Wednesday, 26 March 2025
SCAMMER

สิงคโปร์เล็งออกกม. ให้ตร.ยึดบัญชีเหยื่อแทน ป้องกันก่อนถูกตุ๋น หากไม่เชื่อว่าเป็นมิจ

(12 พ.ย.67) รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมใช้มาตรการใหม่เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางการเงิน หลังพบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก แม้ว่ามาตรการใหม่นี้อาจกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล แต่รัฐบาลมีเป้าหมายในการป้องกันชาวสิงคโปร์ไม่ให้เสียเงินจำนวนมากแก่มิจฉาชีพ

ร่างกฎหมาย 'คุ้มครองจากการหลอกลวง' (Protection from Scams Bill) ที่เสนอเข้าสู่รัฐสภาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน อาจทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในโลกที่ให้สิทธิตำรวจในการควบคุมบัญชีธนาคารของเหยื่อที่ไม่ยอมรับว่าตนเองถูกหลอก แม้จะมีหลักฐานชัดเจน

กฎหมายใหม่นี้จะเปิดทางให้ตำรวจสามารถออกคำสั่งเพื่อจำกัดธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงิน การใช้ ATM และการเข้าถึงวงเงินสินเชื่อ ซึ่งจะกระทบถึงการทำธุรกรรมของบุคคลในบัญชีธนาคารของตนเอง ทั้งที่ทำผ่านธนาคารโดยตรงหรือบริการชำระเงินยอดนิยมอย่าง PayNow

หากร่างกฎหมายผ่านการพิจารณา ตำรวจจะสามารถออกคำสั่ง RO เพื่อหยุดการโอนเงินได้ หากพบว่าเหยื่ออาจตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวง หรือเห็นว่าจำเป็นต้องปกป้องเหยื่อจากการเสียทรัพย์

รายงานเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ชาวสิงคโปร์สูญเงินให้แก่มิจฉาชีพสูงถึง 385.6 ล้านดอลลาร์ จากคดีหลอกลวงรวมกว่า 26,587 คดี ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ของประเทศ

สิงคโปร์ให้อำนาจตำรวจ คุมบัญชีปชช.สกัดสแกมเมอร์

(8 ม.ค. 68) สิงคโปร์สร้างความฮือฮาในวงการกฎหมายโลกด้วยการผ่านกฎหมายใหม่ที่มอบอำนาจให้ตำรวจควบคุมบัญชีธนาคารของบุคคล หากพบหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลนั้นกำลังตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง โดยกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2025 และถือว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลกที่มีมาตรการเช่นนี้  

ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสืบสวนอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ สามารถออกคำสั่งหยุดการทำธุรกรรมทางการเงินได้ทันที หากพบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าผู้ถือบัญชีกำลังจะโอนเงินให้กับกลุ่มผู้หลอกลวง แม้ว่าเจ้าของบัญชีจะเต็มใจโอนเงินด้วยตัวเองก็ตาม  

สำหรับบุคคลที่ถูกสั่งจำกัดตามกฎหมายนี้ จะถูกระงับการใช้งานบัญชีธนาคาร การเข้าถึงตู้เอทีเอ็ม และวงเงินสินเชื่อ โดยยังคงอนุญาตให้ถอนเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้เพียง 30 วัน และสามารถต่ออายุได้สูงสุด 5 ครั้ง  
“เป้าหมายหลักของกฎหมายนี้คือการให้ตำรวจมีเวลามากขึ้นในการโน้มน้าวและแจ้งเตือนเหยื่อว่ากำลังถูกหลอกลวง รวมถึงขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อ”  

ทั้งนี้ คำสั่งควบคุมจะถูกใช้ก็ต่อเมื่อไม่มีวิธีอื่นที่สามารถป้องกันเหยื่อได้ ซุนยังยกตัวอย่างกรณีหญิงวัย 64 ปีที่สูญเสียเงิน 400,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ให้กับผู้หลอกลวงที่อ้างว่าเป็นคนรัก  

ซุนเปิดเผยว่ามาตรการป้องกันในปัจจุบันไม่สามารถจัดการปัญหาหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก 86% ของกรณีหลอกลวงมาจากการที่เหยื่อโอนเงินด้วยตัวเอง และคิดเป็น 94% ของความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายนปีที่ผ่านมา  

ยูจีน ตัน นักวิเคราะห์การเมืองและศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ กล่าวว่า  
“นี่เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองสถานการณ์เฉพาะของสิงคโปร์ และยังไม่พบประเทศอื่นที่มีกฎหมายลักษณะเดียวกัน” 

แม้จะมีความกังวลว่ากฎหมายอาจเป็นการล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคล แต่เขาเชื่อว่ารัฐบาลสิงคโปร์มองว่าการหลอกลวงเป็นภัยคุกคามทางสังคมที่สร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง  

จามัส ลิม ส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคแรงงานแสดงความกังวลว่ากฎหมายนี้อาจแทรกแซงสิทธิในการทำธุรกรรมส่วนบุคคล แต่ยังคงสนับสนุนเนื่องจากเห็นถึงปัญหาการหลอกลวงที่ทวีความรุนแรงขึ้น  

ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยระบุว่าในปี 2023 สิงคโปร์สูญเสียเงินกว่า 650 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากกรณีหลอกลวง และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปี 2024 พร้อมกับมูลค่าความเสียหายที่อาจเพิ่มขึ้น 40%  

ยูจีน ตัน เสริมว่า  “ปัญหาหลอกลวงกำลังอยู่ในจุดวิกฤติ หากยังไม่ถึงจุดนั้นแล้ว”  การออกกฎหมายใหม่นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสิงคโปร์ในการปกป้องประชาชนจากกลุ่มมิจฉาชีพ แม้จะเป็นการดำเนินการที่เข้มงวดและไม่เคยมีมาก่อนในโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top