Monday, 7 July 2025
THAIFEX

CEO กลุ่มธุรกิจ TCP หวังการเมืองไทย มีเสถียรภาพ  มองการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ธุรกิจรายใหญ่สามารถปรับตัวได้

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 66 ในงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2023 นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงภาพรวมธุรกิจภายหลังการเลือกตั้งไว้ว่า...

"หากพูดถึงกลุ่มธุรกิจ TCP ก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ หลังจากการเลือกตั้ง เนื่องจากธุรกิจในกลุ่ม TCP ไม่ได้ทำธุรกิจหรือสัมปทานกับภาครัฐ ถ้าจะห่วงก็คงเป็นสถานการณ์ในต่างประเทศมากกว่า เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ของกลุ่ม TCP มีฐานลูกค้าอยู่ที่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากประเมินแล้วมีความเสี่ยงสูง ก็จะชะลอการดำเนินงานไปก่อน อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่อาจต้องจับตาในไทย คงเป็นเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่า เพราะถ้าการเมืองมีเสถียรภาพ ธุรกิจต่าง ๆ ก็จะเดินหน้าไปได้ ฉะนั้นถ้าการเมืองตอนนี้เป็นไปตามกระบวนการ ก็ไม่น่ามีอะไรให้ต้องกังวล"

เมื่อถามถึงประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคก้าวไกล นายสราวุฒิ กล่าวว่า "นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทนั้น จะกระทบหรือไม่ ต้องไปดูตามตัวบทกฎหมาย อีกทั้งทางภาคธุรกิจยังมีคณะไตรภาคีที่จะพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่โดยส่วนตัว ผมมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากธุรกิจของ TCP ใช้เครื่องจักรในการผลิตสินค้าเป็นส่วนใหญ่จำนวนแรงงานที่ใช้จึงไม่ได้เยอะ แต่ปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะไปเป็นภาระหนักของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางมากกว่า ส่วนธุรกิจรายใหญ่สามารถปรับตัวได้หมดเนื่องจากสามารถลงทุนด้านเครื่องจักรได้"

เมื่อถามถึงภาพรวมความสัมพันธ์กับต่างประเทศ หลังพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะมีผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกับประเทศจีนหรือไม่ นายสราวุฒิ มองว่า "ในแง่ของภาคเอกชนที่ได้ดำเนินธุรกิจในต่างแดน ย่อมต้องสร้างสัมพันธ์อันดีทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องกับประเทศต่าง ๆ ตลอดอยู่แล้ว กลับกันในส่วนของภาครัฐนั้นจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า แต่ก็แน่นอนว่า ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดี ภาคเอกชนก็จะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น"

เมื่อถามถึงเรื่องเร่งด่วนที่อยากฝากถึงรัฐบาลให้ดำเนินการ นายสราวุฒิ กล่าวว่า "ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผมอยากให้ช่วยเข้าไปพัฒนาในเรื่องของระบบการศึกษาให้ดีขึ้นกว่านี้ ทำให้เยาวชนไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ ไม่ใช่แค่กระทรวงศึกษาธิการหรือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวิธีการเรียนรู้ของเยาวชนไทย เพราะภาคธุรกิจจะเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีทรัพยากรมนุษย์ที่เก่งและเชี่ยวชาญมารองรับธุรกิจต่าง ๆ ตนไม่อยากเห็นภาพที่คนต่างชาติเข้ามาทำงานในเมืองไทยมากกว่าที่จะเป็นคนไทยทำงานในเมืองไทยกันเอง"

THAIFEX-ANUGA ASIA 2025 ผู้เข้าชมทะลุ 1.42 แสนคน ยกระดับสู่สากล มูลค่าการค้า!! พุ่งกว่า 1.35 แสนล้านบาท

(3 มิ.ย. 68) กระทรวงพาณิชย์ ประกาศความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติ “THAIFEX – ANUGA ASIA 2025” ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักธุรกิจและผู้ซื้อจากทั่วโลก สะท้อนถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจอาหารของภูมิภาค และแหล่งสำรองอาหารที่มีบทบาทสำคัญของโลก พร้อมเป็นเวทีส่งเสริม “ครัวไทยสู่ครัวโลก” และยกระดับเศรษฐกิจการค้าของประเทศสู่ระดับสากล

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ความสำเร็จของ THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ไม่เพียงตอกย้ำศักยภาพของผู้ประกอบการไทย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสนใจจากนานาประเทศต่ออุตสาหกรรมอาหารไทยอย่างชัดเจน ซึ่งสอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อน Soft Power ของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่มุ่งผลักดันอาหารไทยให้เป็นทั้งจุดแข็งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจระดับโลก

“ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักธุรกิจต่างชาติ ไม่เพียงสร้างโอกาสทางการค้าแก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs และสตาร์ตอัป แต่ยังส่งผลเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการสร้างรายได้และการจ้างงานในหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ” นายพิชัยกล่าว

สำหรับผลการจัดงานในปีนี้ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้าจำนวน 3,231 บริษัท 6,208 คูหา จาก 57 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นผู้ประกอบการไทย 1,184 ราย และผู้ประกอบการต่างชาติ 2,047 ราย โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานรวมทั้งสิ้น 142,370 คน แบ่งเป็นผู้ร่วมเจรจาการค้า 88,349 คน (ชาวต่างชาติ 20,566 คน และชาวไทย 67,783 คน) และประชาชนทั่วไปในวันจำหน่ายปลีกกว่า 54,021 คน

ขณะที่ด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ งานสามารถสร้างมูลค่าการค้ารวมสูงถึง 135,678.07 ล้านบาท แบ่งเป็น: มูลค่าการซื้อขายในวันเจรจาธุรกิจ: 135,450.25 ล้านบาท (สั่งซื้อทันที: 271.81 ล้านบาท คาดการณ์การสั่งซื้อภายใน 1 ปี: 135,178.44 ล้านบาท) มูลค่าการซื้อขายในวันจำหน่ายปลีก: 227.82 ล้านบาท โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายของผู้ประกอบการไทย คิดเป็นยอดรวม 99,099.28 ล้านบาท

สำหรับประเทศที่มีปริมาณการสั่งซื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน ไทย อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น ขณะที่โซนสินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ Fine Food, Food Technology, Drinks, Frozen Food และ Fruits & Vegetables

งานครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์, หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ซึ่งพร้อมเดินหน้าจัดงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2026 ให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา พร้อมยกระดับสู่เวทีการค้าสากลที่รวมเทรนด์และนวัตกรรมอาหารจากทั่วโลก โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 30 พฤษภาคม 2569 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top