Saturday, 11 May 2024
สุราษฎร์ธานี

‘กรมทางหลวง’ เผย โครงการขยายสายทางรอบเกาะสมุย ใกล้เสร็จแล้ว หวังยกระดับคุณภาพชีวิต-ส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี

(12 ก.ย.66) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และโครงข่ายทางหลวงในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4169 สายทางรอบเกาะสมุยให้แล้วเสร็จตลอดสายระยะทาง 50 กิโลเมตร เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และส่งเสริมการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตามนโยบายของรัฐบาล

กรมทางหลวง โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 1 เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4169 สายทางรอบเกาะสมุย ซึ่งมีระยะทางทั้งหมด 50 กิโลเมตร โดยที่ผ่านมากรมทางหลวงได้ขยายเส้นทางแล้วเสร็จรวมระยะทาง 34.53 กิโลเมตร และเปิดให้บริการแก่ประชาชนไปแล้ว ยังคงเหลือ ตอน บ.หัวถนน - บ.เฉวง ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย โดยตอนนี้มีจุดเริ่มต้นที่ กม.14+000 ท้องที่บ้านหัวถนน ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจุดสิ้นสุดที่ กม.29+531 ท้องที่บ้านเฉวง ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทางยาวประมาณ 15.531 กิโลเมตร ลักษณ

โครงการเดิมเป็นทางหลวงขนาด 2 ช่องจราจร กรมทางหลวงเล็งเห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของสายทาง จึงบูรณะก่อสร้างเป็นมาตรฐานทางชั้น 1 ขนาด 2 ช่องจราจร และบางช่วงเป็นขนาด 4 ช่องจราจร ไป - กลับ ผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีต กว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร มีทางเท้ากว้างข้างละ 2.50 เมตร สำหรับรูปแบบการก่อสร้างแบ่งตามลักษณะภูมิประเทศและความกว้างของเขตทางหลวงโดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ให้เหมาะสมกับเขตทางหลวง เนื่องจากสภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นภูมิประเทศสลับเนินเขา ย่านชุมชนที่อยู่อาศัยหนาแน่น พร้อมกับให้มีระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง รวมงานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างและไฟสัญญาณจราจรบนทางหลวง งบประมาณรวม 700 ล้านบาท ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าประมาณร้อยละ 89.35 คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2567 ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เร่งผลักดันการดำเนินงานของโครงการ เพื่อเติมเต็มโครงข่ายทางหลวงให้สมบูรณ์ตลอดสายทาง

‘พิมพ์ภัทรา’ มอบ ‘อสจ.สุราษฎร์ฯ-ศูนย์ฯ ภาค 10’ ร่วมพัฒนาอุตสาหกรรม มุ่งขับเคลื่อนประเทศ สอดรับ ‘อุตสาหกรรมไทยเติบโตคู่ชุมชนอย่างยั่งยืน’

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 66 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรวจราชการและมอบนโยบายให้แก่หน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีนายวัชรินทร์ ไชยานุพงศ์ อุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อสจ.สุราษฎร์ธานี) นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคใต้ สาขาย่อยจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้การภาค 7 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขาสุราษฎร์ธานี ร่วมต้อนรับ ณ ห้องประชุมศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 จังหวัดสุราษฎร์ธานี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 ผู้บริหาร บุคลากรทุกคนเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนองคาพยพของกระทรวงอุตสาหกรรม และยังต้องมีหน้าที่เป็นผู้ประสานระหว่างชุมชนถึงโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าอยู่คู่ชุมชนได้อย่างมีความสุข

ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างสมดุลในระยะยาว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย ‘ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ให้เติบโตคู่ชุมชนยั่งยืน’ ซึ่งเป็นแนวทางของการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่สามารถเติบโตไปได้ อยู่ได้ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขนั่นเอง

อสจ.สุราษฎร์ธานี ระบุว่า พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้ประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมที่ดำเนินกิจการ จำนวน 934 โรง มีจำนวนการจ้างงาน 36,419 คน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มการผลิตอื่น ๆ เช่น ขุดดิน ดูดทราย ผลิตไฟฟ้า คัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 364 โรงงาน กลุ่มแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ จำนวน 232 โรงงาน กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ผลิตน้ำแข็ง เครื่องดื่ม แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 135 โรงงาน กลุ่มยางและผลิตภัณฑ์ยาง จำนวน 69 โรงงาน และกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม จำนวน 10 โรงงาน มีเงินลงทุน จำนวน 65,334.48 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีประทานบัตรเปิดการทำเหมือง จำนวน 33 ประทานบัตร และยังได้รายงานการปฏิบัติงานที่เห็นผลสำคัญ คือ โครงการยกระดับสินค้าเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ ที่มีแนวโน้มมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีความสะดวกในการบริโภค มีบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม สามารถคงคุณภาพผลิตภัณฑ์ไว้ได้ยาวนาน การเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต หรือเอสเอ็มอี มีขีดความสามารถพร้อมเข้าสู่การผลิตสินค้าที่มีคุณค่าเพิ่ม (Value Creation) ภายใต้กระบวนการผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety)

ทั้งนี้ มีโครงการค่าใช้จ่ายแปรรูปสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม 1 จังหวัด 1 ชุมชน เสริมสร้างความรู้ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่ม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ต้นแบบ และทดสอบตลาด ในปี 2566 โดยมีกรณีที่ประสบความสำเร็จ คือ ซอสคั่วกลิ้งปรุงสำเร็จ จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรบ้านควนไทร ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้พัฒนาต่อยอดมาจากส่วนผสมพื้นถิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังได้รายงานถึงการดำเนินงาน ‘พลอยได้…พาสุข’ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ภายใต้โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถ เพื่อสนับสนุนการแข่งขันแบบจำลองธุรกิจและการนำไปดำเนินการ เป็นโครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน หรือ กลุ่มบุคคล ที่มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (Waste) หรือ วัสดุพลอยได้ (By-product) จากภาคอุตสาหกรรม มาต่อยอดทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักแนวคิด ‘การพึ่งพาอาศัยกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชน’ ซึ่งเห็นผลและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย

‘เพจดัง’ แชร์เสียงสะท้อน นทท.ต่างชาติใช้บริการสนามบินสุราษฎร์ฯ เจอ ‘มาเฟียแท็กซี่’ โกงค่าโดยสาร แถมขู่-ทำร้าย หากเรียกใช้ Grab

(12 ก.พ.67) เพจ ‘Around SURAT THANI Update’ ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพที่สะท้อนความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้ใช้บริการสนามบินสุราษฎร์ธานี โดยระบุว่า…

“แอดมินเข้าไปอ่านรีวิวสนามบินสุราษฎร์ฯ เจอรีวิวจากชาวต่างชาติชื่นชมกันเต็มเลยจ้า โดยเรื่องหลัก ๆจะเป็น #มาเฟียสนามบิน 😥

ปล. เป็นระบบแปลอัตโนมัติของ Google บางประโยคอาจจะแปลงงๆหน่อยนะครับ 😊🙏🏻”

สำหรับเสียงสะท้อนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้ใช้บริการสนามบินสุราษฎร์ธานี มีดังนี้

-พวกเขาจะหลอกคุณ บอกคุณว่า Grab ผิดกฎหมาย และหลอกให้คุณใช้รถของพวกเขา และจะคิดค่าโดยสารแพงมาก คนพวกนี้เป็นมาเฟียแท็กซี่สนามบิน

-พวกเขามีกลุ่มมาเฟียที่ประกอบไปด้วยคนเลวและอันธพาลล้อมรอบแท็กซี่และขาเข้าเมือง พวก
เขาข่มขู่ จ้องมอง และมีความรู้สึกไม่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงถ้าเป็นไปได้

-พวกเขาจะหลอกคุณให้บอกว่า Grab Car ผิดกฎหมาย แล้วให้คุณไปกับแท็กซี่มาเฟียเพื่อคิดราคาค่าเดินทางสูง

-หนึ่งในสนามบินที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยผ่านมา ไม่มีการเชื่อมต่อสาธารณะใดๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มมาเฟียของคนขับแท็กซี่ท้องถิ่นที่เสนอบริการรับส่งคุณไปยังเมืองอุดรธานีในราคาที่สูงกว่าเที่ยวบินของสายการบิน!!!! ถ้าคุณพยายามคว้า Grab หรืออะไรก็ตาม มันจะโจมตีคุณทุกวิถีทาง Grab ของฉันจะต้องไปที่ชั้น 2 โดยย้อนกลับเข้าจากทางออก..ออกจากสนามบินนี่เหมือนฝันร้าย ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง!!

-จัดการมาเพียแท็งซี่หน่อยครับ ปล่อยปะละเลยกันจริงๆ

-มีสัตว์ประหลาดแท็กซี่ตัวน้อยรอหลอกคนและบังคับให้คนขึ้นแท็กซี่ เขาก้าวร้าวมากกว่าส่วนสูง
ของเขามาก เขามากับสมาชิกแก๊งเพื่อทำให้คนขับของเราตกใจ เราโชคดีที่คนขับรอเราอยู่ที่ทางเข้า
ทางหลวง ห่างออกไปเพียง 1 กม. กรุณาเดิน 1 กม. เพื่อจ่ายให้กับ สัตว์ประหลาดตัวน้อยเหล่านี้

- ระวังแท็กซี่สนามบิน!! มีมาเฟียอยู่ข้างหลัง (คนขับแท็กซี่บอกเรา) เราจองแท็กซี่กับ Grab แล้วพอมาถึงก็มี 2 คน ทำร้ายคนขับแท็กซี่ชาวไทย ข่มขู่เธอ และยังขู่เราด้วยว่าถ้าเราไปแท็กซี่จะไล่เราด้วยก้อนหิน Grab คิดค่าโดยสาร 330 บาท ขณะที่เขาขอ 600/700 บาท

คะแนนสนามบินของฉันคือ 0 เนื่องจากบริษัทต้องมั่นใจในความปลอดภัยของผู้โดยสารและต้องแก้ไขปัญหาแท็กซี่นี้ ไม่มีตำรวจทั้งขาเข้าและขาออก

พอเดินออกจากทางออกก็เจอรปภ.บอกมีคนขับแท็กซี่ไล่เราอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง! เที่ยวทั่วไทยไม่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับเราเลย มาเฟียแท็กซี่สุดก้าวร้าวที่ทำลายชื่อเสียงของชาติ
ไทย สนามบิน และแม้กระทั่งเมือง

-เช่นเดียวกับสนามบินอื่นๆ แต่ระวังคนขับแท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้าด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณลงเครื่องตอนดึก พวกเขารับมิกค์ไป และไม่ยอมถอย เพราะสนามบินอยู่ไกลออกไป แล้วดูเหมือนคนขับ Grab เข้าไม่ได้? อาจจองรถแท็กซี่ล่วงหน้าหากคุณ ต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม

-เป็นสนามบินขนาดเล็กที่ใช้สำหรับเรือข้ามฟากไปยังเกาะต่าง ๆ เป็นหลัก ทิ้งรีวิวนี้ไว้ให้ระวังคนอื่นเรื่องม็อบแท็กซี่ เราพยายามจอง Grab 2x และพวกเขาก็ไม่หยุดเพราะพวกเขากลัวกลุ่มแท็กซี่ที่หมุนเวียนอยู่ข้างนอกและพยายาม คิดราคาทางดาราศาสตร์ หนึ่งในนั้น ก้าวร้าวและตะโกนใส่เราว่า Grab ไม่
ได้ทำงานที่นี่ อีกทั้งตำรวจ/หน่วยรักษาความปลอดภัยภายนอกก็ไม่ได้ทำอะไรมากเช่นกัน เราพักที่นั่นหนึ่งคืนที่โรงแรมใกล้เคียงเพื่อขึ้นเรือข้ามฟาก ในเช้าวันรุ่งขึ้น ดังนั้นพยายามต่อราคาอย่างหนักเพื่อลดราคา! หรือเดินไปถนนสายหลักเพื่อจอง Grab

'ตร.หนุ่ม' สั่งเดลิเวอรีส่งที่โรงพัก แต่เจอไรเดอร์เท บอกให้ยกเลิกหาคนขับใหม่ เพราะ ‘ไม่บริการตำรวจ’

(1 เม.ย. 67) กลายเป็นประเด็นถกเสียงแตกในโลกออนไลน์ หลังจากที่นายตำรวจรายหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แชร์เรื่องราวสั่งอาหารผ่านเดลิเวอรี่รายหนึ่ง ให้มาส่งที่โรงพัก ทว่าเมื่อไรเดอร์ทราบว่าเป็นตำรวจ ได้ส่งข้อความขอยกเลิก พร้อมระบุว่า “ขออภัยครับ ขอยกเลิกหาคนขับใหม่ครับ ผมไม่บริการตำรวจครับ”

โดยระบุไว้ว่า “เพิ่งออกเวร หิว สั่งข้าวผ่าน xxx แต่…ก็พอเข้าใจได้ว่าอาจจะมีอคติกับตำรวจ แต่ได้โปรดอย่าเหมารวมได้ไหม ตั้งใจช่วยคนที่เดือดร้อนทุกวัน ถึงไม่ได้รับคำขอบคุณ แต่ขออย่าตั้งอคติได้ไหม ผมก็มีหัวใจ มีกระเพาะที่ต้องการอาหาร #ผมผิดอะไรทิ้งผมทำไมครับพี่ #กลับมาก๊อนนนนน”

ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกโซเชียล รวมถึงมาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งฝ่ายที่เข้าใจนายตำรวจ และเข้าใจไรเดอร์ เช่นว่า เขาอาจจะไม่ได้มีอคติ แต่กลัวโดนล่อซื้อ, เกินปุยมุ้ย, มีงี้ด้วยเหรอ, ตำรวจ ก็หิวข้าว เป็นนะครับ, สุดจัด, สงสัยโรงพักล่อซื้อบ่อย, พลาดแล้วบ่าว ไม่มาแลสารวัตรหล่อก่อน

‘นายกฯ’ ยกนิ้วโป้งให้ ‘แกงไตปลา’ รสจัดจ้าน  ย้ำ!! ชอบกินอาหารไทย แต่ไม่ขอฝืนใจใครที่ไม่ชอบทาน 

(7 เม.ย.67) ที่ร้านเสบียงเล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับประทานอาหารกลางวัน โดยหนึ่งในเมนูโปรดที่ทางร้านจัดให้คือแกงไตปลา โดยนายกฯได้นั่งร่วมโต๊ะกับบรรดารัฐมนตรีพร้อมชิมแกงไตปลา และกล่าวว่า “อร่อยมากครับ” ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รับประทานแล้วอยากจะบอกอะไรกับคนที่จัดอันดับแกงไตปลาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ ไม่ขอตอบโต้ เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบ แต่ผมชอบ อย่างที่บอกว่าฝรั่งก็มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากเรา ซึ่งเราก็ยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเขาชอบบางอย่างหรือไม่ชอบบางอย่าง เราไปบอกเขาไม่ได้ และย้ำว่าอาหารไทยมีเยอะ ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่นไก่ ก็ติดอันดับโลกทั้งนั้น ”

เมื่อถามว่าการรับประทานแกงไตปลา จำเป็นจะต้องรับประทานกับข้าวสวยหรือรับประทานเปล่าได้เลย นายกฯ กล่าวว่า “ผมทานได้ พยายามไม่ทานข้าวเพราะลดน้ำหนักอยู่ ที่ชอบเพราะผมชอบทานอาหารรสจัด” จากนั้นนายกฯได้กินโชว์ พร้อมกับชมว่าอร่อยจริงๆไม่ได้อร่อยเล่นๆ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top