Monday, 29 April 2024
ยุบพรรค

เผยข้อความไลน์หลุด!! ถ้ายุบ 'ก้าวไกล' สมรภูมิต่อสู้จะแรงกว่าเดิม เจอตอกกลับ 'ก็ดี จะได้จบๆ' รอดูจะอยู่สู้หรือหลบไปต่างประเทศ

(16 ก.พ. 67) กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นมาทันที หลัง ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ออกมาเปิดเผยเผยภาพแคปชั่นจากกลุ่มไลน์ โดยระบุข้อความว่า “อ่านไลน์หลุดเก่าจะเข้าใจนะครับว่าใครบงการ”

ทั้งนี้ ภาพข้อความดังกล่าว ระบุว่า “วัตถุประสงค์ของแคมเปญนี้ คือ ทำให้คนที่ ignorant ทางการเมือง หรือคนที่เกิดเติบโตไม่ทัน ได้รู้จักการสังหารหมู่ทางการเมือง แล้วไม่ต้องรับผิด ตั้งแต่ 16 19 35 53 ซึ่งผลตอบรับดีมาก คนยิ่งติดตาม

ผม คุณช่อ ที่รับผิดชอบโครงการนี้ พร้อมเสี่ยงกับการถูกดำเนินคดีทั้งหมด เพื่อยกระดับการต่อสู้ ขยับเพดานของเสรีภาพขึ้นเรื่อย ๆ หากเราไม่ทำ ทุกอย่างก็จะเงียบหมด ขอบคุณเพื่อน สส. ที่ทวิตให้กำลังใจครับ”

ขณะที่ผู้ใช้ชื่อ ‘อ.ปิยบุตร’ ได้แท็กข้อความของผู้ใช้ชื่อ ‘ณัฐวุฒิ ส.ส.กก.’ ซึ่งระบุว่า “@กาย สส.กก. @อ๋อง สส.กก. เอาไงเอากัน ไปถามพี่แมวหน่อย แกมีพรรคในมือ…” 

โดยผู้ใช้ ‘อ.ปิยบุตร’ เขียนตอบว่า “ไม่ต้องกังวลครับ มีอีกหลายพรรค แต่ถ้ามันบ้ายุบก้าวไกลอีกรอบ มันจะไม่ใช่แค่เรื่องยุบพรรคแล้วครับ สมรภูมิการต่อสู้จะเปลี่ยนไปแรง ไกล ก้าวหน้ากว่าเดิมแบบที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน”

จากนั้นเป็นข้อความของผู้ใช้ ‘เติร์ด ส.ส.ก.ก.’ ซึ่งระบุว่า “ยินดีครับอาจารย์ เราแค่สอบถามหาความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้นครับ ส่วนตัวผมยังเห็น… ” และปรากฏข้อความต่ออีกว่า “องค์การสส.กก. หลวงพ่อท่านบอกว่า…สติมาปัญญาเกิด…”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อความไลน์หลุดดังกล่าว ได้ถูกนำไปเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยหนึ่งในนั้นคือ ผู้ใช้ชื่อว่า Thepmontri Limpaphayorm ระบุว่า “ไลน์หลุดที่อาจารย์มาโพสต์ผมชอบนะครับ โดยเฉพาะคนที่ใช้ชื่อว่าปิยบุตร ซึ่งมันคงไม่เคยเห็น สงครามกลางเมือง บางทีถ้าเกิดขึ้นจริงก็ดี จะได้ทำให้มันจบ ๆ ปล่อยแบบนี้มานานมากแล้ว”

ขณะที่มีคนเข้าไปคอมเมนต์ตอบว่า “แต่เวลาเกิดจริง ๆ คนพวกนี้ก็ไม่อยู่สู้ แต่หลบไปต่างประเทศครับ แล้วก็กลับมาโกยตอนจบ”

‘จตุพร’ เชื่อ!! ‘ก้าวไกล’ ซักฟอกทิ้งทวน ก่อนโดน ‘ยุบพรรค’ ไม่เกินเดือนเมษา

(3 เม.ย.67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ระบุถึงสงครามตัวแทนโจมตี กล่าวหาคดีส่วยพนันออนไลน์ได้กระชากฉุดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เละเทะ เสื่อมทรุด และยิ่งสะท้อนภาวะผู้นำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไร้ศักยภาพโดยสิ้นเชิง จึงถูกบีบให้พ้นนายกฯ ไปตามดีลที่สัญญากันไว้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ถูกศาลอาญาออกหมายจับเมื่อเย็นวันที่ 2 เม.ย. เพราะไม่รายงานตัวตามหมายเรียกถึง 2 ครั้ง กรณีข้อหาฟอกเงินการพนันออนไลน์ แต่เข้าแสดงตัวกับ สน.เตาปูน เรียบร้อยแล้วและได้ประกันตัวในเวลาถัดมาในวันเดียวกัน ดังนั้นแสดงว่าดีลอำนาจส่งสัญญาณเล่นกันหนักและรุนแรงขึ้น

“สงครามตัวแทนของบิ๊กตำรวจใหญ่ระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยิ่งทำให้ ตร. พังพาบไม่มีชิ้นดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา สั่งให้ทั้งคู่มาช่วยงานสำนักนายกฯ แล้วก็ตาม แต่การโจมตี กล่าวหากันและกันยังไม่ยุติลง ไม่เพียงเท่านั้น แม้บิ๊กตำรวจทั้ง 2 คน ได้แถลงข่าวกอดเอวคืนดีต่อกันชื่นมื่น แต่ฝ่ายสนับสนุนทั้ง 2 บิ๊กต่างเปิดศึกลามปามหนักไปกันใหญ่ และยากจะจบลงง่าย ๆ ดังนั้นเมื่อนายกฯ เป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จึงสมควรทำอะไรมากกว่านี้ เพราะระบบของ ตร.เละถึงขั้นต้องยกเครื่องขนานใหญ่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจกับตำรวจชั้นผู้น้อย” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ ตร. ไม่ใช่เรื่องของคน 2 คนทะเลาะกันอีกแล้ว แต่ต้องยกระดับให้เป็นเรื่องการปฏิรูปหรือปฏิวัติการทำงานใน ตร. ล้างกันขนานใหญ่ จัดระบบโครงสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนให้ได้ ดังนั้น ตร. ควรมีการเปลี่ยนการทำงานภายในครั้งใหญ่ เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นเพราะระบบทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา ขณะที่ ตร.ทรุดพัง เละเทะ รัฐบาลกลับคิดโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คาสิโนขึ้นมา แล้วจะคาดหวังความคุ้มครองจากตำรวจได้อย่างไร หรือแค่ต้องการให้มีการเปลี่ยนสลับมือเอาคนมาหาผลประโยชน์จากคาสิโนที่จะตั้งขึ้นมาใหม่อีก

นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลที่ผ่านมาเคยคิดจะตั้งคาสิโนขึ้นมาแล้ว แต่ผู้มีอำนาจในซีกรัฐบาลบางคนขอเรียกหุ้นลม 20% เป็นเรื่องถูกนินทาของทุกแวดวง ดังนั้นในคราวนี้เมื่อตำรวจมีปัญหาการหาประโยชน์จากช่องว่างผิดกฎหมาย แล้วเกิดระบบส่วย ทำให้มีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะต้องเอาเงินคืนจากธุรกิจผิดกฎหมายเก็บสะสมเพื่อวิ่งเต้นหาตำแหน่งสูงขึ้นไปอีกเป็นทอด ๆ นายกฯ ควรมอบหมายให้ ก.ตร. ประชุมเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตศรัทธาของ ตร.ก่อน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องการวุฒิภาวะของผู้นำมาแก้ปัญหานำไปสู่การเปลี่ยนเพื่อเกิดศักยภาพการทำงาน ส่วนนายกฯ เอาแต่เรียกมาคุย แต่ปัญหายังไม่จบสิ้น ไม่ได้เกิดประโยชน์ใด ๆ ขึ้นมาเลย

นายจตุพร กล่าวถึงข่าวพรรคเพื่อไทยจะดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วมรัฐบาล ว่า ตั้งแต่มีการโหวตนายเศรษฐา เป็นนายกฯ เมื่อ 22 ส.ค.66 เพื่อไทยไม่เคยมีการพูดเรื่องดึง ปชป. เป็นรัฐบาลเลย แต่เมื่อจะถูกอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ ม.152 กลับมาเป็นข่าวขึ้นมาก่อนวันอภิปราย

อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายทั่วไปวันที่ 3 เม.ย.นี้ พรรคก้าวไกลต้องสร้างให้เป็นนัดแห่งความทรงจำของประชาชน ก่อนถูกยุบพรรค คาดไม่เกิน เม.ย.นี้ ถึงที่สุดแล้ว ร่องรอยสถานการณ์ขณะนี้หากมีการเบี้ยวดีลกันขึ้น จะเป็นปัจจัยบ่งชี้ไปถึงปฏิบัติการในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเป็นวันนายทักษิณ ชินวัตร ไปฟังคำสั่งอัยการสูงสุดจะฟ้องศาลในคดี ม.112 หรือไม่ หากถูกฟ้องศาลแล้วไม่ได้ประกันตัวต้องติดคุก ซึ่งจะเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งทันที จึงต้องจับตาดู

นอกจากนี้ปัญหาของนายเศรษฐา กรณีพูดแต่งตั้ง ผกก. ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรื่องยังคาอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากถูกชี้มีมูลแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ในชั้น ป.ป.ช.ทันที ด้วยปัจจัยรุมเร้าเหล่านี้ในวันครบดีลกลับบ้านยังลุกลามเป็นอุปสรรคสกัดกั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไทยได้ลำบากยิ่งขึ้น

“เรื่องราวและปัจจัยเหล่านี้จึงสะท้อนว่าไม่มีช่องว่างให้เกิดการปรับ ครม.นำ ปชป.เข้าร่วมรัฐบาลกันอย่างจริงจังเลย ซึ่งเป็นเพียงข่าวปล่อย ดังนั้น ปชป.ต้องทุบรัฐบาลให้เด็ดขาด ถ้าเดินเยอะแยะยิ่งจะซ้ำเติมภาพเสื่อมให้ทรุดหนักไปอีก เพื่อไทยรู้ว่า ปชป.จะเอาจริงจังในการอภิปรายครั้งนี้อยู่แล้ว จึงมีการปล่อยข่าวดึงเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคที่เต็มไปด้วยความเก๋าอย่าง ปชป.นั้น ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร” นายจตุพร กล่าว 

'อ.อุ๋ย-ปชป.' ยก รธน.มาตรา 211 ชี้!! คําวินิจฉัยศาล รธน.เด็ดขาด-ผูกพันรัฐสภา พรรคที่ล้มล้างการปกครองไม่มีสิทธิเข้าสภาประชุมใดๆ แม้แต่วินาทีเดียว

เมื่อไม่นานมานี้ นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย หรืออาจารย์อุ๋ย นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางกะปิ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงมุมมองทางกฎหมาย ว่า...

รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 211 ว่าคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเด็ดขาดและผูกพันรัฐสภาด้วย 

ดังนั้นไม่ต้องรอให้ยุบพรรคหรอก เพราะพรรคที่ล้มล้างการปกครองไม่มีสิทธิเดินเข้าสภาอันทรงเกียรติเพื่อประชุมใด ๆ ทั้งสิ้นแม้แต่วินาทีเดียว 

เพราะตามคําปรารภของข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 เขียนไว้ชัดเจนว่า สมาชิกรัฐสภาต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และธํารงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ดังนั้น หากท่านวันนอร์ ในฐานะประธานรัฐสภา ซึ่งต้องผูกพันตามคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยังปล่อยให้ สส.จากพรรคที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่ากระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้าสภามาใช้อํานาจนิติบัญญัติต่อไป 

จะเท่ากับว่าท่านสนับสนุนให้กลุ่มคนที่กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เข้ามาใช้อํานาจนิติบัญญัตินะครับ และจะกลายเป็นว่า ประธานรัฐสภาเป็นผู้ทําผิดข้อบังคับเสียเอง ฝากไว้ให้คิด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top