Wednesday, 1 May 2024
3ป

นักอ่านแถลงการณ์คณะปฏิวัติชื่อดัง ถาม!! ศัตรูของศัตรูคือมิตร แล้วศัตรูนายพล-นายร้อยคือใคร?

นายอาคม มกรานนท์ อดีตพิธีรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และอดีตผู้ประกาศข่าวและผู้อ่านประกาศแถลงการณ์คณะปฏิวัติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Akhom Makaranond’ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“ศัตรูของศัตรูคือมิตร แล้วศัตรูของนายพลกับนายร้อย คือ ใคร?”

คำถามนี้ยาวหน่อย ส่วนตอบจะยาวหรือสั้นไม่ทราบ ขอย้อนหลังเล่าเรื่องเก่าให้ฟัง แล้วช่วยกันคิดก็แล้วกันว่า มันพอจะเป็นไปได้ไหม? ถ้าฟังแล้วคิดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ผิดกติกาใดๆ

พรรคพลังประชารัฐ มีหลายคนบอกว่าเป็นพรรคการเมืองเฉพาะกิจ ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับอำนาจรัฐของรัฐบาล คสช. จะเดินหน้าต่อไปหรือจะล่มสลาย คำถามนี้ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ในสังคมไทย

วันที่พรรคพลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งซ่อมสามจังหวัดติดต่อกันอย่างหมดศักดิ์ศรีของการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล

หลายคนที่ติดตามสถานการณ์ภายในพรรคนี้ ต่างทราบดีว่ามีความแตกแยกอย่างหนักเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่เหตุที่พรรคยังไม่ถึงกับแตกละเอียด ก็เพราะยังมีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือของนายกรัฐมนตรีและกลุ่ม ๓ ป.

คนที่เขามองพรรคอย่างเข้าใจเนื้อแท้ย่อมทราบดีว่า แม้ ๓ ป.จะประกาศว่ารักใคร่กลมเกลียวกันก็ตาม แต่ ป.ป้อม กับ ป.ประยุทธ์ ก็งัดกันมาในทีเป็นประจำ แต่ก็สู้อุตส่าห์กล้ำกลืนฝืนทนกอดคอกันมาได้ เพราะทุกๆ ป. รู้ซึ้งอยู่แก่ใจว่า หากแตกแยกกันวันใด จะต้องตกบัลลังก์แห่งอำนาจ และเมื่อหล่นแล้ว อำนาจก็จะถูกศัตรูที่ตนเคยรัฐประหารเขามา กลับมาเล่นงานอย่างหนัก

เพราะฉะนั้น ทั้ง ๓ ป. จึงต้องทนอยู่บนหลังเสือต่อไป เพราะไม่ต้องการลงมาแล้ว ต้องกลายเป็นศพไม่สวย

เห็นหรือยังว่า ฉากการเมืองแห่งความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๙ กับนายร้อยนอกประจำการ ผู้เต็มไปด้วยบาดแผลเต็มตัว และข้อรังเกียจจากสังคมที่มีต่อตัวของผู้กองนอกราชการคนนี้ และเป็นอดีตแกนนำคนสำคัญของพรรค 

นี่คือฉากการเมืองที่คอการเมืองไทยรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่า มันคือภาพของความขัดแย้งระหว่างนายพลกับนายพล คนหนึ่งหนุนหลังผู้กองนอกราชการมาตลอด แล้วเมื่อวันที่ผู้กองเดินออกจากพรรคไป พร้อมกับ ส.ส. อีก ๒๐ คน ทำให้ภาพความแตกแยกระหว่างนายพลกับนายพลเด่นชัดขึ้น จนไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป แล้วก็ทำให้ทุกคนรู้ด้วยว่า วันที่ผู้กองคนนี้กล้าต่อกรกับคนเป็นนายกฯ ในวันลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุดนั้น มีภาพของนายพลอีกคนอยู่เบื้องหลังการแสดงบทกร้าวของผู้กอง

วันนี้ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย อาจจะยังรักนายกฯ ประยุทธ์ฯ เพราะเห็นว่าเป็นคนซื่อมือสะอาด แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่มองว่า ท่านนายกฯ คนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้แห่งอำนาจได้ ก็เพราะมีแรงหนุนจากพี่ใหญ่และ ส.ส.ในส่วนของพี่ใหญ่ 

ทีนี้เมื่อพี่ใหญ่เปิดภาพการเมืองออกมา โดยสั่งให้ผู้กองยอดรักและก๊วนออกไปอยู่พรรคอื่น (หลายคนมองว่าเป็นพรรคของพี่ใหญ่) ก็หมายความว่า นี่คือการเปิดศึกฉากสำคัญ เพื่อโจมตีนายกฯ โดยตรงนั่นเอง

‘โรม’ ซัด ‘3ป.’ มีเอี่ยวค้ามนุษย์ เชื่อปัญหาแก้ได้ แต่ต้องไม่ใช่รบ.ชุดนี้

วันนี้ 22 ก.พ. 65 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีขบวนการค้ามนุษย์ว่า หลังจากจบการอภิปรายจนถึงวันนี้ ตนยังไม่ได้รับคำอธิบายที่น่าสนใจ และคำอธิบายของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่ต่างจากคำตอบเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมาที่ขอให้พ.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ กลับประเทศไทยเพื่อสู้คดีโดยรัฐบาลควรมีสัญญาที่ดีกว่านี้ เช่น ควรกลับไปพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้ใดรู้บทบาทหน้าที่และการค้ามนุษย์และขัดขวางการทำงานของ พ.ต.ต.ปวีณ หากรัฐบาลต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมตนก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่างๆ แก่รัฐบาล

“รัฐบาลไม่มีการต่อยอดและนำสู่การขยายผล เช่น ประเด็นเรื่องการรับผิดชอบของกองทัพเรือในกรณีที่สามารถจับผู้เกี่ยวข้องได้ 1 คน หรือ กรณีที่การทำงานของฝ่ายปกครอง ที่ปล่อยให้มีการขนคนจำนวนมากเพื่อนำไปค้ามนุษย์ในเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจในการปราบปรามเรื่องการค้ามนุษย์ ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาในประเด็นที่ตนได้อภิปรายไว้ โดยแต่งตั้งบุคคลที่สังคมให้ความเชื่อถือเข้ามาเป็นกรรมการ แต่ขณะนี้รัฐบาลกลับยืนกรานว่าได้ดำเนินการไปแล้ว และขอให้พ.ต.ต.ปวีณ กลับประเทศไทย แต่ใครจะกล้ากลับในเมื่อประเทศไทยยังมีเรื่องการอุ้มหาย และการเสียชีวิตของข้าราชการน้ำดี

‘อนุพงษ์’ ลั่น 3 ป.มาด้วยกันไปด้วยกัน มั่นใจ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่รับไม้ต่อเป็นนายกฯ

‘บิ๊กป๊อก’ ลั่น 3 ป.มาด้วยกันไปด้วยกัน มั่นใจ พล.อประวิตร ไม่รับไม้ต่อเป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่มีทายาท 3 ป. ย้ำไม่สนใจลงเลือกตั้ง  

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหาดไทย กล่าวถึงการอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า ขอให้ท่านมีความสุขแข็งแรง และยืนยันไม่ได้พูดคุยกันเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็บอกว่า ไปเขียนอะไรกันเองไม่เห็นมีอะไร และยืนยันไม่ได้มีการพูดคุยประเด็นกับสูตรหาร 100 อีกด้วย 

เมื่อถามว่า มองว่า พล.อ.ประวิตร อายุ 77 ปี มี สุขภาพร่างกายแข็งแรงมีโอกาสหรือไม่ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ให้ตนพูดก็จะกลายเป็นประเด็นอีก 

ส่วนมีโอกาสหรือไม่ หากประเมินจากสุขภาพของ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พูดง่าย ๆ ท่านก็ยังทำไหว ก็คงถือว่าดีที่ท่านจะทำได้

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่ พล.อ.ประวิตร จะรับไม้ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ อีก 2 ปี หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ถึงกับอุทานว่า "โอ้ย คงไม่ใช่หรอกมั้ง ไม่ใช่แน่นอน บอกตรง ๆ คงไม่ใช่"

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่า พล.อ.ประวิตรไปพร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์ มาด้วยกันไปด้วยกันเลยใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แน่นอน ถูกต้อง

3 ป. 3 สไตล์ ชายชาติทหารแห่งบูรพาพยัคฆ์ ปักหมุดหมายเดียวกัน ช่วยชาติไทยให้พ้นทุกภัย

จากคนที่ไม่ใช่แฟนคลับ ยอมรับเลยว่า 3 ป. ล่อให้แตก แยกให้ขาด ก็คงชาติหน้า เพียงแต่ในบรรดา ‘พี่น้อง 3 ป.’ แห่งนักรบบูรพา ‘ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์’ ต่างมีบุคลิกแตกต่างกันไป 

พี่ใหญ่อย่าง ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนอารมณ์ดี พูดจาหยอกเอินตามประสาพี่ใหญ่ใจดี

ส่วนที่รองอย่าง ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แกเป็นคนพูดน้อย มาดขรึม สมกับชายชาติทหาร 

และแน่นอนว่าขาดไม่ได้กับ น้องคนเล็กอย่าง ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกจะมีบุคลิกตรงข้ามกับพี่ ๆ เพราะแม้จะชอบพกพามาดเข้ม ๆ ดุดันบ้างเป็นพิธี แต่แกก็เป็นคนที่ค่อนข้างพูดเยอะ พูดยาว และชอบปล่อยมุขให้ขำบ้าง เจื่อนบ้างเป็นระยะ ๆ

แน่นอนว่าตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หน้าฉากพรรคพลังประชารัฐ ดูจะมีรอยปริให้เห็นเป็นระยะ ๆ แต่หากย้อนไปฟังเสียงน้องเล็กอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ แล้วฟังด้วยความตั้งใจ น้องคนนี้มักร่ายยาวถึงความสัมพันธ์ของ ทั้ง 3 ป.ว่า .เหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ใครก็ทำลายไม่ได้ แม้มีคนเสี้ยมให้แตกกัน”

'บิ๊กป้อม' อวยพร 'ลุงตู่' แม้แยกทางคนละพรรค ยัน!! 'รัก-ผูกพัน' เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เปิดใจ 'บิ๊กป้อม' แจงความสัมพันธ์ 'ลุงตู่' ยังคงเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอยากทำงานการเมือง แต่ยอมรับ มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย 

(13 ม.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นเพจทางการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ใช้โพสต์ความเคลื่อนไหวและการปฏิบัติภารกิจของ พล.อ.ประวิตร ได้โพสต์จดหมายเปิดใจ ระบุว่า... 

จดหมายเปิดใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

โดยข้อความต้นฉบับระบุว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยครั้งใหญ่ หลังการรัฐประหารโดย คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ด้วยความจำเป็นของกองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ต้องออกจากกรมกองมายุติวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองที่ก่อตัวมานานนับปี จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียงประเทศ และบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

ขณะนั้น ผมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปตั้งแต่ พ.ศ. 2548 จึงทำได้เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลเพื่อปฏิรูปบ้านเมืองและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมก็ได้ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อหวังจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ให้คืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ต้องยอมรับความจริงว่า คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเมือง เพราะต่างก็เป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต ฝึกฝนเรียนรู้มาในด้านการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตัวผมเองก็เช่นกัน แม้จะเคยเป็น รมว.กลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการเมือง จึงทำได้เพียงช่วยดูแลเหล่าทัพให้มีเสถียรภาพเท่านั้น

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้รีบจัดการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลในขณะนั้นก็ตระหนักดีถึงความต้องการของประชาชน และความชอบธรรมของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงการยอมรับจากประชาคมโลก จึงเร่งผลักดันกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว

'เพื่อไทย' แซะ 3 ป. Forever คือ จากกันตลอดไปหรือไม่ เย้ย!! จม. 'บิ๊กป้อม' เหมือนจัดหนัก 'บิ๊กตู่' มักใหญ่ใฝ่สูง

(13 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีเพจพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เผยแพร่ จดหมายเปิดใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดใจในวันที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซบ รทสช.ยัน 3 ป. Forever ไม่ทิ้งสมาชิก พปชร.ว่า...

ไม่รู้ว่าพล.อ.ประวิตรเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยเลือดหรือน้ำตา การบอกว่าไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ หลังรู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์แสดงจุดยืนทางการเมืองไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ สะท้อนความกระอักกระอ่วนใจจนสุดจะบรรยาย คิดไม่ถึงว่าอดีตลูกน้องที่เคยฟูมฟักตั้งแต่เป็นทหารเด็ก ๆ จะทำกับพี่ใหญ่ 3ป.ได้ถึงเพียงนี้ การบอกว่า 3 ป. Forever ไม่แน่ใจว่า หมายถึง 3ป.จากกันตลอดไป หรือทิ้งให้ 3ป.เหลือแค่ตำนานตลอดไป โดยไม่มีใครทำอะไรเพิ่มเติม จดหมายพล.อ.ประวิตรยิ่งกว่าเปลือยตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์จนล่อนจ้อนว่าเป็นคนเช่นไร มักใหญ่ใฝ่สูงเพียงไร

‘วิโรจน์’ ถาม จะมีใครยอมสิ้นหวังอีก 4 ปีกับ รัฐบาล 3 ป.

(27 ก.ค. 66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุว่า...

[อย่าหลอกลวงประชาชนว่ารัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เพื่อหวังสลับขั้วตั้งรัฐบาล 3 ป]

ตอนนี้มีบางคนชอบออกมาพูดหลอกประชาชนว่า รัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เราเสียเวลารอการจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวัง 8 พรรคร่วมไม่ได้ เพื่อขู่ให้ประชาชนกลัว และยอมรับชะตากรรม ยอมให้เกิดการสลับขั้วจัดตั้งรัฐบาล 3 ป ให้มาผูกขาดกินรวบประเทศต่อไป

ผมถามตรง ๆ เลยครับว่า ระหว่างได้รัฐบาล 3 ป แล้วต้องสิ้นหวังต่อไปอีก 4 ปี กับรอเต็มที่ไม่เกิน 10 เดือน แล้วจะได้รัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน มีใครยอมสิ้นหวังไปอีก 4 ปีด้วยหรือครับ

ระหว่างที่รอ บ้านเมืองก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะสุญญากาศนะครับ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ และรัฐบาลรักษาการ ก็ยังทำงานได้

รัฐบาลที่ผ่านมา บริหารบ้านเมืองได้ตกต่ำถึงขีดสุดแล้วครับ ไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้วครับ การเป็นรัฐบาลรักษาการ โดยถูกจำกัดอำนาจบางส่วน ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ไม่ไปก่อความเสียหายอะไร ให้กับบ้านเมืองไปมากกว่านี้

ตามมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลรักษาการ ทำงานได้ครอบคลุมพอสมคววรนะครับ ไม่ใช่ว่าทำงานไม่ได้เลย มีข้อห้ามหลัก ๆ ก็แค่ 3 เรื่อง เท่านั้น คือ

1. ห้ามอนุมัติโครงการ ที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว แสดงว่าโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ก็ยังเดินหน้าต่อได้ เพียงแต่โครงการใหม่ๆ ห้ามเซ็นก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ป้องกันไม่ให้เงินภาษีของประชาชนถูกผลาญไปมากกว่านี้

2) ห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ ซึ่งก็ดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ระบบตั๋ว และการซื้อขายตำแหน่ง ที่เป็นบ่อเกิดของการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็จะรุนแรงขึ้น แถมยังจะทำให้เครือข่ายอุปถัมภ์ที่กินรวบสัมปทาน ขยายเครือข่ายของตนอีกด้วย แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องแต่งตั้งโยกย้ายจริง ๆ ก็ทำได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง

3) ห้ามอนุมัติการใช้จ่ายงบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ก็ดีอยู่แล้ว จะได้เลิกเอางบกลางไปผลาญตามอำเภอใจของนายกฯ คนนี้ซะที แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริง ๆ เช่น กรณีภัยพิบัติ ก็ใช้ได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง

รัฐบาลรักษาการพอที่จะทำงานได้ครับ ไม่ได้ถึงกับสิ้นสภาพ อย่างที่เอามาขู่ให้กลัวเลย

แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศเลยครับ นักลงทุนจากต่างประเทศ เวลาที่จะมาลงทุน เขาต้องพิจารณาในระยะยาวเป็นหลักสิบปี ไม่ใช่ว่าต้องเร่งให้มีรัฐบาลกเฬวรากอะไรก็ได้

นักลงทุนจากต่างประเทศ เขาคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่งคำว่า ‘เสถียรภาพ’ ในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ได้ดูแค่จำนวน สส. เท่านั้น แต่รัฐบาลจะต้องมีความชอบธรรม ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ประชาชนพร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ อย่างนี้ถึงเรียกว่าเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่ใช่เริ่มต้นมาก็ทรยศหักหลัง เป็นปรปักษ์กับประชาชนเสียแล้ว

นอกจากนี้ ปัญหาการคอร์รัปชัน ก็เป็นอีกประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติพิจารณา ถ้าบ้านเมืองเต็มไปด้วยส่วย และการเรียกรับผลประโยชน์ จะประกอบกิจการอะไร ก็ต้องจ่ายใต้โต๊ะตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะ อย่างที่เป็นอยู่ นักลงทุนต่างประเทศเขาไม่มาลงทุนหรอกครับ

ดังนั้น รัฐบาลที่ยอมพลิกขั้วยอมเป็นร่างทรง ให้ 3ป มาสิงสู่สืบทอดอำนาจ มีแต่จะถูกประชาชนสาปแช่ง บั่นทอนการลงทุนจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การที่ ส.ส. จากพรรคอื่น ที่ไม่อยู่ใน 8 พรรคร่วม จะบ่นว่า การตั้งรัฐบาลจะเสียเวลารอนานไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยว่าควรบ่นครับ ผมก็บ่นเหมือนกัน ไม่มีใครอยากตั้งรัฐบาลช้าหรอกครับ บ่นน่ะได้ แต่ต้องบ่นให้ถูกคน เรามาช่วยกันบ่นไปที่ สว. กลุ่มที่ขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลดีกว่าครับ ถ้าผนึกกำลังช่วยกันบ่น และบ่นให้ถูกคน สักพักรัฐบาลก็จะตั้งได้เองครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top