Monday, 29 April 2024
ยูโร2020

มานูเอล โลคาเตลลี เหมาคนเดียว 2 ประตู และชิโร่ อิมโมบิเล่ ซัดปิดกล่อง พา อิตาลี เชือดนิ่ม สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เก็บชัย 2 นัดรวด คว้า 6 แต้มเต็ม การันตีเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นทีมแรกแน่นอนแล้ว

มานูเอล โลคาเตลลี เหมาคนเดียว 2 ประตู และชิโร่ อิมโมบิเล่ ซัดปิดกล่อง พา อิตาลี เชือดนิ่ม สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เก็บชัย 2 นัดรวด คว้า 6 แต้มเต็ม การันตีเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นทีมแรกแน่นอนแล้ว

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คู่ที่สาม เป็นเกมการแข่งขันในกลุ่ม A อิตาลี หนึ่งในเจ้าภาพร่วม เปิดสตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม พบกับ สวิตเซอร์แลนด์

เกมที่แล้ว อิตาลี โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม มีแนวรุกที่เฉียบคม ไล่ต้อนตุรกี มา 3-0 ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ โดนตีเจ๊า ทำได้แค่เสมอกับ เวลส์ 1-1

โรแบร์โต มันชินี กุนซืออิตาลี ยึดผู้เล่น 11 คนแรกแทบจะเหมือนในเกมก่อน เปลี่ยนแปลงแค่ตำแหน่งแบ็คขวา ส่ง จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ่ เล่นแทนอเลสซานโดร ฟลอเรนซี ส่วนคนอื่นๆ นำทัพมาโดย ชิโร่ อิมโมบิเล่, โดเมนิโก แบราร์ดี, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่

ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ของกุนซือวลาดิเมียร์ เปตโควิช เกมนี้ใช้ผู้เล่น 11 คนแรกเป็นชุดเดียวกับเกมที่แล้ว นำโดย 2 กองหน้า อย่าง แฮริส เซเฟโรวิช กับบรีล เอ็มโบโล่ โดยมี กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรูเลอร์ คุมเกมแดนกลาง และใช้ เซอร์ดาน ชากิรี เป็นจอมทัพ

ครึ่งแรกเป็นอิตาลี ที่ทำได้ดีกว่า เป็นฝ่ายที่ครองบอลเหนือกว่า มีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า และในนาทีที่ 26 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โดเมนิโก แบราร์ดี ลากเลื้อยเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตบเข้ากลางให้ มานูเอล โลคาเตลลี วิ่งมาแปบริเวณกรอบ 6 หลาเข้าไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังในนาทีที่ 52 อิตาลี มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากจังหวะที่ นิโคโล่ บาร์เรลล่า จ่ายให้ มานูเอล โลคาเตลลี ซัดไกลบริเวณหัวกะโหลก บอลพุ่งแรงเสียบมุมเสาสองอย่างสวยงาม

นาทีที่ 88 อิตาลี มาได้ประตูตอกฝาโลง 3-0 จากจังหวะที่ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ศูนย์หน้าตัวเก่ง ซัดไกลหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งกระดอนพื้น 1 จังหวะ ผ่านมือแยน ซอมเมอร์ เข้าไป เป็นประตูที่ 25 ในนามทีมชาติของเจ้าตัว และเป็นประตูที่ 2 ในทัวร์นาเมนต์นี้

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที อิตาลี เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ไปด้วยสกอร์ 3-0

จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ อิตาลี มีเพิ่มเป็น 6 คะแนน ยิงได้ 6 ประตู และยังไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม A การันตีการเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นที่แน่นอนแล้ว 100 เปอร์เซนต์ โดยเกมหน้าพวกเขาจะต้องแย่งแชมป์กลุ่มกับ เวลส์ ทีมอันดับ 2 ที่มี 4 คะแนน ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ มี 1 แต้มรั้งอันดับ 3 และตุรกี รั้งบ๊วย ยังไม่มีแต้ม

สำหรับโปรแกรมนัดถัดไปของกลุ่ม A อิตาลี พบ เวลส์ และสวิตเซอร์แลนด์ พบ ตุรกี ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ เวลา 23.00น. ตามเวลาประเทศไทย

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

อิตาลี : จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า (GK), จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์จิโอ คิเอลลินี, เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า, จอร์จินโญ่, นิโคโล่ บาร์เรลล่า, มานูเอล โลคาเตลลี, โดเมนิโก แบราร์ดี, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่

สวิตเซอร์แลนด์ : แยน ซอมเมอร์ (GK), นิโค่ เอลเวดี, ฟาเบียน ชาร์, มานูเอล อาคานยี, ริคาร์โด โรดริเกวซ, เรโม่ ฟรูเลอร์, กรานิต ชาก้า, เควิน เอ็มบาบู, เซอร์ดาน ชากิรี, บรีล เอ็มโบโล่, แฮริส เซเฟโรวิช

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058398


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อารอน แรมซีย์ ซัดเบิกร่อง ก่อนที่ คอนเนอร์ โรเบิร์ต มาซัดปิดกล่องช่วยให้ ‘เวลส์’ เอาชนะ ‘ตุรกี’ ไปด้วยสกอร์ 2-0 เก็บสามคะแนนแรกในยูโร 2020

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คู่ที่สอง เป็นเกมการแข่งขันในกลุ่ม A ทีมชาติตุรกี พบกับ ทีมชาติเวลส์ ฟาดแข้งกันที่ บากู โอลิมปิย่า สตาดินู เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน

เกมที่แล้ว ตุรกี ต้านทานความแข็งแกร่งของ อิตาลี ไม่ไหว พ่ายแพ้ไปแบบขาดลอย 0-3 ยังไม่มีแต้ม ขณะที่ เวลส์ เกมที่แล้วรอดตายอย่างหวุดหวิด ไล่ตามตีเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 คว้า 1 คะแนนไปครอง

ช่วงท้ายครึ่งแรก ในนาทีที่ 42 เวลส์ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล ตักบอลผ่านไลน์แนวรับของตุรกี มาให้ อารอน แรมซีย์ หลุดมาในเขตโทษ ก่อนยิงผ่านมือนายทวารคู่แข่งเข้าไป และหมดเวลา 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ตุรกี เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเพื่อหวังทำประตูตีเสมอ แต่แล้วในนาทีที่ 60 มาได้จุดโทษ แต่แกเร็ธ เบล ซูเปอร์สตาร์ตัวเก่ง ซัดข้ามค้านแบบไม่ได้ลุ้น สกอร์ยังเป็น 1-0

10 นาทีสุดท้าย ตุรกี เดินหน้าบุกใส่เวลส์อย่างหนักเพื่อทำประตูตีเสมอ แต่ไม่สามารถหาจังหวะเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ แต่แล้วในนาทีที่ 90+5 เวลส์ มาได้ประตูตอกฝาโลง 2-0 จากจังหวะที่แกเร็ธ เบล ลากเลื้อยเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ คอนเนอร์ โรเบิร์ต ซัดเข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลา 90 นาที เวลส์ เอาชนะ ตุรกี 2-0 จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เวลส์ มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน จากการเก็บชัย 1 นัด เสมอ 1 นัด ส่วน ตุรกี ลงเล่นมา 2 นัดแพ้รวด ยังไม่มีแต้ม

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

ตุรกี : อูกูร์คาน ชาคีร์ (GK), เมห์เมต เซคี เชลิค, คาอัน อายฮาน, ชากลาร์ โซยุนชู, อูมุต เมราส, โอคาย โยคุสลู, เซนกิส อุนแดร์, โอซาน ทูฟาน, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, เคนาน คารามาน, บูรัค ยิลมาซ

เวลส์ : แดนนี วอร์ด (GK), คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, คริส เมแพม, โจ โรดอน, เบน เดวีส์, โจ อัลเลน, โจ มอร์เรลล์, ดาเนียล เจมส์, อารอน แรมซีย์, แกเร็ธ เบล, คีฟเฟอร์ มัวร์

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058382


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อเล็กเซย์ มิรานชุก ซัดประตูสุดสวยตั้งแต่ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก เป็นประตูชัยพา ‘รัสเซีย’ เฉือนชนะ ‘ฟินแลนด์’ ไปแบบหืดจับ 1-0 คว้าสามคะแนน ลุ้นเข้ารอบน็อคเอาท์ต่อในเกมหน้า

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คู่แรก เป็นเกมในกลุ่ม B ‘หมีขาว’ ทีมชาติรัสเซีย หนึ่งในทีมเจ้าภาพร่วม ลงเล่นที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดียม พบกับ ทีมชาติฟินแลนด์

เกมแรก รัสเซีย ของกุนซือสตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ พ่ายแพ้ให้กับ เบลเยี่ยม แบบขาดลอย 0-3 เกมนี้ต้องเก็บชัยชนะให้ได้ เพื่อโอกาสในการเข้ารอบน็อคเอาท์ นำทัพมาโดยหัวหอกร่างโย่ง อย่าง อาร์เตม ซูบ้า, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, โรมัน ซอบนิน, มาริโอ เฟร์นันเดซ

ขณะที่ ฟินแลนด์ ของกุนซือมาร์คคู คาเนร์ว่า เกมที่แล้วพลิกล็อกเอาชนะ เดนมาร์ก 1-0 อย่างเหนือความคาดหมาย เกมนี้ยังคงนำทัพมาโดย ติโม ปุ๊กกี กองหน้าตัวเก่ง, โจเอล โปห์ยานโปโล, ยัคค่า ไรตาย่า, เยเร่ อูโรเน่น

นาทีที่ 4 ฟินแลนด์ ฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของแนวรับรัสเซีย ยัคค่า ไรตาย่า ตัดบอลไปได้ หลุดมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดบอลให้ โจเอล โปห์ยานโปโล โหม่งในกรอบเขตโทษหนีมือนายทวารเจ้าถิ่นเข้าไปตุงตาข่าย แต่เมื่อเช็คจาก VAR แล้ว เป็นลูกล้ำหน้าเสียก่อน

หลังเกือบเสียประตู รัสเซีย ดาหน้าบุกอย่างหนักเพื่อทำประตูขึ้นนำให้ได้ แต่จังหวะจบสกอร์นั้นยังทำได้ไม่ดีพอ ขณะที่ ฟินแลนด์ อาศัยเกมรับที่เหนียวแน่น รอโต้กลับได้น่ากลัวหลายครั้ง แต่ยังทำประตูไม่ได้

แต่แล้วช่วงทดเจ็บของครึ่งเวลาแรก รัสเซีย มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ อเล็กเซย์ มิรานชุก ทำชิ่ง 1-2 กับ อาร์เตม ซูบ้า ก่อนจะเป็น มิรานชุก ที่ปั่นด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ หนีมือนายทวารฟินแลนด์เข้าไปอย่างสุดสวย และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ฟินแลนด์ เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกมากขึ้นเพื่อทวงประตูคืน แต่เกมรับของรัสเซีย ยังทำได้ดี หยุดเกมบุกของ 2 กองหน้าฟินแลนด์ได้อยู่หมัด โดยทีม ‘หมีขาว’ พยายามเปิดเกมแลกเหมือนกัน แต่จังหวะจบสกอร์ทำได้ไม่ดีพอ

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที รัสเซีย เอาชนะ ฟินแลนด์ 1-0 เก็บสามคะแนนสำคัญ ทำให้พวกเขามี 3 แต้ม จาก 2 นัด เท่ากับฟินแลนด์ ไปลุ้นเข้ารอบน็อคเอาท์ต่อในนัดสุดท้าย

โปรแกรมต่อไป ฟินแลนด์ จะพบกับ เบลเยียม ในคืนวันที่ 21 มิถุนายน เวลา 02.00น. (ตามเวลาประเทศไทย) ส่วน รัสเซีย จะพบกับ เดนมาร์ก ในวันและเวลาเดียวกัน

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

ฟินแลนด์ : ลูคัส ฮาราเด็คกี (GK), ยูน่า ตอยวิโอ, เปาลัส อารายูรี, ดาเนียล โอเชาเนสซี, ยัคค่า ไรตาล่า, โรบิน ลอด, ราสมุส ชูลเลอร์, เกล็น กามาร่า, เยเร่ อูโรเน่น, ติโม ปุ๊กกี, โจเอล โปห์ยานโปโล

รัสเซีย : มัตเวย์ ซาโฟนอฟ (GK), ดิมิทรี บารินอฟ, อีกอร์ ดีวีฟ, จอร์จีย์ ซิคีย่า, ดาเลอร์ คูซยาเยฟ, โรมัน ซอบนิน, มาโกเม็ด ออซโดเยฟ, มาริโอ เฟร์นันเดซ, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, อเล็กเซย์ มิรานชุก, อาร์เตม ซูบ้า

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058362


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โรนัลโด้ เอฟเฟ็กต์! หุ้น ‘โค้ก’ ร่วง 3 วันติด มูลค่าวูบกว่า 2 แสนลบ.

ยังคงส่งผลอย่างต่อเนื่อง กรณีที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงตัวเก่งกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่สร้างปรากฎการณ์ ขยับขวด โคคา-โคล่า ออกระหว่างการแถลงข่าว จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก

ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวทำให้ส่งผลเสียเชิงลบต่อแบรนด์ โคคา-โคล่า ทันที จากการรายงานของ มาร์ก้า สื่อยักษ์ใหญ่แดนสเปน โดยสื่อเจ้าดังอ้างว่าหลังคลิปดังกล่าว ได้มีการนำเสนอไปทั่วโลกเพียงแค่ 30 นาที ราคาหุ้นของ โคคา-โคล่า ก็ตกฮวบอย่างน่าใจหาย

โดยมาร์ก้า ระบุว่า ทันทีที่ตลาดหุ้นในยุโรปเปิดตัวในเวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หุ้นของบริษัท โคคา-โคล่า ในตลาด ลดลงมากถึง 1.6% จากราคาปิดตลาดวันก่อน ทำให้ส่งผลให้มูลค่าบริษัท (มาร์เก็ตแคป) จาก 242,000 ล้านเหรียญ ลดลงเหลือ 238,000 ล้านเหรียญ มูลค่าหายไปถึง 4 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 1.25 แสนล้านบาท)

แม้ว่าในระหว่างวันซื้อขายราคาหุ้นจะขยับขึ้นมาปิดตลาดได้ติดลบน้อยลง แต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 14-16 มิถุนายน ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัท โคคา-โคล่า ยังร่วงต่อเนื่องรวมแล้วกว่า 2.65% เหลือมูลค่า 235.7 พันล้านเหรียญ ( 7.37 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นมูลค่าที่หายไปถึง 6.4 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยกว่า 2 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ตลาดเงินตลาดทุน ตั้งแต่ต้นปีนี้ หุ้นของบริษัท โคคา-โคลา ขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จาก 48 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ขึ้นมาเป็น 56.48 เหรียญต่อหุ้น ทำจุดสูงสุดในรอบปี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่ราคาหุ้นจะค่อยๆ ย่อลงมา เนื่องจากความกังวลของตลาดหุ้น เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมาเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงติดต่อกันหลายวัน ประจวบเหมาะกับซุปเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส กระทำดังกล่าวยิ่งทำให้ราคาหุ้นร่วงเร็วขึ้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา โรนัลโด้ เคยออกมาพูดถึงการไม่ชอบเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล โดยเผยว่ามักมีปัญหากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของเขา "บางครั้งผมก็มีปัญหากับเขา เพราะเขาชอบดื่มน้ำอัดลม ผมทะเลาะกับเขาตอนที่กินมันฝรั่งทอด ซึ่งเขารู้ว่าผมไม่ชอบมัน"ด้าน โคคา-โคล่า แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลก ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับท่าทางของ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตัวสินค้า แต่เชื่อว่าพวกเขาไม่น่าจะมีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพวกเขาถือเป็นสปอนเซอร์หลักในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาตั้งแต่ปี 1988 เลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ตั้งแง่กับ โรนัลโด้ เป็นพวกปากว่าตาขยิบ เพราะเขา เคยเป็นพรีเซนเตอร์ ให้กับเครื่องดื่มและอาหารที่เขามองว่า ‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’ ทั้ง โคคา-โคลา และไก่ทอดเคเอฟซี แต่พอได้ดีก็ลืมเพื่อนเก่าซะอย่างงั้น

 


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แยกย้าย! 'รีล มาดริด' เตรียมแถลงอำลา 'รามอส' ปิดฉาก 16 ปี ในสีเสื้อราชันชุดขาว

คั่นบรรยากาศบอลยูโร ‘ราชันชุดขาว’ คอนเฟิร์ม เตรียมจัดงานแถลงข่าวอำลา เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังดาวเตะวัย 35 ปี ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาที่หมดลงหลังจบซีซั่นที่ผ่านมา

สำหรับสัญญาค้าแข้งของ รามอส วัย 35 ปี ซึ่งย้ายจาก เซบีญา มาอยู่กับ ‘ราชันชุดขาว’ ตั้งแต่ปี 2005 รวมระยะเวลาถึง 16 ปี และผ่านการลงสนามทั้งสิ้น 671 นัด ยิง 101 ประตูนั้น หมดลงหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา โดย รีล มาดริด เสนอสัญญาใหม่แค่ปีเดียวพร้อมขอให้เจ้าตัวลดค่าเหนื่อย ส่งผลให้ไม่สามารถตกลงกันได้ และนำมาสู่การแยกทางกันในที่สุด โดยการแถลงข่าวจะมีขึ้นในเวลาเที่ยงครึ่งของวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมี ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรร่วมพิธีด้วย

 

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/sports/850413


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

ใครที่เป็นแฟนบอลอิตาลีคงแฮปปี้หลาย เพราะถ้าคุ้นเคยกับทีมแดนมักกะโรนี จะรู้ดีว่า อิตาลีลงเล่นในฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ ๆ มักจะเครื่องร้อนช้า หรือบางครั้งเครื่องไม่ร้อนเลยก็มี แต่ในศึกยูโร 2020 ครั้งนี้ ขุนพลอัซซูรี่ คิดใหม่ ทำใหม่ กลายเป็นบอลเร้าใจ เนียนตา แฟนๆ งงสิครับ

โอเค, อิตาลี ยังมีสไตล์เกมรับ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเหนียวแน่นหนึบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่อิตาลีเปลี๊ยนไป๋! คือการเล่นเกมรุกที่เร้าใจ บุกกระซวกไส้ได้ใจดีเหลือเกิน ลงเล่นในยูโรมา 2 นัด ซัดไปแล้ว 6 ลูก ซึ่งมันไม่ใช่อ่ะ! ไม่ใช่อิตาลีที่คุ้นเคย ปกติอิตาลียิงไม่เกิน 2 ลูกต่อนัด และแท็กติกเพียบ จนบางทีดูแล้วเบื๊อเบื่อ!

งานนี้ต้องยกความดีให้กับผู้จัดการทีม โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เข้ามาคุมทีม และจัดการติดตั้งโหมดบุกโหดเข้าไว้ไอ้น้อง ถึงตอนนี้ อิตาลีลงเล่นในเกมระดับเมเจอร์ ไม่แพ้ใครมาแล้ว 29 นัด นับตั้งแต่ปี 2018 เสียไปแค่ 7 ประตู คลีนชีตไป 22 นัด และยิงระเบิดระเบ้อไปถึง 80 ประตู

โอว มายก็อดดด!! นี่มันนิวอิตาลีชัดๆ! และแน่นอนว่า ถึงตรงนี้ จากที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อสส. เอ้ย! ไม่เคยอยู่ในลิสต์ทีมเต็งแชมป์ยูโรหนนี้ ปรากฎว่า อิตาลีก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์ยูโร 2020 อย่างเต็มตัว!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไม่ใช่ไวรัล แต่ก็กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่แพร่กระจายไป ในเหล่าบรรดานักฟุตบอลในยูโร 2020 ไปเสียแล้ว สำหรับการยกขวดเครื่องดื่มที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ออกจากโต๊ะแถลงข่าว

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ไม่ใช่ไวรัล แต่ก็กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่แพร่กระจายไป ในเหล่าบรรดานักฟุตบอลในยูโร 2020 ไปเสียแล้ว สำหรับการยกขวดเครื่องดื่มที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ออกจากโต๊ะแถลงข่าว

เริ่มต้นจากพี่ใหญ่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หยิบขวดเครื่องดื่มโคคาโคล่า ให้พ้นออกไปจากเฟรมภาพการแถลงข่าว ต่อมาก็เป็น ปอล ป็อกบา ซูเปอร์สตาร์แห่งทีมฝรั่งเศส ก็หยิบขวดเบียร์ยี่ห้อหนึ่งออกจากโต๊ะ และล่าสุด มานูเอล โลคาเตลลี่ กองกลางทีมอิตาลี ก็กลายเป็นนักเตะคนล่าสุดที่หยิบขวดโคคาโคล่าออกจากโต๊ะเช่นกัน

ส่วนเหตุผลก็นานาสารพันกันไป อาทิ โรนัลโด้เป็นคนไม่ดื่มเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้เลย และขึ้นชื่อเรื่องการมีภาพลักษณ์การดูแลสุขภาพอย่างดี ส่วนปอล ป็อกบา เจ้าตัวเป็นมุสลิมที่เคร่งครัด การมีขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ตรงหน้า (แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แบบแอลกอฮอล์ 0% ก็ตาม) ยังไงก็คงไม่เหมาะสมนัก

และรายสุดท้าย มานูเอล โลคาเตลลี่ แม้เหตุผลจะไม่ชัดเจน แต่ตอนที่เจ้าตัวหยิบขวดโคคาโคล่าออกจากโต๊ะแถลงข่าว ก็พูดว่า ‘อากัว’ หรือ ‘อควา’ ที่แปลว่า น้ำ ซึ่งก็แสดงเจตนาถึงความไม่ปลื้มเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไร ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ใจกว้างพอ และได้ออกมาประกาศทำนองว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเครื่องดื่มตามใจชอบ และทุกคนมีรสนิยมและความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้น เครื่องดื่มนี้ก็จะถูกแจกให้แก่นักเตะเมื่อมาถึงงานแถลงข่าวต่อไป แม้ว่าจะไม่ดื่ม หรือยกออกก็ตาม

สรุปก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ทั้งสองฝ่าย ในมุมของนักฟุตบอลเอง ก็ต้องการการมีภาพลักษณ์ที่ดี หรือแม้แต่การไม่อยากผูกมัดกับสินค้าโดยไม่จำเป็น ในส่วนของสปอนเซอร์ก็ต้องทำตามหลักการต่อไป แต่ก็แอบคิดนะว่า ถ้าบรรดานักฟุตบอลทั้งหลายเกิดทำตามกันทุกคน จะส่งผลลบต่อภาพลักษณ์สินค้าไปเลยก็ได้ สู้ไม่ตั้งไว้ตรงหน้าโต๊ะ แล้วไปหาจุดจัดวางให้ลงตัวกว่านี้ จะดีกว่าไหม


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พลพรรคแข้ง ยูเครน ร่วมใจกันคว้า 3 แต้มแรกในศึก ยูโร 2020 สำเร็จ หลังจัดการเฉือนชนะ มาซีโดเนียเหนือ แบบหวุดหวิด 2-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสอง เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

พลพรรคแข้ง ยูเครน ร่วมใจกันคว้า 3 แต้มแรกในศึก ยูโร 2020 สำเร็จ หลังจัดการเฉือนชนะ มาซีโดเนียเหนือ แบบหวุดหวิด 2-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสอง เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เกมนัดสองของกลุ่ม C ยูเครน อันดับ 3 ไม่มีแต้ม ลงเตะที่โรมาเนีย เจอ มาซีโดเนียเหนือ บ๊วยที่ไม่มีแต้มเหมือนกัน เกมนี้ ยูเครน วาง 3 ประสาน รัสลาน มาลินอฟสกี, อังเดร ยาร์โมเลนโก้, โรมัน ยาเร็มชุก ลงยิง ส่วน มาซีโดเนีย พึ่งพาคู่หน้า เอลจิฟ เอลมาส กับ โกรัน ปานเดฟ

เริ่มเกม นาที 7 ยูเครน ทักทาย อังเดร ยาร์โมเลนโก้ เงยหน้าลองซัดไกลแต่บอลข้ามคาน ก่อนที่ นาที 28 ยูเครน เอาจนได้จากเตะมุม โอเล็กซานเดอร์ คาราเยฟ กระโดดตอกส้นให้ อังเดร ยาร์โมเลนโก้ พุ่งชาร์จเสาแรก 1-0

นาที 29 เม็ดสองก็มา อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ตบบอลขึ้นหน้าให้ โรมัน ยาเร็มชุค พุ่งไปยิงเบียดเสาตุง 2-0 ต่อมา นาที 39 มาซีโดเนีย ตีไข่แตกแต่เฮเก้อ โกรัน ปานเดฟ แตะบอลหลุดขึ้นหน้าแล้วชิปข้ามนายประตูเข้าไปแล้ว แต่ดันล้ำหน้าก่อน จบครึ่งแรก ยูเครน นำสองลูก

ครึ่งหลัง นาที 54 มาซีโดเนีย ได้จุดโทษหลัง โกรัน ปานเดฟ เจอเตะล้มที่สุดเส้นหลัง รัสลาน มาลินอฟสกี ยิงติดเซฟครั้งแรกแต่บอลเด้งกลับมาให้วอลเลย์ซ้ำไล่ตาม 1-2 ต่อมา นาที 68 มาซีโดเนีย จะตีเสมอ บอลไหลคืนหลังมาถึง อเล็กซานเดอร์ ทราจคอฟสกี ยิงเต็มเท้าแต่ข้ามคาน

นาที 74 โอกาสทองของยูเครน วิคเตอร์ ซีกานคอฟ เก็บบอลได้ทางซ้าย แต่ดันยิงไม่แม่นหลุดกรอบ ส่วนท้ายเกม นาที 83 ยูเครน ได้จุดโทษหลัง ดาเนียล อาวรามอฟสกี พลาดทำแฮนด์บอลแต่ สโตล ดิมิตริเอฟสกี โชว์หนึบเซฟลูกยิงของ รัสลาน มาลินอฟสกี แต่ก็ได้แค่นั้น จบเกม ยูเครน เก็บ 3 แต้ม เท่ากับ ออสเตรีย กับ เนเธอร์แลนด์ส ส่วน มาซีโดเนีย แพ้รวด 2 นัดไม่มีแต้ม

สำหรับ ยูเครน นัดสุดท้ายจะดวลกับ ออสเตรีย วันที่ 21 มิถุนายน ส่วน มาซีโดเนีย ปะทะ เนเธอร์แลนด์ วันเดียวกัน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ยูเครน - จอร์จี บูชาน, มีโกล่า มาติเยนโก้, อิลลา ซาบาร์นยี, วิตาลี มิโกเลยโก้, โอเล็กซานเดอร์ คาราเยฟ, ทาราส สเตปาเนนโก้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, มิโกล่า ชาปาเรนโก้, รัสลาน มาลินอฟสกี, อังเดร ยาร์โมเลนโก้, โรมัน ยาเร็มชุก

มาซีโดเนียเหนือ - สโตล ดิมิตริเอฟสกี, ดาร์โก เวลโกสกี, วิซาร์ มุสลิอู,, เอนิส บาร์ดี, สเตฟาน สปิรอฟสกี, อาร์ยาน อาเดนมี, เอซยาน อาลิออสกี, โบบัน นิโคลอฟ, เอลจิฟ เอลมาส, โกรัน ปานเดฟ

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058786


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เบลเยียม ต้อนรับการกลับมาของ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพตัวปั้นเกม ก่อนโชว์ซัดประตูช่วยให้ ‘ปีศาจแดงแห่งยุโรป’ พลิกกลับมาเฉือน เดนมาร์ก คาบ้าน 2-1 พร้อมตีตั๋วเข้าน็อคเอาท์ศึก ยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เบลเยียม ต้อนรับการกลับมาของ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพตัวปั้นเกม ก่อนโชว์ซัดประตูช่วยให้ ‘ปีศาจแดงแห่งยุโรป’ พลิกกลับมาเฉือน เดนมาร์ก คาบ้าน 2-1 พร้อมตีตั๋วเข้าน็อคเอาท์ศึก ยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เกมนัดสองของกลุ่ม B เดนมาร์ก บ๊วยไม่มีแต้ม เป็นเจ้าภาพเจอ เบลเยียม จ่าฝูงมี 3 แต้ม เกมนี้นักเตะและแฟนบอลทั้งสองฝั่ง ต่างส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้แก่ คริสเตียน อีริกเซน ดาวเตะเจ้าถิ่นที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จากอาการหัวใจวายเฉียบพลันที่เกิดขึ้นในเกมนัดแรก

เริ่มเกมแวบเดียว 2 นาที เดนมาร์ก ยิงนำก่อนเลย ปิแอร์-เอมิลล์ ฮอยเบิร์ก วิ่งมาตัดบอลหน้าประตูแล้วป้ายให้ ยุสซุฟ โพลเซน แปตุง 1-0 ขณะที่ นาที 10 นักเตะเบลเยียม ทำการหยุดบอลกับที่ หยุดเกมเพื่อแสดงกำลังใจถึง คริสเตียน อีริกเซน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม

กลับมาเล่นต่อ เดนมาร์ก บดต่อเนื่อง นาที 34 มิกเกล แดมสการ์ด หักเข้าซ้ายแล้วยิงเหน่งๆ แต่บอลหลุดเสาไกล ต่อมา นาที 43 ฟรีคิกทางขวาของเบลเยียม แยนนิค คาร์ราสโก้ เล็งเป้าแล้วตะบันไกลแต่บอลหลุดกรอบนิดเดียว จบครึ่งแรก เดนมาร์ก ขึ้นนำทีมเบอร์ 1 ของโลกอยู่ 1 เม็ด

ครึ่งหลัง นาที 54 เบลเยียม สู้จนตีเสมอได้ โรเมลู ลูกากู เลื้อยมาจากขวา ตบให้ เควิน เดอ บรอยน์ ชิ่งต่อถึง ธอร์แกน อาซาร์ ยิงเผาขน 1-1 และนาที 71 เบลเยียม ก็เป็นฝ่ายพลิกแซง เอเดน อาซาร์ แปะออกซ้ายให้ เควิน เดอ บรอยน์ พุ่งมาตะบันโล่งๆ เสียบเสา 2-1

นาที 86 เดนมาร์ก ชวดตีเสมอ อันเดรียส โอลเซน ตักโด่งทางขวาเข้ากบาล มาร์ติน เบรธเวต โหม่งเต็มศรีษะแต่โชคร้ายชนสามเหลี่ยม สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม เบลเยียม ชนะ 2 นัดรวด เก็บเพิ่มเป็น 6 แต้ม เข้ารอบน็อคเอาท์ไปอีกทีม นัดสุดท้ายเจอ ฟินแลนด์ วันที่ 21 มิถุนายน ส่วน เดนมาร์ก นัดสุดท้ายปะทะ รัสเซีย วันเดียวกัน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เดนมาร์ก - แคสเปอร์ ชไมเคิล, ซิมง เคียร์, แยนนิค เวสเตอร์การ์ด, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, โธมัส เดอลานีย์, มิกเกล แดมสการ์ด, โจอาคิม เมเฮิล, ปิแอร์-เอมิลล์ ฮอยเบิร์ก, ดาเนียล วาสส์, มาร์ติน เบรธเวต, ยุสซุฟ โพลเซน

เบลเยียม - ธิโบต์ คูร์ตัวส์, เจสัน เดนาเยอร์, แยน แฟร์ตองเกน, โทบี อัลเดอร์เวเรลด์, ยูริ ตีเลอมองส์, เลอันเดอร์ เดนด็อกเกอร์, ธอร์แกน อาซาร์, โธมัส มูนิเยร์ แยนนิค คาร์ราสโก้, ดรีส์ เมอร์เทนส์, โรเมลู ลูกากู

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058812


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เมมฟิส เดปาย กับ เดนเซล ดัมฟรีย์ส สองขุนพล ‘อัศวินสีส้ม’ เนเธอร์แลนด์ส จับมือกันยิงคนละลูก ก่อนช่วยให้ทีมชนะ ออสเตรีย 2-0 การันตีเข้ารอบน็อคเอาต์ ยูโร 2020 ไปอีกทีม เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เมมฟิส เดปาย กับ เดนเซล ดัมฟรีย์ส สองขุนพล ‘อัศวินสีส้ม’ เนเธอร์แลนด์ส จับมือกันยิงคนละลูก ก่อนช่วยให้ทีมชนะ ออสเตรีย 2-0 การันตีเข้ารอบน็อคเอาต์ ยูโร 2020 ไปอีกทีม เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

นัดที่สองของกลุ่ม C เนเธอร์แลนด์ส จ่าฝูงมี 3 แต้ม เล่นในบ้านเจอ ออสเตรีย อันดับ 2 แต้มเท่ากัน เกมนี้ ‘อัศวินสีส้ม’ ใช้ เมมฟิส เดปาย ยิงคู่ วูต์ เวกฮอสต์ ส่วน ออสเตรีย ฝากฝัง มิชาเอล เกรกอริชต์ กับ คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ ซัดร่วมกัน

เริ่มเกม 9 นาที เนเธอร์แลนด์ส ได้จุดโทษหลัง เดนเซล ดัมฟรีย์ส โดนย่ำล้มลงไปแล้ว เมมฟิส เดปาย สังหารไม่พลาด 1-0 ขณะที่ นาที 23 ดัตช์แมน หวิดได้เม็ดสอง เมมฟิส เดปาย ลากจี้มาทางขวาแล้วยิงขวาเต็มเท้าแต่บอลเข้าข้างตาข่าย

ออสเตรีย หาทางตั้งเกม นาที 35 บอลมาถึง มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์ ตะบันแถวสองแต่บอลแรงข้ามคาน ถัดมา นาที 39 เนเธอร์แลนด์ส ทำหมูหก วูต์ เวกฮอสต์ ใจกว้างป้ายออกซ้ายให้ เมมฟิส เดปาย แปโล่งๆ แต่ข้ามคานเหลือเชื่อ จบครึ่งแรกยังนำแค่เม็ดเดียว

ครึ่งหลัง นาที 60 เจ้าบ้านยังไม่ได้ลูกสอง สเตฟาน เดอ ฟราย โหม่งติดเซฟจังหวะแรก แม็ทไธส์ เดอ ลิกต์ ยิงซ้ำจ่อๆ แต่โดนสกัดทิ้งอีก กระทั่ง นาที 66 ลูกสองก็มาตามต้องการ เมมฟิส เดปาย ดีดขึ้นหน้าให้ ดอนเยล มาเลน ลากหลุดเดี่ยวแล้วถวายพานทางขวาให้ เดนเซล ดัมฟรีย์ส ยิงไม่เหลือ 2-0

ท้ายเกม นาที 85 ออสเตรีย ขอตีไข่แตก ซาซ่า คาลาดิซ โยนขึ้นหน้าไปแล้ว คาริม โอนิซิโว โหม่งแต่เข้ามือ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม ดัตช์แมน เข้ารอบไปอีกทีมหลังชนะ 2 นัดรวด มี 6 แต้ม นัดสุดท้ายเตรียมเจอ นอร์ธ มาซีโดเนีย วันที่ 21 มิถุนายน ส่วน ออสเตรีย แย่งตั๋วเข้ารอบกับ ยูเครน วันเดียวกัน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เนเธอร์แลนด์ส - มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก, สเตฟาน เดอ ฟราย, ดาลีย์ บลินด์, แม็ทไธส์ เดอ ลิกต์, เฟรนกี เดอ ยอง, มาร์เทน เดอ รูน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, แพทริค ฟาน อันโฮลต์, เดนเซล ดัมฟรีย์ส, เมมฟิส เดปาย, วูต์ เวกฮอสต์

ออสเตรีย - ดาเนียล แบชมันน์, ดาวิด อลาบา, มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, ซาเวอร์ ชาลาเกอร์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, คอนราด ไลเมอร์, อันเดรียส อัลเมอร์, สเตฟาน ไลเนอร์, คริสตอฟ บอมการ์ตเนอร์, มิชาเอล เกรกอริชต์

 

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058820


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top