงินในและต่างประเทศ รวมถึงกำลังเจรจาหา Strategic Partners ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้และพัฒนาธุรกิจ ขณะเดียวกันก็ยังดำเนินการนำรายได้ในอนาคตเข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) เสนอขายให้กับนักลงทุน คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ก็จะมีความคืบหน้าที่ชัดเจน” นายวสุกล่าวเพิ่มเติม 

“ช่วงเวลานับจากนี้เป็นช่วงเวลาของการเดินหน้าธุรกิจที่เป็นเมกะแทรนด์โลก ทั้งด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าขนส่งเชิงพาณิชย์ที่พร้อมในการส่งมอบรถหัวลากไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้า รวมถึงการลงทุนโครงการใหม่ได้แก่ การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมที่ไร้มลพิษตามพันธกิจของบริษัท” นายวสุกล่าวทิ้งท้าย

‘บิ๊กป้อม’ เซ็นมอบ ‘วัน อยู่บำรุง’ คุม ‘พลังประชารัฐ กทม.’ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามอุดมการณ์-นโยบายพรรคฯ

(28 ส.ค. 67) มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรค พปชร.ที่ 7/2567 เรื่อง มอบหมายผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเนื้อหาว่า เพื่อให้การบริหารงานของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 (1) (จ) จึงขอมอบหมายให้นายวัน อยู่บำรุง เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานและการประสานงาน งานกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

'ชาวลาว' เรียกร้องความเป็นธรรมให้ 'หนุ่มไทย' หลังถูกวัยรุ่นอายุ 17 ขับรถเฟอร์รารี่ชนดับ

(28 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'Joseph Akaravong' ได้ออกมาโพสต์เรื่องร้องเรียน หลังมีหนุ่มชาวไทยที่ไปอาศัยอยู่ที่สปป.ลาว ถูกหนุ่มวัย 17 ปี ขับรถหรูชนจนเสียชีวิต ทำให้ชาวสปป.ลาว ไม่พอใจเป็นอย่างมากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้หนุ่มไทยคนนี้ โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า... 

"รถที่ชนคนตายคือคันนี้ ผู้ที่เสียชีวิตคือคนไทยที่อาศัยอยู่ในลาว FuFu Idol Indy คนขับรถฝั่งญาติ อ้างคนเกี่ยวข้องไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อายุเพิ่ง 17 ปี"

ภาพที่ผู้ร้องเรียนโพสต์นั้นเป็นภาพรถซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่ สีขาว สภาพด้านหน้าพังยับเยินจากอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมโพสต์ภาพของหนุ่มไทยที่เสียชีวิต นอกจากนี้ชาวเน็ตได้ออกมาแสดงความอาลัย รวมทั้งเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นจำนวนมาก

ซึ่งพบว่าทางโซเชียลมีเดียของทางสปป.ลาว ได้ติดแฮ็ชแท็ก #ຂໍຄວາມເປັນທຳໃຫ້ອ້າຍຟູ ที่แปลได้ว่า #ขอความเป็นให้อ้ายฟู ทั้งนี้ยังพบว่าชาวไทยผู้เสียชีวิตนั้นเป็นช่างภาพคนดังในโลกออนไลน์ และมีคนสปป.ลาวติดตามเป็นจำนวนมาก เมื่อไปดูเฟซบุ๊ก 'FuFu Idol Indy' ของผู้เสียชีวิตนั้นพบว่ามีชาวลาวเข้ามาแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก

'จีน' ยก 'หลานม่า' สร้างอารมณ์ร่วมในหมู่ผู้ชม-ทุบคะแนนหนังสูงเป็นสถิติ ด้านชาวจีนปลื้ม!! หนังพาคิดถึงวันวาน-สะท้อนวิถีครอบครัวเอเชียตะวันออก

(27 ส.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยความรู้สึกชาวจีนหลังจากเมื่อวันศุกร์ (23 ส.ค. 67) ภาพยนตร์ไทยเรื่อง 'หลานม่า' ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีน 

เฉินเย่ว์ ชาวเมืองหนานหนิง เปิดเผยความรู้สึกหลังชมภาพยนตร์จบว่า รูปแบบการเล่าเรื่องที่สงบและอบอุ่น ผ่านเรื่องราวที่ดำเนินไป ทำให้ตนหวนนึกถึงความทรงจำที่มีกับครอบครัว พร้อมกล่าวว่ารูปแบบการเล่าเรื่องนั้นชวนให้น้ำตาคลอ การตีแผ่ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และการนำเสนอประเด็นทางสังคมอย่างแยบคายก็ชวนให้ผู้ชมขบคิดตาม

สำหรับ 'หลานม่า' เป็นภาพยนตร์ที่ครองแชมป์การจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ หรือบ็อกซ์ออฟฟิศ (box office) ของไทยประจำปีนี้ โดยกวาดรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ทะลุ 300 ล้านบาท หลังเข้าฉายในไทยเมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ต่อมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ โดยได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจากผู้ชมในต่างประเทศ

ขณะที่ภายหลังจากภาพยนตร์เรื่อง 'หลานม่า' เข้าฉายในแผ่นดินใหญ่ เว็บไซต์โต้วป้าน (Douban) แหล่งรวมรีวิวและคำวิจารณ์ภาพยนตร์สัญชาติจีน ก็ได้ให้คะแนนภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้สูงถึง 9.0 ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไทยที่มีคะแนนสูงที่สุดในปัจจุบัน 

นอกจากนี้ ประเด็นจริยธรรมในความสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัวในเรื่องหลานม่า เป็นที่พูดถึงอย่างมากบนสื่อสังคมออนไลน์ของจีน และจวบจนวันอาทิตย์ (25 ส.ค.67) ที่ผ่านมา 'หลานม่า' กวาดรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ในแผ่นดินใหญ่ทะลุ 30 ล้านหยวน (ราว 150 ล้านบาท) แล้วเรียบร้อย

ชาวเน็ตจีนรายหนึ่งได้เขียนแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์โต้วป้านว่า ในวัฒนธรรมของชาวเอเชียตะวันออก ครอบครัวถือเป็นหนึ่งเดียวกัน และความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวเน้นย้ำถึงคุณค่าของครอบครัว รวมไปถึงความกตัญญูกตเวที และการเคารพผู้อาวุโส ซึ่ง 'หลานม่า' ได้ชวนให้ผู้ชมได้ขบคิดถึงประเด็นทางสังคมหลายด้าน เช่น การเลี้ยงดูลูก การดูแลบุพการี และสภาวะ 'นอนราบ' ของคนหนุ่มสาว ผ่านภาพของครอบครัวชาวเอเชียตะวันออกที่ยึดถือคุณค่าเรื่องครอบครัวและความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน อันช่วยเพิ่มมิติที่ลึกซึ้งให้กับภาพยนตร์ และกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเป็นวงกว้างไปพร้อมๆ กับการสร้างอารมณ์ร่วมในหมู่ผู้ชม

ด้าน พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทีมงานพยายามสอดแทรกกลิ่นอายของครอบครัวเอเชียตะวันออกเข้าไปในภาพยนตร์ นำเสนอความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนระหว่างผู้คน เพื่อทำให้แต่ละตัวละครมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นเหตุผลว่า "ทำไมผู้ชมจึงหวนนึกถึงคนที่พวกเขารัก"

นอกเหนือจากอารมณ์ของภาพยนตร์ที่ชวนให้ซึ้งกินใจแล้ว ภูมิหลังที่เกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเลจากแต้จิ๋วและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมในพิธีศพของชาวจีนตอนใต้ที่ปรากฏในภาพยนตร์ ยังทำให้ผู้ชมชาวจีนรู้สึกเข้าถึงและคุ้นเคย ทั้งยังสื่อให้เห็นถึงการเคารพและการสืบสานอารยธรรมตะวันออก

ด้าน เซี่ยงอวี๋ มัคคุเทศก์ชาวจีนในไทย กล่าวว่าตัวละครอาม่าในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว พูดภาษาแต้จิ๋วได้ และชอบดูงิ้ว ในหนังยังมีการใส่เพลงกล่อมเด็กภาษาแต้จิ๋ว รวมถึงประเพณีการปัดกวาดสุสานในช่วงเทศกาลเช็งเม้งเข้าไปด้วย สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันชิดใกล้ระหว่างวัฒนธรรมจีนกับไทย ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการรักษาขนบธรรมเนียมและค่านิยมดั้งเดิมของชาวจีนโพ้นทะเลในต่างประเทศ ไปพร้อมๆ กับการสร้างอัตลักษณ์ของตนเองในขณะปรับตัวเข้ากับสังคมท้องถิ่น

หลายปีมานี้ ผลงานภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ของจีนและไทยมีบทบาทในการสานสัมพันธ์ของประชาชนสองประเทศ การเผยแพร่ผลงานเหล่านี้ในต่างประเทศได้สร้างคุณูปการต่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ยกตัวอย่างจากภาพยนตร์ไทยเรื่อง 'ฉลาดเกมส์โกง' ที่เข้าฉายในจีนเมื่อปี 2017 ได้กวาดรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ไปกว่า 1.35 พันล้านบาท นอกจากนี้ ภาพยนตร์และละครไทยยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เสื้อผ้า, ขนม, ผลไม้ ฯลฯ

ด้าน เหลยเสี่ยวหัว นักวิจัยประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา สังกัดสถาบันสังคมศาสตร์เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง กล่าวว่า ไม่กี่ปีมานี้ การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่างจีน-ไทย อันรวมถึงการเผยแพร่ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ได้ช่วยส่งเสริมการพูดคุยข้ามวัฒนธรรม และกระตุ้นศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

‘ปรีดี พนมยงค์’ ยอมรับทำการปฏิวัติ ทั้งที่เข้าใจประชาชนไม่มากพอ

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี…

“ในปี ค.ศ. 1932 ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่
ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความชัดเจนมากขึ้นข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ”

ปรีดี พนมยงค์
ให้สัมภาษณ์ ณ บ้านอองโตนี กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2522

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

หลังการปฏิวัติ เกิดการกอบโกยทรัพย์จนร่ำรวย ซ้ำยังกดขี่ประชาชนไม่ให้สนใจการเมือง

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“เขากดขี่บังคับโดยปริยายไม่ให้ราษฎรเดินดินสนใจในการเมือง เขาผูกขาด ตัดทอน อำนาจปวงชนไปสู่อุ้งมือและกรงเล็บของเขา ตำรวจใหญ่ สร้างอิทธิพล อำนาจทั่วทุกมุมเมือง ขณะเดียวกัน ภรรยา ญาติ ต่างเริ่มกอบโกยเงินอย่างลับ ๆ…

“เมื่อกอบโกยร่ำรวยกันพอควรแล้ว บางคนสำนึกตัวว่า สร้างภาพพจน์ที่เลวลงไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็เริ่มถอยห่าง สละอำนาจเพราะจิตสำนึกในทางดีงาม มีศีล มีธรรม มีสัจจะ”

ร.อ.สำรวจ กาญจนสิทธิ์ นายทหารคนสนิทคนสุดท้ายของ พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) กล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2523

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top