Sunday, 19 May 2024
หุ้น

หุ้น ‘YG’ ดิ่ง 9% รุนแรงที่สุดในรอบปี หลัง ‘ลิซ่า’ ปฏิเสธข้อเสนอต่อสัญญา

ขึ้นแท่นเป็นตัวท็อปของวงการเคป็อป และวงการเพลงระดับโลกไปแล้วสำหรับสาวๆ BlackPink ที่ล่าสุดสาวไทยหนึ่งเดียวอย่าง ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ดูจะเป็นสมาชิกหนึ่งเดียวของวงที่แฟนๆยังคงลุ้นกันแบบตุ้มๆต่อมๆว่าจะต่อสัญญากับค่ายเดิมอย่าง YG Entertainment หรือไม่?

ตามรายงานจาก Star News ระบุว่า ลิซ่า เป็นสมาชิกวงที่ถูกค่ายเพลงต่างๆ จากทั่วโลกพากันยื่นข้อเสนอให้อย่างมากมาย พร้อมกับสัญญาที่จะทำให้เธอได้รับเงินมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงค่ายเพลงจากประเทศไทยด้วย

มีรายงานว่า ทาง YG Entertainment ก็ได้ยื่นเสนอสัญญาให้กับ ลิซ่า ถึง 2 ฉบับด้วยกัน แต่ก็โดนปัดตกหมด

อย่างไรก็ตาม หลังมีรายงานว่า ลิซ่า ปฏิเสธข้อเสนอการต่อสัญญา ส่งผลกระทบให้หุ้น YG Entertainment บริษัทต้นสังกัดศิลปินเคป็อป (K-pop) ร่วงลงเกือบ 9% ในวันนี้ (15 ก.ย.)

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ YG ร่วงลงในรอบ 1 วัน รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2565

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น นิวเซน (Newsen) สื่อของเกาหลีใต้ยังรายงานด้วยว่า YG ได้เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อสัญญากับลิซ่า แต่รายงานจากหนังสือพิมพ์มุนฮวา อิลโบระบุว่า ทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก

โดยล่าสุด ได้มีการยื่นขอเสนอให้มากถึงเกือบ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณเกือบ 1.4 พันล้านบาท แต่ดูท่าว่าไอดอลสาวจะปฏิเสธไปแล้ว

“มีข่าวลือว่า ลิซ่า ได้ปฏิเสธสัญญาฉบับแรกกับทาง YG Ent. ไปแล้ว และไม่นานมานี้ก็เพิ่งปฏิเสธข้อเสนอสัญญาฉบับที่ 2 ส่วนสัญญา คาดว่ามีจำนวนมากถึง 37.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.35 พันล้านบาท”

‘ไอซ์-รักชนก’ โอนหุ้น 2 บริษัทฯ ขายของออนไลน์ ก่อนยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.

(1 พ.ย. 66) สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวสืบเนื่องจากกรณีที่ นางสาวรักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.วันที่ 4 ก.ค. 2566 สถานะ โสด มีทรัพย์สินรวม 5,840,477 บาท หนี้สิน 1,814,816 บาท

น.ส.รักชนะ ระบุ ประวัติการทำงานย้อนหลัง 5 ปีว่า เป็นกรรมการบริษัท 2 แห่ง

- ปี 2562-2566 เป็นกรรมการ บริษัท หาเงินไปดาวอังคาร จำกัด
- ปี 2563-2566 เป็นกรรมการ บริษัท เดินเล่นบนดาวอังคาร จำกัด
- ปี 2564-2566 ที่ปรึกษาประธาน กรรมาธิการ พัฒนาการเมือง การสื่อสาร และการมีส่วนร่วมของประชาชน

ขณะที่รายการทรัพย์สินของ น.ส.รักชนก มิได้ระบุถือครองหุ้น 2 บริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า น.ส.รักชนได้ลาออกจากกรรมการและโอนหุ้นทั้งสองบริษัท ในช่วงเดือน มิ.ย.2566 ก่อนยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. มีรายละเอียดดังนี้

1.) บริษัท หาเงินไปดาวอังคาร จำกัด จดทะเบียนวันที่ 9 กันยายน 2562 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการซื้อขายสินค้าและขายส่งสินค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่ตั้งเลขที่ 264/135 ซอยเทียนทะเล 19 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร น.ส.รักชนก เป็นกรรมการจดทะเบียนก่อตั้ง และถือหุ้นใหญ่ 9,400 หุ้น ผู้ถือหุ้นรายอื่น 2 คน คนละ 500 หุ้น และ 100 หุ้น รวมผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 คน 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 น.ส.รักชนก ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ น.ส.รักชนก ออก นายกฤตนัย อัฉริยะศิลป์ เข้าเป็นกรรมการแทน (นายทะเบียนรับจดทะเบียนวันที่ 22 มิถุนายน 2566)

ข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 บริษัทฯ นำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ณ วันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 วันที่ 19 มิ.ย.2566 นายกฤตนัย อัฉริยะศิลป์ เป็นผู้ถือหุ้น จำนวน 9,400 หุ้น ขณะที่ผู้ถือหุ้นอีก 2 รายไม่เปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ หุ้นที่นายกฤตนัย อัฉริยะศิลป์ ถือครอง จำนวน 9,400 หุ้นรับโอนมาจาก น.ส.รักชนก ทั้งหมด (ดูเอกสาร)

2.) บริษัท เดินเล่นบนดาวอังคาร จำกัด จดทะเบียนวันที่ 31 มกราคม 2563 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการขายสินค้าออนไลน์ ที่ตั้งเลขที่ 264/135 ซอยเทียนทะเล19 ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร (ที่ตั้งเลขที่เดียวกันกับบริษัทแรก) น.ส.รักชนกเป็นกรรมการผู้ริเริ่มก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ 94,000 หุ้น ผู้ถือหุ้นอื่นอีก 2 ราย คนละ 500 หุ้น และ 100 หุ้น รวมผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 คน 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 น.ส.รักชนก ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ น.ส.รักชนก ออก นายกฤตนัย อัฉริยะศิลป์ เข้าเป็นกรรมการแทน (นายทะเบียนรับจดทะเบียนวันที่ 22 มิถุนายน 2566)

ข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น 

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 บริษัทฯ นำส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท ณ วันประชุม วิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 วันที่ 19 มิ.ย.2566 นายกฤตนัย อัฉริยะศิลป์ เป็นผู้ถือหุ้น จำนวน 9,400 หุ้น ขณะที่ผู้ถือหุ้นอีก 2 รายไม่เปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ หุ้นที่นายกฤตนัย อัฉริยะศิลป์ ถือครอง จำนวน 9,400 หุ้นรับโอนมาจาก น.ส.รักชนก ทั้งหมด (ดูเอกสาร)

ทั้งสองบริษัทยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ และนำส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น พร้อมกัน และผู้รับโอนหุ้นจาก น.ส.รักชนก รวม 2 บริษัท จำนวน 18,800 หุ้น มูลค่า 1,880,000 บาท เป็นคนดียวกัน (ดูตารางประกอบ)

จากข้อมูลเห็นได้ว่า การลาออกจากตำแหน่งกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นธุรกิจทั้งสองแห่งของ น.ส.รักชนก ให้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ มีขึ้นก่อนยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.วันที่ 4 ก.ค.2566 โดย สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมืองรับวันที่ 10 ต.ค.2566 (ดูเอกสาร)

ไม่มีชื่อ สส.สาวถือหุ้นธุรกิจขายของออนไลน์อีกต่อไป

‘BLACKPINK’ จรดปากกาต่อสัญญาใน ‘ฐานะวง’ ดันหุ้น YG Entertainment พุ่งเกือบ 23% 

(6 ธ.ค.66) วายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ แถลง ‘BLACKPINK’ ได้ต่อสัญญาการทำกิจกรรมกลุ่มกับทางค่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของการทำกิจกรรมเดี่ยวของสมาชิกแต่ละคนนั้น ทางวายจีกล่าวว่ายังคงอยู่ระหว่างการเจรจา

ทั้งนี้ ลิซ่า เจนนี่ จีซู โร่เซ ได้เปิดตัวในฐานะสมาชิกแบล็กพิงก์เมื่อปี 2016 โดยสัญญาฉบับแรกที่กินเวลา 7 ปี ที่ทำกับทางวายจีได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาท่ามกลางการจับตามองว่าจะมีการต่อสัญญากันครบทั้งวงหรือไม่

การต่อสัญญาครั้งนี้ทำให้วายจียังคงได้สิทธิ์บริหารจัดการการทำเพลง การจัดคอนเสิร์ต ตลอดจนกิจกรรมการโปรโมทของวงแบล็คพิงก์ต่อไป

“ผมมีความสุขที่ได้รักษาความสัมพันธ์กับ BLACKPINK ต่อไป เราจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้แบล็คพิงก์เปล่งประกายสุกสว่างกว่าเดิมในตลาดดนตรีโลก” ‘หยางฮยอนซอก’ ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานค่ายวายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ กล่าว

ทั้งนี้ ราคาหุ้น YG พุ่งขึ้นเกือบ 23% จากข่าวการต่อสัญญากิจกรรมวงของ BLACKPINK

‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ขึ้นแท่นเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 1 ปี 66 ครองแชมป์ 5 ปีซ้อน มั่งคั่งกว่า 1.9 แสนล้านบาท!!

(12 ธ.ค. 66) วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 30 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสูงสุด 10 อันดับแรกของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ 30 กันยายน 2566

สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2566 ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2566 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2566 ยังคงเป็นของ ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ ‘GULF’ ซึ่งเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยถือหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 190,828,06 ล้านบาท ลดลง 28,153.53 ล้านบาท หรือ 12.86% นอกจากสารัชถ์ จะถือหุ้น GULF สูงเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 35.67% คิดเป็นมูลค่า 190,421.51 ล้านบาทแล้ว ในปีนี้ยังถือหุ้น บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) บริษัทในกลุ่มไทยยูเนี่ยนที่ทำธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงส่งออกทั่วโลกอีก 0.67% มูลค่า 406.55 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปีนี้ความมั่งคั่งจะลดลงไป แต่ตลอด 5 ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ ถือครองก็อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททุกปี ซึ่งนับเป็นมูลค่าสูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน

โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่ก้าวขึ้นครองแชมป์ สารัชถ์มีความมั่งคั่งรวม 120,959.99 ล้านบาท ต่อมาในปี 2563 ความมั่งคั่งลดลงไปเล็กน้อยที่ 115,289.99 ล้านบาท ก่อนทะยานสู่ 173,099.73 ล้านบาท ในปี 2564 และพุ่งทะลุไปถึง 218,981.58 ล้านบาท ในปี 2565 จนล่าสุดลดลงมาที่ 190,828.06 ล้านบาท ในปี 2566

เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ ‘นิติ โอสถานุเคราะห์’ นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 61,790.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,666.61 ล้านบาท หรือ 6.31% ซึ่งพอร์ตการลงทุนที่มีชื่อนิติเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกในปีนี้ยังคงอยู่ใน 8 บริษัท โดยถือหุ้นในสัดส่วนใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ ‘นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ’ หรือ ‘หมอเสริฐ’ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยถือครองหุ้น บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) และ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) มูลค่ารวม 57,001.68 ล้านบาท ลดลง 5,734 ล้านบาท หรือ 9.14%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ได้แก่ ‘ปณิชา ดาว’ โดยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ของ บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น (PSG) ในสัดส่วน 80% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 41,595.20 ล้านบาท ลดลง 40,035.38 ล้านบาท หรือ 49.04% สำหรับ PSG ได้มีกลุ่มทุนจาก สปป.ลาว นำโดย ‘เดวิด แวน ดาว’ สามีของปณิชา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ ในนาม บริษัท พีที จำกัดผู้เดียว (PTS) เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ที่ สปป.ลาว เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มใหม่ในปี 2564

เศรษฐีอันดับ 5 ได้แก่ ‘ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ’ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ทายาทหมอเสริฐ โดยยังคงถือหุ้น BDMS ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือ 5.18% และถือหุ้น BA ในสัดส่วนเดิมที่ 6.49% ส่วน บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) ปีนี้ได้ลดการถือหุ้นจาก 40.04% เหลือ 25.05% ส่งผลให้มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 26,634.59 ล้านบาท ลดลง 8,367.28 ล้านบาท หรือ 23.91%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 และอันดับ 7 ได้แก่ สองเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ ‘เมืองไทยลิสซิ่ง’ โดย ‘ชูชาติ เพ็ชรอำไพ’ อยู่ในอันดับ 6 รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 25,933.90 ล้านบาท ลดลง 584.17 ล้านบาท หรือ 2.20% โดยถือหุ้น MTC 33.49% และ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) 3.12% ส่วน ‘ดาวนภา เพ็ชรอำไพ’ อยู่ในอันดับ 7 ถือหุ้น MTC 33.96% มูลค่า 25,920 ล้านบาท ลดลง 180 ล้านบาท หรือ 0.69%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่ ‘นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี’ นักลงทุนรายใหญ่ที่ปีนี้มีพอร์ตการลงทุนมูลค่ารวม 22,462.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,181.71 ล้านบาท หรือ 99.12% ความมั่งคั่งในพอร์ตหุ้นของหมอพงศ์ศักดิ์ที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยเมื่อคลี่พอร์ตหุ้นออกมาดูพบว่า หุ้นที่หมอพงศ์ศักดิ์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก เพิ่มขึ้นเป็น 14 บริษัท จาก 7 บริษัทเมื่อปีที่แล้ว

เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ ‘อนันต์ อัศวโภคิน’ บิ๊กอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ แบรนด์ ‘แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์’ ถือหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) สูงเป็นอันดับ 1 ในสัดส่วน 23.93% มูลค่า 22,308 ล้านบาท ลดลง 3,146 ล้านบาท หรือ 12.36%

เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ ‘สุระ คณิตทวีกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เจ้าของธุรกิจค้าปลีกสินค้าด้านไอที โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 21,387.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,381.50 ล้านบาท หรือ 94.33% ซึ่งปีนี้พอร์ตหุ้นที่สุระเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกเพิ่มขึ้นเป็น 17 บริษัทจาก 11 บริษัทเมื่อปีที่แล้ว โดยสุระเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ในสัดส่วน 25.05% และ บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) ในสัดส่วน 7.56% ส่วน บมจ.เอ็ม วิชั่น (MVP) สุระถือหุ้น 9.30% สูงเป็นอับดับ 2 รองจากผู้ถือหุ้นอันดับ 1 คือ Capital Asia Investment ที่ถือหุ้น 14.62%

สำหรับความมั่งคั่งของตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยในปีนี้ หดหายไปตามการปรับลดลงของดัชนีหุ้นไทยในปี 2566 โดยตระกูลรัตนาวะดี ยังคงครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปี 2566 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 มีความมั่งคั่งรวม 190,828.06 ล้านบาท ลดลง 28,153.53 ล้านบาท หรือ 12.86% จากการถือหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และ บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ของแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย สารัชถ์ รัตนาวะดี

อันดับ 2 ตระกูลปราสาททองโอสถ โดย 6 เครือญาติในตระกูล ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ และ 5 ทายาท พุฒิพงศ์ สมฤทัย, อาริญา ปรมาภรณ์ และ พลตำรวจโทวิสนุ ปราสาททองโอสถ ที่ถือครองหุ้นรวมกันเป็นมูลค่า 96,820.59 ล้านบาท ลดลง 11,161.75 ล้านบาท หรือ 10.34%

อันดับ 3 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ โดย 6 เครือญาติในตระกูลโอสถสภา ได้แก่ นิติ, คฑา, ธัชรินทร์, นาฑี, เกสรา และภาสุรี โอสถานุเคราะห์ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 72,721.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 650.12 ล้านบาท หรือ 0.90%

อันดับ 4 ตระกูลเพ็ชรอำไพ โดยเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) ดาวนภา-ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 51,853.90 ล้านบาท ลดลง 764.17 ล้านบาท หรือ 1.45%

และอันดับ 5 ตระกูลดาว ของปณิชา ดาว กลุ่มทุนจาก สปป.ลาว ที่เข้ามาถือหุ้น บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น (PSG) ในสัดส่วน 80% ตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ความมั่งคั่งของตระกูลดาวปรับลดลงไป 49.04% โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 41,595.20 ล้านบาท

‘MOSHI’ ปลื้ม!! ติดโผดัชนี ‘SET100’ รอบครึ่งปีแรกของปี 67 ตอกย้ำศักยภาพ ผู้นำบิ๊กธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย

(21 ธ.ค. 66) เป็นหุ้นที่ขึ้นทำเนียบขวัญใจนักลงทุนไปเสียแล้ว สำหรับ บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ‘MOSHI’ ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศให้หุ้น MOSHI เข้าไปคำนวณอยู่ในกลุ่มดัชนี SET100 รอบครึ่งปีแรกของปี 2567 (1 มกราคม-30 มิถุนายน 2567)

แสดงให้เห็นว่า หุ้นของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในโฟกัสของนักลงทุนรายย่อย สถาบันทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับการบริหารงานที่โดดเด่นของซีอีโอ MOSHI อย่าง ‘นายสง่า บุญสงเคราะห์’ ที่โชว์ฟอร์มทำผลงานปี 2566 อย่างเต็มกำลัง

อีกทั้งยังประกาศอัปเป้าหมายรายได้เติบโตกว่า 30% พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย

'ก.ล.ต.สหรัฐฯ' สรุปคดีสามีรวยข้ามคืน 72 ล้านบาท เพราะแอบฟังภรรยาดีลลับซื้อหุ้น สุดท้ายตกงานทั้งคู่

(27 ก.พ.67) Business Tomorrow เผย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ เผยคดีว่ามีชายชาวเท็กซัส ไทเลอร์ ลูดอน ทำเงินได้ 1.7 ล้านดอลลาร์ หรือ 72 ล้านบาท ด้วยซื้อขายหุ้นอย่างผิดกฎหมาย เหตุการณ์เกิดจากการแอบฟังการประชุมของภรรยากับเพื่อนร่วมงาน ที่ทำงานในบริษัท BP บริษัทด้านพลังงานยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของโลก

SEC สหรัฐฯ กล่าวว่า ไทเลอร์ ลูดอน ได้ซื้อหุ้น TravelCenters of America Inc. โดยได้ล้างพอร์ตหุ้นตัวเองและบัญชีออมเพื่อเลี้ยงชีพเกษียณอายุแล้วในเดือน ก.พ. 2023 ต่อมา BP ประกาศว่าจะซื้อ TravelCenters of America ในระดับราคาหุ้นที่บวกพรีเมียม 74% ทำเอาไทเลอร์กลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน

ต่อมามีการสืบสวนโดยพบว่า ภรรยาไทเลอร์เป็นผู้จัดการดูแลเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว จึงเกิดสงสัยเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของสามี โดยไทเลอร์ยังมีพฤติกรรมแอบฟังภรรยาตอนเธอกำลังทำงานเกี่ยวกับข้อตกลงซื้อหุ้นด้วย 

ต่อมามีการฟ้องร้องใจความว่า ไทเลอร์คิดจะซื้อหุ้น TravelCenters หลังได้ทราบเกี่ยวกับข้อตกลงซื้อหุ้นจากภรรยาของเขาที่เป็นผู้จัดการดีล และเมื่อสามีสารภาพผิด ภรรยาก็ย้ายออกจากบ้านและฟ้องหย่าในเวลาต่อมา ซ้ำร้ายเธอยังถูกไล่ออกแม้จะไม่มีหลักฐานว่าเธอร่วมมือกับสามี 

ส่วนไทเลอร์ยอมรับข้อกล่าวหาจาก ก.ล.ต. และตัดสินใจไม่รับเงินที่ได้จากการทำธุรกรรม พร้อมจ่ายค่าปรับ 100,000 ดอลลาร์ หรือ 3 ล้านกว่าบาท และยินยอมถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทมหาชน ถูกห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่หรือผู้อำนวยการของบริษัทมหาชนเป็นเวลา 10 ปี โดยดีลซื้อหุ้น TravelCenters of America Inc. ของ BP มีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.67 หมื่นล้านบาท

'ตลท.' เตือนนักลงทุนเทรด 'หุ้นมิสแกรนด์' หลังถูกพักซื้อขายไปเมื่อ 23 ก.พ. ชี้!! หากจะลงทุน ต้องศึกษาข้อมูลเท็จจริง ที่สอดรับกับปัจจัยพื้นฐานก่อน

(27 ก.พ. 67) รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังหลักทรัพย์บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ถูกหยุดพักการซื้อขายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากมีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐาน โดยกลับมาซื้อขายได้ตั้งแต่ในภาคเช้าของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไปนั้น

ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและมีพื้นฐานประกอบ (material information) ก่อนเข้าซื้อ MGI เนื่องจากปัจจุบันค่า P/E และ P/BV อยู่ในระดับ 88.05 เท่า และ 22.64 เท่า ตามลำดับ (ปรับด้วยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 แล้ว) โดยเช้าวันนี้ MGI แจ้งสารสนเทศการเปิดตัวงานแกรนด์คอนเสิร์ต อิน ยูเอสเอ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจปกติของบริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้วในส่วนของธุรกิจสื่อและบันเทิง

สำหรับสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐานอีก หลักทรัพย์ MGI จะถูกหยุดพักการซื้อขายอีกเป็นเวลา 1 วัน ตามหลักการของมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 (ระดับสูงสุด) ซึ่งในปัจจุบัน MGI ยังคงอยู่ในมาตรการระดับนี้

สรุปสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MGI โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 6-22 กุมภาพันธ์ 2567 (13 วันทำการ)

- การซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น เกินปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แม้จะอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย
- ราคาเพิ่มขึ้น 74% จาก 28.75 บาท มาเป็น 50 บาท (All Time New High)
- มูลค่าการซื้อขายในช่วงก่อนเข้ามาตรการระดับสูงสุด สูงอยู่ใน 3 ลำดับแรกของ mai
- เข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ครั้ง (เข้ามาตรการระดับสูงสุด 2 ครั้ง)

TVDH โอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้น ล้างขาดทุนกว่า 241.7 ลบ. หวังเปิดทางจ่ายปันผล หากมีกำไรในอนาคต

เมื่อวานนี้ (29 ก.พ. 67) บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์ (TVDH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการโอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้น จำนวน 241,723,180 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมของงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 241,723,180 บาท ภายหลังจากการชดเชยผลขาดทุนสะสมดังกล่าวแล้ว ผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ จะเท่ากับศูนย์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลได้หากมีกำไรในอนาคต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top