Thursday, 3 July 2025
เงินเยน

22 เมษายน พ.ศ. 2485 มิตรภาพทางเศรษฐกิจในยามสงคราม วันที่เงินบาทผูกพันกับเงินเยนญี่ปุ่น ข้อตกลงค่าเงินที่เปลี่ยนทิศเศรษฐกิจไทยกลางพายุ ‘สงครามโลกครั้งที่ 2’

​เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) ประเทศไทยได้ลงนามในข้อตกลงทางการเงินกับจักรวรรดิญี่ปุ่นว่าด้วยเรื่อง “ข้อตกลงค่าเงินเยน-บาท” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง 

ข้อตกลงนี้มีผลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างสองประเทศในขณะนั้น และสะท้อนถึงบทบาทของไทยในสงครามโลกครั้งที่สองและพัฒนาการของระบบการเงินระหว่างประเทศของไทยในศตวรรษที่ 20​

สาระสำคัญของข้อตกลง ได้แก่

1. การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเยนกับเงินบาท: กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเยนกับเงินบาทให้คงที่ตามข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ ซึ่งเป็นการปรับค่าเงินบาทให้มีมูลค่าน้อยลงจากอัตราเดิมที่ 155.7 เยน ต่อ 100 บาท เป็น 100 เยน ต่อ 100 บาท

2. การใช้เงินเยนเป็นสื่อกลางในบางธุรกรรม: ข้อตกลงนี้อนุญาตให้ใช้เงินเยนเป็นสื่อกลางในบางธุรกรรมในเขตที่ญี่ปุ่นมีอิทธิพลหรือควบคุมอยู่ ซึ่งช่วยให้การค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามเป็นไปได้อย่างสะดวก​

3. การสนับสนุนให้เกิดความสะดวกในการค้าและการขนส่งสินค้า: ช่วยสนับสนุนให้เกิดความสะดวกในการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในขณะนั้น

การผูกเงินบาทกับเงินเยนจึงไม่ใช่เพียงมาตรการทางเทคนิคด้านการเงิน หากแต่สะท้อนถึงการเลือกเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยในการปรับตัวเข้ากับโครงสร้างอำนาจใหม่ที่ญี่ปุ่นได้กลายเป็นผู้นำของ “ระเบียบใหม่ในเอเชีย” หรือ Greater East Asia Co-Prosperity Sphere

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวก่อให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในภายหลังเกี่ยวกับความเป็นกลางของไทยในสงคราม ตลอดจนสร้างข้อผูกพันที่ส่งผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการเงินในลักษณะพึ่งพิงคู่ค้าเพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้ เมื่อสงครามสิ้นสุดลงและข้อตกลงดังกล่าวถูกยกเลิก ความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของระบบการเงินไทยในเวทีระหว่างประเทศจึงกลายเป็นวาระสำคัญของภาครัฐในช่วงหลังสงคราม

ประสบการณ์จากการลงนามในข้อตกลงค่าเงินเยน–บาทในครั้งนั้น กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมทิศทางของนโยบายการเงินระหว่างประเทศของไทยในยุคสงคราม และมีอิทธิพลต่อวิธีคิดของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจการคลังไทยในเรื่องของ “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” ซึ่งไม่ใช่เพียงเรื่องของตัวเลข แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์ในฐานะประเทศขนาดกลางที่ต้องดำรงอยู่ท่ามกลางแรงดึงจากมหาอำนาจโลก

‘เงินดอลลาร์’ ร่วงแตะระดับต่ำสุดในประวัติการณ์!! หลายประเทศแห่เทขาย หันถือเงินเยน-ทองคำ แทน

(16 พ.ค. 68) รายงานจากนิกเคอิเอเชียเผยว่า สัดส่วนการถือครอง 'เงินดอลลาร์สหรัฐ' ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั่วโลก ลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 57.8% ณ สิ้นปี 2567 สะท้อนแนวโน้มที่ประเทศต่าง ๆ ทยอยกระจายความเสี่ยงโดยหันไปถือครองสินทรัพย์ทางเลือกแทนดอลลาร์

หนึ่งในทางเลือกสำคัญคือ 'ทองคำ' ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของสหรัฐ เช่น รัสเซีย ที่ปัจจุบันมีทองคำสำรองราว 2,300 ตัน คิดเป็น 32% ของทุนสำรองทั้งหมด เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน 'เงินเยน' สกุลเงินของญี่ปุ่น เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 5.82% เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับดอกเบี้ยให้สูงกว่า 0% ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นน่าดึงดูดขึ้น

นักวิเคราะห์หลายรายมองตรงกันว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านระบบการเงินระหว่างประเทศจากที่พึ่งพาเงินดอลลาร์เพียงสกุลเดียว ไปสู่ระบบใหม่ที่มีหลายสกุลเงินหลัก เช่น ยูโร เยน และทองคำ เข้ามาแบ่งบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีเงินทุนสำรองรวมเกือบครึ่งของโลก

‘ญี่ปุ่น’ หล่นจากบัลลังก์ ครั้งแรกในรอบ 34 ปี หลังเสียแชมป์เจ้าหนี้โลกให้กับ ‘เยอรมนี’

(27 พ.ค. 68) ญี่ปุ่นสูญเสียสถานะประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี แม้ว่าสินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดก็ตาม 

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นระบุว่า ณ สิ้นปี 2024 สินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศของญี่ปุ่นอยู่ที่ 533.05 ล้านล้านเยน (ราว 127.93 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 13% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เยอรมนีมีสินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศรวม 569.7 ล้านล้านเยน (136.73 ล้านล้านบาท) แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่จีนอยู่ในอันดับสามด้วยสินทรัพย์สุทธิ 516.3 ล้านล้านเยน (123.91 ล้านล้านบาท)

การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิของญี่ปุ่นส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ทำให้มูลค่าของสินทรัพย์ในต่างประเทศเมื่อแปลงเป็นเงินเยนสูงขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์สุทธิของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

ในทางกลับกัน การที่เยอรมนีขึ้นเป็นประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก สะท้อนถึงดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลอย่างมาก ซึ่งในปี 2024 อยู่ที่ 248.7 พันล้านยูโร (ราว 9.45 ล้านล้านบาท) เป็นผลมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top