Monday, 7 July 2025
ฟุตบอล

ฟุตบอลรักเมืองไทย 'วปอ.-พระปกเกล้า' ชูลดความเหลื่อมล้ำ-ร่วมสร้างชาติให้มั่นคง ขณะที่ 'อุ๊งอิ๊ง' ร่วมเชียร์ลั่นสนามศุภชชาศัย

เมื่อวานนี้ (1 ก.ย.67) ที่ สนามศุภชลาศัย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ฟุตบอลประเพณี 'วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า' ภายใต้แนวคิด 'รักเมืองไทย-ลดความเหลื่อมล้ำ-ร่วมสร้างชาติให้มั่นคง' ชิงถ้วยรางวัลสภากาชาดไทย และ ชิงถ้วยรางวัลจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 

โดยมี นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า พลโท ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

พร้อมทั้ง คณาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบัน ของ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้า ประกอบด้วย หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นายุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย (ปนป.) หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ 'มินิ วปอ.' หลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง (สวปอ.มส. SML) เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง

โดยกิจกรรมเริ่มจาก การแสดงดุริยางค์ จากกองดุริยางค์ทหารอากาศ ตามด้วยการแสดงขบวนพาเหรดจากเหล่าศิษย์เก่าและปัจจุบัน ของ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) และสถาบันพระปกเกล้า และการแสดงมินิคอนเสิร์ตของ 'ชัชชัย สุขขาวดี' หรือที่รู้จักในชื่อ 'หรั่ง ร็อคเคสตร้า' และ 'สปาย-ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์' The Golden Song เวทีเพลงเพราะ

ต่อด้วยการแข่งขันฟุตบอล 3 คู่ ทีมแรก ประเภท YOUNG ทีมที่สองประเภท JUNIOR และทีมปิดแมตช์ ประเภท SENIOR โดยมีนักเตะกิตติมศักดิ์ ฝั่ง วปอ. อาทิ นายถิรชัย วุฒิธรรม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ขณะที่ฝั่ง สถาบันพระปกเกล้า มี ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวีน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ นายนิธิ สมุทรโคจร นายยุทธนา หยิมการุณ สำหรับผลการแข่งขันฟุตบอล รุ่น YOUNG สถาบันพระปกเกล้า ชนะ วปอ. 2:1 รุ่น JUNIOR สถาบันพระปกเกล้า ชนะ วปอ. 3:1 และรุ่น SENIOR  สถาบันพระปกเกล้า แพ้ วปอ. 0:5

นายอรรถพล เสือคำรณ ประธานฝ่ายจัดงาน ปปร.27 กล่าวว่า กิจกรรมแข่งขันฟุตบอลประเพณีในปีนี้ นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของ 2 สถาบันแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังความรักชาติ รักสถาบันของประเทศไทย ให้ทุกฝ่ายได้เกิดความสามัคคีซึ่งกันและกัน ขณะที่ปีนี้ในประเทศของเราต้องเผชิญกับเหตุอุทกภัย การจัดกิจกรรมนี้จึงได้เปิดรับบริจาค โดยเงินทุกบาททุกสตางค์จะถูกส่งมอบไปยัง สภาการชาดไทย เพื่อนำไปก่อประโยชน์กับผู้ประสบภัยทุกคน

ด้าน ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานฝ่ายจัดงาน วปอ.67 กล่าวว่า วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) กับ สถาบันพระปกเกล้า ถือว่าเป็นสถาบันหลักของประเทศที่ให้ความรู้ และผลิตบุคลากรของชาติ ระดับคุณภาพอย่างมากมาย ซึ่งการแข่งขัน ยึดรูปแบบฟุตบอลประเพณี 'จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์' มาเป็นโมเดล และครั้งที่ 3 ปี 2568 ทางวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รับหน้าที่เป็นภาพจัดการแข่งขันเพื่อสืบสานปรเพณีเช่นนี้ต่อไป 

นายวิทวัส​ ชัย​ภาคภูมิ​ เลขาธิการสถาบัน​พระ​ปกเกล้า​ กล่าว​ว่า​ ต้องขอ​ขอบคุณ​ในความทุ่มเทของนักศึกษาหลักสูตร ปปร. และ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เป็นอย่างยิ่งที่ร่วมกันจัดงานฟุตบอลประเพณี 'รักเมืองไทย' ครั้งที่ 2 ขึ้น​ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดี​ ทำให้นักศึกษา​ทั้งสองสถาบัน​ฯ​ ได้มีโอกาสพบปะสร้างสัมพันธ์ใหเ้แน่นแฟ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านความร่วมมือด้านประชาธิปไตย สร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม​ โดยใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง

เปิด 30 รายชื่อ ผู้เข้าชิงรางวัล 'บัลลงดอร์ 2024' ไร้ชื่อ 'โรนัลโด - เมสซี่' เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี

(5 ก.ย. 67) ‘ฟรองซ์ ฟุตบอล’ นิตยสารลูกหนังชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส ประกาศ 30 รายชื่อผู้ท้าชิงรางวัลประจำปี ‘บัลลงดอร์ 2024’ หรือ ครั้งที่ 68 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี นับตั้งแต่ปี 2023 ที่ไม่มีชื่อคู่สตาร์ระดับโลกอย่าง ‘คริสเตียโน โรนัลโด’ แข้งจาก ‘อัล นาสเซอร์’ เจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัย และ ‘ลิโอเนล เมสซี่’ จาก ‘อินเตอร์ ไมอามี่’ เจ้าของรางวัล 8 สมัย

โดยสำหรับครั้งล่าสุดที่ไม่มี ‘คริสเตียโน โรนัลโด’ ติดโผรายชื่อ 30 นักเตะนั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 2003 ก่อนปีถัดมา 2004 ‘โรนัลโด’ ติดชื่อครั้งแรก สมัยค้าแข้งกับ ‘แมนฯ ยูไนเต็ด’ และได้อันดับ 12 ร่วม ขณะที่ ‘ลิโอเนล เมสซี่’ ที่เวลานั้นอยู่กับ ‘บาร์เซโลน่า’ ติดโผตั้งแต่ปี 2006 

ทั้งนี้ ‘บัลลงดอร์ 2024’ เป็นแข้งจาก ศึก ‘พรีเมียร์ลีก’ ที่มีชื่อลุ้นรางวัลมากที่สุดถึง 9 ราย ประกอบด้วย โรดรี, รูเบน ดิอาส, ฟิล โฟเดน, เออร์ลิง ฮาลันด์, มาร์ติน โอเดการ์ด, โคล พาลเมอร์, เดแคลน ไรซ์, บูคาโย ซากา และ วิลเลียมส์ ซาลิบา

สำหรับรายชื่อ 30 นักเตะ ลุ้นรางวัล ‘บัลลงดอร์ 2024’ มีดังนี้

1. จู๊ด เบลลิงแฮม (เรอัล มาดริด)
2. มาร์ติน โอเดการ์ด (อาร์เซน่อล)
3. ฮาคาน คาลฮาโนกลู (อินเตอร์ มิลาน)
4. โคล พาล์มเมอร์ (เชลซี)
5. ดานี โอลโม่ (บาร์เซโลน่า)

6. ดานี คาร์บาฆาล (เรอัล มาดริด)
7. รูเบน ดิอาส (แมนซิตี้)
8. เดแคลน ไรซ์ (อาร์เซน่อล)
9. อาร์เต็ม ดอบบิก (โรม่า)
10. โรดรี้ (แมนซิตี้)

11. ฟิล โฟเด้น (แมนซิตี้)
12. อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (เรอัล มาดริด)
13. เลฮานโดร กริมัลโด้ (เลเวอร์คูเซ่น)
14. บูกาโย่ ซาก้า (อาร์เซน่อล)
15. เออร์ลิง ฮาแลนด์ (แมนซิตี้)

16. วิลเลียม ซาลิบา (อาร์เซน่อล)
17. มัตส์ ฮุมเมลส์ (โรม่า)
18. เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ (เรอัล มาดริด)
19. แฮร์รี่ เคน (บาร์เยิร์น มิวนิค)
20. วินิซิอุส จูเนียร์ (เรอัล มาดริด)

21. โทนี โครส (เรอัล มาดริด แขวนสตั๊ด)
22. วิตินญ่า (เปแอสเช)
23. อเดโมลา ลุคแมน (อตาลันต้า)
24. นิโก้ วิลเลียมส์ (แอตเลติก บิลเบา)
25. เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (แอสตัน วิลล่า)

26. ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ (เลเวอร์คูเซ่น)
27. เลาตาโร่ มาร์ติเนซ (อินเตอร์ มิลาน)
28. กรานิต ชาก้า (อาร์เซน่อล)
29. คีเลียน เอ็บบัปเป้ (เรอัล มาดริด)
30. ลามีน ยามาล (บาร์เซโลน่า)

อย่างไรก็ตาม พิธีประกาศรางวัลบัลลงดอร์ 2024 จะมีขึ้นในวันที่ 28 ต.ค. 67 นี้ ที่ ’เตียเตอ ดู ซาเตอเลต์’ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

'ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์' จับมือ 'ไทเกอร์' ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการสโมสร

(20 ธ.ค.67) ไทเกอร์ แบรนด์เครื่องดื่มพรีเมียมชั้นนำในเอเชีย ขึ้นแท่นเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ (Tottenham Hotspur) ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญหลังการประกาศ ความร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยความร่วมมือในครั้งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเชื่อมต่อกับคอมมูนิตี้แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ทำให้แฟนบอลได้ใกล้ชิดกับสโมสรโปรดมากยิ่งขึ้น

ฌอน โอดอนเนลล์ ผู้อำนวยการแบรนด์ระดับโลกของไทเกอร์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าความกล้าหาญของแต่ละบุคคลมีรากฐานมาจากการสนับสนุนของคนรอบข้าง โดยความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อของเราที่ว่าความก้าวหน้าไม่ได้มาจากคนเพียงคนเดียว แต่เป็นผลลัพธ์จากการร่วมมือกันเพื่อสรรสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เราภูมิใจที่ไทเกอร์เป็นแบรนด์ที่พร้อมจะเฉลิมฉลองและเติมเต็มประสบการณ์เชียร์บอลของแฟน ๆ ทั่วโลก”

ด้วยฐานแฟนบอลกว่า 195 ล้านคนในเอเชีย สโมสรฟุตบอลท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ จึงเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ไทเกอร์ ในการสร้างคอมมูนิตี้ที่เหนียวแน่นและเชื่อมโยง แฟนบอลทั่วโลกเข้าด้วยกัน

ไรอัน นอริส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของสโมสรท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับไทเกอร์ แบรนด์พรีเมียมชั้นนำที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนบอลในเอเชีย โดยใช้ฟุตบอลเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้คนและสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำร่วมกัน”

ไทเกอร์ ได้ทำการสำรวจกับแฟนบอลกว่า 2,000 คน และพบว่าเกือบ 3 ใน 4 ของกลุ่มแฟนบอล เชื่อว่า การที่แบรนด์มีกิจกรรมร่วมกับแฟนบอลทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิดกับทีมที่เชียร์มากยิ่งขึ้น แบรนด์ไทเกอร์จึงเตรียมมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและไม่เหมือนใครให้กับแฟนบอลของสโมรสรท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น แฟนมีตติ้งสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โอกาสพิเศษในการเข้าชมการฝึกซ้อมของทีม และการเข้าร่วมเวิร์กช็อปฟุตบอลกับทีมโค้ชระดับโลก

‘จ่าคลั่ง’ สงกรานต์ พวงน้อย กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง พร้อมขอโอกาสใหม่ หลังก่อเหตุต่อยกรรมการและย่ำคู่แข่งในศึกฟุตบอล T3

(27 มี.ค. 68) หลังจากเหตุการณ์ที่ สงกรานต์ พวงน้อย หรือ “จ่าคลั่ง” นักเตะหัวหิน ซิตี้ ก่อเหตุทำร้ายกรรมการและย่ำคู่แข่งจนโดนใบแดงในสนาม ส่งผลให้ทีม หัวหิน ซิตี้ ยกเลิกสัญญา ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ขอโทษผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมขอให้สังคมให้อภัยและยอมรับโอกาสที่เขาจะกลับมาทำความดีตอบแทนสังคม

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมระหว่าง หัวหิน ซิตี้ ที่เปิดบ้านพ่ายให้กับ ราชประชา 2-5 เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายสงกรานต์ผู้เล่นของหัวหิน ซิตี้ ไม่พอใจผู้เล่นทีมราชประชา ที่ไม่ยอมออกไปปฐมพยาบาลนอกสนาม จนเกิดการมีปากเสียงกัน ก่อนที่จ่าคลั่งจะเข้าไปย่ำเท้าใส่คู่แข่ง ต่อยกรรมการ จนผู้ตัดสินไม่รอช้าแจกใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

ต่อมา สงกรานต์ พวงน้อย โพสต์ข้อความหลังจบเกม ความว่า กระผมต้องกราบขอโทษสโมสรราชประชาและน้องเบอร์ 10 และผมต้องกราบกราบขอโทษผู้ตัดสินจากใจจริง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสิ่งที่ผมกระทำไปเป็นอารมณ์ชั่ววูบและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชน และผมก็ขอโทษน้องส่วนตัวแล้วก็เข้าไปขอโทษโค้ช ขอโทษเพื่อนร่วมทีมที่ร่วมเล่นทุกๆคน 

พร้อมทั้งขอโทษแฟนบอลทุกๆท่านสิ่งที่ผมทำไป ผมได้ทำผิดพลาดไปแล้วผมหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นกับตัวผมอีกเป็นบทเรียนให้ผมได้เรียนรู้ ต้องกราบขอโทษจากใจจริงครับผม และผมหวังว่าทุกคนจะให้อภัยในสิ่งที่ผมทำต้องกราบขอโทษจากใจจริงมาณที่นี้ครับ

ปัจจุบัน สงกรานต์ พวงน้อย ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตำรวจในตำแหน่ง ตำรวจจราจร ซึ่งเขาได้ทำหน้าที่นี้มาตลอดตั้งแต่ยังค้าแข้งกับทีม หัวหิน ซิตี้ โดยเจ้าตัวได้โพสต์ขอโทษอีกครั้งว่า “ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้อีกทีนึง ผมจะทำความดีทดแทนสังคม ขอให้สังคมและแฟนบอลให้อภัยผมสิ่งที่ผมทำไป เป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วเป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลัง และเยาวชนรุ่นหลังห้ามเอาเป็นตัวอย่าง”

ทั้งนี้ บทลงโทษของ สงกรานต์ พวงน้อย คือห้ามเข้าร่วมการแข่งขันที่สมาคมจัดขึ้นเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่มีคำสั่งนี้เป็นต้นไป และถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 20 นัด ถูกปรับเงิน 310,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 77,500 บาท

2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ครบรอบ 9 ปี แชมป์ประวัติศาสตร์ ‘เลสเตอร์ ซิตี้’ จากทีมรองบ่อนสู่ถ้วยพรีเมียร์ลีก และการตกชั้นล่าสุดที่สะเทือนใจแฟนบอล

ในค่ำคืนประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ได้รับการประกาศให้เป็น แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015–16 อย่างเป็นทางการ หลังจากผลการแข่งขันระหว่าง เชลซี กับ ทอตนัม ฮอตสเปอร์ จบลงด้วยผลเสมอ 2-2 ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์

แม้เลสเตอร์จะไม่ได้ลงสนามในวันนั้น แต่ผลเสมอดังกล่าวทำให้คะแนนของทอตนัม ฮอตสเปอร์ ซึ่งเป็นคู่แข่งลุ้นแชมป์อันดับสองในขณะนั้น ไม่สามารถไล่ตามเลสเตอร์ทัน ในช่วงสองนัดสุดท้ายของฤดูกาล ส่งผลให้ 'จิ้งจอกสยาม' คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรในปี 1884

ชัยชนะในฤดูกาลนี้ถือเป็นหนึ่งใน เรื่องราวปาฏิหาริย์ของวงการกีฬา เพราะก่อนเปิดฤดูกาล เลสเตอร์ถูกมองว่าอาจต้องหนีตกชั้น และมีอัตราต่อรองแชมป์อยู่ที่ 5,000 ต่อ 1 จากบ่อนรับพนันในอังกฤษ แต่ภายใต้การคุมทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี และการเล่นอย่างยอดเยี่ยมของนักเตะอย่าง เจมี วาร์ดี, ริยาด มาห์เรซ และ เอ็นโกโล ก็องเต ทีมสามารถสร้างปรากฏการณ์ 'เทพนิยายเลสเตอร์' ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2024–25 เลสเตอร์ ซิตี้ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อพวกเขาตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังจากพ่ายแพ้ให้กับทีมแชมป์อย่างลิเวอร์พูล 0-1 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 นับเป็นการตกชั้นครั้งที่สองในรอบสามฤดูกาลของสโมสร โดยก่อนหน้านี้ในฤดูกาล 2022–23 เลสเตอร์จบอันดับที่ 18 ของตารางและต้องตกชั้นลงสู่แชมเปียนชิป

การตกชั้นล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาภายในสโมสร ทั้งในด้านการบริหารและผลงานในสนาม แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมและความพยายามในการปรับปรุงทีม แต่เลสเตอร์ก็ไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีพอที่จะอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ ซึ่งการตกชั้นนี้ทำให้สโมสรต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับโครงสร้างทีมและวางแผนเพื่อกลับคืนสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในอนาคต

เรื่องราวของเลสเตอร์ ซิตี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในวงการฟุตบอล ที่ความสำเร็จในอดีตไม่ได้รับประกันความสำเร็จในอนาคต และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสำเร็จอย่างยั่งยืน​

ชายอังกฤษวัย 53 ขับรถพุ่งใส่แฟนบอลลิเวอร์พูล บาดเจ็บกว่า 45 ราย กลางขบวนแห่ฉลองแชมป์

เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.68) เกิดเหตุการณ์รถยนต์พุ่งชนฝูงชนที่กำลังเฉลิมฉลองการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 20 ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล บนถนนวอเตอร์สตรีท เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 47 ราย ในจำนวนนี้มีเด็ก 4 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย

เบื้องต้นผู้ขับขี่รถยนต์ดังกล่าว เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 53 ปี ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ โดยตำรวจเมอร์ซีย์ไซด์ระบุว่า เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย และเชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยลำพัง

หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ฝูงชนกรูเข้าทุบกระจกเพื่อหยุดยั้ง แต่คนขับกลับเร่งเครื่องพุ่งชนต่ออีก ชาวเมืองและแฟนบอลต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ทำให้วันแห่งความสุขกลายเป็นฝันร้าย

ตำรวจขอความร่วมมือประชาชนงดเผยแพร่ภาพรุนแรงและหลีกเลี่ยงการคาดเดาสาเหตุของเหตุการณ์นี้ โดยระบุชัดเจนว่าผู้ต้องสงสัยเป็นชายผิวขาว เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดในโซเชียลมีเดียที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยกย่องความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ผู้เข้าช่วยเหลือ พร้อมกล่าวว่า “ทุกคน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ควรได้เฉลิมฉลองฮีโร่ของพวกเขาโดยปลอดภัย” ขณะที่สโมสรลิเวอร์พูลและพรีเมียร์ลีกต่างออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุรุนแรงดังกล่าวเช่นกัน

นักศึกษาไทยจากม.ซุนยัตเซ็น มุ่งมานะด้วยความพยายาม สู่นักกิจกรรมต้นแบบ พัฒนาชนบทจีนและแพลตฟอร์มดิจิทัล

(5 มิ.ย. 68) แพลตฟอร์มสำหรับการจัดการและเผยแพร่บทความของ WeChat Official Accounts ลงข่าวยกย่องนักเรียนไทย นายอภิรักษ์ รัตนาการุณพงศ์ หรือชื่อจีน เฉิน เจี้ยนหวา นักศึกษาชาวไทยจากคณะวิศวกรรมซอฟต์แวร์ มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น (中山大学) รุ่นปี 2021 ค่อย ๆ ก้าวผ่านอุปสรรคทางภาษาและระบบการศึกษาที่แตกต่างในช่วงแรกของการเรียน ด้วยความมุ่งมั่นในการเรียน เขาสามารถยกระดับเกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) เกิน 3.0 พร้อมจบหลักสูตรได้อย่างยอดเยี่ยม

นอกเหนือจากการเรียน เฉิน เจี้ยนหวา ยังเข้าร่วมโครงการพัฒนาเทคโนโลยีภายในคณะ เช่น ทีม 'SSE-Market' ที่สร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลข้ามวิทยาเขต รวมถึงการเข้าร่วมชมรมต่างๆ เช่น สมาคมนักศึกษาไทย-จีน (TCSA) และสมาคมฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นหลักของทีมฟุตบอลคณะ และในบางโอกาสเขายังทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในกิจกรรมแข่งขัน

ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปี 2023 เขาเข้าร่วมกิจกรรมซานเซี่ยเสียง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาชนบทในมณฑลกวางตุ้ง โดยนำความรู้ด้านดิจิทัลมาช่วยโปรโมตสินค้าท้องถิ่นผ่านการสร้าง 'ดิจิทัลอวตาร' สำหรับถ่ายทอดสดและพัฒนาแผนการตลาดออนไลน์ให้ศูนย์อีคอมเมิร์ซของเมืองเหลียนโจว

เฉิน เจี้ยนหวา ยังมีบทบาทในกิจกรรมส่งเสริมการศึกษา โดยเป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยในการแนะนำการเรียนที่จีนแก่เยาวชนไทยผ่านงาน HSK และ China Fair ซึ่งเขาให้ข้อมูลด้านการเรียนต่อ ทุนการศึกษา และการปรับตัวในชีวิตมหาวิทยาลัย พร้อมตอบข้อสงสัยของผู้ปกครองและนักเรียนอย่างใกล้ชิด

หลังเรียนจบ เขากล่าวถึงประสบการณ์ 4 ปีที่มหาวิทยาลัยว่า “เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ความอดทน และการเติบโตในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจวัฒนธรรมจีนผ่านการเรียนรู้และการลงพื้นที่จริง การแลกเปลี่ยนในสนามฟุตบอล หรือการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักศึกษานานาชาติและสังคมจีน”

‘ซาน่า เอ็นริเก้’ เด็กหญิงตัวน้อยผู้กลายเป็นดวงดาว ส่องนำทางสู่ชัยชนะให้แก่พ่อผู้หัวใจแตกสลายของเธอ

(25 มิ.ย. 68) หากใครได้ชมการแข่งขันฟุตบอล UEFA Champions League นัดชิงชนะเลิศเมื่อค่ำคืนวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่างทีมอินเตอร์มิลานจากอิตาลี vs ปารีสแซงแชร์กแมง (PSG) จากฝรั่งเศส ก็คงจะสังเกตเห็นแผ่นป้ายผ้าใบขนาดยักษ์อันสวยงาม หรือ Tifo บนอัฒจันทร์ฝั่งกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง 

ปกติแล้วภาพผืนผ้าใบยักษ์หรือ Tifo นี้จะเป็นภาพที่แสดงออกถึงความฮึกเหิม หรืออัตลักษณ์สำคัญของทีมนั้นๆ เพื่อเป็นการส่งพลังไปให้กับนักฟุตบอลในสนามเพื่อลงไปใส่ให้เต็มที่กับคู่แข่ง 

และเมื่อบวกกับเสียงเชียร์อันดังสนั่นจากกองเชียร์แล้วก็เหมือนเป็นการ “ข่ม” คู่แข่งและกองเชียร์ฝั่งตรงข้ามไปด้วยในตัวนั่นเอง เช่น Tifo จากทางฝั่งอินเตอร์มิลานก็เป็นรูปงูดูดุดันน่าเกรงขาม ซึ่งงูก็เป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังที่รู้จักกันดีของสโมสรอินเตอร์มิลานในขณะที่ Tifo บนอัฒจันทร์ฝั่ง PSG กลับเป็นรูปที่ไม่ได้แสดงออกถึงความขึงขัง ฮึกเหิม ดุดันอะไรแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นรูปชายคนหนึ่งกำลังปักธงของ PSG บนพื้นสนาม โดยมีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งใส่ชุดแข่งของ PSG เบอร์ 8ยืนมองอยู่

บนหลังของเธอสลักชื่อว่า Xana 

ชายที่กำลังปักธงก็คือ หลุยส์ เอ็นริเก้ เฮดโค้ชคนปัจจุบันของ PSG ที่ทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม นำ PSG คว้า 2 แชมป์ใหญ่ในประเทศและกำลังพาทีมของเขาสร้างประวัติศาสตร์เข้าชิงชนะเลิศถ้วยที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปเพื่อเป็น Treble Champs หรือคว้า 3 ถ้วยสำคัญได้ภายในปีเดียวเหมือนที่เขาเคยทำได้ครั้งหนึ่งกับสโมสรบาเซโลนาเมื่อปี 2015 มาแล้ว 

ส่วนเด็กผู้หญิงในภาพก็คือ ซาน่า เอ็นริเก้ ลูกสาวคนสุดท้องของเขานั่นเอง โดยภาพๆนี้ เป็นภาพที่เคยเกิดขึ้นจริงในปี 2015 เมื่อหลุยส์ เอ็นริเก้ นำสโมสรบาเซโลนาคว้า 3 แชมป์ได้สำเร็จ ในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองการขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกฟุตบอลของหลุยส์ ซาน่าในวัย 5 ขวบได้วิ่งเข้าไปหาพ่อของเธอเป็นคนแรก และก็อยู่กับพ่อของเธอด้วยตลอดการเฉลิมฉลองอันยาวนานในค่ำคืนนั้น 

โดยเธอใส่เสื้อบาเซโลน่าเบอร์ 8 และโมเม้นท์สำคัญสำหรับคนทั้งคู่ก็คือ ซาน่าได้ช่วยพ่อของเธอปักธงบาเซโลน่าลงบนพื้นสนาม โดยภาพๆนี้ได้กลายเป็นภาพจำของซาน่าในฐานะนางฟ้าแห่งชัยชนะของหลุยส์ และบรรดาแฟน ๆ ของ PSG ก็ได้นำเอาภาพนี้มาทำเป็น Tifo โดยเปลี่ยนแค่ชุดของซาน่าและธงในมือของหลุยส์จากบาเซโลนาเป็น PSG เท่านั้น โดยคงรายละเอียดอื่นๆของภาพไว้ครบถ้วน หากแต่ว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมจากค่ำคืนอันสวยงามนั้นก็คือ ในวันที่หลุยส์ เอ็นริเก้กำลังจะนำ PSG สร้างประวัติศาสตร์คว้า Treble Champ เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งที่สองในอาชีพกุนซือของเขานั้น ซาน่ากลับไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับพ่อของเธออีกแล้ว…. 

ซาน่า เอ็นริเก้ จากโลกนี้ไปในปี 2019 ด้วยวัยเพียง 9ขวบจากอาการของโรคมะเร็งกระดูกชนิดหายาก ในช่วงระหว่างการต่อสู้กับโรคมะเร็งของซาน่านั้น หลุยส์และครอบครัวได้ดูแลเธออย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาพาเธอไปรักษากับหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องมะเร็งกระดูกที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก ทุ่มเงินทั้งหมดที่เขามี มอบเวลาแทบจะทั้งหมดที่เขามีให้กับเธอโดยวางฟุตบอลไว้เป็นเรื่องรอง 

แต่ในที่สุดก็ไม่มีใครสามารถฝืนชะตาได้ ในวันที่ซาน่าจากไปอย่างสงบนั้น หลุยส์ได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า เหมือนกับว่าแสงสว่างทั้งหมดในชีวิตของเขานั้นได้ดับมืดลงไปพร้อมกับชีวิตของซาน่าด้วย เขาเปรียบการสูญเสียลูกสาวว่าเหมือนกับการสูญเสียดวงดาวนำทางของชีวิตไปอย่างไม่มีวันหวนคืน 

แต่อย่างไรก็ดี สำหรับหลุยส์แล้ว ซาน่าจากไปเพียงแค่ร่างกายเท่านั้น แต่ความรักและจิตวิญญาณของเธอยังคงอยู่กับเขาเสมอ รวมถึงความทรงจำอันสวยงามตลอด 9 ปี ที่เธอเกิดมาเป็นลูกสาวอันแสนงดงามและสดใสของเขาก็ยังคงเป็นพลังและแรงส่งให้เขาเสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลุยส์ได้ไปเยี่ยมแม่ของเขาภายหลังจากที่ซาน่าจากไปไม่นานแล้วพบว่าที่บ้านแม่ของเขาไม่มีรูปของซาน่าเหลืออยู่อีกเลย 

เขาจึงได้ถามแม่ของเขาว่า รูปของซาน่าทั้งหมดในบ้านหายไปไหน แม่ของหลุยส์ก็ได้ตอบว่าเธอได้เก็บรูปของซาน่าทั้งหมดไว้ในห้องเก็บของเพราะเธอทำใจไม่ได้และร้องไห้ด้วยความเสียใจทุกครั้งที่ได้เห็นรูปของซาน่า หลุยส์ตอบแม่ของเขาไปว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ถูกต้อง เพราะถึงแม้ว่าซาน่าจะได้จากไปแล้ว แต่เธอก็ได้ฝากความทรงจำที่มีความสุขและพลังงานดี ๆ มากมายไว้ให้กับคนที่เธอรักและรักเธอ 

ดังนั้นพวกเราจึงไม่ควรจะจมอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจ และกำจัดความเศร้านั้นด้วยการพยายามลืมเธอหรือไม่นึกถึงเธอ นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกในการบำบัดหัวใจที่แตกร้าวเพราะการสูญเสีย ในทางกลับกันพวกเราควรระลึกถึงเธอเสมอโดยเฉพาะความสุขและความรักที่เธอมอบให้เราอย่างเต็มเปี่ยมมาตลอดชีวิตอันสว่างไสวของเธอ และเราควรจะระลึกอยู่เสมอว่าเราโชคดีเพียงไรที่ได้มีโอกาสได้รับความสุขนั้นจากเธอถึง 9 ปี นั่นต่างหากถึงจะเป็นการตอบสนองที่ถูกต้องและแสดงความเคารพต่อตัวตนของเธอ ความทรงจำของเธอ และความรักที่เธอฝากไว้ให้กับพวกเรา 

และในค่ำคืนแห่งฟุตบอลนัดสำคัญที่สุดนัดหนึ่งในชีวิตของหลุยส์ แฟนบอลของ PSG ได้เลือกที่จะแสดงความรักต่อผู้นำทัพของพวกเขาด้วยการแสดงออกถึงความเคารพและระลึกถึงซาน่าประดุจแสงดาวนำทางสู่ความสำเร็จตามที่หลุยส์เคยกล่าวถึงเธอไว้ด้วยความรักอย่างที่สุด 

ผลการแข่งขันในค่ำคืนแห่งโชคชะตานี้ปรากฏว่า PSG ชนะไปถึง 5-0 ชนิดที่อินเตอร์มิลานสู้ไม่ได้ในทุกเหลี่ยมมุม ทำให้ PSG ภายใต้การนำของหลุยส์เถลิงบัลลังก์จุดสูงสุดของยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรและเป็นการทำ Treble Champ เป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตของหลุยส์ 

ส่งผลให้ชื่อของเขาได้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลทันทีว่าเป็นโค้ชคนที่ 6 ในโลกนี้ที่ทำทีมเป็นแชมป์สโมสรยุโรปได้จาก 2 สโมสร (บาเซโลนา และ PSG) 

และในวินาทีที่กรรมการเป่านกหวีดยาวหมดเวลาการแข่งขันเป็นการย้ำชัดเจนถึงการเป็นเจ้ายุโรปและ Treble Champ ของ PSG หลุยส์ก็ได้เปลี่ยนเสื้อเตรียมขึ้นรับถ้วยรางวัลที่สำคัญที่สุดถ้วยหนึ่งในชีวิตของเขาเป็นเสื้อยืดลายการ์ตูนของมูลนิธิซาน่า เอ็นริเก้ที่เขาและครอบครัวก่อตั้งขึ้นภายหลังการจากไปของซาน่า 

โดยมูลนิธินี้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงทุกโรคไม่เพียงแต่มะเร็งเท่านั้น เพราะหลุยส์รู้ซึ้งดีถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียซาน่าและเขาไม่ต้องการให้ใครต้องรู้สึกแตกสลายเช่นเดียวกันกับเขาอีก

หลุยส์ เอ็นริเก้ แม้จะเศร้าโศกจากการสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักสักเพียงใด แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้และลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เพราะเขามีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าลูกสาวอันเป็นที่รัก จะเฝ้ามองเขาอยู่จากที่ใดที่หนึ่งอันไกลแสนไกลและเธอจะรับรู้ได้ถึงความสุขและความทุกข์ของเขาดังเช่นที่เคยเป็นมา 

ดังนั้น ถึงแม้ว่าการจากไปของซาน่าจะทิ้งบาดแผลขนาดใหญ่ไว้ในหัวใจของเขา แต่เขาก็เลือกที่จะเก็บเอาความทรงจำอันสว่างไสวของลูกสาวมาเป็นพลัง และเอาความรักอันเปี่ยมล้นที่มีต่อเธอเป็นดั่งแสงดาวนำทางให้ชีวิตของเขาก้าวเดินต่อไปสู่ความสำเร็จ เพราะเขารู้ว่าในวันที่เขามีความสุขและประสบความสำเร็จซาน่าก็จะมีความสุขและร่วมยินดีไปกับเขาด้วยเหมือนที่เป็นมาเสมอนั่นเอง 

หลุยส์ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนนัดชิงถ้วยสโมสรยุโรปในครั้งนี้ไว้ว่า "ผมจำภาพถ่ายที่น่าทึ่งภาพหนึ่งได้ เป็นภาพที่ผมถ่ายกับเธอหลังคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ที่กรุงเบอร์ลิน ขณะกำลังปักธง บาร์เซโลน่า ลงบนสนาม"

"ผมหวังว่าจะได้ทำแบบนั้นอีกครั้งกับ เปแอสเช แม้ว่าลูกสาวของผมจะไม่ได้อยู่ที่นั่นทางร่างกาย แต่เธอจะอยู่ที่นั่นในทางจิตวิญญาณ และนั่นสำคัญกับผมมากจริงๆ"

และแฟนบอล PSG ก็ตอบสนองต่อความรักระหว่างหลุยส์กับซาน่าได้อย่างงดงามและน่าจดจำอย่างที่สุด และเป็นอีกครั้งที่พวกเราได้เห็นว่าฟุตบอลนั้นสวยงามเพียงไร 

ใดๆdigest หวังว่าเรื่องราวของหลุยส์กับซาน่า เอ็นริเก้ คงจะช่วยปลอบโยนใครก็ตามที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และขอแสดงความเคารพต่อดวงจิตทุกดวงที่สร้างความทรงจำอันสว่างไสวและมอบความรักอันสวยงามให้กับผู้คน 

ขอให้ความรักนำทางทุกท่านครับ 

Xana Enrique 
ด้วยจิตคารวะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top