Tuesday, 14 May 2024
สส

ด่วน!! ‘กกต.’ ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. 500 คนแล้ว คาด ประชุมสภานัดแรก 3 ก.ค.นี้ เร็วกว่าที่กำหนดร่วมเดือน

(19 มิ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กกต. มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต และแบบบัญชีรายชื่อ100 คน รวม ส.ส. 500 คน และยังมีรายงานด้วยว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เตรียมที่จะมีการแถลงข่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมสภานัดแรกน่าจะเป็นวันที่ 3 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งถือว่า เร็วกว่าไทม์ไลน์ที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้วันที่ 25 ก.ค.เพื่อเลือกประธานสภา

แต่อย่าเพิ่งดีใจไปนะครับ สำหรับ 71 เขตเลือกตั้งที่มีเรื่องร้องเรียนอยู่ วันนี้แค่ กกต.รับรองไปก่อน เพราะการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ กกต.จึงรับรองไปก่อน เพื่อให้ขบวนการในสภาเดินหน้าไปได้ แต่ กกต.ยังมีอำนาจพิจารณาให้ใบแดง ใบเหลือง ใบส้มอยู่เหมือนเดิม และอาจจะสอยที่หลังได้

เพียงแต่ถ้า กกต.จะให้ใบแดง หลังจากนี้ต้องส่งให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน…

ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เมื่อ กกต.รับรองให้เป็น ส.ส.แล้ว อาจจะมีคนไปร้อง กกต.ซ้ำเรื่องคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

เรื่อง : นายหัวไทร

‘ชัช เตาปูน’ รายงานตัวที่สภาฯ จ่อดัน ‘กาสิโน’ ให้ถูกกฎหมาย เพื่อหารายได้เข้าประเทศ แก้หนี้ให้ประชาชน

วันที่ 23 มิ.ย. 2566 – เมื่อเวลา 11.20 น. ที่รัฐสภา นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ารายงานตัว ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

จากนั้น นายชัชวาลล์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจ และขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้พรรครวมไทยสร้างชาติ และทำให้ตนได้กลับเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชนอีกครั้ง ทั้งนี้มีความตั้งใจที่จะผลักดันกาสิโนให้ถูกกฎหมาย ในรูปแบบสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ให้สำเร็จ ซึ่งหวังว่าสภาฯ ชุดที่ 26 นี้จะนำรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ที่พิจารณาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้กลับเข้ามาพิจารณาในสภาอีกครั้ง เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีกาสิโนที่ถูกกฎหมายต่อไป เพื่อหารายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย และแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน รวมถึงให้เด็กได้มีโอกาสเรียนหนังสือฟรี

‘ณธีภัสร์’ สิ้นสมาชิกสภาพ ส.ส.ก้าวไกล จากคดีเมาแล้วขับ ด้าน ‘สภาฯ’ แจงจำนวนตัวเลข ส.ส.ล่าสุด เหลือ 499 คน

(27 มิ.ย. 66) ที่รัฐสภา นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงการปรับตัวเลข ส.ส.จาก 500 คน เหลือ 499 คนว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือถามไปยังศาลอาญามีนบุรี เพราะทราบจากข่าวว่า น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต้องคดีเมาแล้วขับ ซึ่งวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานฯ ได้รับหนังสือจากศาลอาญามีนบุรีแจ้งว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ก็เท่ากับสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.แล้ว ตามมาตรา 101 (13)

ดังนั้น จำนวน ส.ส. จึงลดลง ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้แจ้งไปทางพรรคก้าวไกล และ น.ส.ณธีภัสร์ ให้ทราบ ซึ่งได้ประสานเป็นการภายในกับ น.ส.ณธีภัสร์ แล้ว ส่วนหนังสือแจ้งทางการจะเป็นวันนี้

ส่วนการเลื่อนบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาแทนนั้น นางพรพิศ กล่าวว่า จะต้องรอให้มีประธานสภา คนใหม่ก่อน และประธานสภา เลื่อนบัญชีของพรรคก้าวไกลขึ้นมาแทน โดยใช้เวลา 7 วัน

นางพรพิศ กล่าวต่อว่า สำหรับความพร้อมในพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ซึ่งกำหนดการได้ลงมาแล้ว ดังนั้น ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ทางสำนักงานฯจะแจ้งทุกหน่วยงาน และสมาชิกรัฐสภา เพื่อให้ทราบรายละเอียดในพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระราชินีฯจะเสด็จพระราชดำเนิน ที่โถงรัฐพิธีชั้น 11 อาคารรัฐสภา ในเวลา 17.00 น.

ส่วนการประชุมสภานัดแรกเพื่อเลือกประธานสภาและรองประธานสภา 2 คน นางพรพิศ กล่าวว่า ทางสำนักงานฯ ได้ประสานกับทุกพรรคแล้ว ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันที่จะมีการประชุมสภานัดแรกในวันที่ 4 ก.ค. เวลา 09.30 น. ยืนยันว่า ทางสภาฯ เราซักซ้อมความพร้อมตลอดเวลาในเรื่องเปิดพิธีประชุมรัฐสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะมีบุคคลต่างๆ เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก จึงประสานเจ้าหน้าที่สภาฯ ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เวิร์กฟรอมโฮม พร้อมขอความร่วมมือกับสื่อมวลชน ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเข้ามาสภาฯ ในวันที่ 3 ก.ค.นี้

ส่วนวันที่ 4 ก.ค.ที่เปิดประชุมสภานัดแรก ทางสภามีความพร้อมในเรื่องของการลงคะแนน และขั้นตอนต่างๆ เพื่อเลือกประธานสภา โดยมีการซักซ้อมกับประธานสภาชั่วคราวที่อาวุโสสูงสุดเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับส.ส.บัญชีรายชื่อที่เลื่อนขึ้นมาแทนน.ส.ณธีภัสร์ คือ นายสุเทพ อู่อ้น ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 27

ผมขอแสดงความสำนึกผิดและขออภัยต่อผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทุกคนด้วยใจจริง

29 มิ.ย.2566 - นายสิริน สงวนสิน ส.ส.กทม. เขต 31 ตลิ่งชัน-ทวีวัฒนา พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก กรณีโดนแจ้งจับทำร้ายร่างกายผู้หญิงว่า ผมขออภัยอย่างสูงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ก่อนอื่นต้องขออภัยต่อผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด และพี่น้องประชาชน ที่ผมออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นข่าวล่าช้า เนื่องจากผมประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย ศีรษะแตก จึงใช้เวลาสองวันที่ผ่านมาในการรักษาตัว

ผมเสียใจอย่างมากในสิ่งที่ได้ทำลงไป ผมขออภัยคุณเอ (นามสมมุติ) คุณพ่อคุณแม่ของคุณเอ (นามสมมุติ) และขออภัยพี่น้องประชาชนที่ได้เลือกผมเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส. ที่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง

จากนี้ผมยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และการสอบสวนวินัยจากพรรคก้าวไกล และจะน้อมรับผลที่ตามมาจากการกระทำที่ปราศจากความยั้งคิดของผมโดยดุษฎี

ทั้งนี้ ผมและคุณเอ (นามสมมุติ) ยืนยันว่า ข่าวที่สื่อนำเสนอรายละเอียดเหตุการณ์ และอ้างว่าผมให้ข้อมูลว่าทำไปเพราะความเป็นห่วงคุณเอ (นามสมมุติ) ทั้งหมดไม่เป็นความจริง ผมและคุณเอ (นามสมมุติ)ยังไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือกล่าวถึงเหตุการณ์นี้แม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยคิดจะอ้างว่ากระทำไปด้วยความเป็นห่วง

ผมขอแสดงความสำนึกผิดและขออภัยต่อผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทุกคนด้วยใจจริง

‘ไอติม พริษฐ์’ ถามเหล่า ส.ส.กลางรัฐสภา “พร้อมจะเคารพเสียงของประชาชน 14 ล้านคน ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่”

(13 ก.ค. 66) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายในรัฐสภา ในวาระการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า…

“คำถามที่สำคัญสำหรับสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่คำถามว่าพวกเรา 750 คนนั้น มีความคิดเห็นอย่างไรกับคุณสมบัติของคุณพิธา ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือมีความคิดเห็นอย่างไรกับนโยบายของพรรคก้าวไกล แต่คำถามที่สำคัญที่สุด ต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาทุกท่านในวันนี้ ก็คือ พวกเรา 750 คน พร้อมจะเคารพเสียงของประชาชน 14 ล้านคน ที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่”

‘ดร.เสรี’ แจง 8 ข้อ เหตุใด 14 ล้านเสียง ถึงลงคะแนนให้ ‘ก้าวไกล’ ลั่น!! ไม่มีใครกลั่นแกล้ง ‘พิธา’ ขอถาม “จะเป็น ส.ส. แล้วถือหุ้นสื่อทำไม”

(22 ก.ค.66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า…

พูดกันจังว่าการที่ ‘พรรคก้าวไกล’ ได้คะแนนเยอะที่สุดนั้น แสดงว่าประชาชนสนับสนุนแนวทางของพรรคก้าวไกล ดังนั้นทุกฝ่ายต้องเคารพเสียงประชาชน ลองมาดูกันว่าคนลงคะแนนเสียงให้ พรรคก้าวไกลเพราะอะไร?

1. เบื่อลุง เพราะไปเชื่อวาทกรรมว่าลุงอยู่มา 8 ปีไม่มีอะไร ทั้ง ๆ ที่ผลงานลุงที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์มีมากมาย
2. อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จะดีหรือร้ายต่อประเทศอย่างไร
3. อยากได้สารพัดสวัสดิการในทางประชานิยมทั้งหลายที่พรรคก้าวไกลใช้หาเสียง แต่บัดนี้น่าจะรู้แล้วว่าหลายอย่างไม่ได้อย่างที่หาเสียงไว้
4. เด็ก ๆ จำนวนมากต้องการเสรีภาพแบบไร้ขอบเขต อยากให้พรรคก้าวไกลมาปลดแอกให้หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์ที่เขามองว่ากดทับ
5. บางคนให้ความสำคัญกับเรื่องการเกณฑ์ทหาร ทั้งตัวเด็กหนุ่ม พ่อแม่ของเขา แฟนสาวของเขาที่ไม่อยากให้มีการเกณฑ์ทหาร
6. บางคนหลงรักพิธาแบบไม่สนใจคุณสมบัติ นิสัยอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจว่าจุดยืนทางการเมืองบางเรื่องของพิธาเป็นเช่นไร
7. พ่อแม่บางคนเลือกตามที่ลูกบอก เพราะถูกลูกขู่จะทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมบางอย่าง จึงต้องเลือกตามที่ลูกบอก
8. มีจำนวนหนึ่งที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเรื่องมาตรา 112 ตรงกับพรรคก้าวไกล ซึ่งน่าจะมีจำนวนน้อยกว่าเหตุผล 7 ข้อข้างต้น

แต่พรรคก้าวไกลกลับมาเน้นเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งไม่น่าจะใช่เหตุผลหลักที่ทำให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งได้ ส.ส. มากที่สุด 14 ล้านไม่ใช่เสียงข้างมาก และ 14 ล้านเสียงไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกลเพราะต้องการให้พรรคก้าวไกลมาแก้มาตรา 112

บางคนถามว่าถ้าก้าวไกลชนะแล้ว ทำไมพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แสดงว่าไม่เข้าใจว่าเราไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง เราเลือก ส.ส. มาเลือกนายกฯ คนที่ไม่เลือกก้าวไกลมีมากกว่าคนที่เลือกก้าวไกลถึง 2 เท่า แต่เอามาปั่นกันว่า ส.ว. ไม่ฟังประชาชน (หมายถึงประชาชน 14 ล้าน) แล้วเขาจะฟังประชาชนที่ไม่เลือกก้าวไกล ที่มีมากกว่าคนที่เลือกก้าวไกลถึง 2 เท่ากว่าล่ะ ไม่ใช่ประชาชนหรือไร ไม่มีใครกลั่นแกล้งพิธา อย่างที่สร้างวาทกรรมกัน และที่ถามให้ไปเลือกตั้งทำไม ก็อยากถามว่า แล้วจะเป็น ส.ส. ถือหุ้นสื่อไว้ทำไม

อย่าเอาแต่ใจเลยนะใช้สมองคิด วิเคราะห์ แยกแยะบ้างเถอะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะคนในพรรคก้าวไกลเองที่ทำผิดกฎหมาย และมีทัศนะเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ยอมรับกระบวนการรัฐสภา กระบวนการทางกฎหมายหน่อยนะ 

สะพัด!! 'คนไทย-สส.' นัดรับเงินอุดหนุนต่างชาติที่ฝรั่งเศส สานต่อปฏิบัติการล้มล้างการปกครองของชาติตะวันตก

(25 ก.ค.66) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี 'รายการอีเมลของกลุ่มคน ที่ได้ไปนัดพบปะเพื่อรับเงินอุดหนุนต่างชาติที่ฝรั่งเศส' ไว้ดังนี้...

จะเห็นว่ามีรายชื่อคนไทยมากที่สุด มีแม้แต่ สส. 

ตามมาด้วยคนเมียนมา

มีฟิลิปปินส์กับอินโดอีกนิดหน่อย

ไม่มีคนมาเลฯ สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา

---------------------------

แสดงให้เห็นว่าประเทศในย่านนี้ ที่เป็นเป้าหมายหลักการแทรกแซง การล้มล้างการปกครองของชาติตะวันตก

คือ ไทย และ เมียนมา

>> ก่อให้เกิดพรรคการเมืองโปรสหรัฐฯ ที่มุ่งทำลายเสาหลักความมั่นคงของประเทศไทยทุกด้าน

>> และการสู้รบหนัก ต่อเนื่อง โดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในเมียนมา

---------------------------

โดยมีสื่อต่างชาติ และโซเชียลมีเดีย เป็นแนวรบหลักทางสื่อ 

ยิงแอดกันทั้งวัน รู้วิธีใช้ประโยชน์สูงสุดจากอัลกอริทึมของเฟซบุ๊ก ราวกับมีผู้ชี้แนะ

นักข่าวสื่อหลักไทยได้ไปทริปดูงาน ในยุโรปกับสหรัฐฯ แทบทุกปี ตามแผนงานของฝ่าย Press สถานทูต

ม็อบเด็กในฮ่องกงเมื่อ 5-6 ปีก่อน ที่ร้องเพลงชาติสหรัฐฯ ก็แนวเดียวกันนี้แหละ

อาหรับสปริงเมื่อ 10 กว่าปีก่อนก็เหมือนกัน 

---------------------------

จะเห็นว่าช่วงนี้ตัวแทนพรรคเดโมแครต และ think tank สายการเมืองอย่าง Council on Foreign Relations เดือดร้อนกับการเมืองไทยเป็นพิเศษ

แสดงว่าประเทศไทยแก้ไขสถานการณ์มาถูกทางแล้ว

พรรคได้คะแนนอันดับ 2 อันดับ 3 ตั้งรัฐบาล มีให้เห็นทั่วยุโรป

นี่คือเรื่องปกติในการเมืองโลก 

ช็อคมินต์ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ครับ

‘ผู้ช่วยกรณ์’ เปิดข้อกฎหมายเลือกตั้ง เกี่ยวกับคุณสมบัติ สส.ชี้!! หากผู้สมัครไม่ผ่านเกณฑ์ ‘หัวหน้าพรรค’ อาจโดนคุกถึง 5 ปี

‘ผู้ช่วยกรณ์’ เล่าตอนที่นายกรณ์เป็นหัวหน้าพรรค ชพก. ต้องแบกความรับผิดชอบ ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร มีคนอยากลงสมัครหลายคน แต่ไม่ผ่านเกณฑ์คัดสรร ชี้ กฎหมายเลือกตั้งเขียนไว้โหดมาก ‘หัวหน้าพรรค’ อาจโดนคดีได้โดยไม่ต้องมีใครแกล้ง จำคุกถึง 5 ปี

(28 ก.ค. 66) นายพัสณช เหาตะวานิช ผู้ช่วยดำเนินงานนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก หัวข้อ “สิ่งที่ ‘หัวหน้าพรรค’ ต้องแบก!?” โดยมีเนื้อหาดังนี้

เล่าให้ฟังครับ ตอนที่คุณกรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ เรื่องนึงที่ทีมทุกคนต้องระวังมากที่สุดช่วงเลือกตั้งคือ “การตรวจคุณสมบัติผู้สมัคร”

กฎหมายเขียนไว้โหดมาก และผู้รับผิดชอบหนักสุดคนหนึ่งคือ ‘หัวหน้าพรรค’ โดยเฉพาะหากมีการส่งผู้สมัครที่ ‘ขาดคุณสมบัติ’ หรือมี ‘ลักษณะต้องห้าม’ ลงสนามเลือกตั้ง

เชื่อมั้ยครับว่า มีคนอยากลงสมัครกับเราหลายคน ‘ไม่ผ่านเกณฑ์คัดสรร’ เพราะไม่สามารถนำเอกสารราชการมายืนยันคุณสมบัติของตัวเองได้

ตอนนั้นขั้นตอนพื้นฐานในการตรวจสอบคือ
1.) เช็กกับ กกต.ว่า ผู้สมัครทุกคนใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนหน้าครบถ้วนตามเงื่อนไขหรือไม่

2.) เช็คกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีประวัติอาชญากรรม เคยต้องคดีหรือไม่ เคยถูกพิพากษาจำคุกหรือไม่ เคยเข้าไปอยู่ในคุกจริงมั้ย สำคัญสุดคือ ประเภทคดีเป็นคดีอะไร

3.) นอกจากทางกฎหมาย หลายพฤติกรรมเสี่ยงก็ถูกเช็กและประเมินอย่างเป็นระบบเช่นกัน บูโรเป็นยังไง คบคนแบบไหน วุฒิต่างๆ ได้มาจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

จำได้เลยว่า ผู้สมัครหลายคนต้องไปคัดสำเนาคำพิจารณาคดีจากศาลมาเป็นหลักฐานให้กับพรรคว่า ‘คดีสิ้นสุดแล้วจริง’ ถึงจะได้ลง!!

บางเคสจำได้ว่า ต้องรอสมัครวันสุดท้ายเลย เพราะความเข้มข้นของการตรวจสอบขั้นสุด

หัวหน้าทีมกฎหมายของพรรคทำงานหนักมาก เพราะนอกจากตรวจเอกสารแล้ว ยังมีการ ‘สอบปากคำ’ โดยตรงกับผู้สมัครอีกด้วย

คุณกรณ์เอง ช่วงนั้นต้องนั่งฟังการสอบปากคำ เพื่อความรัดกุมที่สุดด้วยแทบทุกรอบ

สิ่งที่ “หัวหน้าพรรค” แบกไว้นั้นหนักหนามากนะครับ
เพราะนี่คือสิ่งที่พรรคการเมืองต้องทำหน้าที่คัดสรรตัวแทนประชาชนที่ดีที่สุดในพื้นที่นั้นๆ มาให้ประชาชนเลือก

และยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าพรรคอาจจะโดนคดีได้โดยไม่ต้องมีใครแกล้งเลย ไม่ว่าจะเป็น..

พรป.พรรคการเมือง ม.56 ม.120
= จำคุกหัวหน้าพรรค 5 ปี

พรป.พรรคการเมือง ม.52 + ม.117
= จำคุก หัวหน้าพรรค + กรรมการบริหารพรรค 6 เดือน

พรป.เลือกตั้ง ส.ส. ม.151
= จำคุกตัวผู้สมัครเอง 1-10 ปี

หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าตรวจคุณสมบัติมาอย่างดี และเข้มงวดแล้วไปเซ็นรับรองให้ใครต่อใครที่มีคุณสมบัติต้องห้าม ให้ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งล่ะก็ น่าจะรอดยาก…

ทั้งนี้ นายนครชัย ขุนณรงค์ สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ได้ประกาศลาออกจาก สส. ภายหลังถูกตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 โดยยอมรับเคยต้องโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ขณะที่ กกต.อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา และมีคำสั่งให้นายนครชัย พ้นจากตำแหน่ง สส. คล้ายกระบวนการของนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กรุงเทพฯ และมีคำสั่งให้ กกต.จัดการเลือกตั้งซ่อม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างต่อไป

‘แม่ลีน่า’ ฟาดแรง!! อ้างถูก ‘สส.ก้าวไกล’ โทรมาด่า ลั่น!! วิจารณ์ทุกยุค ‘โทนี่-ปู-ตู่’ แต่ไม่เคยมีใครทำแบบนี้

(4ส.ค. 66) ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘nangfar_allstar’ ได้โพสต์คลิปของ ‘ลีนา จังจรรจา’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ลีน่าจัง’ นักธุรกิจ ทนายความ และพิธีกรหญิงชาวไทย ที่ได้ออกมาแฉหลังจากที่ตนถูก สส.คนหนึ่งของพรรคก้าวไกลโทรศัพท์มาต่อว่า กรณีที่ตนนั้นได้วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล โดยในคลิปดังกล่าวระบุว่า…

“ปากบอกเป็นประชาธิปไตย แต่พอฉันวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล กลับส่ง สส.โทรมาด่าฉัน ด่าทําไม ฉันมีสิทธิ์วิจารณ์ คุณห้ามฉันไม่ได้หรอก ฉันจะพูดไปจนกว่าฉันจะตาย นอกเสียจากว่าพวกคุณจะสาบสูญไป และไม่ได้ลง สส. ไม่มีพรรคการเมืองอะไรเลย หายสาบสูญไปเลยอย่างนี้ ฉันถึงจะไม่พูด ขนาดคุณทักษิณยังหนีไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ฉันยังพูดถึงเขาทุกวัน คุณยิ่งลักษณ์ฉันก็พูดถึงเขาทุกวัน ทําไมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อคุณลงมาสมัคร คุณก็คือบุคคลสาธารณะ อย่าหลงตัวเอง ฉันไม่แปลกใจหรอกที่เด็กๆ สมัยนี้ จะเนรคุณกันหมด เนรคุณพ่อแม่ ไม่เอาพ่อแม่ ด่าพ่อแม่น่ะ”

“แล้วฉันก็วิพากษ์ วิเคราะห์วทุกสภาฯ ทุกรัฐบาล คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์เป็นรัฐบาล ฉันก็วิเคราะห์ คุณประยุทธ์เป็นรัฐบาล 9 ปี ฉันก็วิเคราะห์ คุณประยุทธ์ไม่เคยส่งคนมาขู่ฉันเลย พรรคพลังประชารัฐไม่เคยส่ง สส.มาด่าฉัน มาขู่ฉันเลย คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐบาลในยุคของคุณอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ฉันก็วิเคราะห์ เพราะฉันทําหน้าที่วิเคราะห์ข่าว ทำอาชีพนี้ของฉันมาตั้งแต่คุณประยุทธ์ปิดสถานีดาวเทียมของคุณเมื่อปี 2557 ทํามาจนถึงจนถึงทุกวันนี้ 9 ปีแล้ว”

“พรรคการเมืองใหญ่โตระดับไหนฉันก็วิเคราะห์หมด ฉันพูดหมด ไม่เคยมีใครมาขู่ฉันเลย… คุณใหญ่โตมาจากไหน?” ลีน่าจัง กล่าวทิ้งท้าย

‘วันนอร์’ จ่อนัดเคลียร์ปัญหา จัดสรรอาหาร สส.ใหม่ ชี้!! ต้องยึดหลักความเหมาะสม และไม่ฟุ่มเฟือย

(8 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีสส.นำอาหารที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดให้ระหว่างการประชุมสภาฯ ไปรับประทานนอกสถานที่ ว่า เบื้องต้นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รายงานเรื่องดังกล่าวมาที่ตนเอง ซึ่งคาดว่าภายหลังจากรัฐสภาพิจารณานโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเสร็จ จะหารือกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการต่อไป ส่วนแนวทางเกี่ยวกับการบริการอาหารให้กับสส.นั้น ส่วนตัวคิดว่าจะต้องยึดหลักความเหมาะสม และไม่ฟุ่มเฟือย พร้อมทั้งต้องให้สส.ได้รับการบริการที่ดีด้วย แต่ในอนาตจะมีการปรับลดงบประมาณในเรื่องนี้หรือไม่ คงต้องพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับรองประธานสภาฯ ทั้งสองคนอีกครั้ง

ถามว่าที่ผ่านมาการจัดสรรอาหารให้กับสส.ระหว่างประชุมสภาฯ ปรากฏว่ามีปริมาณอาหารเหลือเป็นจำนวนมาก ทางสภาฯ จะมีแนวทางการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีปริมาณอาหารเหลือ แต่ในทางปฏิบัติที่ต้องเข้าใจว่าบางครั้งมีจำนวนสส.มาประชุมมาก หรือบางครั้งก็มีสส.เดินทางกลับไปก่อน ดังนั้น การจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต้องร่วมหารือกันทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความสมดุล

“อาหารเตรียมไว้มากไปก็ไม่ดี หรือเตรียมอาหารไว้พอดี ถ้าเลิกประชุมเร็วก็ทำให้มีอาหารเหลือบ้าง จึงต้องมีมาตรการที่ทำให้เกิดความสมดุลให้ได้” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพสส.นำอาหารของสภาฯ กลับไปรับประทานนอกอาคารรัฐสภา พร้อมกับมีการตอบโต้เป็นอาหารที่เหลือหลังจากการประชุมสภาฯเสร็จแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า กรณีถ้ามีอาหารของสภาฯเหลือ เลขาธิการสภาฯแจ้งให้ทราบเบื้องต้นว่าจะนำไปบริจาคในทางสาธารณกุศล เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก เป็นต้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top