Friday, 10 May 2024
PerfectStorm

'กอบศักดิ์' เผยราคาน้ำมันโลกลดมาอยู่ช่วงก่อนเกิดสงคราม คาดจะช่วย 'เฟด' บริหารจัดการเงินเฟ้อได้ง่ายขึ้น

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกล่าสุด โดยระบุว่า 

ภาพประวัติศาสตร์

เริ่มกลับไปที่เดิม !!!!  ข่าวดี  !!!!

หลังราคาน้ำมันโลกได้พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ไปอยู่ที่ 130-140 ดอลลาร์/บาเรล

ทำให้หลาย ๆ คนกังวลใจว่าจะเกิดปัญหา Stagflation นั้น

มาถึงวันนี้ ราคาน้ำมันโลกได้ลดลง กลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนเกิดสงครามอีกครั้ง 

ราคาน้ำมัน Brent ต่ำสุดวันนี้ที่ 94.5 ดอลลาร์/บาเรล 

ราคาน้ำมัน WTI ต่ำสุดวันนี้ที่ 90.56 ดอลลาร์/บาเรล

ต่ำกว่าระดับจุดเริ่มต้น !!! 

ก่อนปรับตัวขึ้น 

สะท้อนว่า ราคาน้ำมันโลกขึ้นได้ ก็ลงได้เช่นกัน

และหมายความต่อไปว่า สิ่งที่ทุกคนกังวลใจ "ราคาน้ำมันโลกจะเป็นปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้อโลกพุ่งไปเรื่อย ๆ" ตอนนี้ได้คลี่คลายไปบ้างแล้ว

ภาวะความไม่สมดุลระหว่าง Supply และ Demand ในตลาดน้ำมันโลก เริ่มดีขึ้น 

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก การที่น้ำมันของรัสเซียซึ่งถูก Sanctions จากสหรัฐและพันธมิตร ได้ถูกส่งไปประเทศอื่น ๆ แทนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง ทำให้ปริมาณน้ำมันส่งออกในโลกกลับเป็นปกติมากขึ้น และจากความกังวลใจว่าจะเกิด Global Recession ในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดความต้องการใช้น้ำมันลง

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะราคาน้ำมันโลกเป็นต้นตอหลักของเงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา 

ถ้าราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น การ Peak ของเงินเฟ้อก็จะตามมาในช่วงต่อไป

มาลุ้นกันนะครับว่า ราคาน้ำมันโลกในครึ่งหลังของปี จะปรับขึ้นไปสูงเหมือนช่วงแรกของสงครามอีกรอบ ได้หรือไม่ 

หากราคาน้ำมันโลกไม่ขึ้นสูงไปเช่นเดิม ยังวิ่งอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์/บาเรล แรงกดดันต่อเงินเฟ้อในประเทศต่าง ๆ ในครึ่งหลังของปีก็จะค่อย ๆ ลดลง 

สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อก็จะบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น

ซึ่งในเรื่องนี้ หากไม่มีอะไรพลิกผันจนเกินไป คงต้องบอกว่า 

สถานการณ์ตลาดน้ำมันโลกในช่วงครึ่งหลังของปี จะต่างจากช่วงครึ่งแรก 

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ 

จับตา 'แบงก์ชาติสวิส' พร้อมอุ้ม 'Credit Suisse' หลังหุ้นทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน

(16 มี.ค.66) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพและประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี หุ้น Credit Suisse ร่วงต่อเนื่อง โดยระบุว่า...

ให้ล้มไม่ได้ ... ยอมจำนนเป็นรายที่ 2 !!!!

หลังตลาดกดดันมาทั้งวัน จนหุ้น Credit Suisse ทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน สุดท้าย ธนาคารกลางสวิส (SNB) และผู้กำกับสถาบันการเงินสวิส (FINMA) ประกาศพร้อมช่วยเหลือ Credit Suisse
.
FINMA is in very close contact with the bank and has access to all information relevant to supervisory law. Against this background, FINMA confirms that Credit Suisse meets the higher capital and liquidity requirements applicable to systemically important banks. In addition, the SNB will provide liquidity to the globally active bank if necessary.
.
FINMA ได้ติดตามหารือกับ Credit Suisse อย่างใกล้ชิด และได้ดูข้อมูลของธนาคารในมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กฎหมายกำกับสถาบันการเงินได้กำหนดไว้ FINMA ขอยืนยันว่าฐานะการเงินของ Credit Suisse ทั้งเงินทุนและสภาพคล่องยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และหากจำเป็น ธนาคารกลางสวิสจะจัดสภาพคล่องที่ต้องการให้กับ Credit Suisse 
.
พูดง่ายๆ ได้ดูข้อมูลแล้ว และขอให้สบายใจ หาก Credit Suisse มีปัญหา ธนาคารกลางสวิสจะจัดให้ !!!

ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่า Credit Suisse เป็นธนาคารที่สำคัญกว่า Silicon Valley Bank มาก มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 6 แสนล้านดอลลาร์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิส มีอายุ 167 ปี
.
ฝังรากลึก มีโครงข่าย เชื่อมโยงกับธนาคารต่างๆ ในยุโรป ในสหรัฐ อย่างลึกซึ้ง

ใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้ม 

เพียงผลจากเมื่อคืนนี้ แค่ความกังวลใจ ก็ทำให้หุ้นธนาคารอื่นๆ ในยุโรปก็ร่วงตามเป็นแถวๆ

Societe Generale -12.2%
BNP Paribas -10.1%
ING -9.6%
BBVA -9.6%

กระจายไปทั้งภูมิภาค ตลาดหุ้นอังกฤษ สเปน อิตาลี ตกไปประมาณ 4% ใน 1 วัน กระทั่งธนาคารกลางอังกฤษ ก็ต้องจัดประชุมฉุกเฉินกับกลุ่มธนาคารกลางอื่นๆ เพื่อหารือแนวทางที่จะดูแล

ทั้งนี้ แม้ Credit Suisse มีปัญหาเฉพาะในหลายๆ เรื่อง ต่างจากธนาคารอื่นๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกรณีของสหรัฐและยุโรป ชี้ไปถึงความเปราะบางในระบบสถาบันการเงินโลกที่เพิ่มขึ้นมาก จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เกินคาด มา 1 ปีเต็มๆ ของธนาคารกลาง ทำให้สถาบันการเงินจำนวนมาก จัดการความเสี่ยงได้ไม่หมด มีความเสียหายซ่อนไว้ใน Port พันธบัตรที่ถือ จากการลงทุนที่ไปลงไว้ 

ยิ่งเมื่อเศรษฐกิจซบเซาลง จากหนี้เสียต่างๆ ก็จะอ่อนแอลงไปเพิ่ม ทำให้ทุกคนพร้อมวิ่ง เมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น ดังเช่นกรณี Credit Suisse เมื่อคืนนี้ เริ่มจากการสัมภาษณ์ธรรมดาๆ ที่ Saudi National Bank ตอบว่า... 

ได้ลงทุนไปที่ 9.9% ของหุ้น Credit Suisse แล้ว หากเกิน 10% ก็จะเข้าสู่เกณฑ์ใหม่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สามารถลงเงินเพิ่มได้

แต่ข่าวที่ออกมา พาดหัวว่า...

"ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Credit Suisse ปฏิเสธที่จะลงเงินต่อ ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพิ่ม"

เนื่องจาก Credit Suisse มีแผลอยู่แล้ว คนจับตามองอยู่แล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นเนื่องๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

สิ่งที่ตามมาจากคำพูดสั้นๆ ดังกล่าว จึงกลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เกินคาด

สะเทือนไปทั่วโลก

แต่ท้ายสุด เนื่องจาก Credit Suisse ใหญ่เกินไป สำคัญเกินไป

ให้ล้มไม่ได้ !!!

ทางการจึงต้องเข้ามาดูแล

ไม่มีทางเลือก

เมื่อคืน ถือเป็นก้าวแรก ประกาศช่วยเรื่องสภาพคล่อง

ต่อไป หากจำเป็น คงต้องประกาศอุ้มผู้ฝากให้ชัดเจน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top