Wednesday, 8 May 2024
ลาออก

‘นายกฯ เนเธอร์แลนด์’ ประกาศยุบสภาฯ-ลาออกสายฟ้าแลบ หลังปัญหา ‘ผู้ลี้ภัย’ ล้นทะลัก ทำระบบสวัสดิการประเทศพัง

(9 ก.ค. 66) ปัญหาผู้ลี้ภัยในยุโรปพ่นพิษ ทำนายกฯ เนเธอร์แลนด์ต้องยุบสภาฯ ลาออก

ปัญหาการหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยในยุโรปกำลังกัดเซาะความแข็งแกร่งของรัฐบาล ในประชาคมยุโรปไปเรื่อยๆ เหมือนระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ แต่ที่เนเธอร์แลนด์ ดูเหมือนจะปะทุก่อนใคร จนเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรี 3 สมัย อย่าง ‘มาร์ค รัทเทอ’ ต้องประกาศยุบสภาฯ และลาออกฟ้าผ่า

สาเหตุเกิดจากความแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่คัดค้านนโยบายจำกัดผู้อพยพต่อปี เพราะปัญหาผู้ลี้ภัยล้นทะลัก ที่รอเข้าประเทศหลายล้านคน ส่วนใหญ่ลี้ภัยจากแอฟริกาเหนือและชาวยูเครน

โดย มาร์ค รัทเทอ มองว่าถ้าไม่ตั้งโควตารับผู้อพยพต่อปี เนเธอร์แลนด์อาจต้องรับผู้ลี้ภัยถึงหลักสิบล้านคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่อาจส่งผลเสียต่อระบบสวัสดิการสังคมในประเทศ

แต่เมื่อ 2 ใน 4 ของพรรคร่วมรัฐบาลคัดค้านนโยบายนี้ มาร์ค รัทเทอ จึงต้องยุบสภาฯ ขอลาออก เพื่อเลือกตั้งใหม่

และความขัดแย้งในเรื่องนโยบายผู้อพยพ กำลังเป็นปัญหาในหลายประเทศในยุโรป ที่อาจส่งผลให้เกิดการพลิกขั้วของรัฐบาล อย่างเช่นในอิตาลีมาแล้ว

‘บิ๊กป้อม’ ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ล้างไพ่คณะกรรมการบริหาร แล้วเป็นหัวหน้าใหม่

(29 ก.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐประจำปี ครั้งที่ 3/256 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคพ้นทั้งคณะ และจะเลือกหัวหน้าพรรคและกรรรมการบริหารพรรคต่อไป และยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร จะไม่ทิ้งพรรคและจะดูแลพวกเราตลอดไป

นายไพบูลย์ กล่าวว่า บัดนี้จะมีเลือกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมเสนอ พล.อ.ประวิตร กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

‘เต้น ณัฐวุฒิ’ ประกาศยุติบทบาท ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลัง ‘เพื่อไทย’ ดึงพรรค 2 ลุงร่วมจัดตั้งรัฐบาล

(21 ส.ค. 66) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ ‘คุยนอกจอ’ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา หลังจากโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งระบุ ว่า “ข้าพเจ้าเพียงรอเวลา และเวลาของข้าพเจ้า มาถึงแล้ว”

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนยุติบทบาทผู้อำนวยการครัวเพื่อไทย (พท.) เรื่องนี้ได้บอกกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม เมื่อสถานการณ์อาจจะมีแนวโน้มว่าจะมีการจับมือกับพรรคการเมืองบางพรรค ที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล ด้วยความเข้าใจ พท. ไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้มีอะไรขัดข้องหมองใจกัน ตนได้บอกผู้หลักผู้ใหญ่ภายในวันนั้นว่า ถ้ามันถึงจุดนั้น ตนก็คงจะอยู่ในพรรคไม่ได้ แล้วเหตุการณ์ก็เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ตนได้ติดต่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. ว่าจะอยู่ในพรรค หรืออยู่ในกระบวนการของรัฐบาลไม่ได้ นอกจากนี้ ได้บอก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บอกผู้หลักผู้ใหญ่ บอกทุกคนในพรรค

“ผมได้โทรเรียนท่านนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร) ด้วย เพราะว่าท่านเป็นคนที่ผมเคารพนับถือ และท่านเป็นคนที่ก่อตั้งพรรคการเมืองนี้ พร้อมกับเรียนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ด้วย ก็บอกทุกคนไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน เพียงแต่ผมรอเวลาให้พรรคการเมืองที่ผมรัก ให้บุคคลการเมืองที่ผมรัก เดินมาอยู่ในจุดที่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้กำลังยากลำบากนัก อย่างน้อยที่สุด กำลังเดินไปสู่การโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมได้ถามคนสำคัญในพรรค ก็ได้รับการยืนยันว่านายเศรษฐาผ่านการโหวตเป็นนายกฯ แน่ ๆ นายเศรษฐาปลอดภัยแล้ว ผมไม่เคยเดินออกมาจากใครในวันที่เขาลำบาก รอจนกว่าทุกอย่างเดินไปข้างหน้า ผมจึงมาส่งตรงนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายสรยุทธถามว่า ไม่ใช่ละครใช่หรือไม่ ทำทีจากไป แต่จริง ๆ ก็ยังอยู่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ครับ ผมเป็นผมครับ นักเลงเขาไม่ทำกันแบบนั้น”

นายสรยุทธถามอีกว่า ตัดขาด? นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “อย่าใช้คำนั้น ใช้คำว่ายุติบทบาท แล้วไม่ร่วมกิจกรรมกับพรรค และรัฐบาล และไม่ได้เกี่ยวข้องแล้ว”

นายสรยุทธถามว่า เป็นผลจาก พท. ตั้งรัฐบาล โดยร่วม 2 ลุง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ครับ เหตุผลนั้น เป็นเหตุผลสำคัญ ผมไม่ได้ปฏิปักษ์ส่วนตัวกับนักการเมืองคนไหนใน 2 พรรคนั้นนะ แม้ว่าจะยืนคนละข้างทางการเมือง ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นศัตรู เข้าใจ และเห็นใจ พท. อย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ที่มันเป็น เพียงแต่ว่าวิถีการเมืองแบบผม เมื่อได้ประกาศประชาชน และแสดงจุดยืนเช่นนั้นมาตลอด ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ยืนยันมา”

“การตัดสินใจยุติบทบาทของผม มันก็เป็นเรื่องมีรอยในใจ ที่นี่เป็นบ้านผม ผมเกิดที่นี่ ผมโตที่นี่ ผมสู้ที่นี่ แล้วคนในบ้านที่น้องผมนั้น แต่ว่าถึงเวลามันต้องตัดสินใจ” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายสรยุทธถามอีกว่า ตัดสินใจยากหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ยาก ไม่ได้ยากที่ห่วงยศศักดิ์ ตำแหน่ง ไม่ได้มีอยู่แล้ว ตอนผมเข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พรรคพวกเพื่อนฝูง บอกว่าให้เอาเมีย หาญาติพี่น้องไปลงบัญชีรายชื่อ ในลำดับที่ปลอดภัย ผมบอกว่าไม่ใช่ผม ผมเป็นนักการเมือง แต่เมีย ลูก และญาติพี่น้องผมไม่ใช่ ก็ไม่มี จะตั้งรัฐบาล ไม่ต่อรองเรียกร้องอะไรให้ตัวเองก็ไม่มี เดินออกมามือเปล่า”

“ความยากที่เดินออกมา คือความผูกพัน ความรัก ความปรารถนาดี มันยาก แต่ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ผมไม่มีทางที่ผมจะทำให้พรรคนี้เกิดความเสียหาย ไม่มีทางที่ออกมาแล้วเขวี้ยงก้อนหินใส่หลังคาบ้าน ไม่มี”

นายสรยุทธถามว่า ทั้งที่ไม่เห็นด้วย แล้วทำไมไม่ต่อว่า นายณัฐวุฒิกล่าวว่า “ไม่เห็นด้วย แต่อย่าทำเลย คนต่อว่า พท. เยอะแล้ว อย่าให้มันออกจากปากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเลย มันไม่ใช่ผม”

'บิ๊กป้อม' เผย เตรียมลาออก สส.พปชร. เร็วๆ นี้ ลั่น!! เป็น หน.พรรคอย่างเดียว ไม่เล่นการเมืองแล้ว

(31 ส.ค.66) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ว่า "ห้ามถามการเมืองนะ ไม่เล่นการเมืองแล้ว เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียว ไม่ได้เล่นการเมือง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวแล้วในตำแหน่ง สส. บัญชีรายชื่อจะอย่างไร? พล.อ.ประวิตร กล่าวทันทีว่า "เดี๋ยวก็จะลาออก คนอื่นก็ทำไป" เมื่อถามถึงความชัดเจนว่าจะลาออกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า จะยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอย่างเดียวใช่หรือไม่? พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช่ อย่างเดียว"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพล.อ.ประวิตร ลาออกจากสส. บัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะขยับขึ้นมาเป็นสส.แทน คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ที่มีชื่อเป็น รมช.สาธารณสุข

สำหรับบรรยากาศในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวอวยพรสื่อ อย่างอารมณ์ดี "โอเคนะ โชคดีนะทุกคน โชคดีจ๊ะ" จากนั้นเดินทางเข้าห้องรับรอง และเมื่อออกจากห้องได้กวักมือเรียกสื่อผู้สื่อข่าว ให้มาถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเสริมกับสื่อมวลชนอีกด้วยว่า "ตนยังมีพลังการทำงานในด้านกีฬา ส่วนการเมืองขอให้เป็นหน้าที่คนอื่น ทำมาเยอะแล้ว"

เมื่อถามย้ำว่าทำมาเยอะแล้วและอยากทำต่อหรือไม่? (ก่อนผู้สื่อข่าวจะแซวว่า ทำอยู่ ทำต่อ) พล.อ.ประวิตร จึงถามกลับว่า "ทำอยู่ ทำต่อ หมายความว่าอย่างไร" ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า หมายถึงทำให้ประเทศ พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวว่า "ผมทำมาเยอะแล้ว ผมทำให้พรรคบ้าง"

‘พิธา’ ประกาศลาออกตำแหน่ง ‘หัวหน้าพรรคก้าวไกล’ เปิดทางเลือก หน.พรรคคนใหม่ ทำหน้าที่ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’

(15 ก.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์แจ้งสมาชิกพรรคและประชาชน โดยระบุว่า แม้วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคก้าวไกลต้องเดินหน้าสู่การทำงานเพื่อประชาชนในฐานะ ‘ฝ่ายค้าน’ ที่มีเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จำเป็นต้องเป็น สส. ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านอันดับ 1

ปัจจุบันผมยังอยู่ภายใต้คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ผมจึงยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษราษฎร และไม่สามารถจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ได้ในระยะเวลาอันใกล้

ขณะเดียวกัน ผมได้หารือกับคณะกรรมการบริหารและ สส. ของพรรคก้าวไกลแล้วเห็นว่า บทบาท ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบรัฐสภา และสมควรเป็นบทบาทที่รับผิดชอบโดยหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาฯ ซึ่งตอนนี้คือพรรคก้าวไกล ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จะเปรียบเสมือนหัวเรือที่กำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลและผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ยังตกหล่นจากนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ณ ขณะนี้ เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. ที่สามารถทำหน้าที่ ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ ในสภาฯ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนที่ผม

ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่า ไม่ว่าสถานะของผมจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้หายไปไหน แต่จะยังคงทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลและพี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังและสุดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่เราปรารถนาร่วมกัน

แล้วในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ผมขอเชิญสมาชิกพรรคก้าวไกลมาพบกันอีกครั้ง ในงาน ‘ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน’ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 เขตดินแดง กรุงเทพฯ เพื่อมุ่งหน้าสู่การสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งของพวกเราไปด้วยกัน

‘มัลลิกา’ ประกาศลาออก ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ขอไปใช้ชีวิตส่วนตัว-ดูแลมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน

(21 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ช่วงการจัดรายการไลฟ์สดในติ๊กต็อก tiktok live ช่องทางของ Account ชื่อว่า mallikaboon ในตอนหนึ่งนั้น นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเว้นวรรคทางการเมือง โดยให้เหตุผลในการไปใช้ชีวิตส่วนตัว

ขณะเดียวกันยังคงดำรงพื้นที่สาธารณะไว้เพียงช่องทางสื่อสารใน Account แพลตฟอร์ม TikTok ในชื่อว่า mallikaboon จัดเป็นรูปแบบรายการวาไรตี้ทอล์กโชว์ประจำทุกค่ำคืน และมีผู้ติดตาม 1.18 แสนคน และ 1.5 ล้านวิวในโปรไฟล์ โดยนางมัลลิกา มีจัดรายการถ่ายทอดสดเกือบทุกคืนหลังเวลา 20.00 น.ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ของการจัดรายการตามความถนัดและมีผู้ติดตามประจำจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการลาออก นางมัลลิกา กล่าวว่า กำลังให้คนเอาหนังสือลาออกไปยื่นที่สำนักงานพรรค และเหตุผลคืออยากเว้นวรรคทางการเมือง และไปใช้ชีวิตส่วนตัว นอกจากนั้น ยังมีหน้าที่ประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน www.mallikafoundation.net ที่ทำประโยชน์ต่อสาธารณะในภาคประชาชนที่จะต้องขับเคลื่อนองค์กรและวางแผนงานกิจกรรมประจำปีโดยอิสระ อย่างไรก็ตาม นางมัลลิกา ระบุว่า เวลาขณะนี้ตกผลึกทางความคิดแล้ว และต้องการใช้ชีวิตส่วนตัวกับครอบครัวให้มากที่สุดในช่วงเวลานี้

‘คัตโตะ’ ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งใน ‘SLM’ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ

(22 ม.ค.67) บริษัท เอส แอล เอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SLM แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า บริษัทได้รับหนังสือแจ้งความประสงค์ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และกรรมการบริหาร ของนายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล เนื่องจากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจากเหตุการณ์ที่นายอารมณ์ได้รับการกล่าวโทษจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ในเรื่องการเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 26 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดยให้การลาออกมีผลตั้งแต่ วันที่ 12 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. รายงานว่า ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษบริษัท Bybit Fintech Limited นายอารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล (คัตโตะ วงลิปตา) และนายณธัช คลังเปรมจิตต์ ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)

ในความผิดกรณี Bybit กระทำการเข้าข่ายการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561

โดย ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 บริษัท Bybit Fintech Limited เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ Bybit.com (https://www.bybit.com) ได้ให้บริการจัดระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.1 ของมูลค่าธุรกรรมที่ลูกค้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และมีการชักชวนและประชาสัมพันธ์เป็นภาษาไทย ให้มาใช้บริการของ Bybit ผ่านเว็บไซต์ Bybit เพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘Bybit Thai’ Telegram ชื่อ ‘Bybit ประกาศภาษาไทย’ และ Instagram ชื่อ “bybitthailand”

รวมทั้งปรากฏว่า Bybit ได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การให้บริการและกิจกรรมส่งเสริมการขายจากนายอารมณ์และนายณธัชผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของบุคคลทั้งสอง ได้แก่ เพจเฟซบุ๊กและ Youtube ชื่อ ‘ไม่มี Moon หมาไม่ซื้อ’ และ Line Open Chat ชื่อ ‘Stop Loss Club’ อันทำให้ Bybit เป็นที่รู้จักและมีบุคคลสนใจไปใช้บริการ Bybit มากขึ้น

การกระทำของ Bybit เข้าข่ายประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ซึ่ง Bybit ดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ

สำหรับการกระทำของนายอารมณ์และนายณธัช เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน Bybit ในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 26 อันมีความผิดและระวางโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษ Bybit นายอารมณ์ และนายณธัช ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

อาจารย์เซนต์คาเบรียล ประกาศลาออก ไปเป็นครูอาสา ขอเดินหน้า ทำตามฝัน สอนเด็กด้อยโอกาส ตามต่างจังหวัด

(6 เม.ย.67) ผู้ใช้ TIKTOK ที่ชื่อว่า ‘topaanon’ ได้โพสต์คลิป ขอลาออกจากการเป็นอาจารย์ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ไปทำตามความฝัน เป็นครูอาสา โดยได้ระบุว่า ...

สวัสดีครับ ผมมาสเตอร์ท็อปนะครับ วันนี้ผมมีข่าวจะแจ้งให้ทุกท่านทราบ ผมได้ลาออกจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล แล้วนะครับซึ่งเหตุผลก็คือ ผมอยากออกไปทำตามความฝันที่ผมวางเอาไว้ ผมคิดไว้ตั้งนานแต่ยังไม่มีโอกาสและความกล้าที่จะทำ ความฝันของผมก็คือออกไปสอนเด็กตามพื้นที่ต่าง ๆ อารมณ์เหมือนครูอาสา ผมคิดมาเสมอว่ายังมีเด็กอีกมากมายที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าถึงการศึกษา 

ผมอยากจะไปสร้างแรงบันดาลใจให้เขา ได้รับรู้ว่าการเรียนหนังสือนั้นมันไม่ได้น่าเบื่อ มันสนุกแล้วก็มีความสุขได้อย่างที่ผมนั้นได้ทำมาโดยตลอด ผมอยากให้เขารู้ว่าการศึกษานั้นมีความสำคัญ โดยผมนั้นก็เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมาก ๆ เลย แต่ที่มีชีวิตดีได้ก็เพราะการศึกษา ผมขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้กำลังใจผม ทำให้ผมได้กล้าออกไปทำตามความฝัน บางคนก็ comment ว่าอยากให้ลูกได้เรียนกับผมจังเลย อยากให้เด็ก ๆ ตามต่างจังหวัดได้เจอกับผมจังเลย ซึ่งทุก ๆ ความคิดเห็นก็เป็นกำลังใจให้ผม ผมขอขอบคุณทุก ๆ ท่านมากเลยครับ

การลาออกของผมในครั้งนี้ผมรู้สึกใจหายและก็ลำบากใจมากเลย เพราะผมทำงานที่นี่มา 10 ปีที่นี่เป็นโรงเรียนแรกของผมเลย ผมผูกพันกับที่นี่มาก ที่นี่เป็นโรงเรียนที่ให้โอกาสผมได้สอนในแบบที่ผมเป็น และทำให้ผมได้มีความสุขในการสอนหนังสืออย่างมาก แต่ตอนนี้ผมขอออกไปทำตามความฝันของผมก่อน เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำตอนไหนอีกแล้วครับ

‘หมอดื้อ’ ประกาศลาออก จาก ‘หน.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่’ ชี้ ลดความกังวลขององค์กร ปมวิจารณ์เรื่อง ‘วัคซีน-ไวรัสตัดต่อพันธุกรรม’

(26 เม.ย.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha โดยระบุว่า…

เรียนทุกท่านครับ

เนื่องจากมีความกังวลจากองค์กร ว่าหมอเอง ทางสังคมมีการใช้ชื่อขององค์กรในการให้ความเห็นเรื่องของวัคซีน / เรื่องของไวรัสตัดต่อพันธุกรรม และเรื่องอื่น ๆ

ดังนั้น หมอได้ ลาออกจากหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ แล้วครับ ในวันที่ 25/4
และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและผู้เชี่ยวชาญทางระบบประสาท ในฐานะกลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ที่เห็นชีวิตของประชาชนเป็นที่ตั้ง

(ยังคงเป็นอาจารย์พิเศษสาขาประสาทวิทยา โดยไม่รับค่าตอบแทน)

ซึ่งทางด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

หมอธีระวัฒน์ลาออกจาก ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่เพื่อชัยชนะทาง ‘อิสรภาพ’ ในการ ‘พูดความจริง’ เดินหน้าต่อร่วมจัดเสวนา ‘อันตรายจากวัคซีนโควิด-19 ร้ายแรงกว่าที่คิด’ หอศิลป์กรุงเทพ 3 พ.ค.นี้

ตามที่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ด้วยเหตุผลว่า

‘เนื่องจากมีความกังวลจากองค์กร ว่าหมอเอง ทางสังคมมีการใช้ชื่อขององค์กรในการให้ความเห็นเรื่องของวัคซีน /เรื่องของไวรัสตัดต่อพันธุกรรม และเรื่องอื่น ๆ’

ขอให้กำลังใจแด่ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ได้มีความกล้าหาญและเสียสละในการตัดสินใจครั้งนี้

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เป็นความพ่ายแพ้ หากแต่เป็นชัยชนะในการประกาศอิสรภาพเพื่อพูดความจริงให้ได้ตรงประเด็นได้มากยิ่งขึ้น ในฐานะ ‘ศาสตราจารย์นายแพทย์’ ผู้เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและผู้เชี่ยวชาญทางระบบประสาท

และในฐานะ ‘กลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ที่เห็นชีวิตของประชาชนเป็นที่ตั้ง’ และการลาออกครั้งนี้ไม่ได้ทำให้การทำหน้าที่ของศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาหายไป เพราะวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จะยังคงเดินหน้าและเคียงข้างในการนำเสนอความจริงและทางออกให้กับประเทศ ร่วมกับศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ต่อไป

ดังนั้น การจัดกิจกรรมระหว่างศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา กับวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตจะยังคงเดินหน้าต่อไปในทางวิชาการเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยความจริงที่เข้มข้นกว่าเดิม

ดังนั้น จึงจะขอแจ้งตัดชื่อหรือโลโก้ในภาพการประชาสัมพันธ์ ที่เกี่ยวข้องกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โดยได้นำแถบดำมาปิดโลโก้ทั้งหมดด้านล่างเอาไว้แล้ว สำหรับการจัดเสวนาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 นี้ คงเหลือแต่ ‘วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต’ เท่านั้น ที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานนี้เอง

ดังนั้น ช่วยกันแชร์ และขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมเสวนาครั้งที่ 2 ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ วันที่ 3 พ.ค. เปิดข้อมูลและความจริงชัดเจนยิ่งขึ้น ในหัวข้อ ‘อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด’

โดย วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต จัดคลินิกแพทย์เคลื่อนที่ และการเสวนา ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ ‘อันตรายจากวัคซีนโควิด-19 ร้ายแรงกว่าที่คิด’ ในวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน และในงานพบกับ…

10.00 น.-13.00 น. หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดให้คำปรึกษาและรักษาเบื้องต้น ภาวะลองโควิด และผลกระทบจากวัคซีน โควิด-19 ด้วยการบูรณาการ ศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน และธรรมชาติบำบัดฟรี

13.00 น.-17.00 น. งานเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ ‘อันตรายจากวัคซีนโควิด-19 ร้ายแรงกว่าที่คิด’ โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและผู้เชี่ยวชาญทางระบบประสาท, นายแพทย์ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์, อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้เข้าร่วมเสวนาอีกหลายท่าน

จึงขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชน ผู้ป่วย และพี่น้องประชาชนที่สนใจหรือต้องการให้กำลังใจ หรือแบ่งปันข้อมูล เข้าร่วมงานในวันและเวลาดังกล่าว

‘ปานปรีย์’ ยื่นจดหมายถึงนายกฯ ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ร่อนหนังสือถึงนายกฯ ขอลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ และทุกตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ท่านอื่นมาทำหน้าที่แทน โดยเชื่อว่า การปรับออกจากรองนายกฯ ไม่เกี่ยวการไม่มีผลงานอย่างแน่นอน โดยในหนังสือดังกล่าว ระบุข้อความว่า…

“๒๘ เมษายน ๒๕๖๗

ขอลาออกจากตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

กราบเรียน นายกรัฐมนตรี

ตามที่มีการปรับคณะรัฐมนตรีบางตําแหน่ง และปรากฏว่าผมยังคงดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่เพียงตําแหน่งเดียวนั้น

ผมมีความประสงค์จะขอลาออกจากตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และทุกตําแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗ เพื่อเปิดทางให้ท่านอื่นเข้ามาดํารงตําแหน่งแทน

สาเหตุของการปรับผมออกจากรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ผมเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับผมไม่มีผลงานแน่นอน เพราะผมทุ่มเทการทํางานด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และตั้งใจทําหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ มีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนมากขึ้น ตามที่รัฐบาลได้แถลงผลงานไปแล้ว จนสามารถตอบสนองต่อนโยบายการทูต เศรษฐกิจเชิงรุกอย่างเด่นชัด 

วันนี้ไทยหวนกลับมาขึ้นบนจอเรดาร์ของโลก มีมิตรประเทศเพิ่มขึ้น และมีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทยมากขึ้น นอกจากนั้น การให้ความสําคัญกับคนไทยในต่างประเทศ ผมยังไปเจรจาด้วยตัวเอง เพื่อนําคนไทยผู้ถูกจับเป็นตัวประกันในอิสราเอลกลับไทยได้ถึง ๒๓ คน แรงงานไทย ๘,๐๐๐ คน และจากเล่าก์ก่ายในเมียนมาอีก ๑,๐๐๐ คน เปิดวีซ่าฟรีกับหลายประเทศ เพื่อคนไทยมีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา ฟื้นความสัมพันธ์กับอาเซียน สหภาพอียู อินเดีย และประเทศมหาอํานาจ ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน จนเกิดการเจรจาลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในประเทศไทยอีกด้วย

สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าการปรับคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จะช่วยให้การบริหารราชการแผ่นดิน มีประสิทธิภาพมากขึ้น โปร่งใส และรักษาผลประโยชน์ของชาติต่อไป

ช่วงเวลาหนึ่ง ขอขอบพระคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้โอกาสผมได้ทํางานกับรัฐบาลนี้มา

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

(นายปานปรีย์ พหิทธานุกร)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top