Wednesday, 15 May 2024
เยาวชน

‘กลุ่มเพื่อน’ เล่า!! เด็ก 17 เลือกไปโรงแรมกับ 'สมรักษ์' พอถาม “จะไปกับเขาจริงๆ เหรอ?” ก็ชักสีหน้าใส่

(14 ธ.ค.66) ภายหลังจาก ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา หลังตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา พรากผู้เยาว์ กระทำอนาจาร เด็กอายุต่ำกว่า 15 แต่ยังไม่ถึง 18 ปี พยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย พร้อมทั้งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแล้วนั้น ก็มีอีกเหตุการณ์จากผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ไลฟ์สดเล่าเหตุการณ์ในวันดังกล่าวให้สังคมต้องติดตามต่อ

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค.66 วัยรุ่น 2 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ กับเด็ก 17 ได้ไลฟ์สดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าที่ออกมาพูด เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง เพราะถูกนำภาพไปแชร์ในโซเชียล ทำให้คนเข้าใจผิด ทั้งยังถูกสังคมด่าทอว่า ทอดทิ้งเพื่อน ไม่ช่วยเพื่อน ไม่รักเพื่อน ไม่ห้ามเพื่อน จึงขออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะไม่พูดเกี่ยวกับคดีของผู้เสียหาย 

โดยเล่าว่า เพิ่งรู้จักกับผู้เสียหาย วันที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง เนื่องจากเป็นเพื่อนของเพื่อนในกลุ่ม และเป็นคนจังหวัดเดียวกัน โดยเพื่อนที่รู้จักกับผู้เสียหาย ได้ชักชวนมาเที่ยวด้วยกัน โดยที่พวกตนไม่รู้มาก่อน จากนั้นก็กินดื่มในร้านกันตามปกติ 4 คน ขณะที่พวกตน เดินไปเข้าห้องน้ำ ออกมาก็เห็น ผู้เสียหาย ไปอยู่ที่โต๊ะของสมรักษ์แล้ว พอเข้าไปสอบถามว่า ทำไมมาอยู่โต๊ะนี้ ผู้เสียหายไม่ตอบ พวกตนจึงพากันกลับไปที่โต๊ะ

กระทั่งร้านปิด ได้เดินไปถามผู้เสียหายว่า “จะไปกับเขาจริงๆ เหรอ” และยังมีเพื่อนผู้ชายอีกคน ที่อาสาจะไปส่งผู้เสียหายกลับห้องพัก โดยพาซ้อนรถจักรยานยนต์กลับไปกับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย แต่ผู้เสียหายชักสีหน้าไม่พอใจ เพราะต้องการจะไปกับสมรักษ์

ทั้งเล่าอีกว่า เห็นผู้เสียหายเดินไปหาสมรักษ์ แล้วนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ออกไปด้วยกัน เพื่อนทุกคนก็งงกันหมด และทุกคนก็เมาด้วย จึงพากันแยกย้ายกลับ กระทั่งเพื่อนผู้ชาย ที่รู้จักกับผู้เสียหาย ส่งข้อความแชทมาถามตนว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้เสียหายจึงให้พาไปแจ้งความ พวกตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทุกคนก็งงกันหมดเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า เพิ่งรู้จักกันกับผู้เสียหายเป็นวันแรก ช่วงที่เข้าผับไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้าได้ไม่ได้ แต่ทุกคนก็เข้ามาในร้านได้ และเที่ยวกันตามปกติ พวกตนก็ไม่ได้อายุ 17 ปี พร้อมขอให้ทุกคนที่นำภาพของพวกตนไปโพสต์ไปแชร์ จนเกิดความเสียหาย ขอให้ลบและหยุดแชร์ หากไม่หยุดจะดำเนินการตามกฎหมาย

‘ดร.เอ้’ วิตก!! วงจรมัวเมาเยาวชนเกลื่อน วอนผู้เกี่ยวข้องจัดการเด็ดขาด หวั่นซ้ำรอยกรณีทลายผับดังย่านรังสิต 'ปล่อยเด็กเที่ยว-ไร้ใบอนุญาต'

'ดร.เอ้' ห่วงเด็กไทย หลัง จนท.ชุดเฉพาะกิจ สนธิกำลังบุกจับผับพบเด็กต่ำ 20 เพียบ แนะต้องควบคุมและจำกัด

(10 ม.ค.67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ‘ดร.เอ้’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ห่วงเด็กไทย หลังจากมีข่าวล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการ ‘รังสิตมันร้าย’ ที่สนธิกำลังร่วมกับหลายหน่วยงานบุกเข้าจับกุมสถานบริการชื่อร้าน 'HEAVEN Rangsit' ในพื้นที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พบบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการเกือบ 500 คน 

ดร.เอ้ กล่าวว่า ปัญหาเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการสถานบันเทิง ผับ-บาร์ การเปิดสถานบันเทิงเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด ไปจนถึงการเปิดโดยไม่มีใบอนุญาต ปัญหาเหล่านี้มีมานานแล้ว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เกิดเป็นวงจรปัญหาตามมาทั้งเรื่องยาเสพติด ความรุนแรง อุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการกวดขันและเข้มงวดในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชนไทย 

“ปัญหาสำคัญที่สุดคือ สถานบันเทิงเหล่านี้ปล่อยให้เด็กต่ำกว่ากฎหมายกำหนดเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ข่าวล่าสุดที่ผับดังย่านรังสิตก็ตรวจพบเด็กต่ำกว่าอายุ 20 ปี เกือบ 500 คน ผมถามว่าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง แล้วเด็กไทยเราจะมีคุณภาพได้อย่างไร ผมเป็นห่วงจริงๆ ครับ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง ยังมีปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่เข้มงวด ปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะขณะนี้กฎหมายได้อนุญาตให้ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 แล้ว ส่วนตัวจึงอยากแนะผู้ที่เกี่ยวข้องว่าหากยังไม่มีมาตรการในการจัดการที่เด็ดขาดโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนก็อาจจะต้องทบทวน ถ้าผลประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า การพัฒนาคน โดยเฉพาะเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น ดังนั้นภาครัฐจะออกนโยบายต่างๆ ต้องประเมินความคุ้มค่าให้รอบด้าน อย่ามองเพียงแค่มิติเดียว โดยเฉพาะนโยบายขยายเวลาเปิดผับ-บาร์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลกระทบต่อเยาวชน และสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของสาธารณชนแน่นอน

ดังนั้นสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำคือ การควบคุม จำกัดวันและเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานบันเทิง ให้เหมือนในหลายๆ ประเทศ เช่น ประเทศเยอรมนีที่รัฐให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาคนอย่างมาก ซึ่งการจำกัดหรือควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานบันเทิง ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้นแต่คำนึงไปถึงเรื่องสุขภาพของคน กฎหมายที่ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเน้นเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนหนุ่มสาวเลิกดื่มแอลกอฮอล์อย่างสมบูรณ์ แต่สอนถึงแนวทางที่เหมาะสมในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือในประเทศรัสเซียที่มีการจำกัดเวลาขายช่วงกลางคืน หรือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่จำกัดเวลาขายในร้านขายปลีก เป็นต้น

'ญี่ปุ่น' ตัดสินประหารชีวิตหนุ่มวัย 21 คดีแรกหลังแก้กม.เยาวชน ก่อเหตุแทงพ่อแม่สาวที่แอบชอบดับ ก่อนเผาบ้านและไม่สำนึกผิด

(19 ม.ค. 67) สำนักข่าว Kyodo News ของญี่ปุ่น รายงานว่า ศาลญี่ปุ่น ได้ตัดสินประหารชีวิตนายยูกิ เอนโดะ วัย 21 ปี หลังก่อเหตุแทงพ่อแม่ของสาวที่ชอบจนเสียชีวิต และยังเผาบ้านของสาวคนดังกล่าว ที่เมืองโคฟู จังหวัดยามานาชิ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น โดยเป็นคดีแรกที่ตัดสินโทษประหารชีวิตแก่ผู้กระทำผิดที่ในขณะที่ก่อเหตุเป็นผู้เยาว์ นับตั้งแต่มีการแก้กฎหมายเยาวชน ปรับลดอายุบรรลุนิติภาวะเมื่อปี 2022

ข่าวระบุว่า ตามกฎหมายเดิมของญี่ปุ่น ผู้ที่จะถูกระบุว่าเป็นเยาวชนจะต้องอายุน้อยกว่า 20 ปีลงไป แต่เมื่อเดือนเมษายน 2022 ได้มีการปรับแก้กฎหมายใหม่ กำหนดอายุของเยาวชนไว้ว่า อายุ 18 ปีลงไป ทำให้นายเอนโดะซึ่งขณะก่อเหตุอายุ 19 ปี ไม่ได้ถูกระบุว่าเป็นเยาวชนแล้ว

นายจุน มิคามิ หัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลแขวงโคฟุ ได้ตัดสินประหารชีวิตนายเอนโดะ และว่า นายเอนโดะจะต้องรับโทษความผิดทางอาญา โดยอายุของเขาไม่ใช่เหตุผลที่จะหลีกเลี่ยงต่อการรับโทษประหารแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายเอนโด ได้แทงพ่อแม่ของสาวที่แอบชื่นชอบ จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 64 (2021) และยังทำร้ายน้องสาวของสาวที่แอบชอบจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจุดไฟเผาบ้านของหญิงสาว โดยที่ตัวหญิงสาวที่นายเอนโดะแอบชอบไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

โดยนายเอนโดะ ให้การระหว่างการพิจารณาคดีว่า เขาชื่นชอบนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่สาวคนดังกล่าวไม่ยอมออกเดตด้วย ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง และโมโห นอกจากนี้ ตัวนายเอนโดะ ยังบอกด้วยว่า ตัวเขาเองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพ่อแม่ของตัวเอ

อย่างไรก็ตาม ตลอดการพิจารณาคดี นายเอนโดไม่ได้กล่าวคำขอโทษต่อการกระทำของตัวเองแต่อย่างใด และปฏิเสธที่จะยื่นเรื่องอุทธรณ์คำตัดสิน โดยบอกว่า ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ อีกแล้ว

ทั้งนี้ แม้กฎหมายเยาวชนของญี่ปุ่นจะมีการแก้ไขเมื่อปี 65 (2022) ลดอายุของผู้ที่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย จากเดิมคือตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เป็น 18 ปีขึ้นไป แต่ผู้ที่อายุ 18 และ 19 ปี ยังคงได้รับการคุ้มครองอยู่ เพียงแต่จะได้รับการดูแลที่ต่างจากผู้ที่อายุ 17 ปีลงไป และยังอนุญาตให้สื่อสามารถเปิดเผยชื่อของจำเลยที่อายุ 18-19 ปีได้ เมื่อถูกดำเนินคดีแล้วเท่านั้น

สมุทรปราการ- 'TRIPLE SSS BY IMPERIAL' มอบรางวัล 'น้องปูเป้' เยาวชนคนเก่งคว้าแชมป์โลก สเก็ต U 14 ประเทศบราซิล

TRIPLE SSS by IMPERIAL จัดพิธีมอบรางวัลให้กับ ด.ญ. ขวัญกิตติกานต์ ทิพย์สมบัติ หรือ น้องปูเป้ อายุ 13 ปี เยาวชนคนเก่งจาก TRIPLE SSS by IMPERIAL ปัจจุบันน้องปูเป้ กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.1/4 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัยสมุทรปราการ หลังจากที่ได้ลงแข่งขันกีฬาสเก็ตในรุ่น U14 รายการของ ISSA Surfskate ชื่อว่า "LAND SURFING WORLD TOUR" ที่ประเทศบราซิล 

และมีคะแนนรวมมาเป็นอันดับที่ 1 ในการแข่งขัน 4 สนาม กระทั่งสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศระดับแชมป์โลกมาครองในการแข่งขันกีฬาสเก็ต โดยการเอาชนะนักกีฬาจากประเทศต่างๆ อีกกว่า 12 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยภายใต้การสนับสนุนของ TRIPLE SSS by IMPERIAL 

ซึ่งในพิธีมอบรางวัลในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากท่าน สงคราม​ กิจเลิศไพโรจน์​ กรรมการผู้จัดการใหญ่​ ศูนย์การค้าอิมพิเรียลเวิลด์​สำโรง​ พร้อมด้วย นางสาวนิตยา​ สุพัฒน์เดชากุล​ ผู้อำนวย​การ​ศูนย์กีฬาของอิมพิเรียลเวิลด์สำโรง​ และนายกสมาคมกีฬา สมาคมส่งเสริมกีฬาอาชีพ จ.สมุทรปราการ​ นายจักรพันธ์​ รุ่งสุขเจริญ​ นายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีม จ.สมุทรปราการ​ ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลให้กับน้องปูเป้ในครั้งนี้​ ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง 

โดยทางด้าน นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์​ กล่าวว่า​ อิมพีเรียลเวิล์ดสำโรง วางบทบาทในการสร้างโอกาสให้กับเยาวชน ด้านกีฬาเราจะสังเกตว่าใน 2-3 ปี ที่ผ่านมา อิมพีเรียลเวิล์ดสำโรงเข้ามามีส่วนร่วมในวงการกีฬามากขึ้น ทั้งนี้เพราะเราเล็งเห็นความสำคัญของกีฬาที่มีต่อเยาวชนในปัจจุบัน อิมพีเรียลเวิล์ดสำโรง มีสนามไอซ์สเก็ต ที่สร้างนักกีฬาระดับทีมชาติ ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติ และระดับโลก โดยเป็นสนามแห่งความเป็นเลิศ 1 ใน 5 ของสนามระดับนี้ทั้งโลก เรามีสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมีเครื่อง SIMULATORS เครื่องฝึกและทดสอบกอล์ฟเสมือนจริง ที่มีใช้ในสนามอื่นๆ อีกไม่กี่แห่งทั้งโลก เรามีสระว่ายน้ำที่ทันสมัย บรรยากาศร่มรื่น มีการเรียนการสอนกีฬาว่ายน้ำโดยอดีตโค้ชทีมชาติ เรามีสนามสำหรับฝึกซ้อมและพัฒนากีฬาเทเบิลเทนนิสที่ผลิตนักกีฬาระดับจังหวัด และระดับชาติออกไปอีกหลายๆ คน 

และที่ใหม่ล่าสุดคือ ลาน Surfskate ในร่มที่เป็นลานไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลานสเก็ตแห่งนี้กำลังเป็นที่โจษจันกันในวงการ Surfskate ถึงความทันสมัยและความท้าทาย ที่ทำให้นักกีฬาต่างชาติอยากจะมาทดลองเล่น ทุกวันนี้เรามีนักกีฬามาจากต่างประเทศหลายประเทศมาเล่นที่ลานสนามของเราตลอดเวลา หรือแม้แต่นักเล่นสเก็ตของไทยก็พยายามหาโอกาสมาเล่นที่ลานสนามของเราด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม อิมพีเรียลเวิลด์สำโรง จะค่อยๆ สร้างโอกาสและสนับสนุนนักกีฬาเยาวชนของสมุทรปราการให้ได้รับโอกาสในการพัฒนาตามศักยภาพของแต่ละคนและจะพยายามเพิ่มประเภทของกีฬาที่เราจะเข้าไปส่งเสริมให้มากยิ่งขึ้น

โดยทางด้านคุณฝ้าย นิตยา สุพัฒน์เดชากุล เปิดเผยว่า​ เรามาสนับสนุนกีฬา Surfskate และลงมือสร้างลาน Surfskate ที่ทำด้วยไม้ และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพราะเราเล็งเห็นว่าในปัจจุบันกีฬาประเภท EXTREME SPORTS กำลังเป็นที่นิยมในหมู่เยาวชนวัยรุ่นเป็นอย่างมาก ถ้าเรามีการบริหารจัดการกีฬาเหล่านี้อย่างเหมาะสม มีการฝึกสอนและพัฒนานักกีฬาอย่างเป็นขั้นตอน มีการส่งเสริมนักกีฬาให้ได้มีโอกาสไปแข่งขันใน LEAGUE ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ นักกีฬาก็จะสามารถเพิ่มทักษะของตนไปตามลำดับ 

จะส่งเสริมพัฒนานักสเก็ตเยาวชนของไทยอย่างต่อเนื่อง เราจะจัดตั้ง ACADEMY ขึ้นเพื่อฝึกสอนนักกีฬา จะมีการแข่งขันแบบ TOURNAMENT และแบบ LEAGUE จะมีการจัดลำดับนักกีฬา และเก็บสถิติของนักกีฬาสเก็ตของไทย เพื่อวางมาตรฐานให้กีฬานี้เป็นที่นิยม และพัฒนาไปสู่การแข่งขันระดับชาติ และระดับโลกต่อไป

'น้าแอ๊ด' ไม่ละเลย!! แฟนเพลงเยาวชนถูกชายคุกคาม ชี้เป้าให้ รปภ.อัญเชิญตัวป่วนไปที่ชอบที่ควรโดยละม่อม

(22 ม.ค. 67) จากเพจ 'Lek Carabao Solo' ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'ไปที่ชอบที่ควรเลย หึ หึ' ระบุว่า...

เมื่อสองวันก่อน (น่าจะเป็นงานขึ้นบ้านใหม่) ขณะแสดงบนเวที พอจบเพลง พี่แอ๊ดพูดขึ้นมาว่า "หนูร้องไห้ทำไมลูก ใครทำอะไร ใครแกล้ง…."

ผมจึงมองไปหน้าเวที อื้มมมมมม! เห็นล่ะ สาวน้อยคนนี้อายุน่าจะไม่เกินสิบสอง เห็นเธอยืนร้องไห้สะอื้นอยู่กับเพื่อนวัยใกล้เคียงกัน

ทีแรกเธอก็ไม่กล้าบอก แต่พี่แอ๊ดไม่ยอมผ่านเหตุการณ์นี้ไปง่าย ๆ ยังคงถามด้วยเสียงที่เข้มขึ้น "ใครแกล้งหนู บอกมาลูก" นั่นทำให้สาวน้อยชี้มือไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนถัดเธอไป ท่าทางพิรุธใส่หมวกปิดหน้าปิดตาแบบน่าสงสัย

ได้ยินเสียงพี่แอ๊ดเค้นถามไอ้หมอนั่นว่าทำอะไรเด็กหรืออะไรแนวๆ นี้ จากนั้นรปภ.ก็มาอัญเชิญตัวหมอนั่นไปที่ชอบที่ควรโดยละม่อม อิอิ

สวัสดียามเช้าครับ

https://www.facebook.com/LekBaoStoreOfficial?mibextid=ZbWKwL 

เชียงราย-พ่อเมืองเชียงราย!!จับต่อน้ำกระท่อมแต่งกลิ่นรสชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบสังคมป้องกันเด็กและเยาวชน"

วันที่ 24 มกราคม 2567 เวลา 23.50 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้คณะทำงานจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการจังหวัดเชียงราย นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย  ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 กอ.รมน. ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย ปปส. เทศบาลนครเชียงราย  สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย พมจ.เชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจเพื่อจัดระเบียบสังคมตรวจสอบการกระทำผิดของสถานประกอบการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย 

จากการที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบร้านเอเดนแคมป์ปิ้ง หมาล่า (ร้านท่อมบ่าวเหนือโฟน) บริเวณตลาดห้วยปลากั้งเจริญทรัพย์ หมู่ที่ 3 ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย  เนื่องจากมีการแจ้งเบาะแสมาที่คณะทำงานฯ ว่าร้านดังกล่าวมีการจำหน่ายน้ำกระท่อมปรุงให้แก่เด็กและเยาวชน มีการมั่วสุม เสียงดัง เปิดให้บริการจนกว่าลูกค้าจะหมด และเด็กและเยาวชนที่มาใช้บริการ หากออกจากร้านจะมีการแข่งมอเตอร์ไซต์แต่งเสียงดัง ในทางสาธารณะ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก

ขณะเข้าตรวจสอบพบมีผู้ใช้บริการกว่า 40 คน นั่งดื่มกินน้ำกระท่อมผสมน้ำหวานแต่งกลิ่น ฯลฯ ภายในร้าน และมีการวิ่งหนีออกจากร้านอีกกว่า 10 คน เจ้าหน้าที่สามารถติดตามมาได้ส่วนหนึ่ง และจากการตรวจสอบอายุพบเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 1 คน และเยาวชนที่วิ่งหนีแต่ทิ้งกระเป๋าไว้ จากการตรวจสอบพบบัตรประชาชน ระบุอายุ 15 ปี จำนวน 1 คน เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามอาการของผู้มาใช้บริการ ว่าอาการที่กินน้ำกระท่อมเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละคนจะสำแดงอาการไม่เหมือนกัน เช่น เมา มึนๆ อึนๆ คึก ซึม แล้วแต่อาการของแต่ละคน และจากการตรวจค้นยังพบยาแก้ไอ ที่เปิดขวดแล้ว อยู่บริเวณจุดปรุงน้ำกระท่อม และตรวจสอบในเมนูของร้านยังพบว่าเมนูน้ำท่อม มีส่วนผสมของน้ำหวานปรุงหลายรดชาด และยังมีเมนูน้ำท่อมปั่น น้ำท่อมผสมเหล้า ให้บริการภายในร้านด้วย

ซึ่งจากการตรวจสอบภายในร้านพบมีบุคคลแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน
จำนวน 1 คน แต่จากการตรวจสอบใบอนุญาต ไม่พบหนังสือรับรองการแจ้งการสะสมอาหาร ตามพรบ.การสาธารณสุข และมีการจำหน่ายน้ำกระท่อม โดยฝ่าฝืน พรบ.อาหารฯ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจร้านดังกล่าวยังไม่มีการตรวจความปลอดภัยของอาหารและไม่ได้ส่งมอบสลากให้สำนักงานอาหารและยาตรวจอนุมัติก่อนนำไปใช้ตามเงื่อนไขของประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาหารใหม่หรือที่ผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

ชำแหละ 'พรรคปากกล้า' แต่ขาสั่น!! ซุกตัวอยู่เบื้องหลัง ผลักดันเด็กเดินหน้ากัดเซาะ ล้มล้างสถาบันแทนตัวเอง

ถึงวันนี้ถ้าใครยังมองไม่ออกว่าประเทศไทยของเรามีพรรคการเมืองอยู่หนึ่งพรรค ที่เกลียดชังสถาบันกษัตริย์เข้ากระดูกดำ และจ้องจะล้มล้างทำลายอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส ก็ต้องบอกว่าเป็นคนไทยที่ 'บ้องตื้น' และ 'เบาปัญญา' มาก  

แต่พรรคการเมืองรวมทั้ง สส. ของพรรคนี้ ไม่กล้าเดินหน้าจัดการสิ่งที่ตนเองอยากกำจัดตรงๆ ก็เลยต้องใช้วิธี 'ยืมมือคนอื่นฆ่า' และหนึ่งในเหยื่อที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือมาตลอดหลายปีก็คือเหล่าบรรดาเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เปราะบางทางความคิด เด็กที่ขาดการเอาใจใส่เลี้ยงดูจากครอบครัวอย่างถูกวิธี เด็กอยากเด่นอยากดัง และเด็กที่มีพื้นฐานทางธรรมที่ต่ำกว่าปกติ จะถูก 'ล้างสมอง' ให้ออกมาทิ่มแทงสถาบันที่คนไทยรักแทน 

ซ้ำยังมีกลุ่มทุนต่างชาติที่อยากเห็นสถาบันกษัตริย์ไทยพังพินาศ คอยอัดฉีดเงินหนาๆ ผ่าน 'คนไทยสันดานชั่ว' จำนวนหนึ่ง ให้มาปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา  

ตั้งแต่มีพรรคการเมืองพรรคนี้เกิดขึ้นในบ้านเรา สังคมไทยมีแต่ความวุ่นวาย เด็กวัยรุ่นวัยเรียนมีนิสัยก้าวร้าว ไม่มีความเคารพในกฎกติกาของสังคม โหยหาแต่ความเท่าเทียมจอมปลอมดังที่พรรคการเมืองพรรคนี้ยัดข้อมูลที่ผิดเพี้ยนใส่หัวเด็กให้กล้าทำในทางที่ผิด โดยเฉพาะการยุยงให้เด็กจงเกลียดจงชังสถาบันเบื้องสูง เพื่อที่จะใช้เด็กออกหน้าเป็นพลังขับเคลื่อนให้ตนเองบรรลุเป้าหมาย

แต่แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ใครคิดคดทรยศสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยก็จะมีอันเป็นไปเสียทุกราย เด็กวัยรุ่นจำนวนมาก รวมถึง ส.ส. เลวๆ จากพรรคการเมืองพรรคนี้โดนคดี 112 นับไม่ถ้วน เด็กจำนวนไม่น้อยก็ติดคุกต้องเสียอนาคต และอีกมากที่กำลังรอการตัดสินของศาล

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หนึ่งในเด็กสาวที่เคยถูกคดี 112 และเคยได้รับความช่วยเหลือจาก 'นักการเมืองโรคจิต' จากพรรคล้มสถาบันพรรคนี้ ได้กระทำการเหิมเกริมหนักกว่าเก่าด้วยการขับรถบีบแตรไล่จี้ขบวนเสด็จ พฤติกรรมที่เห็นทำให้คนไทยที่รักสถาบันเกินจะอดทนไหวอีกต่อไป 

แต่นักการเมืองพรรคนี้แต่ละคน กลับให้สัมภาษณ์ในเชิงเข้าใจที่เด็กกระทำเช่นนั้น ไม่มีสักคนที่บอกว่าการกระทำเช่นนี้ผิด เปลือยให้เห็นชัดเจนว่าทุกคนในพรรคนี้เป็น 'กลุ่มคนที่เป็นอันตราย' ต่อสถาบันกษัตริย์ไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

'รัฐฟลอริดา' ชงกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 14 ใช้โซเชียลมีเดีย ป้องเหล่านักล่าทางความคิด โผล่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเด็กๆ

(26 มี.ค.67) รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เห็นชอบร่างกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และบังคับเยาวชนอายุ 14 ถึง 15 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน ถึงสามารถเข้าใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ได้

โดยร่างกฎหมายใหม่นี้ที่มีชื่อว่า House Bill 3 บังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลายลบทิ้งบัญชีของบรรดาเด็กๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอนุญาตให้พวกผู้ปกครองร้องขอระงับบัญชีของบุตรหลานด้วย

"สื่อสังคมออนไลน์ก่ออันตรายแก่เด็ก ๆ ในหลายทาง" เดอซานติสระบุในถ้อยแถลง "House Bill 3 จะมอบอำนาจแก่ผู้ปกครองมากยิ่งขึ้นในการปกป้องเด็ก ๆ ของพวกเขา ขอบคุณประธานสภาฟลอริดา สำหรับขับเคลื่อนกฎหมายประวัติศาสตร์นี้"

เพื่อตรวจสอบอายุของผู้ใช้ กฎหมายฉบับนี้ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2025 ยังบังคับให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลาย ไม่เปิดเผยและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

"อินเทอร์เน็ตกลายมาเป็นตรอกซอยมืด ๆ สำหรับเด็ก ๆ ที่มีพวกนักล่าคอยล็อกเป้าเล่นงานพวกเขา และสื่อสังคมออนไลน์ที่อันตรายจะนำไปสู่อัตราโรคซึมเศร้า ทำร้ายตนเองและแม้กระทั่งฆ่าตัวตายในระดับสูง" เรนเนอร์ จากรีพับลิกันระบุในถ้อยแถลง

กฎหมายนี้ถือว่าลดระดับความเข้มข้นเล็กน้อยจากร่างกฎหมายที่เสนอก่อนหน้านี้ ซึ่งจะห้ามเยาวชนตั้งแต่อายุต่ำกว่า 16 ปี จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ทว่ามันถูกคัดค้านจาก เดอซานติส

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่ากฎหมายฉบับนี้จะถูกยื่นคัดค้านทางกฎหมาย แบบเดียวกับที่รัฐอื่นๆ ต้องเผชิญ หลังจากรัฐเหล่านั้นผ่านความเห็นชอบกฎระเบียบต่าง ๆ ที่กำหนดกับสื่อสังคมออนไลน์

ยกตัวอย่างเช่นในรัฐอาร์คันซอ ซึ่งผู้พิพากษารายหนึ่งได้ระงับใช้กฎหมายฉบับหนึ่งที่กำหนดให้เด็ก ๆ ต้องได้รับความยินยอมจากพวกผู้ปกครองเสียก่อนถึงจะสามารถสร้างโปรไฟล์ใหม่บนสื่อสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น เมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม แสดงจุดยืนคัดค้านอย่างเปิดเผยต่อกฎหมายของฟลอริดา

"ณ เวลานี้ ด้วยสิ่งต่าง ๆ กับสื่อสังคมออนไลน์ คุณสามารถเจอกับกรณีคุณมีลูก ๆ อยู่ในบ้าน ฟังดูแล้วเหมือนกับปลอดภัย แต่จากนั้นพวกนักล่าก็สามารถโผล่เข้ามาได้โดยตรง เข้ามาภายในบ้านของคุณ"

เด็ก 11 ติด HIV บอกหมอไม่ต้องตรวจ เพราะเต็มใจติดเป็นเพื่อนแฟนอายุ 18 ปี

(1 เม.ย. 67) เพจไม่ใช่หมอบ่น-aggressivenotdoctor ได้แชร์เรื่องราวของคนไข้ซึ่งมาพบแพทย์ในแผนกผู้ป่วยนอก คนไข้นี้เป็นน้องผู้ชายอายุ 11 ขวบ มาพบแพทย์ด้วยอาการมีหนองที่อวัยวะเพศ หมอจะขอตรวจ HIV ด้วย แต่น้อง 11 ขวบ ตอบอย่างมั่นใจว่า ไม่ต้องตรวจ แฟนผมเป็น ผมติดเป็นเพื่อนแฟน เคสนี้แฟนอายุ 18 ปี มาล่อน้องอายุ 11 ขวบ

โพสต์นี้ พล.อ.ท. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เข้ามาขอแชร์พร้อมคอมเมนต์ว่า เด็กปัจจุบันโตไวกว่าที่คิด บางโรงพยาบาล เด็กอายุ 12 ปี มาฝากท้องแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องตามให้ทัน

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง พร้อมแสดงความเป็นห่วงในอนาคตของน้อง 11 ขวบ พร้อมแนะนำให้แจ้งความดำเนินคดีกับแฟนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า โดยระบุว่า น้องอาจเข้าใจว่ามันติดต่อเหมือนโควิดหรือเปล่า เช่น ทางน้ำลาย กินน้ำต่อ ๆ กัน น้องคงไม่รู้ว่าการต้องกินยาไปตลอดชีวิตไม่ใช่เรื่องสนุก โรคนี้ไม่ใช่หวัดที่กินยาแล้วจะหาย ยาเสพติดก็รับมือยากแล้ว ที่น่าตกใจเป็นเด็ก ม.ต้น

ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กบางคน บอกว่า เคยเจอเด็ก 18 เป็น DCM (กล้ามเนื้อหัวใจบาง) มีประวัติใช้ยาเสพติดตั้งแต่ 11 ขวบ กัญชาและน้ำกระท่อม น่าห่วงว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร

รวมถึงคอมเมนต์แสดงความเป็นห่วงน้อง ๆ เยาวชน ด้วยความไม่รู้ว่าอันตรายถึงชีวิต ในช่วงเยาว์วัยขาดความยั้งคิด อาจจะมีเพศสัมพันธ์และแพร่เชื้อกว้างขวางออกไปอีก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์บางท่าน บอกว่า สมัย 10 ปีที่แล้ว เคยตรวจเด็ก ม.ต้น ผลบวก แจ้งน้องว่าเป็น HIV น้องตอบอย่างมั่นใจ “ถ้าผมเป็น ก็เป็นกันทั้งห้อง”

'สนง.สลากฯ-มูลนิธิสถาบันพระปกเกล้าฯ' เปิดตัว 'SEED PROJECT ปี 4' มุ่งสร้างจิตสำนึกเยาวชนรักบ้านเกิด พัฒนาท้องถิ่น 5 ภาคทั่วไทย

เมื่อวานนี้ (18 เม.ย. 67) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ SEED Project ปี 4 สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล ณ โรงภาพยนตร์ ลิโด้ กรุงเทพมหานครฯ 

โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ ผ่านการสัมมนาอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเปิดพื้นที่แกนนำเยาวชนให้รู้จักปรับการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม สร้างเครือข่ายเยาวชนให้มีจิตใจสำนึกรักบ้านเกิด ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และสร้างพื้นที่ให้เยาวชนได้นำเสนอความคิดเกี่ยวการทำโครงการ กิจกรรมในการพัฒนาชุมชนในบ้านเกิด พร้อมปฏิบัติโครงการนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง 

โดยภายในงานแถลงข่าว ได้มีช่วงเสวนาโดยตัวแทนเยาวชน SEED Thailand ที่ได้ทำโครงการเพื่อสังคม และชุมชน ดำเนินรายการโดย นางสาวธนธร ศิระพัฒน์ ต่อจากนั้นช่วงต่อได้มีการดำเนินการแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ SEED Project ปี 4 My Future Hometown สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล โดยผู้ร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และ ดร.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ กรรมการและเลขานุการ มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม 

ช่วงสุดท้ายได้มีการเสวนา เรื่อง พลเมืองยุคนี้ต้อง Ready to be Citizen New Gen ประกอบด้วยผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย นางสาวชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทยประจำปี 2566 นายชลวิศว์ วงศ์ศรีวอ พิธีกร ผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน และนายเวหา ตั้งสมบูรณ์ ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มระบบ SEED ID ร่วมเสวนาในประเด็นการเป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมท่ามกลางเทคโนโลยีและสื่อที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ เสร็จการเสวนาจากนั้นจึงมีการร่วมถ่ายภาพหมู่ และเสร็จสิ้นการแถลงข่าว

โครงการ SEED Project ปี 4 ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีภารกิจและเป้าหมาย จะมีการดำเนินโครงการนำร่องในภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ตอนบน ภาคใต้ตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง และจะมีโครงการนำร่องจากเยาวชนในแต่ละภูมิภาคเพื่อพัฒนาชุมชน ทั้งหมด 25 โครงการ  

เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนในระดับท้องถิ่นทั่วประเทศให้กลายเป็นเยาวชนพลังบวกที่มีจิตสำนึกรักบ้านเกิดและมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันหลักของชาติ โดยสร้างเครือข่ายเยาวชนรุ่นใหม่ภายใต้สังคมยุคดิจิทัล ผ่านการเปิดพื้นที่สาธารณะในการนำเสนอความคิดและวิธีการในการพัฒนาชุมชนบ้านเกิดและประเทศชาติให้เจริญยิ่งขึ้น 

โดยหยิบยกอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาต่อยอดให้เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชนรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้และความมั่นคงในชีวิตให้กับท้องถิ่นและประเทศชาติ รวมถึงมุ่งหวังที่จะสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนให้มีความเข้าใจต่อสถาบันหลักของชาติ อย่างถูกต้อง และเติบโตเป็นเมล็ดพันธุ์อันดีงามที่พร้อมจะเติบโตและส่งต่อพลังบวกให้เยาวชน โดยภารกิจของ SEED Thailand มีดังนี้ 

1.เรื่องเล่าบ้านเรา 
2.ของดีบ้านเรา 
และ 3.พัฒนาบ้านเรา 

โดยในปี 2024 SEED Thailand เครือข่ายได้มีภารกิจใหม่ก็คือ Local to Global เยาวชนไทยพาท้องถิ่นสู่สากล โครงการ SEED Thailand เราได้มีการเริ่มทำมาตลอดระยะเวลา 4 ปีโดยที่ผ่านมาเรามีเครือข่ายเยาวชนผู้นำอยู่ทั่วประเทศทั้งในระดับอุดมศึกษาและมัธยมศึกษา ในปัจจุบันเครือข่ายเยาวชนได้มีเยาวชนกว่า 8,000 คนทั่วประเทศไทย 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top