Wednesday, 1 May 2024
Energy

เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนหนีไม่พ้นอาการดราม่าช่วงก่อนมีประจำเดือน ไม่ว่าอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ มาสะกิดเป็นต้องบ่อน้ำตาแตก

ทั้ง ๆ ที่บางเรื่องก็ไม่มีอะไรเลย ร้องไปก็งงตัวเองไป ปกติก็ไม่ใช่คนขี้แงนี่นา สาว ๆ รู้ไหมคะ ว่าที่เราแสดงอาการแบบนั้นออกไปแท้จริงแล้วมันมีสาเหตุ

เราเรียกอาการนี้ว่า “PMS” หรือ "Premenstrual syndrome" เกิดจากการที่ฮอร์โมนมีความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นอาการผิดปกติที่จะเกิดขึ้นราว 7-10 วัน ก่อนมีประจำเดือนในแต่ละรอบ ส่งผลต่อทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น มีอารมณ์เศร้าหรือเสียใจ โกรธหรือหงุดหงิดง่าย และอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวลง่าย รวมทั้งการร้องไห้กับเรื่องเล็ก ๆ เช่น แม่ใช้ให้ไปล้างจาน แฟนไม่พาไปกินขนม หรือหมาเดินหนี ก็อาจทำให้สาว ๆ น้ำตาร่วงเผลาะได้

ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายได้เอง เมื่อประจำเดือนมา สำหรับการรักษาอาการทางจิตจากภาวะ PMS นั้นคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติ รู้ตนเองว่ากำลังมีอาการอยู่ ฝึกผ่อนคลาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงชากาแฟ เนื่องจากชากาแฟมีสารกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดซึมเศร้า

เห็นไหมคะว่าเราไม่ใช่คนเจ้าน้ำตา แต่แค่ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลงแค่ช่วงนี้เท่านั้น วอนคนรอบข้างโปรดเข้าใจสาว ๆ ที่อาจมีอาการใจบางหน่อยนะคะ

กล้วยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ง่ายอีกทั้งยังอุดมไปด้วยประโยชน์มหาศาล วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับประโยชน์ของกล้วย 17 ประการ ที่บอกเลยว่าใครได้รู้ต้องร้องว้าว!

รู้ไหมคะว่ากล้วยเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีสารอาหารมากที่สุดในโลก อีกทั้งมีโพแทสเซียมในปริมาณที่สูงที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมด หากคุณกินกล้วยสุกวันละสองลูก คุณจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมหาศาลและสิ่งที่เรียกว่า Tumor Necrosis Factor ซึ่งช่วยในการต่อต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านมะเร็งและสารอาหารก็จะสูง เท่านั้นยังไม่พอคุณจะได้รับประโยชน์อะไรอีกบ้างจากการกินกล้วยสองสามลูกในแต่ละวัน ไปดูกันเลย

1.) กล้วยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า คนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะมีระดับของเซโรโทนินในสมองต่ำ กล้วยมีทริปโตเฟนในระดับสูงซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน กล้วยจึงช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้

2.) คุณจะมีพลังงานมากขึ้น กล้วยมีน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ ฟรุกโตส กลูโคส และซูโครส และเป็นไฟเบอร์ที่ดี โรงไฟฟ้าแห่งโภชนาการนี้ให้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและยั่งยืน กล้วยเพียงสองลูกให้พลังงานเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย 90 นาที!

3.) กล้วยช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก ด้วยแคลอรี่เพียง 100 แคลอรี่ต่อมื้อ กล้วยเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักสักสองสามปอนด์ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ 3 กรัมช่วยให้เรารู้สึกอิ่มมากขึ้นและลดความอยาก

4.) กล้วยดีต่อสมอง กล้วยจะปล่อยพลังงานออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้สมองตื่นตัวได้นานขึ้น ระดับโพแทสเซียมที่สูงทำให้เราตื่นตัวมากขึ้น และแมกนีเซียมช่วยให้สมองมีสมาธิ

5.) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของคุณ กล้วยมีโพแทสเซียมและวิตามินบี 6 ในปริมาณสูง กล้วยเป็นแหล่งสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างฮอร์โมน

6.) ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้อง กล้วยที่มีโพแทสเซียมสูงช่วยลดความเป็นกรดของกระเพาะอาหารในขณะที่ไฟเบอร์ช่วยในการย่อยอาหาร ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จำเป็นต่อการบรรเทาอาการเสียดท้อง

7.) กล้วยช่วยลดความดันโลหิต การวิจัยพบว่าการกินกล้วยสองลูกต่อวันสามารถลดความดันโลหิตได้ 10% สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิต กล้วยมีโซเดียมต่ำและโพแทสเซียมสูงจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการบริโภค

8.) ช่วยให้เลือดของคุณแข็งแรง กล้วยมีธาตุเหล็กในปริมาณที่ดีช่วยให้เลือดแข็งแรงและลดความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง กล้วยยังมีวิตามิน B6 ในปริมาณสูง นอกจากนี้กล้วยยังช่วยในการผลิตเม็ดเลือดขาว

9.) กล้วยดีต่อกระดูก สารอาหารในกล้วยช่วยเสริมสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรงโดยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม

10.) กล้วยต่อสู้กับความเจ็บป่วย กล้วยมีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับสูง ให้การปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วย เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง และความเสื่อมของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ

11.) ช่วยในการเลิกบุหรี่ได้ แม้ว่าอาจเป็นการกล่าวอ้างที่ถกเถียงกัน แต่กล้วยมีส่วนผสมของโพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี 6 เมื่อรวมกันแล้วสารอาหารเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเลิกนิโคตินได้เร็ว

12.) กล้วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ในขณะที่แพทย์ในอินเดียได้ประกาศถึงประโยชน์ของกล้วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารมาหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อไม่นานมานี้แพทย์ในอังกฤษได้ค้นพบสิ่งเดียวกันนั่นคือกล้วยมีสารไซโตอินโดไซด์ ซึ่งช่วยป้องกันและสมานแผล

13.) สามารถแก้อาการเมาค้างได้ ด้วยการมีอิเล็กโทรไลต์ในปริมาณสูง กล้วยจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งในการควบคุมระดับอิเล็กโทรไลต์และทำให้ร่างกายกลับมามีสุขภาพดี

14.) ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เพราะกล้วยมีเส้นใยสูงและมีไฟเบอร์ ช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ

15.) กล้วยช่วยป้องกันความผิดปกติของสมอง กล้วยอุดมไปด้วยแมกนีเซียมช่วยในการเปลี่ยนกรดไขมันให้เป็น DHA ซึ่งเป็นโอเมก้า 3 ที่สำคัญ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการขาด DHA และความผิดปกติของระบบประสาท เช่น โรคสมาธิสั้นและโรคอัลไซเมอร์ อ้อ! กล้วยมีวิตามินบีสูงช่วยป้องกันโรคพาร์คินสันได้ด้วยนะ

16.) กล้วยช่วยเพิ่มความจำ กล้วยสามารถช่วยปรับปรุงและรักษาความจำได้ เนื่องจากมีทริปโตเฟน โพแทสเซียม และแมกนีเซียมในระดับสูง

17.) กล้วยช่วยให้หัวใจแข็งแรง กล้วยมีสารอาหารและวิตามินในปริมาณสูง การเพิ่มปริมาณโพแทสเซียมและการลดปริมาณโซเดียมอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คนสามารถทำได้เพื่อปกป้องหัวใจของพวกเขา และกล้วยเป็นอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงและมีโซเดียมต่ำ อีกทั้งส่วนผสมของไฟเบอร์ วิตามินซี และบี 6 ในกล้วยยังส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด 

เป็นยังไงกันบ้างคะ คาดไม่ถึงเลยใช่ไหมว่ากล้วยที่เราเห็นอยู่ทุกวันจะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายขนาดนี้ อ่านจบแล้วต้องรีบไปหากล้วยมาทานเลยนะเนี่ย


ที่มา: https://www.powerofpositivity.com/eat-two-ripe-bananas-every-day-for-30-days/

 

ถือเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ เสมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 สำหรับหน้ากากอนามัย หลังจากมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป มีการแนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องออกไปข้างนอก หรือพบเจอผู้คน

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค หลายคนจึงหันมาใช้หน้ากากผ้า เพราะสามารถซักกลับมาใช้ได้หลายครั้ง ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้น

ตามที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า บุคคลทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วย สามารถสวมหน้ากากผ้าแทนหน้ากากอนามัยได้ ส่วนผู้ที่มีอาการป่วย ไอ จาม น้ำมูกไหล แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อป้องกันกการแพร่กระจายของเชื้อ

วิธีการเลือกใช้หน้ากากผ้า

1.) ควรเลือกใช้หน้ากากที่กระชับเข้ากับรูปหน้า ไม่มีช่องว่างระหว่างผิวหน้า

2.) เลือกหน้ากากสี่เหลี่ยมแบบมีจีบ ถ้าไม่มีจีบ อาจทำให้หายใจได้ไม่สะดวก

3.) เลือกชนิดที่หายใจได้สะดวก

4.) เลือกชนิดที่มีประสิทธิภาพในการกันน้ำ เช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์ทอแน่น ผ้า Taffeta ผ้าไหม

5.) หน้ากากผ้าต้องมีอย่างน้อย 2 ชั้น

6.) ด้านนอกสามารถกันของเหลว และ ด้านในสามารถดูดซึมของเหลวได้

7.) จากการทดลองพบว่า ผ้าฝ้ายมัสลิน เหมาะที่จะทำหน้ากากอนามัยที่สุด

วิธีการซักและดูแลหน้ากากผ้า

ขั้นตอนที่ 1 ถอดหน้ากาก โดยไม่สัมผัสด้านในของหน้ากาก

ขั้นตอนที่ 2 ซักหน้ากากผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าเด็ก หรือน้ำสบู่อ่อน ไม่ควรแช่ทิ้งไว้

ขั้นตอนที่ 3 ขยี้เบาๆ ให้ทั่วทั้งผืน

ขั้นตอนที่ 4 ล้างน้ำสะอาด 2 ครั้งจนหมดฟอง บิดให้หมาด

ขั้นตอนที่ 5 ตากไว้ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท มีลมโกรก

*หมายเหตุ ควรซักหน้ากากผ้าทุกวัน ไม่ใช้ซ้ำ จึงต้องมีหน้ากากผ้าสำรองไว้อย่างน้อย 2-3 ชิ้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top