Saturday, 5 July 2025
อินเดีย

อินเดียเดือด!! ไอดอลจีนล้อแรง เพิ่งซื้อเครื่องบินก็โดนยิง ‘ปากีสถาน’ กระหน่ำแชร์!! จนกลายเป็นไวรัลทั่วโลก

(17 พ.ค. 68) สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานไม่ได้จำกัดอยู่แค่สนามรบหรือเวทีการทูตอีกต่อไป แต่ลุกลามไปถึงโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อเน็ตไอดอลจีนผู้มีเลือดรักชาติเข้มข้นชื่อดัง '豪哥哥' (หาวเกอเกอ) จุดกระแสความฮาแบบดุดัน ด้วยการปล่อยคลิปเพลงล้อเลียนเหตุการณ์ที่อินเดียสูญเสียเครื่องบินรบผลิตโดยฝรั่งเศส 'Dassault Rafale' ซึ่งเพิ่งซื้อมาใหม่ ในมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 328,500 ล้านบาท) แต่กลับถูก เครื่องบินรบ J-10C ของฝั่งปากีสถานซึ่งซื้อจากจีน ยิงตก

หาวเกอเกอ และทีมงานสวมผ้าโพกหัวสีแดงสด ทาหน้าคล้ำ และพูดภาษาจีนสำเนียง 'อินเดีย' อย่างชัดเจน พร้อมร้องเพลงที่เขาแต่งขึ้นใหม่ชื่อว่า《刚买的飞机被打啦 (เพิ่งซื้อเครื่องบินก็โดนยิงแล้ว!) เนื้อเพลงตลกร้ายสุดสะเทือนใจอินเดีย เช่น '雷达都是坏哒,九十亿全部白花!' (เรดาร์ก็เสีย เก้าพันล้านเสียไปเปล่าๆปลี้ๆ)

เนื้อหาและการแสดงที่ขยี้จุดเจ็บของอินเดียโดยตรง ทำให้คลิปนี้กลายเป็นไวรัลในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักทั่วโลก โดยมียอดวิวและยอดแชร์ทะลุหลักร้อยล้านทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศปากีสถานที่คลิปดังกล่าวถูกนำไปแชร์ต่อในทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง TikTok, X (อดีต Twitter), Facebook และ YouTube

ชาวเน็ตแดนภารตะตอบโต้ทันควัน พากันเข้าไปถล่มคอมเมนต์คลิปดังกล่าว บางส่วนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงถึงขั้นเรียกร้องให้ TikTok

ลบคลิปนี้ทิ้ง ขณะที่อีกกลุ่มถึงกับกล่าวหาว่าเป็นการดูหมิ่นชาติและกองทัพอินเดียอย่างชัดเจนแต่ยิ่งมีเสียงคัดค้าน คลิปล้อเลียนนี้ก็ยิ่งดังมากขึ้น ค่ายสื่อหลายรายในต่างประเทศเริ่มรายงานข่าวเกี่ยวกับกระแสดังกล่าว พร้อมกับตั้งคำถามอย่างจริงจังถึง "ความพร้อมของกองทัพอินเดีย" ที่ใช้เงินมหาศาลซื้อเครื่องบินรบจากฝรั่งเศส แต่กลับถูกยิงตกตั้งแต่ยังไม่ทันได้ใช้งานอย่างคุ้มค่า

อนึ่ง คลิปล้อเลียนของชาวเน็ตจีนชิ้นนี้ ถูกจัดทำขึ้นหลังจากเหตุการณ์กองทัพปากีสถาน ใช้เครื่องบินขับไล่ผลิตโดยจีน สอยเครื่องบินรบของอินเดียอย่างน้อยสองลำร่วง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ทางการอินเดียไม่ยอมเปิดเผยจำนวนเครื่องบินของฝ่ายตนที่ถูกทัพปากีสถานสอยร่วง รัฐมนตรีกลาโหมแห่งปากีสถาน Khawaja Muhammad Asif เปิดเผยว่า กองทัพปากีฯได้ใช้เครื่องบินขับไล่J-10 ผลิตโดยจีน ยิงเครื่องบินรบของกองทัพภารตะร่วงไป 5 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ Rafale ผลิตโดยฝรั่งเศส3 ลำที่อินเดียเพิ่งจัดซื้อมาประจำการในกองทัพ เครื่องบินรบของรัสเซีย 2 ลำ คือ MiG-29 และ Su-30 ทั้งนี้ เครื่องบินขับไล่J-10 และ Rafaleเป็นเครื่องขับไล่รุ่น 4.5 ถือเขี้ยวเล็บใหม่ของกองกำลังฝูงบินรบ

สื่อทางการจีน ซินหัว ยังได้รายงานข่าวด้วยท่าทีภาคภูมิใจในเทคโนโลยีการทหารจีน โดยเรียกขานว่า 'รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ของการทำสงคราม'

เหตุการณ์กองทัพปากีสถานยิงเครื่องบินรบของคู่อริตกในศึกปะทะที่จุดชนวนจากเหตุทัพฟ้าภารตะโจมตีเขตควบคุมของปากีฯในแคชเมียร์ ซึ่งทางอินเดียอ้างเหตุผลในการโจมตีฯนี้ว่าเพื่อโต้ตอบการจู่โจมกลุ่มนักท่องเที่ยวในเขตควบคุมของอินเดียในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 22 เม.ย. แต่ทางปากีฯปฏิเสธว่าตนไม่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ จีนเป็นซับพลายเออร์ป้อนอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่สุดให้กับปากีสถาน

‘อ.ปิติ’ ย้อนความหลังเหตุ!! ตกหลุมรักวิชาภูมิศาสตร์ เผย!! อ่านแล้ว มีงานทำ มีเรื่องเล่า มีเรื่องให้อยากรู้

(17 พ.ค. 68) รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า …

ปี 2017 ผมและ ทีม Indian Studies Center of Chulalongkorn University พานิสิต คณาจารย์และเจ้าหน้าที่เดินทางไปประเทศอินเดียในโครงการ 'ภารตสิกขยาตรา' และหนึ่งในที่ ๆ พวกเราชาวคณะอินเดียศึกษา และเอเชียใต้ศึกษา จุฬาฯ ต้องไปทุกครั้ง และจะเสียเงินกันคราวละมาก ๆ นั่นคือ ร้านหนังสือในอินเดีย เพราะประเทศนี้หนังสือราคาถูก และมีหนังสือเกือบทุกประเภทให้เลือกซื้อ และร้านที่พวกเรามักจะไปกันเสมอ ๆ คือ Bahrisons แห่งตลาด Khan Market ใจกลางกรุงนิวเดลี

ผมเป็นคนชอบดูแผนที่มาตั้งแต่เด็ก ๆ พอเจอหนังสือที่ชื่อว่า Prisoners of Geography ที่มีคำโปรยหนังสือว่า Ten maps that tell you everything you need to know about Global Politics มีหรือที่ผมจะไม่ซื้อ จำได้คร่าว ๆ ว่าฉบับที่ขายในอินเดียราคาน่าจะประมาณ 150-160 บาทไทย ยิ่งทำให้จำเป็นต้องซื้อยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากอ่านหนังสือ เล่มนี้ไปได้ซักหนึ่งถึงสองบท ผมรู้ตัวทันทีว่าผมตกหลุมรักกับวิชาภูมิรัฐศาสตร์ไปแล้ว Tim Mashall ผู้เขียนเป็น War correspondent (นักข่าวในสนามรบ) ที่ใช้เวลากว่า 24 ปีเข้าไปทำข่าวใน 12 สมรภูมิ งานเขียนของเค้าทำให้ผมเข้าใจว่าถ้าจะเข้าใจความเป็นไปของโลกเศรษฐศาสตร์แบบที่เป็นแบบจำลองอย่างที่ผมเคยทำมาตั้งแต่เรียนจบคงไม่สามารถอธิบายได้มากสักเท่าไหร่ ตั้งแต่นั้นมาผมก็เริ่มต้นอ่านหนังสือ หาความรู้ และทำงานวิจัย รวมทั้งเอามาสอนในวิชาที่คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนในที่สุดเอามาเขียนเป็นหนังสือทั้งสามเล่ม โดยที่เล่มล่าสุด ไทยในสงครามเย็น 2.0 Amidst the Geo-Economic crashes ได้รับรางวัลพระราชทานหนังสือดีเด่นประจำปี 2568 

ทั้งหมดคงไม่ได้เกิดขึ้นถ้าผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ 

และปีนี้ปี 2025 หนังสือเล่มนี้มีอายุครบ 10 ปี เสด็จพ่อแห่งวงการนักเขียนภูมิรัฐศาสตร์อย่าง Tim Marshall ก็เอาหนังสือเล่มนี้มาอัปเดตอีกครั้งหนึ่งโดยใส่ข้อมูลที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเข้าไปเพิ่มเติมจากต้นฉบับเดิมและมีคำโปรยที่ว่า  fully updated to cover global events of the last 10 years มีหรือที่ผมจะไม่รีบซื้อหนังสือเล่มนี้ทั้งที่ความจริงเคยอ่าน ฉบับพิมพ์ครั้งที่หนึ่งภาษาอังกฤษ และภาษาไทยมาแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าหนังสือเล่มนึงจะทำให้ผมมีงานทำ มีเรื่องเล่า มีเรื่องให้อยากรู้ ได้ตลอดมาเกือบ 10 ปี และยังคงสนใจเรื่องแบบนี้ไปเรื่อย ๆ 

ป.ล. อินเดียทริปนั้นสนุกมาก เพราะได้เดินทางกับ dream team Chayodom Sabhasri Surat Horachaikul Jirayudh Jahangir Sinthuphan Kittipong Boonkerd ผมว่า บัดนี้ได้เวลาอันสมควรที่เราน่าจะทำทริปแบบนี้กันอีกนะครับ

ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาอ้าง!..ถูกบังคับขึ้นเรือรบอินเดีย ถูกปิดตา-ทุบตี ก่อนโยนลงทะเลให้ว่ายกลับเมียนมา

(19 พ.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่อินเดียบังคับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาจำนวนอย่างน้อย 40 คน ซึ่งรวมถึงผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ ให้ลงจากเรือของกองทัพเรืออินเดีย โดยมีการอ้างว่าบางคนถูกปิดตา ถูกทุบตี และถูกโยนลงทะเลบริเวณน่านน้ำสากลใกล้ชายแดนเมียนมา และให้ว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งเอง

กลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้ถูกควบคุมตัวในกรุงนิวเดลีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม และถูกส่งตัวโดยเครื่องบินไปยังหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ก่อนที่จะถูกนำขึ้นเรือของกองทัพอินเดีย

สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานดังกล่าว โดย ทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา กล่าวว่า “แนวคิดที่ว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาถูกโยนลงทะเลจากเรือของกองทัพเรือนั้นเป็นสิ่งที่น่าขุ่นเคืองอย่างยิ่ง” เขาเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียหยุดการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมและเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา รวมถึงการส่งตัวพวกเขากลับไปสู่สภาพที่อันตรายในเมียนมา

ด้าน ทนายความ ดิลาวาร์ ฮุสเซน ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ลี้ภัย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดของอินเดีย เพื่อขอให้รัฐบาลนำผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลับมายังกรุงนิวเดลี อย่างไรก็ตาม กองทัพเรืออินเดียและกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้

ทั้งนี้ อินเดียไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี 1951 หรือพิธีสารปี 1967 แต่มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาประมาณ 40,000 คนอาศัยอยู่ในประเทศ โดยประมาณ 22,500 คนได้รับการลงทะเบียนกับสำนักงาน UNHCR หลายคนอาศัยอยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ และเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงจากกลุ่มชาวฮินดูที่เรียกร้องให้ขับไล่พวกเขาออกจากประเทศ

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจอินเดีย แซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลก

(3 มิ.ย. 68) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจอินเดียแซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลกในปีนี้ 2568 รองจาก สหรัฐอเมริกา จีน และ เยอรมนี และคาดการณ์ว่าในปี 2570 จะแซงเยอรมนีขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของโลก

- อินเดีย 4.187 ล้านล้านดอลล่าร์

- ญี่ปุ่น 4.186 ล้านล้านดอลล่าร์

*** ขณะที่ จีนและญี่ปุ่น ประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

*** ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก 1,500 ล้านคนซึ่งแซงหน้าจีนมาในปี 2566 ที่ผ่านมา

นักท่องเที่ยวสาวตุรกี โวยถูกจ้อง-ตามไม่เลิก เปรียบเหมือนถูกฝูง ‘ยุงตอม’ ตลอดเวลาในอินเดีย

(10 มิ.ย. 68) นักท่องเที่ยวหญิงชาวตุรกีชื่อ “อายเซ่ ชาห์” จุดกระแสถกเถียงในอินเดีย หลังโพสต์วิดีโอวิจารณ์พฤติกรรมของชาวอินเดียที่จ้องมองและเดินตามเธอระหว่างท่องเที่ยว โดยเปรียบว่ารู้สึกเหมือน “ถูกยุงตอม” สร้างเสียงฮือฮาและวิพากษ์บนแพลตฟอร์ม X

ในคลิปที่อัดในย่านชานด์นี โชว์ก กรุงนิวเดลี ชาห์ระบุว่าเธอเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันในเมืองมุมไบและชัยปุระ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง โดยรายงานจาก National Crime Records Bureau ของอินเดีย ปี 2022 เผยว่ามีคดีข่มขืนเกิดขึ้นถึง 31,516 คดี หรือเฉลี่ย 86 คดีต่อวัน

นักวิชาการในนิวเดลีให้ความเห็นว่า พฤติกรรมการจ้องมองอาจสะท้อนช่องว่างด้านวัฒนธรรม แต่ยอมรับว่าเป็นพฤติกรรมที่สร้างความอึดอัดให้กับชาวต่างชาติ ปัญหายังซ้ำเติมจากการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและทัศนคติทางเพศที่ฝังลึกในสังคม

ขณะที่โพสต์ของอายเซ่สร้างความแตกแยกในความคิดเห็น บางคนมองว่าเป็นการเหมารวมและเหยียดชาติพันธุ์ แต่บางคนสนับสนุนว่าเธอมีสิทธิ์พูดถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยจากประสบการณ์ตรง กลายเป็นประเด็นในโซเชียลแนะนำให้รัฐบาลอินเดียเร่งปรับปรุงภาพลักษณ์ และมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน

Boeing 787 Dreamliner เจอจุดเปลี่ยนสำคัญ อุบัติเหตุเที่ยวบิน AI‑171 สั่นคลอนความเชื่อมั่นโลก

(13 มิ.ย. 68) Boeing 787 Dreamliner หรือที่รู้จักกันในฉายา 'Plastic Jet' ถือเป็นหนึ่งในผลงานปฏิวัติวงการการบินพาณิชย์ ด้วยการนำวัสดุคอมโพสิทมาใช้ในโครงสร้างเครื่องบินเกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้ลดน้ำหนักและประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 20–25% เมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ระบบปรับอากาศที่ให้แรงดันสูงขึ้น หน้าต่างขนาดใหญ่กว่าเดิม และการออกแบบเพื่อลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ส่งผลให้ Dreamliner เป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้โดยสารและสายการบินทั่วโลก

โครงการ Dreamliner เริ่มต้นในปี 2004 ก่อนทำการบินทดสอบครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2009 และได้รับอนุมัติให้ใช้งานในปี 2011 แม้ต้องเผชิญปัญหาด้านเทคนิคและความล่าช้าหลายครั้ง โดยเฉพาะเหตุการณ์ไฟไหม้จากแบตเตอรี่ลิเธียมในปี 2013 ที่ทำให้ต้องระงับการบินชั่วคราวทั่วโลก ก่อนที่ Boeing จะแก้ไขและนำกลับมาให้บริการอีกครั้ง ปัจจุบัน Dreamliner มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 787‑8, 787‑9 และ 787‑10 รองรับผู้โดยสารได้ตั้งแต่ 210–330 ที่นั่ง โดย Boeing ได้รับคำสั่งซื้อแล้วกว่า 2,100 ลำ และส่งมอบแล้ว 1,189 ลำ ให้กับกว่า 110 สายการบินทั่วโลก

แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่ล้ำสมัยที่สุดรุ่นหนึ่ง แต่เส้นทางของ Dreamliner ก็ไม่ได้ราบรื่นตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงปี 2019–2022 ที่ FAA หรือสำนักงานการบินพลเรือนสหรัฐฯ เข้าตรวจสอบมาตรฐานการผลิตอย่างเข้มงวด หลังพบปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างและคุณภาพของตัวเครื่องอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นเมื่อมีพนักงานภายในออกมาเปิดเผยว่า Boeing ใช้ 'ทางลัด' บางประการในการประกอบเครื่อง เพื่อเร่งการผลิตและลดต้นทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในระยะยาว FAA จึงต้องเข้มงวดในการตรวจสอบและบังคับให้บริษัทปรับปรุงกระบวนการผลิตในหลายโรงงาน

เหตุการณ์สำคัญที่เขย่าวงการการบินเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2025 เมื่อเที่ยวบิน AI‑171 ของสายการบิน Air India ซึ่งใช้เครื่อง Boeing 787-8 หมายเลขทะเบียน VT‑ANB ตกลงในพื้นที่ชุมชนไม่กี่นาทีหลังเทคออฟจากเมืองอาห์มาดาบัด ในประเทศอินเดีย มุ่งหน้าสู่ลอนดอน หลังมีการประกาศเมย์เดย์ (เครื่องยนต์ขัดข้อง) กลางอากาศ โดยมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 242 คน เสียชีวิต 241 ราย รอดเพียงรายเดียว ส่งผลให้เหตุการณ์นี้นับเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งแรกของ Dreamliner ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ให้บริการ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยของเครื่องบินรุ่นนี้

อุบัติเหตุของเที่ยวบิน AI‑171 เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกกำลังเผชิญกับอุบัติเหตุทางอากาศหลายกรณี ทั้งเครื่องบินพาณิชย์ เฮลิคอปเตอร์ และเที่ยวบินประจำภูมิภาค เหตุการณ์ตกของ Dreamliner ไม่เพียงส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ Boeing เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ผลิตอากาศยาน หน่วยงานกำกับดูแล และสายการบินทั่วโลก ต้องหันมาให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในโลกที่ความเสี่ยงด้านเทคนิค การดำเนินงาน และสภาพแวดล้อมยังคงเป็นความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม

‘ราเมช วิศวกุมาร’ รอดปาฏิหาริย์!!..หลังถูกแรงระเบิดดีดตัว ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากเหตุ Boeing 787 ตกที่อินเดีย

(13 มิ.ย. 68) ราเมช วิศวกุมาร (Ramesh Vishwaskumar) ชายวัย 40 ปี สัญชาติอังกฤษเชื้อสายอินเดีย คือผู้โดยสารเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกของเที่ยวบิน AI171 ของสายการบิน Air India เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เขานั่งที่นั่ง 11A ริมหน้าต่างในห้องโดยสารด้านหน้า กำลังเดินทางร่วมกับพี่ชายที่ยังคงสูญหาย เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเครื่องบินเทคออฟจากเมืองอาห์มดาบาด ประเทศอินเดีย มุ่งหน้าสู่สนามบินลอนดอนแกตวิค ประเทศอังกฤษ

เที่ยวบินดังกล่าวใช้เครื่อง Boeing 787-8 Dreamliner ซึ่งเพิ่งทะยานขึ้นไปได้เพียง 625 ฟุต ก่อนที่นักบินจะประกาศ 'เครื่องยนต์ขัดข้อง' เครื่องบินตกลงบริเวณหอพักแพทย์ของ BJ Medical College และเกิดการระเบิดและไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 242 ราย เสียชีวิตถึง 241 ราย เหลือเพียง ราเมช วิศวกุมาร ที่รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์

ตามรายงานเบื้องต้น เขาอาจถูกแรงระเบิดดีดตัวออกมาจากตัวเครื่องหรือได้รับการปกป้องจากแรงกระแทกหลัก ทำให้รอดพ้นจากเปลวไฟและซากระเบิดที่ตามมา ราเมช เล่าว่าได้ยิน 'เสียงระเบิดดังสนั่น' หลังเครื่องขึ้นไม่กี่วินาที ก่อนที่ไฟและควันจะพวยพุ่งไปทั่วห้องโดยสาร เขาหนีออกมาได้ทางรอยแตกที่ลำตัวเครื่อง ก่อนที่เปลวเพลิงจะลามถึงบริเวณนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบตัวเขาในสภาพบาดเจ็บและมึนงง แต่ยังคงมีสติ

ขณะนี้ ราเมชเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในเมืองอาห์มดาบาด โดยอยู่ภายใต้การดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แพทย์ระบุว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้และอาการช็อก แต่ยังมีสติสัมปชัญญะชัดเจน คาดว่าทางการอินเดีย รวมถึงเจ้าหน้าที่จาก NTSB และสายการบิน Air India จะเข้าสอบปากคำเขาในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากคำให้การของเขาอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาช่วงเวลา 30–40 วินาทีก่อนเกิดเหตุ

การที่ราเมชรอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งใหญ่เช่นนี้ ถือว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การบิน สถิติเก่าระบุว่าผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งคนจากเหตุการณ์ลักษณะนี้มีน้อยมาก เช่น เที่ยวบิน BA548 ปี 1972, เที่ยวบิน 255 ปี 1987 และเที่ยวบิน Yemenia 626 ในปี 2009 การรอดชีวิตของเขาจึงกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทั้งโลกจับตามอง และเป็นอีกหน้าหนึ่งในโศกนาฏกรรมการบินที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

‘เจมส์ เรืองศักดิ์’ โพสต์ถึงเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ขนลุกซู่!!...ผู้รอดชีวิตเพียง 1 ราย นั่งหมายเลขเดียวกัน

(13 มิ.ย. 68) จากกรณีเที่ยวบิน AI171 ของสายการบิน Air India ตกหลังบินขึ้นจากเมืองอาห์เมดาบัด ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุดพบว่าผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของโศกนาฏกรรมนี้ นั่งอยู่ที่หมายเลข 11A

เหตุการณ์นี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศรุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ เครื่องบินโบอิ้ง 787‑8 ดรีมไลเนอร์ ตกกระแทกอาคารแพทย์หลังขึ้นบินเพียง 625 ฟุต คร่าชีวิตผู้โดยสาร-ลูกเรือ 241 คน บาดเจ็บกว่า 60 คน ขณะที่ชายเชื้อสายอินเดีย-อังกฤษวัย 40 ปี ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว นั่งที่ริมหน้าต่าง 11A และสามารถหนีออกจากซากเครื่องก่อนเกิดไฟลุกไหม้

เจมส์ เรืองศักดิ์ โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า “ขนลุกมาก เขานั่งหมายเลขเดียวกับผม 11A” ทำให้ย้อนเตือนเหตุการณ์ในปี 2541 ที่รอดชีวิตจากเที่ยวบิน TG261 ของการบินไทย ประสบอุบัติเหตุขณะพยายามร่อนลงจอดที่สนามบินสุราษฎร์ธานี ท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวนจากอิทธิพลของพายุจิล

โดยในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 101 คน และได้รับบาดเจ็บ 45 คน 'เจมส์ เรืองศักดิ์' เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รอดตายจากเหตุการณ์นั้น ส่วนสาเหตุของการตกไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดสู่สาธารณะมากนัก มีเพียงความพยายามระบุว่าสาเหตุการตกน่าจะมาจากการหลงสภาพการบินในการลงจอดเวลากลางคืนในสภาพอากาศที่มีลมแรง

ทั้งนี้ เจมส์ยังได้ย้ำว่าตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนชีวิตเขาอย่างสิ้นเชิง เป็นเครื่องเตือนใจให้อยู่กับปัจจุบัน ใช้ชีวิตด้วยสติ และไม่ประมาท พร้อมปฏิเสธข่าวลือว่าเขาได้นั่งเครื่องบินฟรีตลอดชีวิต โดยยืนยันว่าไม่เคยมีสิทธิพิเศษใดๆ

สะพานโค้ง 90 องศาอินเดีย กลายเป็นเรื่องขำไม่ออก รัฐสั่งฟันวิศวกร 7 คน แบล็กลิสต์ 2 บริษัทผู้รับเหมา

(2 ก.ค. 68) สะพานแห่งใหม่ในเมืองโภปาล ประเทศอินเดีย กำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างหนัก หลังออกแบบให้มีทางโค้งเกือบ 90 องศา เสี่ยงอันตรายต่อผู้ใช้รถ โดยสื่อจากนิวเดลีเผยงบก่อสร้างกว่า 200 ล้านรูปี (ราว 95 ล้านบาท) แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้เพราะปัญหาด้านความปลอดภัย

ภาพจากมุมสูงเปิดเผยให้เห็นว่า ผู้ขับขี่ที่ขับรถยนต์ขึ้นมาบนสะพานต้องเบรกกะทันหันเพื่อเลี้ยวเข้าโค้งที่แคบอย่างอันตราย ซึ่งวิศวกรผู้ออกแบบอ้างว่าพื้นที่จำกัดใกล้สถานีรถไฟฟ้าทำให้ไม่มีทางเลือกอื่น แต่กลายเป็นยิ่งจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นในสังคมออนไลน์

ล่าสุด รัฐบาลอินเดียสั่งพักงานวิศวกร 7 ราย และขึ้นบัญชีดำบริษัทรับเหมา 2 แห่ง พร้อมเปิดเผยผลสอบสวนว่าโครงการนี้ “มีความประมาทร้ายแรงทั้งในขั้นวางแผนและก่อสร้าง” แม้เสนอจำกัดการใช้เฉพาะรถยนต์และลดความเร็ว ก็ยังไม่สามารถคลายความกังวลของประชาชนได้

เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาด้านการก่อสร้างในอินเดียที่ยังแก้ไม่ตก ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดกรณีสะพานในเมืองบอมเบย์ที่สร้างแล้วแต่ปลายทั้งสองฝั่งกลับไม่เชื่อมต่อกัน ส่วนที่แคว้นพิหาร มีสะพานอีกแห่งที่จากเดิมที่มีกำหนดว่าจะสร้างเสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้ แต่โครงการกลับไม่แล้วเสร็จตามแผน จึงมีการขอเลื่อนกำหนดสร้างเสร็จออกไปหลายครั้ง รวมทั้งหมดถึง 8 ครั้ง แม้จะเลื่อนมาแล้วหลายรอบ สุดท้ายสะพานก็ยังพังถล่มลงมาอยู่ดีในปี 2023

Foxconn ถอนวิศวกรจีนออกจากอินเดียกว่า 300 คน สะเทือนแผน Apple ขยายฐานผลิต iPhone

(3 ก.ค. 68) Foxconn ผู้ผลิต iPhone รายใหญ่ของ Apple สั่งวิศวกรและเจ้าหน้าที่ชาวจีนกว่า 300 คน ที่ประจำโรงงานในอินเดียเดินทางกลับประเทศ สร้างอุปสรรคสำคัญต่อเป้าหมายของ Apple ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังอินเดีย โดยยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลของการถอนตัวครั้งนี้

แหล่งข่าวระบุว่า การถอนทีมงานชาวจีนจะไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้าโดยตรง แต่จะลดประสิทธิภาพการทำงานของสายพานผลิต โดยเฉพาะกระบวนการฝึกอบรมพนักงานท้องถิ่นและการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีนมายังอินเดีย ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

สถานการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเตรียมเพิ่มกำลังผลิต iPhone 17 และสร้างโรงงานแห่งใหม่ในอินเดีย Foxconn ได้แจ้งรัฐบาลอินเดียล่วงหน้าเกี่ยวกับการถอนพนักงาน แต่ไม่ได้เปิดเผยเหตุผล ขณะนี้บริษัทเริ่มปรับเครื่องจักรที่ใช้ซอฟต์แวร์ภาษาจีนให้รองรับพนักงานอินเดีย รวมถึงนำแรงงานจากไต้หวันและเวียดนามมาเสริมกำลัง

ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและอินเดีย ซึ่งแม้จะมีการเจรจาระดับสูงเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังไม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ และอินเดียยังคงจำกัดวีซ่าให้พลเมืองจีน พร้อมแบนแอปพลิเคชันจีนหลายรายการ ขณะเดียวกันจีนยังคงห้ามส่งออกปุ๋ยบางประเภทมายังอินเดีย

ทั้งนี้ Apple มีแผนผลิต iPhone ส่วนใหญ่สำหรับตลาดสหรัฐฯ ในอินเดียภายในปี 2026 ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ แต่การผลิตในสหรัฐฯ ยังมีข้อจำกัดเรื่องค่าแรงสูง และจีนอาจสกัดไม่ให้วิศวกรย้ายฐานไปช่วยผลิตในสหรัฐฯ ได้อีกด้วย ซึ่งยิ่งทำให้ Apple ต้องพึ่งอินเดียมากขึ้นในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top