(23 ก.ย.66) การเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital wallet เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนกระตุกเศรษฐกิจของประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง กลายเป็นนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลตอนนี้ โดยรัฐบาลตั้งเป้าที่จะ ‘ใส่เงิน’ เข้าไปในระบบเศรษฐกิจทั่วประเทศให้ถึงรากหญ้าในรัศมี 4 กม. ส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลทุกหน่วยงานจะต้องสนับสนุนและร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายนี้ให้เกิดขึ้นจริงภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
>> เร่งด่วน Digital Wallet
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจ ว่า ได้ให้นโยบาย ‘เติมเงิน 10,000 บาท’ กับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นนโยบายใหญ่ของรัฐบาลที่จะใช้กระตุ้น และเป็นเครื่องมือช่วยกระตุกเศรษฐกิจของประเทศ ก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ช่วยเรื่องของกำลังซื้อให้มีความแข็งแรงขึ้น เมื่อมีกำลังซื้อที่แข็งแรงก็จะนำไปสู่เรื่องของการผลิต และให้ผู้ประกอบการได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ในเรื่องของการนำวัตถุดิบเข้ามาเสริม เพื่อรองรับความต้องการของตลาด
“เมื่อนโยบายนี้เกิดขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนได้หลายรอบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของการตัดสินใจ โดยใช้งบประมาณก้อนใหญ่ถึง 570,000 ล้านบาท ให้เกิดการหมุนเวียนภายในระยะเวลา 6 เดือน ถ้าเกิดการกระตุ้นจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจพอสมควร หากเงินที่ให้ไปใช้ไม่หมดก็นำกลับคืน หากใช้หมดก็หมดไป
เพราะเท่ากับว่าเป็นการจับจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก เพราะหากงบประมาณนี้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะเกิดการหมุนเวียนและก่อให้เกิดรายได้หลายทาง และรายได้นี้ก็จะนำไปสู่การดูแลในนโยบายอื่น เช่น นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เพราะเศรษฐกิจหมุนเวียน ธุรกิจก็จะเกิดการขยายตัว เพราะภายใน 4 ปีสามารถดำเนินการได้ก็จะก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชน” นายภูมิธรรมกล่าว
>> ฟื้นธงฟ้า-รถพุ่มพวง
เรื่องนี้กรมการค้าภายในจะต้องเตรียมการ ซึ่งได้มอบนโยบายไปว่า รัฐบาลจะมีงบประมาณออกมา และเกิดการกระจายรายได้ โดยมีข้อผูกพันว่า ต้องใช้ภายในพื้นที่ 4 กิโลเมตร แต่หากผู้ได้รับอยู่ในพื้นที่นอกเขต หรือชาวเขา รัฐบาลก็สามารถยืดหยุ่นขยายพื้นที่ออกไปได้ “ไม่เป็นไร เราไม่ได้กำหนดว่า 4 กิโลเมตรแล้วทำให้ประชาชนไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้”
โดยได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปเตรียมข้อมูลมาว่า หากประชาชนไม่สามารถเข้าถึง “สินค้า” กรมการค้าภายในจะมีเครือข่ายอะไร เช่น ‘ร้านธงฟ้า’ สามารถที่จะกระจายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้หรือไม่ ปัจจุบันมีข้อมูลพื้นฐานร้านธงฟ้ามีจำนวนเท่าไหร่ ในกี่จังหวัด จะสามารถรองรับนโยบาย Digital wallet ได้อย่างไร ซึ่งร้านจะขายสินค้าแบบเดิมก็สามารถดำเนินการได้ Digital wallet กำลังจะเกิดขึ้น
คุณต้องคิดว่าตลาดใหม่กำลังมา คุณจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการและสินค้าได้อย่างไร ซึ่งโครงการนี้สามารถเข้าไปดำเนินการส่งเสริมธุรกิจร้านธงฟ้าได้ด้วย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่ได้แสวงผลกำไร แต่ทำอย่างไรให้เกิดการเติบโตและกระตุ้นการจับจ่าย ผมก็ได้มอบนโยบายให้กรมการค้าภายในไปพิจารณาเรื่องนี้แล้ว” นายภูมิธรรมกล่าว
นอกจาก ‘ร้านธงฟ้า’ แล้ว digital wallet อาจจะขยายไปในส่วนของ ‘รถพุ่มพวง’ นำสินค้าไปขาย จะสามารถที่จะสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่รับสินค้าต่าง ๆ และไปกระจายสินค้าได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการสร้างจุดกระจายสินค้าให้ประชาชนสามารถเข้าถึง โดยกรมการค้าภายในอาจจะต้องคิดอะไรใหม่ ๆ ไม่ใช่เพียงว่าปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้นล้นตลาดและก็เทกระจาด แล้วคุณเข้าไปรับซื้อ
แต่มันยังมีวิธีการหรือช่องทางอื่น ๆ เพิ่มการกระจายสินค้า การเจรจากับสถานีบริการน้ำมันนำสินค้าไปกระจาย หน่วยงานที่ดูแลก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว หากสามารถเจรจาและกระจายสินค้าได้มันก็ก่อให้เกิด ‘ตลาดใหม่’ ขึ้นได้
“ผมอยากให้คิดนอกกรอบ ผมรู้ว่าการคิดนอกกรอบมันเสี่ยงที่จะผิดขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้เราก็จะต้องมีการพิจารณาและคิดให้รอบคอบ แต่ก็มองว่าเป็นการลงทุนในเรื่องของการทำงานเพื่อประเทศชาติ แต่ก็ต้องดูให้รอบคอบ หากเราจะดำเนินการทำได้ ก็อยากให้คิดพิจารณา”
>> สร้างตลาดในรัศมี 4 กม.
สำหรับพื้นที่ 4 กิโลเมตรนั้น ความหมายก็คือ ต้องการให้เศรษฐกิจพื้นฐานรากเกิดการเติบโตได้ทั้งหมด ถ้าหากไม่มีก็จะต้องคิดว่ามีเงินจำนวนมากขนาดนี้แล้วจะจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ ดังนั้น ‘การสร้างตลาด’ จึงเป็นจุดสำคัญที่จะเกิดการกระจายและกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วน ‘โครงการร้านค้าประชารัฐ’ ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา “ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง”
แต่ผมขอดูในรายละเอียด มองว่าหากประชาชนสบายใจที่จะเข้ามาซื้อสินค้าในร้านก็จบ ก็เดินหน้าโครงการต่อไป ผมไม่ได้คิดที่จะสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาเพื่อกลบ หากสิ่งที่ดีมีอยู่แล้วก็เดินหน้าต่อไปไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม Digital wallet 10,000 บาท ร้านค้าทุกแห่งสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ‘ไม่น่าจะมีปัญหา’ สามารถที่จะเข้าสู่ระบบได้ ปัญหาอยู่ที่การสร้าง ‘บล็อกเชน’ หากประเทศไทยสามารถสร้างบล็อกเชนขึ้นมาก็สามารถกำหนดเงื่อนไขว่า จะดำเนินการอย่างไร จ่ายที่ไหน จ่ายเมื่อไหร่ มันทำได้หมด
โดยเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องดูในรายละเอียด ซึ่งอาจจะมีปัญหาและได้ประโยชน์ แต่หากจะก่อให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องดี และเท่ากับเกิดการสร้างงาน สามารถกระจายรายได้ไปด้วย แต่ก็ต้องดูว่าทุกอย่างจะต้องโตอย่างสมดุล
“ทุกร้านเข้าได้หมด ทุกระดับ ร้านหมูปิ้ง ร้านขายของ แต่ว่าเอาให้ชัด ตอนนี้อยู่ระหว่างของการสร้างบล็อกเชน เพื่อกำหนดกฎกติกาให้สามารถเข้ามาได้ ถ้าเราสามารถนำร้านธงฟ้าเข้ามาอุดช่องว่าง ซึ่งอาจจะไม่มีความจำเป็นในการขยายพื้นที่จาก 4 กม. เป็น 6 กม. แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเป็นจริง ว่าจะสามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ได้ชี้ให้เห็นว่า นี่เป็นโอกาสของผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถเข้าไปสร้างกลไกของตลาดเพื่อรองรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เป้าหมายไม่ใช่ในเรื่องของกำไร แต่คือเรื่องของการกระจายธุรกิจ การพยุงราคา ให้ประชาชนได้รับบริการและเข้าถึงได้มากที่สุด” นายภูมิธรรม กล่าว
>> ลดทันที ข้าว-หมู-ไข่-มาม่า
นายภูมิธรรมกล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะดำเนินการให้ได้อย่างนั้น แต่ก็ต้องรับฟังฝ่ายปฏิบัติด้วย แต่หัวใจหลักของเรื่องนี้คือ “ต้นทุนราคาสินค้า” โดยสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการเข้ามาพูดคุยและหารือ ต้องรับฟังถึงปัญหาของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก (SMEs) ก่อนที่จะนำไปหารือและพิจารณาตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร ที่ผ่านมาก็ได้มีการรับฟังหารือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ไปบ้างแล้ว เปิดรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย และยืนยันว่าจุดยืนในเรื่องของราคาสินค้าก็คือการสร้างจุดสมดุลของทุกส่วน
สินค้าเป้าหมายที่จะลดราคาที่มองเห็นและจะลดได้ทันทีก็คงเป็นกลุ่มสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันทั้งหมด เช่น ข้าวถุง, ไข่ไก่, หมู, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งสินค้าเหล่านี้จำเป็นจะต้องมาดูในรายละเอียด ส่วนสินค้าอื่น ๆ ก็อาจจะต้องมีการติดตามต่อไป โดยการดำเนินการเฉพาะหน้า เราต้องการจัดการให้สามารถลดราคาสินค้าได้
“แต่จะลดมากหรือลดน้อย ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่มีการลดราคา” เพราะรัฐบาลเองได้ดำเนินการให้มีการลดราคาพลังงานลงไปแล้ว ซึ่งเรารู้ว่าราคาพลังงานมีผลกระทบต่อการขนส่ง กระทบต่อความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยขบวนการต่าง ๆ จำเป็นที่จะต้องมาดูในรายละเอียดเพิ่มเติม
ส่วนจะกระทบต่อ “เงินเฟ้อ” หรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีความระมัดระวัง ทางกระทรวงการคลังเองและหน่วยงานหลายส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการพิจารณาและประสานดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยรัฐบาลชุดนี้ทำงานแบบบูรณาการและวางแผนร่วมกัน และชี้ให้เห็นว่าปัญหาจะเกิดขึ้นตรงไหน ใครที่เกี่ยวข้อง และจะวางแผนให้สอดรับกันอย่างไร
>> สินค้าขึ้นได้แต่ต้องพยุงราคาก่อน
นโยบายของผมก็คือ ‘อะไรที่จำเป็นที่ต้องขึ้นก็ต้องยอมรับความเป็นจริง’ แต่ว่าอาจจะต้องมีช่วงเวลาที่จะ ‘พยุงราคา’ เพื่อให้มีการปรับตัวได้ทันเพราะถือว่าเป็นปัจจัยและต้องสมเหตุสมผล หรือบางอย่างถ้าต้นทุนสินค้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาก หรือการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นก็ถือว่าเข้าใจได้
แต่หากต้นทุนบางอย่างที่ลดลงเยอะ แล้วสินค้าไม่ลดเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเวลาผู้ประกอบการมีการปรับขึ้นราคาก็มีการปรับขึ้นทันที แต่หากมีการปรับลดราคาลง ท่านไม่สามารถดำเนินการได้ หากเราสามารถช่วยลดต้นทุนในส่วนของต้นทุนการผลิต ท่านก็อาจจะสามารถดำเนินปรับลดราคาลงได้
“แต่ก็ยังมีปัจจัยในเรื่องของต้นทุนการผลิต หรือเครื่องมืออื่น ๆ เช่น อาจจะต้องรับฟังผู้ประกอบการ แต่ก็พร้อมที่จะรับฟังจากทุกฝ่ายและจะทำให้เต็มที่ แต่วันนี้หากเราเข้าใจถึงนโยบายคนตัวใหญ่จับมือคนกลาง เพื่อจะพยุงคนตัวเล็ก มีความหมายว่า อาจจะได้รับกำไรลดลง แต่ปริมาณการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ก็อาจจะไม่ส่งผลกระทบที่ท่านจะได้รับ”
ส่วนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาสนี้ เชื่อว่าน่าจะดี โดยเฉพาะในตัวเลขหลาย ๆ ตัว แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ดี แต่ว่าเราก็ปลดล็อกหลายอย่าง เพื่อก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง แม้ digital wallet ยังไม่เกิด แต่การเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถานเข้ามาประเทศไทย เชื่อว่าเป็นการก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังซื้อภายในประเทศได้ดีและมีการเติบโต