Saturday, 18 May 2024
Avant_Garde

‘ปิยบุตร’ สวน ‘ก้าวไกล’ แค่แก้ไขไม่พอ ยัน!! ยกเลิก 112 เหตุไม่ใช่แค่กฎหมายธรรมดา

จูงจมูกกันอีกพรรค ‘ปิยบุตร’ หวดก้าวไกล ถ้าเป็นพรรคหัวไม่ก้าวหน้า ไม่รู้ว่าจะลาออกจากอาจารย์ ทิ้งชีวิตวิชาการมาทำไม เลือกตั้งคราวหน้าคงไม่มีใครเลือก เหน็บอธิบายยืดยาวให้ยกเลิก ม.112 แต่ไม่ทำตามจบ ได้ผล! โฆษกก้าวไกลแถลงทันที อ้างสถานการณ์เปลี่ยน แค่แก้ไขไม่พอ เพราะภาคประชาชนร้องให้ยกเลิก ขณะที่ ‘กำนัน-หมอวรงค์’ ประกาศ ห้ามแตะ ม.112 กังวลนำไปสู่ความขัดแย้ง

เมื่อ 4 พ.ย. 64 ภายหลังจากนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงท่าทีต่อ ม.112 โดยยืนยันว่าร่างแก้ไขมาตรา 112 ของพรรค ไม่มีเนื้อหาขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 6 แต่อย่างใดนั้น ก็ได้ถูก ‘นายปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาตำหนิอย่างรุนแรง

โดยนายปิยบุตรทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า พรรคต้องเป็น Avant-Garde (อาวองการ์ด: ผู้นำทางสังคม) ถ้าพรรคไม่เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะลาออกจากอาจารย์ ทิ้งชีวิตวิชาการมาทำไม คำว่า Avant-Garde ไม่เท่ากับ ‘ต้องตามใจ - เอาใจการชุมนุม’ แต่ คือ การชี้นำสังคม ผลักวาระนำหน้าเพื่อให้สังคมตาม 

...เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าไม่มีพรรคแบบนี้ คงกาไม่เลือกใคร!!

“ส.ส. บางคนถามผมว่าจะเสนอร่างกฎหมาย 112 แบบใด ผมยืนยันเรื่องยกเลิก 112 พร้อมยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาททั้งหมด ผมอธิบายเหตุผลยืดยาว แต่เมื่อพรรค ก.ก. เสนอแบบนั้นก็จบ ผมไม่เกี่ยวด้วย แต่ผมขอใช้เสรีภาพแสดงจุดยืนของผม เท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าผมไม่เกี่ยวกับ ก.ก. สั่งการ ก.ก. ไม่ได้”

นายปิยบุตรทวีตอีกว่า “112” ไม่ใช่แค่กฎหมายธรรมดา แต่เป็นมากกว่านั้น การปล่อยให้ “112” อยู่ต่อไป แบบเบาลง หรือปล่อยให้อวตารเป็นร่างอื่น คือ กินยาพารา แต่ก็มีโอกาสฟื้นคืนชีพกลับมาได้เสมอ ปฏิวัติที่ไม่ปฏิวัติไม่ใช่ปฏิวัติ โค้กที่ไม่มีน้ำตาลไม่ใช่โค้ก กาแฟที่ไม่ขมไม่ใช่กาแฟ ปฏิวัติอยู่หน้าประตูแต่ไม่ใช้

จากนั้นท่าทีของพรรคก้าวไกลเปลี่ยนไป โดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคก้าวไกลดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ การแก้ไข น่าจะเป็นทางออกที่โอบรับบุคคลทุกฝ่ายที่พอจะมีฉันทามติร่วมกันได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป มาตรา 112 ถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีมากเป็นประวัติการณ์ จนสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นคดีการเมืองแล้ว อาจจะไม่ใช่คดีอาญาแล้ว

วิโรจน์ กล่าวอีกว่า จากการเสนอแก้ไขเมื่อ 9 เดือนก่อน วันนี้พรรคก้าวไกลต้องกลับมาทบทวนแล้วว่ามันตอบรับกับสถานการณ์หรือไม่ แต่เราต้องคิดถึงการโอบรับคนอื่นด้วย แค่การแก้ไข ยังไม่มีพรรคการเมืองใดลงชื่อร่วมกันกับเราเลย ก็ต้องคิดถึงมือในสภาด้วย ถ้ามือในสภายกผ่าน จึงจะเกิดการแก้ไข ความพยายาม หรือการผลักดันจากภาคประชาชนที่จะให้มีการยกเลิกมาตรา 112 พรรคก้าวไกล ก็รับฟัง

“ไม่ว่าจะการแก้ไขก็ดี หรือการยกเลิกก็ดี พรรคก้าวไกลพร้อมที่จะรับฟังและผลักดันอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องโอบรับความเห็นอื่น ๆ และคำนึงถึงโอกาส หรือวิธีการที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการหาว่าพรรคก้าวไกลไปปลุกม็อบอีกหรือไม่ นายวิโรจน์ ชี้แจงว่า วันนี้ถ้าพรรคก้าวไกลเงียบ คุณคิดว่าสังคมหยุดหรือไม่ กลับคิดว่าถ้าวันนี้พรรคก้าวไกลเงียบ ภาคประชาชนจะยิ่งรุนแรง เพราะไม่มีทางระบายออกเชิงระบบที่เป็นไปได้ ข้อกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลปลุกม็อบนั้น วันนี้ภาคประชาชนตั้งคำถามกับพรรคก้าวไกลอย่างรุนแรง ในสภาเป็นพรรคที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากภาคประชาชนว่า ตอบสนองเขาน้อยเกินไป ขอบันทึกไว้ตรงนี้ว่า ไม่ได้รู้สึกไม่ดีต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เป็นความชอบธรรมของภาคประชาชนที่จะเรียกร้องมากกว่าสิ่งที่เราทำ เราก็ต้องน้อมรับและสกัดเอาแก่นของความคิดเห็นเหล่านั้นมาประมวล

ขณะที่ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ได้เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP.4 ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)’ ถึงประเด็นมาตรา 112 ว่า เราตรากฎหมายอาญามาตรา 112 ขึ้น เพื่อปกป้องพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ผู้ใดละเมิด จริง ๆ แล้ว ของเรา เราไม่ได้ปกป้องเฉพาะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระประมุขของประเทศเรา เรามีกฎหมายอาญามาตรา 133 ปกป้องประมุขของรัฐอื่น ประเทศอื่นเช่นเดียวกัน ข้อความเหมือนกันเลย สาระในกฎหมายที่บัญญัติไว้ มีข้อความเหมือนกัน มาตรา 133 บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางคุกจำโทษ ตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"เรามีกฎหมายอาญาปกป้องทั้งพระประมุขที่เป็นพระมหากษัตริย์ของเรา และเราให้เกียรติ ปกป้องประมุขของประเทศอื่น และลองนึกดูว่า ถ้าเราไม่เขียนปกป้องประมุขของประเทศอื่นไว้ หากมีคนไทยคนไหนเครื่องร้อนขึ้นมา ไปหมิ่นประมาท ไปดูหมิ่น หรือไปแสดงความอาฆาตมาดร้ายประมุขประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หรือพระราชาธิบดี หรือประธานาธิบดี ถ้าเกิดมีคนไทยทำอย่างนั้นขึ้นมา เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ประชาชนเขาก็คงไม่ยอมว่า ทำไมคนไทยถึงไปล่วงละเมิดดูหมิ่นประมุขของประเทศเขา อันนี้ก็เรียกว่า เป็นสงครามได้ เป็นเรื่องใหญ่ได้"

นายสุเทพ เผยว่า กังวลใจลึก ๆ ว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่นำไปสู่ข้อขัดแย้งของคนในประเทศ วันนี้มี 3 ฝ่ายในประเทศ ฝ่ายหนึ่งต้องการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย แต่ฝ่ายที่สามไม่รู้จะคิดอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาคิดจะแก้ไข หรือเรื่องที่เขาไม่ต้องการจะแก้ไข เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย วันนี้ไม่สนใจไม่ได้แล้ว จึงชวนพี่น้องมาช่วยกันติดตามศึกษา

"ผมสารภาพเลยว่าผมยืนอยู่ข้างฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะเห็นว่าที่บัญญัติไว้แค่นี้ เหมาะสมถูกต้องแล้ว สำหรับประเทศไทยของเรา อยากเอาความคิดตรงนี้มาจุดประกายความคิดในใจของพี่น้องประชาชนว่า ผมคิดถูกหรือเปล่าที่คิดอย่างนี้ พี่น้องประชาชนที่เป็นคนไทยแบบผมคิดเห็นแบบผมกันหรือเปล่า วันหลังเราจะมาคุยกันถึงเนื้อหาสาระในร่างแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่พรรคการเมืองพรรคต่างเขากำลังจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา" นายสุเทพกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top