Thursday, 16 May 2024
EectionTime

'ไตรรงค์' ลั่น!! 'บิ๊กตู่' นี่โง่จริงๆ เป็นนายกฯ มา 8 ปี ไม่กินสักบาท ยกคำ 'ตู่-จตุพร' นักการเมืองที่โกงประชาชน เลวกว่าหมา

เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.66) บรรยากาศเวทีปราศรัยใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นเวทีแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเป็นครั้งแรก ภายใต้ม็อตโต้ ลุงตู่เปิดประตูสู่ภาคใต้ 

นายเอกนัฎ พร้อมพันธ์ุ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายวิชัย สุดสวาทดิ์ เขต 1 นายสันต์ แซ่ตั้ง เขต 2 และ นายสุพล จุลใส หรือลูกช้าง เขต 3  และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคใต้ รวมถึงแกนนำพรรค เช่น นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค บอกกับชาวชุมพรว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน ชาวอีสานให้การต้อนรับ ลุงตู่ และกระแสดี อยากให้ลุงตู่อยู่ต่อ พร้อมเย้ยพรรคเพื่อไทย ที่เปิดเวทีปราศรัยเมื่อวานนี้ที่ จ.เลยว่ามีคนมาแค่หลักพันเท่านั้น 

นอกจากนี้นายเอกนัฎ กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะชนะยกจังหวัดชุมพรเพียงจังหวัดเดียวไม่ได้ เพราะ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ก็ชนะยกจังหวัด จึงหวังว่าในภาคใต้ จะได้ไม่น้อยกว่า 30 ที่นั่ง

ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แนะนำว่าตนเองเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มาทำงานกับลุงตู่ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่นำพาประเทศหลุดพ้นวิกฤตมาได้ พร้อมยกตัวอย่างนโนยบายที่สำเร็จแล้ว คือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แม้มีนักการเมืองจังหวัดตนเองที่มีแกนนำพรรคไม่ติดคุกหรือหนีไปต่างประเทศนำมาโจมตี แต่บอกว่าได้เต็มปากว่านโยบายนี้เป็นความคิดของพล.อ.ประยุทธ์

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวย้ำด้วยว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน ทุกสิ้นเดือนชาวบ้านจะรอคอยและเรียกว่าบัตรลุงตู่ พร้อมพูดถึงการทำงานของลุงตู่ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เช่นการแก้ปัญหาโควิด เพราะลุงตู่ตัดสินใจเด็ดขาด ทำให้เราผ่านพ้นสถานการณ์โควิดมาจนถึงทุกวันนี้

นายสุชาติ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ ออก พรบ.นิรโทษกรรม โดยบอกว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์สุดซอยในคืนนั้น เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้เห็นด้วย และในคืนนั้น ได้ยิน เจ๊คนหนึ่งที่อยู่ภาคเหนือ กล่าวว่า "อ้ายๆ ตีสามเอาให้จบเลยนะ" จึงเป็นเหตุผลให้ตนมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ เราจะสนับสนุน ลุงตู่ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ต่อไป เพราะลุงตู่เป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมชม นายชุมพล จุลใส หรือ ส.ส.ลูกหมี และ นายสุพล จุลใส หรือส.ส.ลูกช้าง ว่าจัดเวทีได้ยิ่งใหญ่ ถ้าตนจะจัดเวทีชลบุรี ไม่รู้ว่าจะทำได้ยิ่งใหญ่เท่านี้หรือไม่

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นกล่าวปราศรัยท่ามกลางเสียงเชียร์ของประชาชน โดยยอมรับว่า กลายเป็นประเพณีที่ตนเองไปขึ้นเวทีปราศรัยในภาคใต้ จะมีคนแก่นำหมากมาให้กิน สร้างเสียงหัวเรา วันนี้ตั้งใจมาขอบคุณประชาชน เคยมาหาเสียงให้ นายชุมพล หรือ ส.ส.ลูกหมี ไปต่อสู้ขับไล่รัฐบาลทักษิณ ที่โกงไปนับหมื่นล้าน และยังออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยให้ตัวเอง เพราะอยากกลับประเทศ แต่คดีมีการตัดสินไปแล้ว 12 ปี ยังมีอีกหลายคดี ยังไม่รวมคดีฆ่าคนไป 2,500 คน ในสมัยปราบปรามยาเสพติด มีแต่ประเทศไทยที่ทำได้ในสมัยนั้น จึงขอขอบคุณประชาชนได้วางมาตรฐานให้คนในชาติ ในการเลือกตั้งว่าคนที่ต่อสู้แบบ ส.ส.ลูกหมี ที่ต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นคนดี  

ตนมาพูดครั้งนี้ ออกจากพรรคนั้นแล้ว แต่จำชื่อไม่ได้ แต่พรรคนี้มีอุดมการณ์มั่นคง รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเลือกคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ถูกริดสีดวงตนเอง หรือ ถูกใจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ นี่โง่จริง ๆ เป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ไม่กินสักบาท พร้อมดูนาฬิกาว่ามีเวลาพูดไม่มาก แต่นาฬิกานี้ภรรยาซื้อให้ ไม่ได้ยืมใครมา 

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ ‘พปชร.’ VS ‘รทสช.’ ปชช. มอง ‘ป้อม-ตู่’ ไม่แตกกัน พร้อมจับมือตั้งรัฐบาล

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ การแข่งขันระหว่าง ‘พี่ป้อม’ พลังประชารัฐ ปะทะ ‘น้องตู่’ รวมไทยสร้างชาติ พบส่วนใหญ่เชื่อ ‘บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม’ ไม่ได้แตกกัน มอง ทั้ง 2 พรรคได้ ส.ส. เท่า ๆ กัน และพร้อมจับมือตั้งรัฐบาล

(29 ม.ค.66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปะทะ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)’ ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 23-25 มกราคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแข่งขัน ทางการเมืองระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อการแข่งขันทางการเมืองระหว่าง รองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ กับนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ พบว่า 

- กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 46.56 ระบุว่า พลเอกประวิตร กับ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้แตกกัน เป็นเพียงแค่การแข่งขันทางการเมือง 
- รองลงมา ร้อยละ 28.93 ระบุว่า การเมืองไม่มีมิตรแท้และศรัตรูที่ถาวร 
- ร้อยละ 20.53 ระบุว่า เป็นสีสันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย 
- ร้อยละ 12.52 ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นอิสระมากขึ้นในการตัดสินใจทางการเมืองและการบริหารประเทศ 
- ร้อยละ 10.76 ระบุว่า การแข่งขันกันจะทำให้ทั้งสองพรรคได้ ส.ส. รวมกันแล้วน้อยกว่าจำนวน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 2562 
- ร้อยละ 9.01 ระบุว่า พลเอกประวิตร กับ พลเอกประยุทธ์ แตกกันอย่างแน่นอน 
- ร้อยละ 8.78 ระบุว่า พลเอกประวิตร และ พรรคพลังประชารัฐ เป็นอิสระมากขึ้น สามารถร่วมรัฐบาลกับฝั่งไหนก็ได้หลังการเลือกตั้ง
- ร้อยละ 6.56 ระบุว่า การแข่งขันกันจะทำให้ทั้งสองพรรคได้ ส.ส. รวมกันแล้วมากกว่าจำนวน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งปี 2562 
- ร้อยละ 6.34 ระบุว่า ผู้ที่เคยสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ แต่ไม่ชอบ พรรคพลังประชารัฐ จะกลับมาสนับสนุน พลเอกประยุทธ์มากขึ้น 
- และร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

‘กรณ์’ ชู ‘ศก.สายมู’ สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อ!! ดูด นทท.ทั่วโลก สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

‘กรณ์’ เดินหน้า ‘เศรษฐกิจสายมู’ หนึ่งในยุทธศาสตร์ Spectrum Economy หารายได้ 5 ล้านล้านบาท ดันส่งเสริมจังหวัดละพันล้าน สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสายมู หรือเศรษฐกิจสีขาว เป็นหนี่งในนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่เราได้มีการพูดถึงและนำเสนอมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังไม่แถลงนโยบาย เนื่องจากเห็นว่า ท่องเที่ยวสายมูไม่ใช่ความงมงาย ‘มูเตลู’ คือความเชื่อและความศรัทธา เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะคนไทยเรา หลอมรวมกลายเป็นประเพณี วัฒนธรรม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ทุกจังหวัดเหลือเที่ยวบินเพียงวันละเที่ยวสองเที่ยว แต่ที่นครศรีธรรมราชกลับมีเที่ยวบิน 50 กว่าเที่ยว เพราะมีวัดเจดีย์ไอ้ไข่ เงินสะพัดสู่ชุมชน ทำให้ชาวบ้านที่ค้าขายอยู่รอบ ๆ รวมทั้งโรงแรมที่พัก ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง 

“เศรษฐกิจสายมูกำลังเป็นเทรนด์ของทั่วโลก สามารถใช้ศรัทธาและแรงบันดาลใจแปรเปลี่ยนเป็นรายได้อย่างมหาศาล พรรคชาติพัฒนากล้า จึงได้นำมาบรรจุในนโยบายเศรษฐกิจ 7 สี หรือ Spectrum Economy ที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว   

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย ถ้าเราฟื้นฟูหรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า คิดดูว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนแค่ไหน นโยบายของเราคือ 1 จังหวัด 1 พันล้าน โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ ยกตัวอย่าง หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่อยุธยา ที่นายกอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการสร้างขึ้นมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี มีตลาดที่ชาวบ้านสามารถนำสินค้ามาค้าขายโดยรอบ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ให้คนอยุธยาอย่างประเมินค่าไม่ได้ หรือแม้แต่พระพิฆเนศองค์ยืนที่องค์ยืนที่ฉะเชิงเทรา ที่เกิดขึ้นมาได้ก็มีนายกอุ๊เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหลากหลาย

นอกจากนี้นายกอุ๊ ยังเป็นกำลังหลักในการสร้างหลวงปู่โต วัดโบสถ์ อ.สามโคก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.ปทุมธานีด้วย 

“นายกอุ๊ ก็คือที่ปรึกษาด้านนโยบายของชาติพัฒนากล้าด้วย พวกเราเห็นความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจสีขาว หรือสายมู ที่ถ้าเราลงทุนหลักพันล้านต่อ 1 แหล่งท่องเที่ยว เราจะได้เงินกลับคืนมาอย่างมหาศาล ดูแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเจ้าแม่กวนอิมที่ฮ่องกง วัดอาซากุสะที่ญี่ปุ่น โบสถ์ที่งดงามในยุโรป หรือแม้แต่พระพรหมเอราวัณที่บ้านเรา ต่างก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากมาชมด้วยตาตัวเอง” นายกรณ์ กล่าว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวคือต้องมี 3 มิติควบคู่ ได้แก่ 

1. เพิ่มนักท่องเที่ยว ที่เราต้องลงทุนในระบบสาธารณูปโภค ลงทุนในการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ 

2. เพิ่มเวลาที่นักท่องเที่ยวอยู่กับเรา จาก 10 วันเป็น 12 วัน ต้องเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายและดึงดูด 

และ 3. เพิ่มเงินที่นักท่องเที่ยวใช้ตอนอยู่กับเรา เพิ่มการใช้จ่ายจับจ่าย ต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าเราให้มีราคามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นของฝาก อาหาร ที่พัก ฯลฯ ซึ่งยุทธศาสตร์สายมูตอบโจทย์ทั้ง 3 มิติ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top