Saturday, 24 May 2025
EA

ผลงาน ‘Bio PCM’ จาก ‘EBI’ บริษัทในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ คว้า ‘BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024’

(26 มี.ค. 67) นายจีรพันธ์ ปัญญาตนันท์ Executive Vice President สายงานปฏิบัติการธุรกิจไบโอดีเซล บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 ในสาขาผลิตภัณฑ์ กลุ่มยานยนต์และพลังงานทดแทน จากผลงาน EA Bio PCM โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรีและประธานในพิธี  ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

นายจีรพันธ์ กล่าวว่า อีเอ ไบโอ อินโนเวชั่น หรือ EBI เป็นบริษัทย่อยของ EA สร้างสรรค์ Bio PCM (Bio Based Phase Change Material) ซึ่งผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะ นวัตกรรมที่ได้รับคัดเลือกเป็นสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี ในกลุ่มยานยนต์และพลังงานทดแทน โดย EA Bio PCM ได้จดสิทธิบัตรเป็นรายแรกของโลก ผลิตภัณฑ์เน้นการใช้อนุพันธ์ปาล์มน้ำมัน วัตถุดิบจากในประเทศ ผ่านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม ที่สำคัญ EBI ยังได้เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์โดยต่อยอดการลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ไปสู่น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) โดยเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้สำหรับเครื่องบิน ซึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกับน้ำมันเครื่องบินที่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน EA Bio PCM มีการถูกนำไปใช้ในหลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการทั้งด้านสุขภาพ วัสดุประหยัดพลังงาน รวมทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อาคารและการก่อสร้าง, เสื้อผ้า, บรรจุภัณฑ์, เป็นต้น โดยได้ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนเป็นหลัก พร้อมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป และ อเมริกา เพื่อใช้เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิของวัสดุ และลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าทำให้เกษตรกรปาล์มและแรงงานในพื้นที่ให้มีรายได้ดีขึ้น สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนสู่การพัฒนาชุมชนในทุกมิติ สนับสนุนตามนโยบายภาครัฐสู่ Bio Hub ของอาเซียน

“EBI มีความตั้งใจพัฒนานวัตกรรมสินค้า ให้ตรงกับความต้องการของตลาด รางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 จากผลงาน EA Bio PCM ถือเป็นความภาคภูมิใจให้พนักงานสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ อีกทั้งยังสามารถขยายไปในอุตสาหกรรม Cold Chain Logistic เพื่อลดการใช้พลังงานในระบบควบคุมอุณหภูมิของการขนส่งสินค้า ให้สามารถรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อันเป็นการยกระดับมาตรฐานการขนส่ง สร้างความปลอดภัย มั่นใจในคุณภาพ” นายจีรพันธ์กล่าวทิ้งท้าย

‘EA’ จับมือ ‘BAFS’ ลุยส่งเสริมการใช้ SAF ในอุตฯ การบิน ปักหมุดลดการปล่อย CO2 ก้าวสู่ Net Zero ในปี 2573

(9 เม.ย. 67) บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) รักษ์โลก ผนึกกำลัง บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) ศึกษาแผนร่วมทุนตั้งบริษัทใหม่ประกอบธุรกิจผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF) ส่งเสริมเป้าหมายอุตสาหกรรมการบินก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2573 โดยมี ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า EA มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่ใช้นวัตกรรมของคนไทยเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ การลงทุนต่อยอดในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพใช้สำหรับเครื่องบินในครั้งนี้ สามารถช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนให้ประเทศไทยไปสู่ Carbon Neutral ตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ กับประชาคมโลกใน COP26 ว่าด้วยการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก

การลงนามความร่วมมือกันของ EA และ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ในครั้งนี้นั้นเป็นการรวมจุดแข็งของสององค์กรของไทยที่จะควบรวมองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจผลิต น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ธุรกิจจัดเก็บและบริหารจัดการน้ำมัน SAF รวมทั้งธุรกิจอื่น ๆ 
ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งในประเทศไทยเอง และในอาเซียน

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บาฟส์) เปิดเผยว่า บาฟส์ ในฐานะผู้ให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการนำองค์ความรู้และประสบการณ์กว่า 40 ปี ในการบริหารจัดการและให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จับมือกับ EA ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อผลักดัน SAF ให้เป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน โดยร่วมมือกัน เพื่อศึกษาโอกาสในการ สร้างสถานีบริการผสมน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF Blending Facility) แบบ Open-Access เพื่อรองรับ SAF ที่ผลิตมาจากวัตถุดิบทางชีวภาพและวัตถุดิบอื่น ๆ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมทางยุทธศาสตร์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงความสะดวกในการเข้าถึงของทุกบริษัทน้ำมัน เพื่อส่งเสริมให้ตลาดการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนเป็นไปอย่างเสรี สนับสนุนผู้ผลิตน้ำมันอากาศยานทุกราย พร้อมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันอากาศแบบยั่งยืนของภูมิภาค 

ทั้งนี้ ด้วยประสบการณ์การตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอากาศยานของบาฟส์ ทำให้สายการบินจากทั่วทุกมุมโลกมั่นใจได้ว่าน้ำมันที่ บาฟส์ ให้บริการเป็นน้ำมันอากาศยานที่มีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ บุคลากรของบาฟส์ ได้ผ่านการรับรองจากองค์กร ISCC จึงมีความพร้อมสำหรับบทบาทหน้าที่ในการตรวจสอบและรับรองคุณภาพ SAF ให้ตรงตามมาตรฐานสากล ทั้งการตรวจสอบความสอดคล้องด้านความยั่งยืนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และปริมาณคาร์บอนที่ลดลงตามกรอบมาตรฐานด้านความยั่งยืน

การลงนามความร่วมมือระหว่าง EA และ BAFS เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรม การบินที่ไร้มลพิษ ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในอุตสาหกรรมการบิน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ เเละเป็นเเรงผลักดันขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ ในธุรกิจของประเทศให้เติบโตบนหลัก Sustainability Business ตลอดจนทำให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สร้างสมดุลทางสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยให้แข็งเเกร่ง

‘EA’ ผนึกกำลัง ‘สอศ.’ หนุนการศึกษารูปแบบทวิภาคี สร้างทักษะ-เสริมความรู้ผู้เรียนอาชีวะผ่านการปฏิบัติงานจริง

(4 มิ.ย. 67) นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ร่วมกับ นายสง่า แต่เชื้อสาย ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ผู้แทน นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ลงนามความร่วมมือ ขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เพิ่มทักษะด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง หนุนการเรียนรู้แบบทวิภาคี ส่งเสริมความสามารถผู้เรียนอาชีวศึกษาในทุกมิติ โดยมีนายจำรัส สว่างสมุทร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารสถานศึกษาร่วมพิธี ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี มาพัฒนาพลังงานสะอาด ทั้งด้านพลังงานทดเเทน พลังงานหมุนเวียน ด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า มาอย่างต่อเนื่องกว่า 17 ปี โดย บริษัทฯ และ สอศ. มีเป้าหมายในการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาให้มีสมรรถนะสูง พร้อมส่งเสริมการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เพื่อเสริมสร้างทักษะวิชาชีพผ่านการฝึกปฏิบัติจริง ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร สอศ. ที่สนับสนุนการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี บริษัทฯ จึงมีความยินดีเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และฝึกอบรม ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้แก่นักเรียน นักศึกษาในสาขาที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ จึงมั่นใจว่าความร่วมมือนี้จะเป็นก้าวแรกที่มั่นคงสู่การพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

ด้าน นายสง่า แต่เชื้อสาย ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะสมรรถนะในการปฏิบัติงานตามสาขาอาชีพ และสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษา โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างโอกาสของผู้เรียนอาชีวศึกษา และส่งเสริมพัฒนาการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการฝึกอาชีพสำหรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในสาขางานด้านยานยนต์ไฟฟ้าและสาขาที่เกี่ยวข้องในสถานประกอบการ 

โดย ความร่วมมือกับ EA มีความสำคัญในการส่งเสริม พัฒนากระบวนการสร้างความรู้ ทักษะ เจตคติ ประสบการณ์ เป็นความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ผู้เรียนจะได้รับประสบการณ์จากการปฏิบัติงานจริง และสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพ มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาให้เกิดความเชื่อมั่นกับผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานมาเรียนสายวิชาชีพ และกับครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพ โดย สอศ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนด้านต่าง ๆ และขยายความร่วมมือและยกระดับให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาได้เข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ เพื่อประโยชน์ต่อการส่งเสริมศักยภาพการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาต่อไป

'สมโภชน์ อาหุนัย' แจงขายหุ้น EA 14.6 ล้านหุ้น เป็นการปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม ไม่ได้ถูก Forced Sell

(8 ก.ค. 67) นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ได้มีข้อมูลเปิดเผยถึงการจำหน่ายหุ้นในบริษัทฯ ของตนออกไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.67 จำนวน 14,690,000 หุ้น ที่ราคา 12.60 บาท และเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการ Forced Sell นั้น โดยระบุว่า…

1. เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 67 Sotus & Faith #1 Limited ได้ทำการขายหุ้นจำนวน 14,690,000 หุ้น ในช่วง ณ ราคาปิดตลาด (ATC) ให้กับ 1.นายชัยวิทย์ อรุณเนตรทอง และ 2.นางสิริลักษณ์ อรุณเนตรทอง โดยเป็นการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งไม่กระทบการถือครองหุ้นโดยรวมของตน และตนยังคงถือหุ้นรวมในสัดส่วนเท่าเดิม

ทั้งนี้ การดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นอีกได้ในอนาคต เพื่อความคล่องตัว และเหมาะสม

2. เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดานและกระทบต่อนักลงทุนรายย่อย การทำการซื้อขายจะทำผ่านกระดาน Biglot หรือราคา ATC เท่านั้น เพราะหากเป็นการถูก Force Sell จริง การขายหุ้นจะต้องทำผ่านระบบ Market Matching ไม่ใช่การทำ Big Lot ดังที่ได้ดำเนินการ

3. ในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 8 ก.ค.67) จะดำเนินการแจ้งต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ตนเอง รวมถึง Sotus & Faith #1 Limited และ 1.นายชัยวิทย์ อรุณเนตรทอง และ 2.นางสิริลักษณ์ อรุณเนตรทอง เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันโดยสมัครใจ ซึ่งจะเหมือนเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ที่ได้โอนหุ้นของ EA จากชื่อของตนไปอยู่ภายใต้ชื่อ Sotus & Faith #1

4. ขอยืนยันว่ากระบวนการ Forced Sell ได้เสร็จสิ้นไปแล้วตามที่ได้มีการแถลงไปก่อนหน้านี้และไม่มีหุ้นที่มีความเสี่ยงที่จะโดน Force Sell เหลืออีกแล้ว และขอให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย และนักลงทุน โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่นำเสนอออกมาในลักษณะที่ส่อไปในทางที่จะสร้างความเข้าใจผิด และสร้างความสับสน

'ตลาดหลักทรัพย์ฯ' ปลดเครื่องหมาย SP ของ EA หลังชี้แจงข้อมูลครบแล้ว พร้อมเตือน 'ผู้ถือหุ้น-นักลงทุน' ศึกษาคำชี้แจงของบริษัทโดยรอบคอบ

(16 ก.ค.67) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ชี้แจงว่า ช่วงเช้าวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลดเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ของ EA หลังบริษัทชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว 

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนศึกษาคำชี้แจงของบริษัท โดยระมัดระวังรอบคอบ เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ EA ได้ชี้แจงข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ หัวข้อ ‘ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบฐานะทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สิน และแนวทางในการชำระหนี้’ ดังนี้ 

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบฐานะทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สิน และ แนวทางในการชำระหนี้ ว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งต่อบริษัท ให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบฐานะทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สินโดยเฉพาะเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 และแนวทางที่ชัดเจนในการชำระหนี้ดังกล่าว รวมทั้งผลกระทบต่อการบริหารจัดการกิจการของบริษัท สืบเนื่องจากการพ้นจากตำแหน่งของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารจากกรณีการกล่าวโทษ โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย ‘H’ (Halt) จนกว่าบริษัทจะแจ้งข้อมูลให้ครบถ้วน

ในการนี้ บริษัทขอชี้แจงประเด็นดังกล่าวดังนี้

1. ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 บริษัทมีหนี้สินเงินต้นที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 จำนวน 19,505 ล้านบาท

สำหรับภาระหนี้สินที่จะต้องชำระในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่บริษัทได้ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปก่อนหน้านั้นเป็นในส่วนภาระการชำระหนี้ระยะยาวของบริษัท รวมทั้งหุ้นกู้ โดยพิจารณาจากการประมาณการเงินกู้ระยะยาวรวมดอกเบี้ยที่ต้องชำระคืนประมาณ 3,200 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระอีก 5,500 ล้านบาท ซึ่งจะต้องดำเนินการชำระตั้งแต่วันที่ชี้แจง จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

ทั้งนี้ ส่วนที่เหลือเป็นวงเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 มีอยู่ที่ 8,354 ล้านบาท โดยเบื้องต้นบริษัทไม่ได้ชี้แจง เนื่องจากวงเงินกู้ระยะสั้นนั้น โดยปกติบริษัทจะทำการ Roll Over เงินกู้ระยะสั้นในส่วนนี้อยู่แล้ว.

ทั้งนี้ บริษัทขอชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมของเงินกู้ และหุ้นกู้ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

หุ้นกู้ทั้งหมดที่บริษัทมีนั้นเป็นหุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน และมีเงื่อนไข Cross Default กับสถาบันการเงิน หรือหุ้นกู้อื่น

2. จากเดิมบริษัทมีความตั้งใจที่จะ Roll Over เงินกู้ระยะสั้นตามที่เคยปฏิบัติมาสำหรับเงินกู้ระยะสั้นทั้งหมด และมีแผนที่จะชำระเงินกู้และหุ้นกู้ระยะยาวที่จะครบกำหนดในปี 2567 ด้วย 

- 1) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานโดยไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินกิจการจำนวน 1,900 ล้านบาท และบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมทุกเดือนประมาณ 1,000 ล้านบาท

- 2) วงเงินกู้ จากสถาบันการเงินวงเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขั้นสุดท้ายของสถาบันการเงิน 

- 3) หุ้นกู้ที่จะออกเพิ่มเติมในปี 2567 จำนวนและวันเสนอขาย อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้รับประกันการจัดจำหน่าย โดยบริษัทคาดว่าจะเป็นหุ้นกู้อายุ 1 ปี และ 3 ปี

อนึ่ง ณ เวลา 16:15 น. (15 ก.ค.) บริษัทได้รับการแจ้งข้อมูลจาก TRIS Rating ว่าบริษัทได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ (Negative) เป็น BB+ (Negative) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ใหม่ที่จะออกตามแผนเดิม อย่างไรก็ดี บริษัทขอเน้นย้ำว่าบริษัทยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกระแสเงินสดหลักให้กับบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาและพิจารณาคัดเลือก Strategic Partner (s) เข้ามาร่วมลงทุน สร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้ และพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว

3. สำหรับผลกระทบต่อการบริหารจัดการกิจการของบริษัท กรณีนายสมโภชน์ อาหุนัย (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล (CFO) ซึ่งดูแลรับผิดชอบตำแหน่งบริหารสำคัญ พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคณะผู้บริหารและทีมงานที่บริหารจัดการยังคงเป็นชุดเดิม

ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งนายสมใจนึก เองตระกูล เข้าดำรงตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และเป็นที่น่าเชื่อถือ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท รวมถึงกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์เพื่อนำบริษัทก้าวผ่านวิกฤตได้

สำหรับนายวสุ กลมเกลี้ยง ในฐานะรักษาการ CFO เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการเงินการลงทุน และเป็นอดีตผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ มีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างดี อีกทั้งมีศักยภาพ ทักษะความรู้ความสามารถในการบริหารงานที่เกี่ยวข้อง และอยู่ในสายงานนี้มามากกว่า 10 ปี ทั้งนี้ หากบริษัทมีความคืบหน้า เรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว จะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบต่อไป

อ่านชี้แจงเพิ่มเติมฉบับเต็มได้ที่ : https://weblink.set.or.th/dat/news/202407/1118NWS150720242141290864T.pdf?_gl=1*ekeqzr*_gcl_au*MTU4NTkyNDE0Ny4xNzIxMTAyMjI5*_ga*MjE0NTI2MDI2OC4xNzIxMTAyMjMx*_ga_ET2H60H2CB*MTcyMTEwNjExMC4yLjAuMTcyMTEwNjExMS41OS4wLjA.

‘บอร์ด EA’ ไฟเขียว!! แต่งตั้ง ‘สุพันธุ์ มงคลสุธี’ นั่งกรรมการฯ ส่ง ‘ฉัตรพล ศรีประทุม’ ขึ้นนั่ง CEO ส่วน ‘วสุ กลมเกลี้ยง’ นั่ง CFO

บอร์ด EA อนุมัติแต่งตั้ง ‘สุพันธุ์ มงคลสุธี’ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการคนใหม่ พร้อมตั้ง ‘ฉัตรพล ศรีประทุม’ ขึ้นแท่น CEO ขณะที่ ‘วสุ กลมเกลี้ยง’ ขึ้นนั่ง CFO มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ ทางด้าน ‘สมใจนึก เองตระกูล’ ยังคงนั่งเป็นประธานบอร์ด มั่นใจศักยภาพทีมผู้บริหารรุ่นใหม่สามารถผลักดันแผนธุรกิจที่วางไว้ให้องค์กรเติบโตในแนวทางพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์ Net Zero สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 

(2 ส.ค. 67)  นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติแต่งตั้งนายสุพันธ์ มงคลสุธี เข้ารับตำแหน่งกรรมการแทนนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ และมีมติแต่งตั้งทีมผู้บริหารรุ่นใหม่โดยมี นายฉัตรพล ศรีประทุม ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และนายวสุ กลมเกลี้ยง ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน)

ขณะที่นายฉัตรพล ศรีประทุม จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท MBA การเงิน ร่วมงานกับบริษัทฯ มากว่า 10 ปี ผ่านงานด้านการพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน รวมถึงโครงการกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนา ปัจจุบันเป็นซีอีโอ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และประธานกรรมการ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ไต้หวัน) ผลงานโดดเด่นล่าสุด นำ EA เข้าโครงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ นับเป็นโครงการแรกของโลกที่มีการซื้อขายกันเกิดขึ้น ภายใต้ความตกลงปารีส Article 6.2 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างไทย-สวิตเซอร์แลนด์ ผ่านกรอบความร่วมมือกันระหว่างประเทศที่มีการระบุชัดเจนว่าจะต้องเป็นโครงการการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ นับเป็นแรงกระตุ้นที่ดีสำหรับภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการที่ช่วยรักษาและปกป้องสิ่งแวดล้อม

ส่วนนายวสุ กลมเกลี้ยง จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ สาขาการเงินระหว่างประเทศ ก่อนเข้ามาร่วมงานกับบริษัทฯ เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบันการเงินหลายแห่ง และเมื่อร่วมงานที่บริษัทฯ ได้ดูแลด้านการบริหารการเงินการจัดหาแหล่งเงินทุนจากทั้งตลาดเงินและตลาดทุน รวมถึงรับผิดชอบงานการลงทุนทั้งในและต่างประเทศของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งหมด 

ผลงานโดดเด่นล่าสุด เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการเจรจาและจัดโครงสร้างการลงทุนใน บมจ. เน็กซ์ พอยท์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการบริหาร บมจ. เน็กซ์ พอยท์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ร่วมผลักดันการตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดย EA มีสิทธิในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาวทั้งหมด เพื่อให้กลายเป็นศูนย์กลางจำหน่าย และ บริหารพลังงานสะอาดแบบครบวงจร 

นายสมใจนึก กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมในฐานะประธานกรรมการมั่นใจว่าทีมผู้บริหารใหม่ ทั้ง CEO และ CFO เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับ EA มานาน พร้อมที่จะสานต่อภารกิจทั้งด้านธุรกิจพลังงานสะอาด แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน การซื้อขายคาร์บอนเครดิต การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ นำพาองค์กรเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้”

ในส่วนของหุ้นกู้บริษัทฯจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 9 และ วันที่ 14 สิงหาคม 2567 โดยบริษัทฯ จะเพิ่มอัตราผลตอบแทนและขอเลื่อนการไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไปเป็นภายในปีหน้า

ฟ้าเปิด!! ‘9 สถาบันการเงิน’ พร้อมปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กลุ่ม ‘EA’ ปลดล็อกทางการเงิน แก้ปัญหา Liquidity กว่า 8,000 ลบ.

(9 ส.ค. 67) สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ 9 แห่ง รวมถึง 4 กองทุนภายใต้การบริหารของบลจ. แอสเซท พลัส (Asset Plus) เซ็นสัญญาเงินกู้ระยะเวลา 3 ปี โดยบริษัทฯจะทยอยจ่ายเงินกู้คืนผ่านกระแสเงินสด (Cash Flow) จากการดำเนินงานตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาครัฐ (PPA) 

นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) ของ EA กล่าวว่า “การที่สถาบันการเงินทั้ง 9 แห่งและกองทุนอีก 4 กองทุนของบลจ. แอสเซท พลัส (Asset Plus) ร่วมยืนยันให้เงินกู้ EA เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า บริษัทฯยังมีการประกอบธุรกิจและรับรู้รายได้จากการขายไฟตามปกติ และการที่ได้รับเงินกู้ในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง จากเงินกู้ระยะสั้นและตั๋วแลกเงิน (B/E) ในอีก 1 ปีข้างหน้า” 

ในส่วนของหุ้นกู้ 2 รุ่น ประกอบด้วย หุ้นกู้รุ่นที่ 1 EA248A วงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระ  ในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 และ หุ้นกู้รุ่นที่ 2 EA249A วงเงิน 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ 29 กันยายน 2567 บริษัทฯ จะดำเนินการขอเลื่อนกำหนดการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระออกไป พร้อมทั้งเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็น 5% ต่อปีทั้ง 2 รุ่น และมีหลักประกันให้เพิ่มเติมโดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด โดยบริษัทฯยืนยันว่าจะชำระดอกเบี้ยที่จะครบกำหนด เพียงขอเลื่อนการไถ่ถอนเฉพาะเงินต้นเท่านั้น

การขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและการจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีรายละเอียดดังนี้

หุ้นกู้: EA248A

เงื่อนไขเดิม: ครบ  15 ส.ค. 67 ดอกเบี้ย 3.11% ต่อปี 

ขอแก้ไขใหม่: ***เดิม ตามหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เลื่อนเงินต้นและดอกเบี้ย เงินต้น ชำระในวันที่ 30 มิ.ย. 68 (ขอเลื่อน 10 เดือน 15 วัน)

**ขอแก้ไขใหม่ ครบกำหนดคืนเงินต้น 31 พ.ค. 68 (ขอเลื่อน 9 เดือน 16 วัน) เลื่อนเฉพาะเงินต้น แต่ชำระดอกเบี้ย ดอกเบี้ยเดิม 3.11% เพิ่มขึ้น +1.89% รวมเป็นดอกเบี้ย 5% ต่อปี หมายเหตุ: มีหลักประกันให้เพิ่มเติมและไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด

วันที่นัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้: 9 สิงหาคม 2567

หุ้นกู้: EA249A

เงื่อนไขเดิม: ครบ  29 ก.ย. 67 ดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี

ขอแก้ไขใหม่: **เดิม ตามหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เลื่อนเงินต้นและดอกเบี้ย เงินต้น ชำระในวันที่ 30 มิ.ย. 68 (ขอเลื่อน 9 เดือน 16 วัน)

**ขอแก้ไขใหม่ ครบกำหนดคืนเงินต้น  31 พ.ค. 68 (ขอเลื่อน 8 เดือน 1 วัน) เลื่อนเฉพาะเงินต้น แต่ชำระดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยเดิม 3.20% เพิ่มขึ้น +1.80% รวมเป็นดอกเบี้ย 5% ต่อปี หมายเหตุ: มีหลักประกันให้เพิ่มเติมและไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด

วันที่นัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้: 14 สิงหาคม 2567

นายวสุ กลมเกลี้ยง กล่าวเพิ่มเติมว่า “การขอเลื่อนการไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่นนี้ ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับชำระเงินคืนเต็มจำนวนภายในไม่เกิน 10 เดือน ซึ่งจะได้รับเงินคืนก่อนสถาบันการเงินและกองทุนของ บลจ. แอสเซท พลัส (Asset Plus) ที่จะได้รับเงินคืนตามสัญญาเงินกู้ 3 ปี สำหรับแนวทางที่บริษัทฯจะนำมาชำระหุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่นนี้นั้น นอกจากจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แล้ว บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ Strategic Partner(s) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินและเพิ่ม Synergy ระหว่างกัน รวมถึงการนำสินทรัพย์บางส่วนมาจำหน่ายต่อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ทั้งนี้บริษัทฯ มั่นใจว่า หากดำเนินการทุกอย่างได้ตามแผนงาน ผลประกอบการของบริษัทฯ จะกลับมาเติบโตได้ดีเหมือนเดิม และจะสามารถชำระเงินกู้ รวมทั้งหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดต่อไปในอนาคตได้ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาให้บริษัทฯ ในระยะยาว และเป็น win-win solution กับทั้งสถาบันการเงิน ผู้ถือหุ้นกู้ และบริษัทฯ” 

‘ผู้ถือหุ้นกู้ EA’ รุ่น EA248A โหวตหนุน ยืดหนี้ 9 เดือน 16 วัน รับดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 5% จ่ายทุก 6 เดือน ชี้!! ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด

(9 ส.ค. 67) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ได้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ รุ่น EA248A วงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 โดยผู้ถือหุ้นกู้ 98.5849% ได้ลงมติอนุมัติขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ไปอีก 9 เดือน 16 วัน มีเพียง 1.4151% ไม่เห็นด้วย

ทั้งนี้ ส่งผลให้ หุ้นกู้ รุ่น EA248A ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัด และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 3.11% เพิ่มอีก 1.89% รวมเป็น 5.00% ต่อปี พร้อมชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน (ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 และวันครบกำหนดไถ่ถอน) และมีการเพิ่มหลักประกันแก่หุ้นกู้ โดยบริษัทฯยืนยันว่าจะชำระดอกเบี้ยที่จะครบกำหนด เพียงขอเลื่อนการไถ่ถอนเฉพาะเงินต้นเท่านั้น

นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO)  กล่าวว่า สำหรับแหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้ในการชำระหนี้หุ้นกู้ และดอกเบี้ยมาจาก 

1.กระแสเงินสดจากรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมประมาณ 1,000 ล้านบาท/ เดือน ซึ่งเป็นกระแสเงินสดหลักให้กับบริษัทฯ 

2.เงินทุนที่ได้รับจากการเข้าร่วมทุนกับผู้ร่วมทุนรายใหม่ (Strategic Partner) ที่ให้ความสนใจที่จะร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาในโครงการต่าง ๆ ของบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 

3.การจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัทฯให้กับนักลงทุนที่ให้ความสนใจ รวมถึงการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)

“EA ขอยืนยันและรับรองว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ยังคงดำเนินการเป็นไปตามปกติ และขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่นเชื่อมั่นว่าภาพรวมของการประกอบธุรกิจ ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ” นายวสุกล่าว

ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มที่ดีสำหรับการแก้ปัญหาสภาพคล่องระยะสั้นของ EA หลังจากเจ้าหนี้สถาบันการเงิน 9 แห่ง พร้อมสนับสนุนสินเชื่อใหม่ และ ผู้ถือหุ้นกู้ EA รุ่น EA248A อนุมัติขยายเวลาชำระหนี้ และมั่นใจว่าการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ EA รุ่น EA249A ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ จะได้รับการสนับสนุนพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปเช่นเดียวกัน

ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ EA รุ่น EA249A เลื่อนโหวตไปเป็น 23 สิงหาคม เหตุไม่ครบองค์ประชุม

(14 ส.ค. 67) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ได้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A  เพื่อพิจารณาอนุมัติขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ไปปรากฏว่ามีจำนวนผู้ถือหุ้นกู้และผู้รับมอบฉันทะเข้าร่วมประชุมไม่ครบเป็นองค์ประชุม 

สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 ของหุ้นกู้รุ่น EA249A ในวันนี้มีจํานวนผู้เข้าร่วมประชุม 889 คน คิดเป็น 1,900,600 หน่วย หรือ คิดเป็นร้อยละ 47.5 ตามกำหนดต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 66 ของทั้งหมดจึงจะครบองค์ประชุม 

จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ออกไปเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2567  ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลา 10:00 น. ซึ่งบริษัทจะส่งหนังสือเชิญประชุมให้กับผู้ถือหุ้นกู้อีกครั้ง โดยในครั้งถัดไปจะต้องมีองค์ประชุมมาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน ทั้งนี้ มั่นใจว่าในครั้งหน้าจะครบองค์ประชุม และได้รับการอนุมัติ

‘EA’ โชว์ครึ่งแรกปี 67 กวาดรายได้หมื่นล้าน-กำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท มั่นใจ!! เคลียร์ดอกเบี้ยหุ้นกู้ตามนัด พร้อมเดินหน้าหาพาร์ทเนอร์เสริมแกร่ง

(15 ส.ค. 67) นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน กล่าวว่า “แม้รายได้และกำไรในครึ่งแรกของปี 2567 จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้มีการส่งมอบ EV Bus ให้กับลูกค้ารายใหญ่ลดต่ำลง แต่ EA ยังมีรายได้ประจำที่เกิดขึ้นจากการขายไฟให้กับภาครัฐเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาทเพียงพอสำหรับการชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้และคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน” 

ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 1,430.44 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยลดลงจากผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิตและจำหน่าย รถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ จากผลการดำเนินงานของธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากการหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) 

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ในส่วนของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ บริษัทฯจะมุ่งเน้นไปที่การจำหน่ายรถหัวลากไฟฟ้า (EV Truck) เป็นหลัก โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการส่งมอบให้กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่หลายราย เช่น กลุ่มบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) JWD กลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอช เอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังมีคู่ค้าอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการเจรจา และเตรียมการส่งมอบ EV Truck เพราะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการจากปัญหาราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และสอดรับกระแส Green Energy ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์โลก 

ในส่วนของธุรกิจแบตเตอรี่บริษัทฯ อยู่ในระหว่างปรับปรุงการออกแบบเพื่อนำแบตเตอรี่ไฟฟ้าไปใช้ในการผลิตรถหัวลากไฟฟ้า รวมถึงการนำแบตเตอรี่ไปจำหน่ายในรูปแบบของ Energy Storage (ESS) 

ในส่วนของธุรกิจไบโอดีเซล บริษัทมีรายได้จํานวน 2,042.40 ล้านบาท จากรายได้จากการผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) จากการผลิตและจำหน่ายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และจากการผลิตและน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) รวมถึงรายได้จากการผลิตและจำหน่าย PCM

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจอื่น ๆ บริษัทฯยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า รายได้โครงการรับเหมาก่อสร้างติดตั้ง Solar Rooftop และรายได้จากโครงการกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่เกาะล้านที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

ในส่วนของงบดุล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 110,006.34 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวมจำนวน 69,709.87 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 40,296.48 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2566 จำนวน 3,713.14 ล้านบาท โดยหลักลดลงจากการจ่ายการจ่ายปันผลจำนวน 1,113.85 ล้านบาท ลดลงจากองค์ประกอบอื่นของส่วนของเจ้าของจำนวน 3,426.25 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 1,430.44 ล้านบาท

สำหรับการบริหารจัดการสภาพคล่อง หลังจากที่บริษัทได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ (Negative) เป็น BB+ (Negative) ผู้บริหารได้ใช้นโยบายและการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน กล่าวคือ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2567 กลุ่มกิจการได้เข้าทำสัญญาเงินกู้ยืม ระยะยาวและเงินกู้ยืมร่วม (Syndicated Loan) กับสถาบันการเงินหลายแห่งคิดเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน โดยมีการกำหนดเงื่อนไขการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยภายใน 3 ปี โดยกลุ่มกิจการจะทยอยจ่ายคืนเงินกู้ผ่านกระแสเงินสด (Cash Flow) จากการดำเนินงานตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาครัฐ (PPA) 

ในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 สำหรับหุ้นกู้รุ่น EA248A ผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติการขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้โดยไม่ถือเป็นเหตุให้ผิดนัดจำนวน 1,500 ล้านบาท จากเดิมครบกำหนดในวันที่15 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจากเดิมร้อยละ 3.11 ต่อปีเป็นร้อยละ 5.00 ต่อปี และมีหลักประกันให้เพิ่มเติม โดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดชำระ  

ในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A บริษัทได้ขออนุมัติการขยายวันครบกำหนด ไถ่ถอนหุ้นกู้โดยไม่ถือเป็นเหตุให้ผิดนัดจำนวน 4,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้ที่เข้าร่วมประชุม ในวันดังกล่าวไม่ครบองค์ประชุมซึ่งกำหนดไว้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 66 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน จึงจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 23 สิงหาคม โดยการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งนี้ จะต้องมีองค์ประชุมมาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน บริษัทคาดว่า จะครบองค์ประชุมและได้รับการอนุมัติ

อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน บริษัทฯอยู่ในระหว่างการเจรจาหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ Strategic Partner ที่มีศักยภาพสามารถเข้ามาเพิ่มทุน และเพิ่ม Synergy ระหว่างกัน รวมถึงการจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) หรือการจำหน่ายสินทรัพย์ให้แก่นักลงทุนที่ให้ความสนใจ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีพัฒนาการที่สำคัญในไตรมาสที่สอง 2 โครงการที่สำคัญ คือ โครงการที่ 1 EA ได้ลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาโครงการ (Joint Development Agreement) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company ในบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาว ริเริ่มการเป็นศูนย์กลางการจำหน่าย และบริหารพลังงานสะอาดแบบครบวงจรของประเทศ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพในระยะยาว และตั้งเป้าภายใน 3 ปี เพิ่มรายได้ค่าไฟฟ้า ลดภาระ การนำเข้าน้ำมันดิบพัฒนาโครงการกักเก็บพลังงานไฟฟ้า จัดหาโซลูชั่น EV ลงทุนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมร่วมผลักดันสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์แห่งชาติ ‘Battery of Asia’

โครงการที่ 2  EA ได้เข้าร่วมลงนามเป็น Strategic Partner กับ CRRC Dalain ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลดคาร์บอนไดออกไซด์ของเครื่องยนต์สันดาปในแบบเก่า การเปลี่ยนแปลงเพื่อการยกระดับอุปกรณ์เส้นทางคมนาคม ซึ่ง EA และ CRRC Dalian ได้ร่วมมือใน 

1. ร่วมกันออกแบบและพัฒนาระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่ และ/หรือระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่ดีเซลไฮบริด สำหรับรถไฟหัวรถจักรและรถไฟโดยสาร

2. ร่วมกันสำรวจและประเมินความต้องการของลูกค้า จำหน่ายและจัดหาผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาร่วมกันในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ 

3. ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ตามความต้องการของตลาดเป้าหมาย โดยใช้เทคโนโลยี การผลิตรถไฟที่แข็งแกร่งของ CRRC Dalian และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมและเทคโนโลยี Ultra-fast charge ของ EA เพื่อสร้างขีดความสามารถของเทคโนโลยีในระยะยาว ในด้านต้นทุน และประสิทธิภาพ 

4. ร่วมกันพิจารณาจัดตั้งโรงงานผลิตและประกอบในประเทศไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top