Thursday, 23 May 2024
เกณฑ์ทหาร

‘เนติวิทย์’ ยกแม่น้ำทั้งห้า หลังสลัดผ้าเหลือง อ้างติดอ่านสอบบาลี ลั่น!! สู้คดีไม่เกณฑ์ทหาร

(3 พ.ค. 66) ความคืบหน้ากรณีพระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน หรือ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารกองเกินประจำปี 2566 แต่ไม่ได้เดินทางไปคัดเลือก ทางกองทัพบก แจ้งว่ากรณี ‘พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน’ ในปีนี้อยู่ในบัญชีคนที่พ้นฐานะยกเว้นผ่อนผันของอำเภอเมืองสมุทรปราการ และจะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียกในวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งพระเนติวิทย์ ไม่ได้ไปรายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก ทางราชการจะปฏิบัติตามหลักการเดียวกัน คือ เมื่อเป็นผู้ขาดการตรวจเลือกและมีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร มาตรา 27 ขั้นตอนต่อไปทางอำเภอจะมีหนังสือเชิญมาสอบสวนและให้ข้อมูล โดยไม่ได้มีการออกหมายจับ
.
ล่าสุด นายเนติวิทย์ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Netiwit Ntw ระบุว่า...
.
“ลาสิกขาและสอบได้ประโยค 1-2 ดังที่ผมได้เคยแจ้งขณะเป็นพระเนติวิทย์ ในถ้อยแถลงส่วนตัวว่า…
.
นับแต่รัฐประหาร 2557 ผมก็ตาสว่างเห็นการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นเครื่องมือควบคุมคน สร้างความกลัว และระบบนี้เป็นอุปสรรคต่อความเจริญงอกงามของผู้คน ในสังคมและสร้างเสรีประชาธิปไตย แม้โดยส่วนตัวจะมีวิธีหลีกเลี่ยงได้มากมายโดยไม่ผิดกฎหมาย (เช่น เรียน รด.) แต่ก็คิดว่าวิธีนี้คนใช้เยอะแล้ว และเราก็ควรมีสิทธิศักดิ์ศรีชัดในฐานะมนุษย์ว่า เรามีเสรีภาพในการเลือกพัฒนาชาติในแบบของเราได้ เราไม่ควรต้องกลัวกับระบบไม่เป็นธรรม ผมก็ได้มีเจตนามุ่งมั่นและออกแถลงการณ์ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก็ผ่านมาถึง 9 ปีแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมระบบเกณฑ์ทหาร แม้จะต้องโดนดำเนินคดีหรืออะไรก็ตามที
.
แม้ตอนนี้ ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนความเชื่อ ความตั้งใจของตน โดยเฉพาะสิ่งที่เราทำเราต่อต้าน เมื่อพิจารณาอย่างแยบคาย เป็นสิ่งที่ดีกับคนรุ่นหลังจากเรา ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความกลัว สามารถรักชาติได้ดีขึ้น (เพราะเขามีสิทธิ์คิดสิทธิเลือก ไม่ใช่รักเพราะกลัวเกรง)
.
หากที่ผมไม่ไปที่หน่วยตรวจเลือดเกณฑ์ทหารเพื่อประกาศเจตนารมณ์นี้ด้วยตัวเองก็เพราะติดอ่านสอบบาลีประโยค1-2 ซึ่งตนก็ตั้งใจศึกษาบาลีมาถึง 4-5 เดือน อยากสอบซ่อมให้เรียบร้อยแล้วก็จะสึกออกมาต่อสู้ ไม่ได้ต้องการหลีกเลี่ยงจะใช้ผ้าเหลืองเพื่อหลบหนี แม้อยากจะบวชต่ออีกสักพักก็ตาม
.
ขณะนี้ก็สอบซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้ทำผิดที่เคยให้สัตย์ไว้ ก็ได้ลาสิกขาจากวัดญาณเวศกวัน ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อวาน แม่กองบาลีก็ประกาศผลแล้วว่า พระเนติวิทย์สอบได้ประโยค 1-2

ท่านเจ้าคุณฯ ได้ให้โอวาทตอนลาสิกขา คือ หลักอธิษฐานธรรม 4 ได้แก่

1.) ไม่พึงประมาทปัญญา
2.) พึงมั่นคงและมุ่งมั่นในสัจจะ
3.) พึงเพิ่มพูนจาคะการให้
4.) พึงศึกษาสันติ สันติภาพภายในและโลกไร้สงคราม

ตอนนี้ก็กลับมาเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ครองเรือน เป็นผู้หนึ่งที่มั่นใจยิ่งขึ้นทุกทีว่า พระธรรมคำสอนสองพันกว่าปีนี้สามารถมีประโยชน์ต่อตนและผู้อื่น และประโยชน์ในการพัฒนาสังคม ได้สัมผัสสุขอิงอามิสและไม่อิงอามิสความไม่เบียดเบียน จะนำเอาธรรมมาประยุกต์และเผยแพร่

'รองโฆษก รทสช.' ยกเหตุการณ์ 'ฮามาส' บุก 'อิสราเอล' หนุนไทยยังต้องมีเกณฑ์ทหารและฝ่ายค้านบางพรรคควรตระหนัก

(18 ต.ค. 66) นายชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก 'เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา' ระบุว่า...

ทำไมไทยถึงยังต้องมีเกณฑ์ทหาร?

ดูเหตุการณ์ปะทะระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์สิครับ

กองกําลัง Hamas สามารถบุกเข้าโจมตีอิสราเอลได้ ลักพาตัวประกันได้ (นี่ขนาดอิสราเอลมีเกณฑ์ทหารทั้งชายเเละหญิง)

หันมาที่บ้านเรา ก่อนที่ฝ่ายค้านจะค้านว่าเราไม่ได้มีสงคราม หรือ เป็นศัตรูกับใคร อย่าลืมว่าเฉกเช่นกับการเมืองไทย การเมืองโลกเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ชนวนความขัดแย้งภูมิภาคสามารถปะทุได้ทุกเมื่อ หากเรามีกองกําลังไม่พอ พอเกิดเหตุการณ์ที่ ‘ไม่คาดฝัน’ เราจะไม่มีอะไรมาประกันความปลอดภัยของคนไทยนะครับ

เเน่นอนเรื่องปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย และจัดการเรื่อง corruption ในกองทัพต้องมีการแก้ไขเเละตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

ผมสนับสนุนให้ยังคงมีเกณฑ์ทหาร เพิ่มสัดส่วนภาคสมัครใจควบคู่กันไป เพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อย และงบการฝึกซ้อมยุทโธปกรณ์ เพื่อที่กองทัพไทยจะพร้อมรบ ปกป้องดินแดนไทยเเละคนไทยครับ

‘นรด.’ แจง!! สด.43 ลายเซ็นต้องครบ-รับจากประธานในวันตรวจเลือก ชี้!! หากทำตามเกณฑ์ มีชื่อในระบบ สามารถตรวจสอบต้นขั้วย้อนหลังได้

(29 ม.ค. 67) ที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) แถลงข่าวหลักเกณฑ์การได้มาของใบ สด.43 ว่า ตนต้องการชี้แจงลำดับขั้นตอนการได้มาซึ่งใบ สด.43 ที่ถูกต้อง ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือผู้ที่ผ่านกระบวนการตรวจเลือกมาจับใบดำใบแดง จะต้องมีประธานและคณะกรรมการลงลายเซ็นทั้งหมด และจะได้รับเอกสารจากวันตรวจเลือก จากมือประธาน 

ส่วนอีกกรณีคือ ผู้ที่ผ่อนผัน ก็จะได้ สด.43 กลับไปเช่นเดียวกัน แต่จะมีช่องเขียนว่าผ่อนผัน ซึ่งเงื่อนไขสำคัญคือจะต้องได้รับจากมือประธาน ในวันตรวจเลือกเท่านั้น ถ้าไปได้วันอื่น จะมาบอกว่าวันนั้นไม่มา แล้วมาวันหลังมาจับใบดำใบแดง แล้วได้สด. 43 กลับไป อันนี้ไม่มีโดยกระบวนการ ยืนยันว่า วิธีการเป็นแบบนี้ และจะได้รับเพียง 2 รูปแบบเท่านั้น พร้อมนำใบสด.43 ที่ถูกต้องมาแสดง ให้สื่อมวลชนเห็นรายละเอียด

สำหรับขั้นตอนการผ่อนผันนั้นเริ่มเกณฑ์ตั้งแต่ อายุ 21 ถึง อายุ 26 ปี หากอยู่ระหว่างศึกษา สามารถผ่อนผันได้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข หากพ้นเงื่อนไข กรณีถ้าต้องเป็นคดีความ หากศาลตัดสินแล้ว ก็ต้องมาเป็นทหารเลย เงื่อนไขมีเท่านี้ วิธีการอื่นไม่ใช่ขั้นตอนที่ทางราชการออก

“ยืนยันว่าได้จัดเก็บหลักฐานการตรวจเลือกทหารไว้ทั้งหมด แยกไปหลายส่วน เพื่อป้องกันการทุจริต อย่างน้อยสามารถตรวจสอบได้หลายทาง” ผบ.นรด. กล่าว 

พล.ท.ทวีพูล กล่าวอีกว่า สด.43 หัวใจหลักมีอยู่ 2 อย่าง คนต้องเซ็นครบ คือกรรมการ 5 ท่าน ครบทุกช่อง และต้องรับจากมือประธานกรรมการตรวจเลือกในวันนั้นเท่านั้น และวันเดียวด้วย ไปรับวันอื่นก็ไม่ใช่ ส่วนคนที่เข้ากระบวนการไม่ว่าจะจับสลากใบดำหรือใบแดง จะต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือด้วย นี่คือหัวใจสำคัญ ถ้าเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ จะต้องผ่านกระบวนการนี้เท่านั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่ ไม่เป็นไปตามที่บอก ก็จะไม่ใช่เอกสารที่ทางราชการออกให้

ด้านพ.อ.พงศฤทธิ์ ภวังคะนันท์ ผู้อำนวยการกองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ชี้แจงว่า น้อง ๆ ที่ได้รับหมายเรียก จะต้องเข้ารับการตรวจเลือก ซึ่งจะกำหนดไว้ว่าสถานที่ใด วันใด แบบตายตัวไม่สามารถเป็นวันอื่นได้ และเมื่อมาเข้ารับการตรวจเลือกแล้ว หากอยู่ในรายชื่อผู้ผ่อนผัน มารายงานตัวเสร็จก็จะถูกแยกไปเลย แต่ไม่ว่ากรณีใด จะต้องได้รับใบรับรองการตรวจเลือกหรือสด.43 จากประธานเท่านั้น ซึ่งปีต่อไปก็จะต้องเข้ามารับการตรวจเลือก มาแสดงตนตามวันเวลาที่กำหนด เป็นลักษณะปีต่อปี กรณีอื่นไม่มี

สำหรับการลงในสด.43 มีอยู่ด้วยกัน 3 ท่อน ท่อนแรกจะเก็บไว้ที่สำนักงานสัสดีจังหวัด ท่อนที่ 2 เก็บไว้ที่กองทัพภาคภูมิลำเนาทหาร แล้วท่อนที่ 3 อยู่กับเจ้าตัว หากผ่อนผันแต่ละท่อนก็จะถูกเก็บแยก ต่างกันเพื่อตรวจสอบ หากไม่มาเข้ารับการตรวจเลือกในปีนั้น สด.43 ทั้ง 3 ท่อนนั้น ก็จะไม่ได้รับการแจกจ่ายไปที่ใด จะเก็บอยู่ในต้นขั้วทั้งหมด และเมื่อสิ้นสุดการตรวจเลือก จะตอกทำลาย เพื่อเป็นหลักฐานไว้ว่า น้องไม่ได้มาเข้ารับการตรวจเลือกหรือขาดรับการตรวจเลือก ก็จะใช้เป็นหลักฐานราชการอีกอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่มารับการตรวจเลือกไม่ว่าจะได้ใบดำหรือใบแดง ในใบสด.43 ก็จะระบุไว้ ว่าจับได้แบบใด

เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบต้นขั้ว ของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส. ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกลหรือไม่ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่าใครที่อยู่ในระบบ ต้นขั้วเจอหมด เพราะฉะนั้นชายไทยทุกคน ที่เข้าสู่กระบวนการจะต้องมีต้นขั้ว ส่วนต้นขั้วของนายจิรัฐ ระบุไว้อย่างไร ขออธิบายว่า ตนอธิบายไปแล้วว่าขั้นตอน ของสด.43 มีอะไร ที่ถูกต้อง ลายเซ็นต้องครบลายนิ้วมือต้องพิมพ์ ต้องไปดูว่าสิ่งที่มีผู้แสดงออกมา ว่าสด.43 ใบนั้น เป็นสิ่งที่ราชการออกให้หรือไม่เพราะถ้าไม่ครบ ก็จะไม่ใช่เอกสารที่ทางราชการออกให้

เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่า เป็นไปตามที่ตนชี้แจงไป ถ้าฟังแต่ต้นจะทราบว่าของจริงต้องรับจากมือประธาน ถ้าองค์ประกอบพวกนี้ไม่ครบก็จะไม่ใช่ของจริง

เมื่อถามว่า ถ้าเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ในฐานะหน่วยรับผิดชอบตรง จะดำเนินการอย่างไร พล.ท.ทวีพูล กล่าวว่า ขณะนี้ กองทัพบก อยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐาน และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ อยู่ในขั้นตอน เข้าใจว่า ใช้เวลาไม่นาน วันถึงสองวันนี้ ดำเนินการ 

เมื่อถามว่า การปลอมแปลงเอกสารมีความผิดอย่างไร ผบ.นรด. กล่าวว่าความผิดอยู่ที่ศาลจะตัดสิน และการต่อสู้ในชั้นศาล ยืนยันว่าโทษขนาดไหนอยู่ที่การพิจารณาของศาล

พล.ท.ทวีพูล กล่าวในช่วงท้ายว่า ประเด็น สด.43 เป็นเรื่องที่สังคมสนใจและอยากทราบ จึงออกมาที่แจ้งรายละเอียด ยืนยันกองทัพบกไม่ได้นิ่งนอนใจในกรณีนี้ เพียงแต่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อไป

ทั้งนี้มีรายงานว่า ต้นขั้วสด.43 สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้นับ 10 ปี และกรณีของนายจิรัฏฐ์ ไม่ได้ มาเข้ารับการตรวจเลือกจับใบดำใบแดง

‘ชายไทย’ หนีทหาร ไม่ควรเป็น สส. ผู้ทรงเกียรติ เพราะไม่เหลือ ‘เกียรติ’ ให้ ปชช. ‘เชื่อใจ-นับถือ’

นับวันสังคมไทยยิ่งจะเห็น สส. จาก ‘พรรคล้มสถาบัน’ เริ่มลายออกกันแบบรายวัน ภายใต้บาดแผลอันเน่าเหม็นถูกปิดปากจนเผยอออกมาให้สังคมรับรู้ไม่จบไม่สิ้น ขึ้นศาลกันจนหัวบันไดศาลอาญาไม่แห้ง ยังไม่ทันจบคดี 112 ที่ทั้งพรรค ทั้งสมาชิก ต่างลุ้นคำตัดสินกันจนตัวโก่ง ยังมีลิ่วล้อเด็ก ๆ ที่ถูกหลอกใช้ให้มาติดคุกแทนอีกเพียบ ก็มาต่อด้วยกรณี ‘หนีทหาร’ ของ สส. ผู้ทรงเกียรติให้สังคมเอือมระอาต่อ จริงหรือไม่จริงอีกไม่นานก็จะปรากฏชัด

ถามว่าคนเราหากมี ‘สามัญสำนึกของความเป็นคน’ ให้เกียรติสังคม ให้ความเคารพนับถือตัวเอง หากรู้ตัวว่าเป็น ‘คนหนีทหาร’ จนเคยถูกดำเนินคดี จะหน้าด้านแอบปกปิดพฤติกรรม ‘โกงความเป็นชาย’ มาสมัครเป็นผู้แทนของประชาชนหรือ?

สำหรับผมขอตอบว่า..ไม่ 

ยกเว้นชายใจชั่ว ใจคด ใจสกปรก

ขณะที่ชายไทยทั่วประเทศเมื่อมีอายุ 20 ย่าง 21 ปี ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ต้องไปจับใบดำใบแดงเหมือนการเสี่ยงโชค ถ้าไม่อยากเกณฑ์ทหารก็ต้องเป็นนักศึกษาวิชาทหาร เรียน ร.ด. ให้จบตามหลักสูตร สมควรต้องมี ‘น้ำใจลูกผู้ชาย’ ที่ต้องแสดงออกอย่างเทียมเท่ากับผู้ชายไทยทั้งประเทศ   

การที่ให้ผู้ชายไทยที่เคยหนีทหาร มาเสนอหน้ามาเป็น สส. กินเงินเดือนที่มาจากหยาดเหงื่อภาษีของประชาชนอีก เป็นคนไทยแบบไหนกัน? ไม่อับอายตัวเองสักนิดเลยหรือ? 

ปากก็บอกสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สู้เพื่อความเท่าเทียม แต่สิ่งที่เผยออกมาให้เห็นแต่ละดอกจากนักการเมืองเลว ๆ พรรคนี้ มีแต่สิ่งที่เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบหัวใจของเพื่อนมนุษย์ แสดงความเห็นแก่ตัวต่อคนร่วมชาติเดียวกัน แสดงความย้อนแย้งออกมาอย่างหน้าด้าน ๆ ราวกับว่าประชาชนที่พบเห็นนั้นต่าง ‘กินหญ้าแทนข้าว’ เหมือนเหล่าสาวกโง่ ๆ ของตัวเอง 

นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งมีเลือดเนื้อเชื้อสายและใช้นามสกุลเดียวกันกับผม ถ้าผมมารู้ภายหลังว่าเคยหนีทหารแล้วไปสมัครผู้แทน ไม่ต้องถึงกับได้เป็น สส. หรอก 

ผมจะตบให้หัวคว่ำเลย โทษฐานที่ทำให้นามสกุลของผมมัวหมอง

‘สุทิน’ วอน!! เลิกด้อยคุณค่าการเป็น ‘ทหาร’ ให้ข้อมูลผิดๆ ทำเด็กสับสน จนไม่อยากเป็น

(1 เม.ย. 67) ที่กองพันทหารสื่อสารที่ 1 เขตสาทร กทม. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 โดยมีทหารกองเกินที่สมัครรายงานตัววันนี้ 85 คน ผ่อนผัน 38 คน หลีกเลี่ยง 1 คน อายุครบเกณฑ์ 21 ปี มี 15 คน ส่วนคนที่อายุ 22-29 ปี มี 26 คน คนขาดของปีที่แล้ว 5 คน และมีคนแจ้งสมัครใจ 1 คน ยอดความต้องการ กองทัพบก 4 นาย / กองทัพเรือ 4 นาย

โดยเมื่อนายสุทิน มาถึงได้ร่วมเคารพธงชาติกับทหาร และผู้ที่มารับการตรวจเลือก ในเวลา 7.20 น. ซึ่งมีการอัดเสียงการเคารพธงชาติเหมือนในเวลา 8.00 น. มาเปิดช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

นายสุทิน กล่าวกับผู้เข้ารับการตรวจเลือกฯ ตอนหนึ่ง ว่า เป็นโอกาสสำคัญของลูกผู้ชายไทย เนื่องจากบางประเทศไม่ได้จับสลากเพื่อเข้ารับการตรวจเลือก หลายประเทศต้องเป็นทหารทันทีเมื่ออายุถึงเกณฑ์ เช่นเกาหลีใต้ และบางประเทศแม้แต่ผู้หญิงก็ต้องเป็นทหาร เช่นอิสราเอล ในขณะที่ของประเทศไทย ผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นทหารทั้งหมด โดยใช้วิธีจับสลากจำนวนเท่าที่จำเป็น ดังนั้นการเป็นชายไทย มีโอกาส มีเสรีภาพที่สูงมาก แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพราะมีความจำเป็นที่ต้องรักษาความมั่นคง

ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าหลายคนที่มารับการคัดเลือกมีความวิตกกังวลในหลายเรื่อง เช่น กลัวจับใบดำใบแดงแล้วต้องเป็นทหาร ต้องเสียโอกาส ไม่ได้เรียนต่อ หรือต้องออกจากงาน หรือชีวิตจะลำบาก ไม่มีคนดูแลพ่อแม่ บางคนก็กลัวครูฝึกจะฝึกแบบโหด แบบนอกลู่นอกรอย จึงขอแจ้งกับทุกคนว่า ในปีนี้รัฐบาลชุดใหม่ และตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ จึงมีการปรับเปลี่ยนการคัดเลือกหลายอย่าง เพื่อไม่ให้ผู้ที่เข้ารับราชการเป็นทหาร ต้องเสียสิทธิ์ต่าง ๆ ไป ทั้งยังได้สิทธิ์เพิ่มขึ้น ใครเรียนอยู่แล้วจะได้เรียนต่อ โดยให้แจ้งความจำนงที่หน่วย เพราะกลาโหมได้เซ็น MOU กับกระทรวงศึกษาธิการไปแล้ว ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ ยินดีจัดการศึกษาให้ถึงหน่วย และปรับเวลาให้เรียนหลังการฝึก ดังนั้นทุกวันนี้การศึกษาก็จะเรียนได้หลายระบบ และในทุกระดับ ยืนยันว่าไม่เสียสิทธิ์การเรียนแน่นอน นอกจากนี้ยังได้เรื่องของอาชีพ รวมถึงมีบริษัทเอกชนเปิดรับหลังจบเกณฑ์ทหาร 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ลูกผู้ชายต้องมีประสบการณ์ที่เบาบ้างเข้มบ้าง เบาอย่างเดียวก็จะอ่อนแอ ผู้ชายต้องเป็นมนุษย์หินบ้างในบางโอกาส เพราะฉะนั้นการฝึกทหารก็จะมีด่านที่ให้ทำให้แข็งแกร่ง เข้มแข็ง อดทน อึด บึก เพราะฉะนั้นระบบฝึกก็จะมีทั้งเข้มแข็ง เบาหนัก แต่ถ้านอกลู่นอกรอย บังคับขู่เข็ญทำร้าย มีน้อยมาก ส่วนที่เป็นข่าวคือมีคนจงใจ แต่ยอมรับบางส่วนอาจจะมีจริงบ้าง ซึ่งต่อไปนี้จะกวดขันอย่างเด็ดขาด กำชับไม่ให้มีการลงโทษนอกรูปแบบ แต่ให้เป็นไปตามระเบียบเท่านั้น ต่อไปจะมีศูนย์ออนไลน์ให้ร้องทุกข์ ใครถูกกลั่นแกล้ง ถูกลงโทษนอกระเบียบ ก็ให้ออนไลน์ร้องทุกข์ได้ ขอให้ไม่ต้องกังวล พร้อมยืนยันการตรวจเลือกโปร่งใสทุกขั้นตอน ใครเห็นกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ให้เรียกร้องได้ทันที

นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่วันนี้เป็นวันแรก ของการตรวจเลือกทหารกองเกิน จึงถือโอกาสมาดูความเรียบร้อย เพื่อให้ความมั่นใจกับเยาวชนและผู้ปกครอง วันนี้ก็ได้เห็นกระบวนการตรวจเลือกซึ่งมีทั้งพยานบุคคล ระบบ ระเบียบ และขั้นตอนที่ชัดเจน จึงขอให้ทุกคนสบายใจได้ว่า กระบวนการตรวจเลือกทหารไว้ใจได้ เชื่อถือได้ ซึ่งหลายคนคงได้ข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนขึ้น และน่าจะมีผู้สมัครใจมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องที่ยังคงห่วงใย คือความรู้สึกของเด็กที่ยังสับสนอยู่ เพราะว่าในขณะที่ตนพยายามชี้แจง ทำความเข้าใจ ถึงคุณค่าของการเป็นทหาร ก็ยังมีอีกฝ่าย หรือหลายฝ่ายที่พยายามด้อยคุณค่าของการเป็นทหาร ซึ่งข้อมูลมีทั้งกระแสบวกและกระแสลบ อาจทำให้เด็กสับสน 

“ผมขอร้องและขอฝากไปยังกระบวนการที่ทำให้เด็กไขว้เขว หรือพยายามทำให้เด็กไม่สมัคร ไม่อยากเป็นทหาร ตนมองว่าเป็นความคิดที่ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ ถึงแม้จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ในระยะยาว จึงอยากจะขอให้เบาลงหรือเลิกพฤติกรรมเหล่านี้” นายสุทิน กล่าว 

‘โดนัท’ นักแสดงวัยรุ่น ขอทำหน้าที่ลูกผู้ชายรับใช้ชาติ ยืดอก!! ‘สมัครทหาร’ พร้อมลั่น!! รู้สึกภูมิใจมาก

(5 เม.ย.67) ที่หอประชุมอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่ นายภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์ หรือ โดนัท อายุ 25 ปี นักแสดงช่อง 7 สมัครเข้ารับราชการทหาร โดยติดหมายเลขที่ข้อมือซ้าย 286 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติ สภาพร่างกาย วัดความสูง และหน้าอก ก่อนผ่านการคัดเลือก ซึ่งมี นางวาสนา เดชพงษ์วรานนท์ มารดา มาให้กำลังใจ

ทั้งนี้ นายภัทรพลฒ์ จะเข้ารับราชการทหาร ผลัดที่ 1 ปี 2567 ณ มณฑลทหารบกที่ 33 วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยใช้เวลาสมัครทหารกว่า 1 ชั่วโมง

โดย โดนัท ภัทรพลฒ์ เผยหลังสมัครเข้ารับราชการทหาร ว่า ขอทำหน้าที่ลูกผู้ชาย เพราะทำภารกิจครบทุกอย่างแล้ว ทั้งบวช และรับใช้ชาติ ซึ่งเข้าประจำการผลัดที่ 1/2567 มณฑลทหารบกที่ 33 วันที่ 1 พฤษภาคมนี้

แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ค่ายไหน ต้องรอคำสั่งก่อน ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะเป็นคนปรับตัวง่าย ทำงานตั้งแต่เด็กและทำหลายที่มาก ดังนั้นการเป็นทหาร ถือเป็นการรับใช้ชาติ รู้สึกภาคภูมิใจมาก

ก่อนสมัครทหาร ได้เคลียร์งานหมดแล้ว ส่วนงานละครได้ปิดกล้องถ่ายทำ 2 เรื่อง ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จึงไม่ห่วงอะไร การเป็นทหารคาดหวังได้ระเบียบวินัยและความรับผิดชอบมากขึ้น ส่วนแฟนละครหรือแฟนคลับฝากผลงานแสดงที่จะออกอากาศหรือออนแอร์ในเร็ว ๆ นี้ ไม่ได้หายจากหน้าจอไปไหน แป๊บเดียวก็ออกมาแล้ว

ด้าน นางวาสนา กล่าวว่า ลูกได้เป็นทหารสมความตั้งใจ อยากให้เป็นทหารอยู่แล้ว ตอนนั้นลูกขอเรียน ร.ด. แต่บอกลูกไม่ต้องเรียน เพราะกระทบอาชีพนักแสดง มาเป็นทหารทีเดียวเลย ส่วนตัวไม่ห่วงกังวลอะไรและมั่นใจในตัวลูก เลี้ยงลูกไม่ได้ประคบประหงม รู้จักปรับตัว อ่อนน้อมถ่อมตน อยู่ที่ไหนก็ได้ ลูกเป็นทหาร คาดหวังเรื่องความเป็นระเบียบวินัย และการรับใช้ชาติมากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเกณฑ์ทหารที่อำเภอหางดง ประกอบด้วย 109 หมู่บ้าน 11 ตำบล คือ ต.หางดง ต.หนองแก๋ว ต.หารแก้ว ต.ขุนคง ต.หนองตอง ต.สบแม่ข่า ต.บ้านแหวนต.สันผักหวาน ต.หนองควาย ต.บ้านปง และ ต.น้ำแพร่ ตามลำดับ

เบื้องต้นมีผู้เข้ารับเกณฑ์ทหารกว่า 200 คน โดยคัดเลือกเป็นทหาร 56 คนและมีผู้สมัครใจเป็นทหารกว่า 20 คนแล้ว ที่เหลือต้องจับใบดำใบแดงต่อไป 

‘เจ้านาย-เจ้าขุน’ ยื่นเอกสารผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เหตุเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน ขอเลื่อนไปปีหน้า

(5 เม.ย.67) ที่วัดพระยาสุเรนท์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าประจำการ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 ได้มีชายไทยที่รายชื่อและอายุครบเกณฑ์ เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าประจำการเป็นจำนวนมาก และมีรายชื่อบุคคลบันเทิงคือ เจ้านาย จินเจษฎ์ อายุ 22 ปี และ เจ้าขุน จักรภัทร อายุ 20 ปี ลูกชายคนโตและคนรองของ นักร้องตัวพ่อ เจ เจตริน และนักแสดงมากมือ ปิ่น เก็จมณี โดยปีนี้ เจ้าขุน ที่ต้องเข้ารับตรวจเลือกทหารกองเกินในปีนี้เป็นปีแรก เดินทางมาถึงหน่วยคัดเลือกในเวลา 07:30 น. พร้อมยื่นเอกสารผ่อนผันต่อเจ้าหน้าที่ เป็นเอกสารทางการแพทย์ที่ระบุว่าเจ้าตัวเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนที่ต้องกายภาพบำบัดในอีก 3 เดือน

ต่อมา นพ.ศรุต พึ่งปรีดา แพทย์ประจำจุดตรวจเลือก เผยกับทีมข่าวว่า เจ้าขุนได้ยื่นเอกสารทางการแพทย์ โดยระบุว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนที่ต้องกายภาพบำบัดในอีก 3 เดือน เข้าข่ายเป็นคนจำพวกที่ 3 คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วยซึ่งจะบำบัดให้หายภายในกำหนด 30 วันไม่ได้ ดังนั้นต้องเข้ากระบวนการตรวจเลือกทหารอีกครั้งในปีถัดไป ขณะที่ เจ้าขุน เปิดใจว่า “เข้ามาเกณฑ์ทหารครั้งแรก ไม่ได้ตื่นเต้นแต่เป็นตื่นเช้า ทำใจสบาย ๆ ไม่ได้กังวลอะไร ครั้งนี้มายื่นเอกสารทางการแพทย์เพราะป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูก รักษาไม่ทันภายใน 1 เดือน จึงจำเป็นได้มาอีกทีในปีหน้า มองว่าการเกณฑ์ทหารมันคือหน้าที่ของผู้ชายทุกคน”

ต่อมาเวลา 08.15 เจ้านาย ที่ต้องเข้ารับตรวจเลือกทหารกองเกินเป็นครั้งที่ 3 หลังจากผ่อนผันเนื่องจากติดเรียนไปแล้ว 2 ครั้ง เดินทางมายื่นเอกสารผ่อนผันต่อเจ้าหน้าที่ ด้วยเอกสารทางการแพทย์ระบุว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน เช่นเดียวกันกับ ‘เจ้าขุน’ ที่ต้องกายภาพบำบัดมากกว่า 1 เดือน เช่นเดียวกับน้องชาย ซึ่งเป็นการยื่นเอกสารทางการแพทย์เป็นครั้งแรกของ เจ้านาย หลังเสร็จสิ้นการยื่นเอกสาร เจ้าตัวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ใด ๆ บอกกับทีมข่าวเพียงสั้น ๆ ว่าเดี๋ยวปีหน้ามาใหม่

ขณะที่ นพ.ศรุต พึ่งปรีดา แพทย์ประจำจุดตรวจ เผยกับทีมข่าวว่า เจ้านายได้ยื่นเอกสารทางการแพทย์ซึ่งคาดว่าจะยื่นเป็นครั้งแรก โดยระบุว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน เช่นเดียวกันกับ ‘เจ้าขุน’ ที่ต้องกายภาพบำบัดมากกว่า 1 เดือน เข้าข่ายเป็นคนจำพวกที่ 3 คนซึ่งมีร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับราชการทหารในขณะนั้นได้เพราะป่วยซึ่งจะบำบัดให้หายภายในกำหนด 30 วันไม่ได้ ดังนั้นต้องเข้ากระบวนการตรวจเลือกทหารอีกครั้งในปีถัดไป ก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าหากมีอาการป่วยเช่นนี้ และผ่อนผันด้วยปัญหาสุขภาพต่อเนื่องกัน 3 ปี บุคคลนั้นจะเข้าข่าย คนจำพวกที่ 4 ผู้ซึ่งเป็นคนพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถจะรับราชการได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 74 (พ.ศ.2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497

ทบ.เปิดขั้นตอนดำเนินคดี 'เนติวิทย์' ต่อต้านไม่จับใบดำใบแดงในการเกณฑ์ทหาร

(5 เม.ย.67) รายงานข่าวจากกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณี นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล พร้อมเพื่อน 2 คน เดินทางมาประกาศอารยะขัดขืนต่อต้านไม่จับใบดำใบแดงในการเกณฑ์ทหาร ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนตามกฎหมายปกติ คือบุคคลการไม่รับการตรวจเลือก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็จะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยเรื่องดังกล่าวจะมีขั้นตอนกระบวนการ ในการพิจารณา ผู้ที่ไม่มาตรวจเลือกทหารฯ ทางกรรมการตรวจเลือก จะต้องมีการประชุมหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจเลือกแล้ว ในช่วงเดือนพฤษภาคม ว่ามีคนที่ไม่มาตรวจเลือกจำนวนเท่าใด ที่ไม่ได้เข้ารับตรวจเลือกว่าแต่ละเคสใครมีเหตุมีผลอย่างไร ที่ไม่มาเข้ารับตรวจเลือก

“ส่วนของนายเนติวิทย์ คงไม่มีเหตุผลในการที่จะไม่ถูกดำเนินคดี เพราะไม่สามารถบอกเหตุผลที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือกได้ เนื่องจากภาพข่าวที่ออกมาเห็นชัดแล้วว่า ที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือกด้วยเหตุผลในการอารยะขัดขืน ซึ่งไม่สามารถทำได้ โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว เรื่องดังกล่าวก็จะไปอยู่ในขบวนการชั้นศาล ศาลท่านก็จะตัดสินลงมาว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น“ รายงานข่าวกองทัพบก ระบุ

‘ประธานกลุ่มประชาภักดิ์ฯ’ แจ้งความ ‘เนติวิทย์และพวก’ หลังกระทำ ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

เมื่อวานนี้ (8 เม.ย. 67) นายทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน นำเอกสารคำร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และพวก ตาม ป.อาญา มาตรา 116 (2) (3) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 (2) (5) ยื่นต่อ พันตำรวจเอกอิศราพงศ์ จินา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด จังหวัดตรัง กรณีนายเนติวิทย์และพวกรวม 3 ราย ร่วมกันกระทำการอ้าง ‘อารยะขัดขืน’ หลีกเลี่ยงเพื่อให้ตนไม่ต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารประจำปี 2567

ทั้งนี้ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด พร้อมฝ่ายสอบสวนได้เข้าร่วมรับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษฯ และร่วมกันสอบคำให้การอย่างละเอียด ใช้เวลาการสอบคำให้การกว่า 3 ชั่วโมง

โดยนายทรงชัยกล่าวว่า ชุดสอบสวนของ สภ.ห้วยยอด สอบคำให้การผมยิ่งกว่าผู้ต้องหาเสียอีก แต่เข้าใจเพราะหากผิดพลาดจุดไหนคนที่ซวยคือผม ต้องขอบคุณผู้กำกับกับ รองผู้กำกับ และพนักงานสอบสวน ที่ให้ความใส่ใจต่อคดีที่กระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย ส่วนผมก็แจ้งชุดสอบสวนแล้วว่าไม่ขอถอนแจ้งความทุกกรณีตราบจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ก่อนเดินกลับ นายทรงชัยทิ้งท้าย “น้องเนเน่ก็รู้ดีทุกอย่างนี่ว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมาย แต่ทำไมถึงทำ น้องเรียนมาร่วม 8 ปี น้องต้องมีความรู้มากเพราะเรียนมากกว่าเพื่อนคนอื่น พี่ไม่รู้ว่าน้องเรียนเสริมด้านหมวดวิชาไหนบ้าง ป่านนี้ไม่จบเสียที ความเห็นพี่ขอฝากถึงน้อง น้องออกมาทำกิจกรรมแบบนี้นานมากหลายปีแล้วนะ น้องเรียนให้จบแล้วมาลงสมัครเลือกตั้ง เข้าไปเป็น สส. แล้วอยากแก้กฎหมายอะไรก็ไปแก้ในสภาเถอะ ตรงนั้นเขาทำเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติโดยตรง อะไรที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประชาชนไปตรงนั้น เสนอตรงนั้น ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top