Tuesday, 21 May 2024
สมชายแสวงการ

'สว.สมชาย' ชี้!! อนาคต 'พิธา-ก้าวไกล' มีแค่ 'ยุบพรรค-ตัดสิทธิการเมือง'

(1 ก.พ.67) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘สถานีต่อไปของพิธาและก้าวไกล ยื่น กกต.ยุบพรรค ยื่น ป.ป.ช.เอาผิดจริยธรรม ตัดสิทธิการเมือง’ ระบุว่า

หลังจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 31 ม.ค.2567 วินิจฉัยชี้ชัดเจนว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์และเจตนายกเลิกมาตรา 112 และอื่นๆ ถือเป็นกระทำการในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สั่งการให้ยกเลิกการกระทำทันทีและทั้งหมดในอนาคตต่อไปด้วยแล้ว

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นผู้ร้องและผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีความทางกฎหมายต่อไปทันที อย่างน้อยทั้ง 2 ช่องทาง ดังนี้

ช่องทางที่ 1.ผู้ร้องดำเนินการยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.เพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคต่อไป ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นความปรากฏเองแล้ว ตามมาตรา 93 เสนอต่อ กกต.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้ทันที

ช่องทางที่ 2.ผู้ร้องดำเนินการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.กล่าวหา 44 สส.ที่ลงชื่อเสนอร่างแก้ไข มาตรา112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เพื่อขอให้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ส่งศาลฎีกานักการเมือง เพื่อพิพากษาว่า ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. มาตรา 87 ประกอบ มาตรา 81 ที่ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นว่า ผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมือง…ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย…

มาตรา 81 ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองประทับฟ้อง ตามมาตรา 77 ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคําพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น

ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคําพิพากษานั้น พ้นจากตําแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้

ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดํารงตําแหน่งทางการเมืองใด ๆ

‘สว.สมชาย‘ หนุน ‘ปู’ กลับสู่ ‘ไทย-กระบวนการยุติธรรม’ แต่อย่าทำซ้ำรอย ‘พี่ชาย’ ไม่เช่นนั้น เกิดวิกฤติศรัทธาแน่

(5 มี.ค. 67) ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะได้กลับประเทศ ตามรอยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ปัญหาคือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีคดีที่ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ประเด็นคือจะใช้เกณฑ์ไหน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเห็นด้วยกับนักโทษที่หลบหนีคดีแล้วศาลตัดสิน โดยเฉพาะส่วนใหญ่ที่เป็นนักการเมืองทึ่เกี่ยวกับคดีทุจริต เมื่อจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินแล้ว ก็กลับมาได้ 

นายสมชาย กล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนไทย ก็สามารถกลับเข้าประเทศได้ตลอดเวลา เพียงแต่เมื่อกลับเข้ามาแล้ว ก็ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ก็ต้องรับโทษ เว้นแต่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งตนคิดว่าเกณฑ์เรื่องการพักโทษ ก็ยังมีข้อสงสัยและข้อครหา ที่กำลังตรวจสอบกันอยู่ เกี่ยวกับการพักโทษของนายทักษิณ ว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ 

นายสมชาย กล่าวอีกว่า เกณฑ์อายุ 70 ปีนั้น นายทักษิณเข้าเกณฑ์แน่นอน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ อายุยังไม่ถึง 60 ปีเลย และการพักโทษก็ต้องรวมถึงการเป็นโรคเรื้อรังที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย ซึ่งจะมีข้อคำถามว่า การประเมินนั้น จะอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ หากดูจากการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่นอกประเทศ ก็ยังแข็งแรงอยู่ เหมือนกับนายทักษิณชกมวยอยู่นอกประเทศ

“วันก่อนยังเห็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปชิมอาหารอยู่สิงคโปร์ ยังร่าเริงอยู่ ก็ยังถือว่าไม่เข้าเงื่อนไขการขอพักโทษ ดังนั้น หากน.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศ ก็ต้องทำใจไว้ในการเข้ารับโทษในเรือนจำ ผมคิดว่าคนไทยเห็นแล้วว่า กระบวนการท้ายน้ำของระบบยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์มีปัญหา เพราะฉะนั้น ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าประเทศมาแล้วไม่รับกระบวนการยุติธรรมแต่ทำซ้ำไปอยู่ชั้น 14 โดยอ้างว่าป่วย เพื่อที่จะพักโทษอีก ผมคิดว่าวิกฤติศรัทธา กระบวนการยุติธรรมจะเยอะขึ้น” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตนสนับสนุนให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับประเทศ แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนเมื่อเข้าเรือนจำแล้ว จะทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อลดโทษ หรืออะไรก็ตาม จะเข้าเรือนจำแล้วอยู่กี่เดือนกี่วัน เลื่อนจากนักโทษชั้นกลาง เป็นชั้นดี ชั้นเยี่ยม ชั้นดีเยี่ยม แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษ ในปีถัดๆ ไป ตนคิดว่า ก็เหมือนนักโทษทั่วๆ ไปกว่า 210,000 คน ที่ยังค้างอยู่ในเรือนจำ คิดว่าสังคมรับได้ แต่ถ้ามาวิธีพิเศษเหาะเหินเดินอากาศ เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมก็จะวิกฤตซ้ำ 

เมื่อถามว่าเมื่ออ่านเกมแล้ว คิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศหรือไม่นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่รู้ แต่มีคนพยายามจะสร้างเงื่อนไขศรีธนญชัยทางกฎหมาย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ข้อกฎหมาย ปัญหาอยู่ที่เราเลือกใช้ วิธีลอดช่องกฎหมาย ซึ่งวันหน้าคนที่เอื้ออำนวยน่าจะได้รับผลทางกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค สว. ได้เชิญตัวแทนจากคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้ จะมีผลในวันหน้าต่อการประพฤติปฏิบัติมิชอบของฝ่ายข้าราชการ ซึ่งจะเป็นบทเรียนให้กับข้าราชการ เพราะคนที่ได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณหรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในอนาคตหากกลับประเทศ เขาคงไม่มารับผิดชอบต่อข้าราชการประจำ ดังนั้น ข้าราชการประจำก็ต้องรับไป

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ยกตัวอย่างคดีของนายวรยุทธ หรือบอส กระทิงแดง ผ่านมา 10 ปีแล้ว ก็ยังดำเนินการฟ้องผู้เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลืออยู่ เพราะฉะนั้นการให้ความช่วยเหลือกับนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อให้ข้าราชการเกษียณอายุไปแล้ว ก็หนีอาญาแผ่นดินไม่ได้ ถ้ามีข้อมูลเพียงพอที่จะชี้ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เวชระเบียน หรือไทม์ไลน์ต่างๆ ข้อเท็จจริงปรากฏไม่เปลี่ยน 

“คนที่คิดว่าลอดช่องกฎหมายได้ ติดคุกมานักต่อนักแล้ว มีคดีที่ข้าราชการติดคุกแทนนักการเมืองก็มาก เห็นชัดเจนคือกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวกับคดีจำนำข้าว ทั้งข้าราชการ กระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต ใครอยากได้ตำแหน่ง แล้วไปอาสาทำ ก็ต้องรับความชอบในวันนี้ และความผิดในวันหน้า ซึ่งจะเป็นบทเรียนของการบิดเบี้ยวกฎหมาย“ นายสมชาย กล่าว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top