Friday, 3 May 2024
Politic

‘คุณหญิงสุดารัตน์’ ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย


วันที่ 30 พ.ย. 2563 มีรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ว โดยมีแกนนำ อาทิ นายโภคิน พลกุล, นายพงศกร อรรณนพพร ลาออกด้วยเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ มีบทบาทสำคัญในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญช่วงหาเสียงเลือกตั้งให้พรรคในการเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก่อนที่พรรคจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหม่ กระทั่งมีข่าวการลาออกของสมาชิกพรรคคนสำคัญในวันนี้

‘แรมโบ้’ เตือน ผู้นำฝ่ายค้าน ไม่แก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้อาจตกหลุมพราง-ร่วมทฤษฎีสมคบคิด หวั่นประชาชนเกิดความไม่พอใจ จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลายได้อีก

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านไม่ยอมแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า แม้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะบอกว่าไม่ได้เป็นการบังคับ อยู่ที่การตัดสินใจของฝ่ายค้าน แต่นายสมพงษ์ก็ไม่ควรที่จะยื่นญัตตินี้มาอภิปรายฯ

และหากนายสมพงษ์และฝ่ายค้านไม่ยอมถอน และแก้ญัตติเรื่องนี้ เป็นการทำให้เห็นว่านายสมพงษ์ไม่มีความห่วงใยบ้านเมือง คาดการณ์ได้เลยอาจจะมีเหตุการณ์วุ่นวายในสภาฯและนอกสภาฯได้

นายสมพงษ์ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เพราะตัดสินใจไม่เป็นว่าญัตตินี้ไม่ควรยื่นอย่างยิ่ง และสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่กล้าตัดสินใจ กลายเป็นเครื่องมือให้พรรคที่คิดล้มล้างสถาบัน ยืมพรรคเพื่อไทยมาเป็นเครื่องมือในการที่จะนำมาอภิปรายเสียดสีสถาบัน คิดได้ว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะใช้ "ทฤษฎีสมคบคิด" นั้นด้วย

ตนไม่เคยมั่นใจเลยว่าฝ่ายค้านจะระมัดระวังคำพูดของตนเองในการอภิปรายฯ ที่จะไม่ให้กระทบกระทั่งกับสิ่งที่ไม่บังควร เพราะเห็นจากพฤติกรรมของ ส.ส. บางคนหรือบางพรรคการเมืองที่มีความคิดคอยแต่จาบจ้วงสถาบันและสนับสนุนคนออกมาบนท้องถนน มีพฤติกรรมที่ทำผิดมาตรา112 ตลอดมา ซึ่งผู้นำฝ่ายค้านและพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ทราบดี

ขณะเดียวกันขอฝ่ายค้านอย่าโยนให้ประธานฯ ในที่ประชุมเพียงฝ่ายเดียวที่เป็นผู้ดูแลการประชุมให้เกิดความเรียบร้อย แต่จะต้องแก้ที่ต้นตอด้วย คือฝ่ายค้านไม่ควรนำมาอภิปรายแต่แรกจะดีกว่า เพื่อให้การอภิปรายเป็นไปได้ด้วยดีและตรงประเด็น เชื่อว่า ส.ส. ฝ่ายค้านแท้จริงแล้วไม่ได้อยากใช้เวทีนี้เพื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯหรือรัฐมนตรี เพราะไม่มีข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงนำมาอภิปรายฯ

ขอถามว่าหากมีใครอภิปรายฯ จาบจ้วงสถาบัน นายสมพงษ์ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ จะรับผิดชอบไหวหรือไม่ อย่าบอก ว่าส.ส.ต้องควบคุมตนเอง เพราะมั่นใจว่าไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน เนื่องจาก ส.ส.บางคนรับงานมาพูดเรื่องสถาบันโดยเฉพาะ

ซึ่งจะไม่สนใจประธานในที่ประชุมอย่างแน่นอน หากมีการพูดพาดพิงสถาบัน แม้ประธานในที่ประชุมจะสั่งให้ถอนคำพูด ตนเองก็มองว่าแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะได้พูดไปแล้วประชาชนได้ยินทั่วประเทศแล้ว และคนทั้งประเทศที่ได้รับชมรับฟังจากการถ่ายทอดสดจะทำให้เกิดความรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก และเกิดความไม่พอใจ จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลายได้อีก

'อนุทิน' จ่อชงครม. 27 ก.ย.นี้ จ่ายค่าตอบแทนอสม. - อสส. คนละ 2,000 บาท

เมื่อวันที่ (26 ก.ย. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 27 ก.ย. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,100.61 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,039,729 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวน 10,577 คน รวม 1,050,306 คน ช่วงเดือนมิ.ย. - ก.ย. 65 รวม 4 เดือน ในอัตรา 500 บาทต่อคนต่อเดือน รวมเป็น 2,000 บาทต่อคน  

ทั้งนี้ เงินดังกล่าวเป็นค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย และสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของ อสม. และอสส. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 ในชุมชนในช่วงระยะเวลาที่โควิด-19 ยังคงเป็นโรคติดต่ออันตราย

'วัชระ' ลั่นตำแหน่ง ส.ส. ไม่ใช่มรดกหรือทรัพย์สมบัติทางการเมืองของใคร ถึงเวลาแล้วที่การเมืองชัยนาทต้องเปลี่ยนโฉม

วันที่ (20 ต.ค. 65) ที่ อ.เมือง จ.ชัยนาท นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาคกลาง พร้อมด้วยนายโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.ชัยนาท นายประวิทย์ สุวรรณสัญญา ผู้ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทย จ.พระนครศรีอยุธยา และทีมงาน ลงพื้นที่พบปะพูดคุยแกนนำและกลุ่มชาวบ้าน จ.ชัยนาท โดยนายวัชระ กล่าวว่า จ.ชัยนาท ก็เป็นเหมือนหลายจังหวัดในภาคกลาง คือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทั้งการท่องเที่ยวและภาคการเกษตร อีกทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่กลับเป็นจังหวัดที่ไม่มีความเจริญมากเท่าที่ควร เพราะขาดการดูแลและขับเคลื่อนที่ไม่มากพอ ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มตามศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งตนมองว่ามาจากสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือขาดการดูแลเอาใจใส่จากภาคราชการอย่างเพียงพอ และอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญคือภาคการเมืองไม่ได้ดึงความเจริญหรืองบประมาณลงสู่พื้นที่มากพอและเหมาะสม ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะให้โอกาสคนใหม่และพรรคใหม่เป็นทางเลือกใหม่ได้เข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ โดยตนอยากให้พี่น้องชาว จ.ชัยนาท ให้โอกาสนายโอฬาร ตั้งวงศ์กิจ และพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งถึงแม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่เป็นพรรคที่ตนมั่นใจว่ามีทีมเศรษฐกิจเก่งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งการันตีได้จากการที่พรรคมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นผู้นำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top