Monday, 27 May 2024
DES

'ชัยวุฒิ' แจง รบ.กำลังเร่งปราบธุรกิจสีเทา ชี้ มีมานานแล้ว ป้อง 'บิ๊กป้อม' ไม่มีเอี่ยวทุนสีเทา หลังรูปถ่ายคู่เพื่อนตู้ห่าวโผล่

(16 ก.พ. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายวันแรก โดยเฉพาะปัญหาต่าง ๆ ที่ฝ่ายค้านเสนอแนะ ว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ จะนำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ด้วย ในการที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในรัฐบาลหน้า เพราะรัฐบาลนี้คงทำไม่ทัน หลายเรื่อง

โดยเฉพาะธุรกิจสีเทาและมาเฟียต่าง ๆ รัฐบาลดำเนินการปราบปรามอยู่แล้ว วันนี้ที่เป็นข่าวเยอะ ๆ เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปปราบปรามจริงจัง มีการจับกุมดำเนินคดี จริง ๆ แล้วทุนสีเทา ธุรกิจพวกนี้มันทำมานานแล้ว เป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งมามีสมัยนี้ สมัยรัฐบาลในอดีตก็มี เสธ.คนนั้น เสธ.คนนี้ ใครจะทำธุรกิจสีเทาต้องไปคุยกับ เสธ.คนนี้ จำชื่อไม่ได้แล้ว เนื่องจากเสียชีวิตแล้ว เป็นเพื่อนอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย

“มันมีมานานแล้ว อย่าไปคิดมากเลย ปัญหานี้มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง รัฐบาลไหนมามันก็วิ่งเข้ามาหา พวกทุนสีเทาชอบวิ่งมาหาผู้มีอำนาจ เพราะฉะนั้น เราต้องแก้ที่กฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อจะลดปัญหาเหล่านี้” นายชัยวุฒิ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เนื้อหาการอภิปรายโยงไปถึง พปชร.หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ไปตรวจสอบแล้วกัน คิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องตรวจสอบไป ผิดถูกว่าอย่างไรว่าไปตามกฎหมาย แต่ว่าหลักการที่อยากจะพูดให้ฟังคือ วันนี้ปัญหาในสังคมไทย มันคือเรื่องของกฎหมายและระเบียบที่มันเอื้อให้เกิดธุรกิจสีเทา มันมีกฎหมายที่บางทีปฏิบัติไม่ได้ ทำธุรกิจแล้วมันผิดกฎหมาย เขาต้องไปจ่ายส่วยเพื่อให้ทำธุรกิจนี้ได้ ดังนั้น หน้าที่ของเราคือ ต้องเอากฎหมายมาดู อะไรที่ล้าสมัยก็ปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ธุรกิจไปได้และไม่ต้องมาจ่ายส่วย นี่คือสิ่งที่กำลังผลักดันเรื่องนี้ และคุยกันใน พปชร.อยู่ คิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามประชาชน แต่คิดว่าธุรกิจสีเทามันมีมาทุกยุคทุกสมัย เขาจะวิ่งหาผู้มีอำนาจ รัฐบาลในอดีต อดีตนายกฯ ทุกคนก็มีความไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้

ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีหลักฐานที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา แต่ธุรกิจสีเทาพวกนี้พยายามวิ่งหาผู้มีอำนาจอย่างที่นำมาอภิปรายกัน มีภาพไปถ่ายรูปกับคนดังคนนั้นคนนี้ พวกนี้เขาทำธุรกิจกันมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาตั้งตัวกันได้ในสมัยรัฐบาลนี้ ไปดูเอาเถอะ ประวัติเขาแต่ละคน

'ชัยวุฒิ' ขอบคุณฝ่ายค้าน ชี้ข้อเสนอแก้กลุ่มทุนสีเทา ยันรัฐบาลเร่งแก้อยู่ แนะ!! ต้องมี 'กม.-ระเบียบ' เอื้อ

'รมว. ดีอีเอส' ขอบคุณฝ่ายค้านที่ให้ข้อเสนอแนะหลายด้าน โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งรัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหา ด้วยการออก พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

(16 ก.พ.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันแรก ว่า ขอบคุณฝ่ายค้านที่ได้พูดประเด็นปัญหาหลายอย่าง ซึ่งหลายเรื่องเป็นเรื่องที่สะสมมานาน รัฐบาลพยายามแก้ไขอยู่ นำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนในรัฐบาลสมัยหน้า โดยเฉพาะธุรกิจสีเทา ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการปราบปรามมาอย่างต่อเนื่อง และที่มีข่าวในช่วงนี้ เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปปราบปรามและดำเนินคดีอย่างจริงจัง แต่ธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้ทำมานานแล้วกว่า 10 ปี ไม่ได้พึ่งมีในสมัยนี้ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เพราะทุนจีนสีเทาเหล่านี้มักชอบวิ่งไปหาผู้มีอำนาจ ดังนั้น ต้องแก้ที่กฎหมาย และกฎระเบียบ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว

'รมว.ชัยวุฒิ' เขียนเฟซบุ๊กให้ความรู้เรื่อง Millennium Bug ด้านชาวเน็ตคอมเมนต์ชวนโพสต์ท่าแบบ Y2K

(18 ก.พ.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวถึงกระแส Y2K ที่กำลังฮิตในโลกโซเชียล โดยระบุว่า...

ช่วงนี้กระแส Y2K หรือยุคปี 2000 กำลังกลับมา ทั้งแฟชั่น ทั้งไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรำลึกถึงวันคืนในอดีตด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน 

ส่วนในมุมของโลกดิจิทัลที่ผมจำได้ดี คือเรื่องของ Y2K Bug หรือ 'Millennium Bug' ที่โปรแกรมเมอร์ทั่วโลกต้องแก้ปัญหาในเรื่องของค่ารหัสสองหลักคือ 19 ที่ต้องเปลี่ยนไปเป็น 00 ซึ่งอาจจะเกิดการอ่านค่าผิดพลาดจาก 2000 ไปเป็น 1900 เพราะเรานับค่า 19 มาตลอด แต่สุดท้ายปัญหานี้ก็ถูกแก้ไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก พร้อมกับการเกิดมาตรฐานการแก้ Y2KBug ที่เรียกกันในยุคนั้นว่า 'Y2K Passed" ซึ่งถูกระบุไว้บนฉลากของทุกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ IT และระบบดิจิทัล 

แล้วมันจะมีปัญหาแบบ Y2K อีกไหม ? แล้วถ้ามีมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันนะ ? 

จากคำถามนี้ ผมเลยลองไปหาข้อมูลและได้พบเรื่องที่น่าสนใจใน www.credibledev.com ซึ่งเขาเล่าถึงการเกิด Y2K38 ซึ่งมีที่มาจากปัญหาด้านการคำนวณเวลาในระบบที่เรียกว่า UNIX Timestamp ซึ่งเป็นการคำนวณที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมหลาย ๆ ตัวในโลก โดยการคำนวณแบบ UNIX นี้ ได้คำนวณเวลามาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 ซึ่งระบบการคำนวณนี้ เป็นพื้นฐานสำหรับการคำนวณวันและเวลาในหลายระบบทั่วโลก ทีนี้ปัญหาก็คือ UNIX Timestamp ถูกจัดเก็บเป็นหมายเลขระบบ 32 บิต คือ 2,147,483,647 ไล่ไปเรื่อย ๆ โดยเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างใหญ่ ในแง่ของวิธีใช้ ตัวเลขเหล่านี้ถูกแสดงเป็นวินาที ปัจจุบันนี้เรากำลังเข้าใกล้ค่าสูงสุดของตัวเลขระบบ 32 บิตแล้ว ซึ่งเมื่อถึงค่าสูงสุดมันจะเหมือนย้อนเวลากลับไป ทำให้ค่าต่าง ๆ อยู่ในรูปแบบของการ 'ติดลบ' ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2038 ซึ่งทั่วโลกเรียกกันว่า Y2K38 

'บิ๊กตู่' สั่ง ทุกฝ่ายจัดการอาชญากรรมไซเบอร์เด็ดขาด พร้อมเร่งพัฒนาระบบป้องกันบริการธุรกรรมออนไลน์

(22 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ของไทย ที่สร้างความเสียหายให้ประชาชนคนไทยเพิ่มขึ้นทุกปี เชื่อมั่นว่า เมื่อร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.... มีผลบังคับใช้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยธนาคารสามารถระงับธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือต้องสงสัยได้ทันที

นายอนุชา กล่าวว่า จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 – 6 กุมภาพันธ์ 2566 มีการแจ้งความอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวนทั้งสิ้น 192,031 คดี เท่ากับมีสถิติคดีแจ้งความประมาณ 1,000 รายต่อวัน มูลค่าความเสียหาย 29,546,732,805 บาท สามารถติดตามอายัดบัญชี 65,872 บัญชี อายัดได้ทัน 445,265,908 บาท มีผู้เสียหายสูงสุดมูลค่าถึง 100 ล้านบาท จึงเป็นสถานการณ์ขั้นวิกฤต ส่วนรูปแบบกลโกงของมิจฉาชีพ 5 อันดับแรก ได้แก่

1.) การหลอกลวงซื้อสินค้า
2). การโอนเงินหารายได้พิเศษ
3.) การหลอกให้กู้เงิน
4.) คอลเซ็นเตอร์
5.) การหลอกให้ลงทุน

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้พิจารณาแนวทางดำเนินการเพื่อแก้ไข ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอออกพระราชกำหนดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพิ่มอำนาจในการสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้เท่าทัน

ซึ่งการร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership PPP) เป็นการบูรณาการความร่วมมือเพื่อเป็นเครือข่ายในการยับยั้ง ป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกัน (Cyber Vaccine) แก่ประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ล่าสุดได้ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ... ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

‘ดีอีเอส’ เตือน ปชช. ระวังตกเป็นเหยื่อ ‘แก๊งบัญชีม้า’ หลอกให้เปิดบัญชี อ้างได้เงินตอบแทนจากหน่วยงานรัฐฯ

(22 มี.ค. 66) นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากกรณีที่มีการหลอกลวงประชาชนให้ค่าตอบแทน 400-500 บาท อ้างว่าจะนำเป็นหลักฐานไปใช้ในการทำสวัสดิการต่าง ๆ จากหน่วยงานรัฐฯ อาทิ การร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมือง การรับเงินสนับสนุนต่าง ๆ ส่งผลให้ประชาชนบางส่วนหลงเชื่อและอยากได้เงินค่าจ้าง โดยบางรายมาทราบทีหลังพบว่า มีการเปิดบัญชีธนาคารและมีเงินหมุนเวียนหลายแสนบาท ซึ่งมีผู้ถูกดำเนินคดีฐานความผิดเปิดบัญชีม้าแล้ว

ขณะนี้ มีประชาชนจำนวนมากที่ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ แจ้งความต่อตำรวจตามโรงพักในท้องที่ และตรวจสอบตามธนาคารต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบและดำเนินการปิดบัญชี เพราะหากมีการนำเอกสารไปเปิดบัญชีโดยไม่มีส่วนรู้เห็น เพื่อป้องกันความผิดฐานเปิดบัญชีม้า

‘HACKaTHAILAND 2023’ เสริมทักษะดิจิทัลคนไทย ผ่านกิจกรรมดิจิทัลแบบไร้ขีดจำกัด

(25 ส.ค. 66) ดีอีเอส - ดีป้า ผนึกกำลังเครือข่ายพันธมิตรเปิดมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัล ‘HACKaTHAILAND 2023 : DIGITAL INFINITY’ ร่วมยกระดับความรู้และทักษะด้านดิจิทัล ให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือโลกอนาคตที่ดิจิทัลเข้ามามีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตรอบด้าน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านกิจกรรมจัดแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลที่หลากหลาย เวทีเสวนาและการบรรยายพิเศษ รวมถึงการประชันไอเดียด้านดิจิทัลบนเวที Pitching กับ 5 โซนไฮไลต์ ณ Plenary Hall 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมกิจกรรมตลอด 2 วันไม่น้อยกว่า 40,000 คน สร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมากกว่า 1,000 ล้านบาท

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานในพิธีเปิดมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัล ‘HACKaTHAILAND 2023 : DIGITAL INFINITY’ โดยมีผู้แทนจากสถานทูต ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และเครือข่ายเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึง นายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานกรรมการกำกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, ผศ.ดร.ณัฐพลนิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ‘ดีป้า’ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ มุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนและบุคลากรดิจิทัล ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศผ่านการเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านดิจิทัลที่จำเป็นแก่ประชาชนทุกช่วงวัยให้สามารถต่อยอดประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม ปลอดภัย พร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคต

“ด้วยเหตุนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า จึงจัดมหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลสุดยิ่งใหญ่ในชื่อ HACKaTHAILAND 2023: DIGITAL INFINITY ขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 26 สิงหาคม ณ Plenary Hall 1 – 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับความรู้และประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่ทันสมัย พร้อมอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัลที่น่าสนใจ ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายและการดำเนินงานของกระทรวงที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลประเทศในภาพรวม ผ่านแนวทางการทำงานตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570)” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า ‘HACKaTHAILAND 2023 : DIGITAL INFINITY’ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ดีป้าและเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มาร่วมมอบประสบการณ์ ยกระดับความรู้และทักษะด้านดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนไทยทุกกลุ่มและทุกช่วงวัยตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ก่อนนำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจ และสังคมดิจิทัลอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยภายในงานมีการนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลในรูปแบบ Edutainment เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ด้านดิจิทัลเชิงสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรู้จากเวทีเสวนาและการบรรยายพิเศษจากเหล่ากูรูในแวดวงรวมไปถึงการประชันไอเดียด้านดิจิทัลในหลากหลายสาขา ซึ่ง ‘HACKaTHAILAND 2023 : DIGITAL INFINITY’ แบ่งเป็น 5 โซนไฮไลต์ ประกอบด้วย

1.) FUTURE ZONE : เตรียมความพร้อมกำลังคนของประเทศ เพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลผ่าน Showcase เทคโนโลยีใหม่ของโลก และการสร้างประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) กับGENERATIVE AI STUDIO โดยการจำลองสตูดิโอที่รองรับทุกไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานดิจิทัล

2.) COMMERCE ZONE : รวบรวมเทคโนโลยีเพื่อการซื้อ – ขายในโลกยุคใหม่ที่ครอบคลุมระบบนิเวศเพื่อการค้าพร้อมพบกับความสำเร็จจากการยกระดับตลาดสดสู่ตลาดยุคใหม่ ที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ลดต้นทุน และเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืน รวมถึง Showcase ตลาดแห่งโลกอนาคตที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัยมาใช้ยกระดับการบริหารจัดการร้านค้า การเปิดตัวแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Platform) ด้าน E-commerce สัญชาติไทย เพื่อวิเคราะห์เทรนด์การค้าขายจาก Social Platform และ E-Commerce Platform รวมถึงการเนรมิตพื้นที่เป็น Live Studio เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับชมเบื้องหลังการขายของออนไลน์ จากบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังใน 4 หมวดสินค้า คือ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ความงาม อาหาร และเทคโนโลยี

3.) TOURISM ZONE : เปิดประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวแห่งอนาคต ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลแบบเต็มขั้นผ่านกิจกรรม Digital Tourism Fair เชื่อมโยงทุกการเดินทางให้เป็นเรื่องง่าย ด้วยการออกแบบและวางแผนการเดินทางอย่างชาญฉลาด สะดวก สบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว พร้อมพบกับ Showcase แพลตฟอร์มท่องเที่ยวระดับชาติ ThailandCONNEX เชื่อมต่อทุกโอกาสให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในยุคดิจิทัล

4.) CONTENT ZONE : พบกับโอกาสสำคัญของวงการเกมไทยกับกิจกรรม Demo Day ของโครงการ depa Game Accelerator Program Batch 3 ที่เหล่าคนทำเกม ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นจะมาประชันผลงาน เพื่อค้นหาสุดยอดเกมและนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ พร้อมเปิดประสบการณ์ไปกับ ‘เกมไทย Showcase’ ที่ผู้ร่วมงานจะได้ลองเล่นเกมที่ได้รับการพัฒนาโดยฝีมือคนไทย และพื้นที่พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ของคนในเครือข่าย และภาคอุตสาหกรรม

5.) WELL-BEING ZONE : พบกับ Showcase แพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ(Health Link) พร้อมการเสวนาในหลากหลายหัวข้อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนด้วยเทคโนโลยี Big Data และการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ‘The International Conference on Big Data Analytics and Practices’ (IBDAP)

นอกจากนี้ HACKaTHAILAND 2023: DIGITAL INFINITY ยังมีเวที Pitching ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ได้แสดงศักยภาพทางความคิดในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

- กลุ่ม DIGI-PRENEUR การเฟ้นหาสุดยอด DIGITAL SOLUTIONS เพื่อพลิกโฉมประเทศ ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านบาท

- กลุ่ม FUTURE CAREER การแข่งขันด้าน DIGITAL SKILLS ต่อยอดอาชีพแห่งโลกอนาคตและยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 2 ล้านบาท

- กลุ่ม YOUTH การแข่งขัน HACKATHON by Digital Youth Network กับหัวข้อนวัตกรรมสร้างสรรค์โลกดิจิทัลใน5 หมวด ประกอบด้วย Startup, Program, Technology, Business และ Activity ชิงเงินรางวัลรวม 275,000 บาท

- กลุ่ม E-COMMERCE การแข่งขันของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และดิจิทัลคอนเทนต์ครีเอเตอร์หน้าใหม่ ชิงเงินรางวัลรวม 280,000 บาท

- กลุ่ม DIGITAL CONTENT การประชันไอเดียของเหล่าคนทำเกม ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น เพื่อเฟ้นหา The Best Game of depa Game Accelerator Program Batch 3 พร้อมรับทุนสำหรับต่อยอดผลงานรวม 500,000 บาท

ภายในพิธีเปิดยังมีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่าง ดีป้า และAustralian-Thai Chamber of Commerce, Malaysian Research Accelerator for Technology & Innovation (MRANTI) บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีคลาวด์ เอไอ มาประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการเปิดหลักสูตรเพื่อพัฒนากำลังคนดิจิทัลกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี(ประเทศไทย) จำกัด

พร้อมกันนี้ ยังมีการแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแลกเปลี่ยนแนวคิดจากกูรูในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็น นายจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน ONE Championship ประเทศไทย, ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด, นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเซนด์ มันนี่จำกัด, นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัดและ นายคมสันต์ ลี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ฯลฯ

“มหกรรมแสดงเทคโนโลยีดิจิทัล HACKaTHAILAND 2023 : DIGITAL INFINITY ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของคนไทยที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ด้านดิจิทัลสุดประทับใจแบบไร้ขีดจำกัด เรียนรู้ประโยชน์ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนากำลังคนและเพิ่มศักยภาพให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัปไทย เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน ขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ที่สำคัญประชาชนจะมีภูมิคุ้มกันในการรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากโลกอนาคต โดย ดีป้า ประเมินว่า ตลอดระยะเวลา 2 วันของการจัดงานมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบ Online และ Onsite ไม่น้อยกว่า 40,000 คน สามารถสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมากกว่า 1,000 ล้านบาท” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดต่าง ๆ ของงาน HACKaTHAILAND 2023 : DIGITAL INFINITY ได้ที่LINE OA: @depaThailand, Facebook Page : HACKaTHAILAND และ Website: www.hackathailand.com


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top