Friday, 3 May 2024
พัทยา

‘ดร.เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ หาเสียงข้าม 2 จังหวัด แปดริ้วยาวถึงพัทยา ขอคะแนน ปชช.ให้โอกาสคนรุ่นใหม่พลิกฟื้นเศรษฐกิจตะวันออก

(3 พ.ค. 66) ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุยขอคะแนนหาเสียงวานนี้ (2 พ.ค.) ให้กับผู้สมัคร ส.ส.ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ตั้งแต่แปดริ้ว บางแสน ศรีราชา พัทยา โดยร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4  นายศรุต วัฒนสมบูรณ์ ชลบุรี เขต 1 เบอร์ 8 นายสุขสันต์ มิสสาจันทร์ ชลบุรี เขต 7 เบอร์ 5 ว่าที่ ร.ต.ประกฤต กลิ่นวิชิต ชลบุรี เขต 9 เบอร์ 1 และมีผู้สมัครจากเขตอื่นมาร่วมกันเดินขอคะแนนในครั้งนี้ด้วย

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ได้กล่าวถึงปัญหาน้ำทะเลหนุนของแม่น้ำบางปะกง เพื่อจะได้ช่วยหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับนายประโยชน์ โสรัจจกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 เบอร์ 4 จากปัญหานี้ ทำให้พี่น้องฉะเชิงเทราได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก น้ำทะเลหนุนจนน้ำประปาเค็มจัด ผู้ที่ไม่มีน้ำประปาใช้สุดลำบาก จึงมีแนวคิด ‘สูบน้ำกลับอ่างสียัด’ เพื่อให้ชาวแปดริ้วในพื้นที่ฝั่งซ้ายใช้น้ำจากอ่างสียัด ส่วนพื้นที่ฝั่งขวา ใช้น้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยา และปล่อยน้ำจากแม่น้ำบางปะกงให้ไหลลงทะเล

อ่างสียัดมีศักยภาพบรรจุน้ำได้ 455 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเก็บน้ำเพียง 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี แสดงว่ายังสามารถบรรจุได้อีก 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อปี จึงหาทางแก้ปัญหานี้ คือการสูบน้ำกลับอ่างสียัด เพื่อให้ได้ประโยชน์อื่น เพื่อชะลอการรุกตัวของน้ำเค็ม เพื่อมีน้ำให้ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง และสำคัญมีน้ำดิบผลิตน้ำประปาเพียงพอตลอดทั้งปี แนวคิดนี้เป็นความคิดจากผู้สมัครเขต 1 ฉะเชิงเทรา ที่มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ มุ่งหน้าต่อเข้าบางแสน ศรีราชา พัทยา จ.ชลบุรี ได้พบกลุ่มคนทุกอาชีพ ทั้งโซนโรงงาน โซนธุรกิจกลางคืน ผู้ประกอบอาชีพค้าขายทั่วไป โดยเสนอย้ำนโยบาย ‘ตรวจสุขภาพ ฟรี รักษา ฟรี บัตรประชาชนใบเดียว’ ให้กับกลุ่มโซนโรงงาน เป็นมาตรการเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการ รักษาพยาบาล และสร้างแรงจูงใจในการได้รับสวัสดิการที่พึงได้รับโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

'โตโยต้า' นำ 'สองแถวไฟฟ้า' ให้ลองใช้ฟรีในเมืองพัทยา ปลุกกระแสพัฒนาเมืองยั่งยืนปราศจากมลภาวะ

'โตโยต้า' เอาด้วย!! นำ 'สองแถวไฟฟ้า' ให้มาทดลองใช้ในพื้นที่เมืองพัทยาจำนวน 12 คัน ในต้นปี 2567 เพื่อพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ โดยเมืองพัทยาไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่นานมานี้ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยคุณสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และคุณเรวัฒน์ เชี่ยงฉิน ประธานกรรมการ สหกรณ์เดินรถพัทยา จำกัด ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ (ฉบับที่ 2) ซึ่งมีนายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เรือตรีปราโมทย์ ทับทิม ปลัดเมืองพัทยา สมาชิกสภาเมืองพัทยา หัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมสักขีพยาน ณ ห้องประชุมทัพพระยา ศาลาว่าการเมืองพัทยา 

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะถือเป็นวาระสำคัญ ที่จะพัฒนาเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศตามแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทย ทางพัทยาได้มีแนวทางการส่งเสริมเมืองพัทยา ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ ที่พร้อมผลักดันตามนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนให้เมืองพัทยาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการ ตลอดจนการลดใช้จ่าย ด้วยการลดการใช้ทรัพยากรของเมือง และประชาชน 

โดยเน้นการออกแบบการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ ภาคประชาชนในการพัฒนาเมือง ภายใต้แนวคิด การพัฒนาเมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัย ให้ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี จากโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ (Decarbonized Sustainable City) ที่ได้เริ่มโครงการตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา ซึ่งได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเมืองอัจฉริยะต้นแบบให้แก่ประเทศไทย ทั้งในด้านการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภทต่างๆ มาให้บริการ รวมทั้งรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งเป็นมิติใหม่ทางด้านพลังงาน เข้ามาใช้ในการเดินทาง อีกทั้งการสร้างสถานีต้นแบบเติมไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงแห่งแรกของประเทศไทย

ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของเมืองพัทยา ที่จะได้สานต่อความร่วมมือดังกล่าว ในการนำรถยนต์สองแถวไฟฟ้าเข้ามา ทดลอง ภายใต้โครงการ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเมืองพัทยา ทั้งด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมความพร้อมของเมืองพัทยา ให้ไปสู่เมืองอัจฉริยะผ่านความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า เมืองพัทยา และสหกรณ์เดินรถพัทยา ภายใต้โครงการความร่วมมือ 'โครงการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ' ที่ทุกภาคส่วนร่วมกับขับเคลื่อนพัฒนาเมืองพัทยา ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นต้นแบบของการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการเดินทางที่ทันสมัย ซึ่งจะนำพาเมืองพัทยาให้เป็นพื้นที่ต้นแบบในการสร้างสมดุลระหว่าง เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่เมืองอัจฉริยะ และปราศจากมลภาวะต่อไป

ดีใจลูกช้างเกิดใหม่ จัดรับขวัญอย่างยิ่งใหญ่ นับเป็นเชือกที่ 106 ของสวนนงนุชพัทยา

เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค.66 ที่สวนนงนุชพัทยา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วยพระครูเกษมกิตติโสภณ (อาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต ร่วมเป็นประธานในพิธีเสริมสิริมงคล คล้องพวงมาลัยรับขวัญลูกช้างสมาชิกใหม่ ที่ตกลูกเป็นเชือกที่ 3  ของปี 2566  และเชือกที่ 106 ของปางช้างสวนนงนุชพัทยา โดยมีการจัดขบวนนางรำรับขวัญช้างน้อย พร้อมนำโขลงช้างกว่า 50 เชือก เข้าร่วมในพิธีต้อนรับสมาชิกใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย พร้อมตั้งชื่อว่า  พลายมะนาว  

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา กล่าวว่า พลายมะนาว ได้ตกลูกเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เวลา 23.00 น. ที่เกิดจากแม่ช้าง พังเลม่อน อายุ 9 ปี และพ่อช้างพลายไม้เมือง อายุ 21 ปี ยังเป็นลูกช้างตัวแรกของแม่เลม่อนอีกด้วย โดยได้ตั้งชื่อลูกช้างว่า พลายมะนาว เบื้องต้นลูกช้างและแม่ช้างมีสุขภาพแข็งแรงดี หลังตกลูกทางสวนนงนุชพัทยา ได้จัดทีมสัตวแพทย์และควาญช้างดูแลอย่างดี สำหรับ ปางช้างสวนนงนุชพัทยา ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง จากกรมปศุสัตว์และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เป็นแห่งแรกของประเทศไทย

พิธีรับขวัญช้างที่กำเนิดใหม่ของปางช้างสวนนงนุชพัทยา ถือเป็นประเพณีที่ดีงามที่ต้องจัดขึ้นเมื่อมีช้างคลอดใหม่ทุกเชือก เพื่อเป็นการเรียกให้ขวัญช้างที่อยู่ใกล้ไกลได้มาอยู่กับเนื้อกับตัวช้าง และเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคล ให้อายุมั่นขวัญยืนปราศจากโรคภัยทั้งหลายทั้งปวง มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ โดยคนไทยถือว่าช้างถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย มาตั้งแต่สมัยบรรพชน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เปิดปฏิบัติการสั่งรวบหัวหน้าแกงค์ Outlaws พัทยา และ ดำเนินการทางกฏหมายกับสมาชิกที่มีความเกี่ยวข้องรายอื่นๆ

​จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 ที่ผ่านมา นายฮานส์ ปีเตอร์ มัค อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมันได้หายตัวไป ก่อนจะพบถูกฆ่าหั่นศพ ในพื้นที่ สภ.หนองปรือ ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญซึ่งประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าวได้จำนวน 4 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายโอลาฟ ชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม OUTLAWS พัทยาอีกด้วย ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับกลุ่มดังกล่าวเพิ่มเติม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.2 และ ภ.จว.ชลบุรี สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มดังกล่าว และหากพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีทันที เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มแก็งค์ดังกล่าว เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการขับรถจักรยานยนต์คันใหญ่ มีการรวมตัวกันจากบุคคลหลากหลายสัญชาติ และจะมีการเช่าสถานที่เพื่อใช้นัดรวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีหลายจุดอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2, กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี, ตำรวจท่องเที่ยวชลบุรี, สภ.เมืองพัทยา, สภ.หนองปรือ, สภ.นาจอมเทียน และ นปส.พัทยา ได้ร่วมบูรณาการปิดล้อมตรวจค้นจุดต่างๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม OUTLAWS พัทยา ทั้งหมด 8 จุด ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ นาย THOMAS GINNER สัญชาติออสเตรีย โดยมีข้อมูลว่าบุคคลดังกล่าวแสดงตนเป็นหัวหน้ากลุ่ม OUTLAWS พัทยา พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 55/57 Meadows ม.17 ต.หนองปรือ  อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นและตรวจยึดสิ่งของภายในบ้านหลังดังกล่าว เช่น รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HARLEY DAVIDSON และ อุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับ OUTLAWS ภายในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อนำมาตรวจสอบ ซึ่ง นาย THOMAS GINNER เอง รับว่าเป็นหัวหน้าแกงค์ OUTLAWS พัทยา จริง แต่ได้ถอนตัวแล้วนับแต่เกิดเหตุฆาตกรรม ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้าน พบว่า นาย THOMAS GINNER เตรียเก็บของทำการย้ายหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้ตรวจสอบข้อมูลของ นาย  THOMAS GINNER ยังพบอีกว่า มีหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ของ สภ.เมืองพัทยา  จึงได้จับกุมตัว นาย THOMAS GINNER ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
​ในส่วนของเป้าหมายอื่นๆ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ มีผลการปฏิบัติดังนี้

​1.ตรวจค้นบ้านเลขที่ 21/204 หมู่บ้านโชคชัยการ์เด้นโฮม 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของ  นาย DANNY ROHDE สัญชาติเยอรมัน โดยมีการตรวจยึด รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น Z900 ทะเบียน 1 กญ 6335 กาฬสินธุ์ จำนวน 1 คัน อีกทั้งมีการตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกายซึ่งเบื้องต้นพบสารเสพติดในร่างกายของ นาย DANNY ROHDE โดยจะได้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

​2. ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  จำนวน 2 ราย ได้แก่ นาย DANIEL THOMAS  TOTH สัญชาติอเมริกัน และ นาย THEODOR MATIS สัญชาติสวิส เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
​3.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ มาเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม จำนวนทั้งสิ้น  4 คัน ดังนี้

​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ harley davidson รุ่น V rod muscle  ทะเบียน 2ขง-9776 กรุงเทพมหานคร
​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ  harley davidson รุ่น Roadking ปี09 ทะเบียน บกจ.-111 กรุงเทพมหานคร
​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ harley davidson รุ่น V rod custom ทะเบียน จธฉ-469 ชลบุรี
​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ harley davidson รุ่น Panamerica ทะเบียน 4ขก-7728 กรุงเทพมหานคร

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากกรณีเคสฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน พบว่ามีการรวมกลุ่มกันของกลุ่มนอกกฎหมายซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายประเภท เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ เป็นต้น เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.2, สตม. และท่องเที่ยว ร่วมกันตรวจสอบกลุ่ม OUTLAWS และกลุ่มแก็งค์อื่นๆ ที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำผิดในราชอาณาจักร สำหรับกลุ่ม OUTLAWS เบื้องต้นได้มีการจับกุมหัวหน้าแก๊งค์ซึ่งมีหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชนของ สภ.เมืองพัทยา รวมทั้งสมาชิกที่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเพิกถอนวีซ่าของสมาชิกที่พบว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำผิด จากนี้จะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจตราและสอดส่องกลุ่มเหล่านี้ หากพบการกระทำผิดอื่นใด จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน หากพบการกระทำผิดของกลุ่มเหล่านี้ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด่วน!! ออกหมายจับ ‘อิทธิพล คุณปลื้ม’ หลังเบี้ยวนัดศาล คดีอนุมัติสร้างคอนโดหรู บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา

(6 ก.ย. 66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 จังหวัดระยอง ได้ออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟรอนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมายว่า…

เรื่องดังกล่าวได้ทราบจาก นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ว่าพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้นัดให้ ป.ป.ช. นำตัวนายอิทธิพลมาพบพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่นายอิทธิพลไม่เดินทางมาตามนัด พนักงานอัยการจึงแจ้งให้ ป.ป.ช.ผู้ร้องไปดำเนินการขอศาลออกหมายจับ และศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 5 ก.ย. พนักงานอัยการมีหน้าที่ประสานให้นำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องตามกฎหมายต่อไป

“คดีนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการเมื่อวันที่ 3 ส.ค. อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง 30 ส.ค. คดีอยู่ที่อัยการไม่ถึงเดือน” นายโกศลวัฒน์ กล่าว

EA ส่ง ‘สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์’ เซ็นสัญญา PPP กับเมืองพัทยา ตั้งศูนย์จัดการขยะครบวงจรในเกาะล้าน ยกระดับสู่เมืองท่องเที่ยวยั่งยืน

บจก. สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์ บริษัทย่อยในกลุ่ม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด ได้เข้าร่วมลงนามสัญญาร่วมลงทุนแบบ PPP กับ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมีสัญญาระยะเวลา 25 ปี 

บจก. สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์ ได้ชนะการประมูลศูนย์กำจัดขยะชุมชนบนพื้นที่เกาะล้าน ต่อมาได้มีการลงนามสัญญากับเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ร่วมลงทุนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) จัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชน โดยแต่งตั้ง บจก. รอยัล กรีน เอ็นเนอร์จี เป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาโครงการด้วยวิธีเผาทำลายบนพื้นที่เกาะล้านแบบครบวงจร มีวัตถุประสงค์ลดปริมาณขยะในชุมชน โดยการนำเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากการเผามาใช้ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนสะสมที่บ่อขยะเกาะล้าน กว่า 65,000 ตัน และยังมีการคาดการณ์ในอนาคตจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 25 ตัน/วัน 

ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน จึงต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีแบบแผนและเร่งด่วน ซึ่งได้แบ่งการกำจัดขยะมูลฝอยเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นการจัดการขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และการจัดการขยะมูลฝอยที่สะสมอยู่ในบ่อพักขยะมูลฝอย โดยคาดว่ามีปริมาณขยะที่ต้องกำจัดไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัน พร้อมเตรียมกำจัดขยะมูลฝอยแบบถาวร ในระยะที่ 2 ต่อไป 

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ปัจจุบัน จากการขยายตัวของชุมชน และการขยายตัวของภาคธุรกิจร้านค้าหรือสถานประกอบการต่างๆ บนเกาะล้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยว จึงส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาขยะมูลฝอยตกค้างสะสมและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

เมืองพัทยาเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาให้มีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด จึงได้ดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน เพื่อให้การอนุมัติโครงการดังกล่าวเกิดความสัมฤทธิ์ผล และสามารถที่จะดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่

นายวสุ กลมเกลี้ยง Executive Vice President บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ กล่าวว่า EA ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ ‘Green Product’ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน, ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ธุรกิจแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน, ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และสถานีชาร์จ EA Anywhere โดย EA ได้ส่ง บจก. สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการขยะ ที่สามารถชนะประมูลในรูปแบบร่วมลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยตามสัญญาสัมปทาน แบบ Build Operate Transfer (BOT) มีระยะเวลาดำเนินการรวม 25 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการกำจัดขยะมูลเพื่อชุมชน

“โครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดธุรกิจใหม่ของ EA ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดขยะมูลฝอยสะอาดอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาและประเทศไทยต่อไป” นายวสุ กล่าวทิ้งท้าย

เปิดใจ ‘กัมพล ตันสัจจา’ ผู้อุทิศทั้ง ‘กาย-ใจ’ ให้ ‘สวนนงนุช’ พัทยา ชลบุรี ปัดตก!! แม้ถูกยื่นซื้อ 5 หมื่นล้าน เพราะหวังอยากให้ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้ของคนทุกวัย

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 66 วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ของ ‘กัมพล ตันสัจจา’ หรือ ‘คุณโต้ง’ ประธานกรรมการบริหารสวนนงนุช พัทยา จังหวัดชลบุรี วัย 76 ปี ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุว่า…

“นี่ ท่านประธานฯ ตัวจริง!!

“ไอ้ บ้านนอก”!!!

ถ้าไม่เคยอ่านข่าว ‘คุณโต้ง’ กัมพล ตันสัจจา ถ้าเจอคุณโต้ง วัย 76 ปี ที่แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ใส่เสื้อยืด ‘AI Baan Nawk’ ฉายาตัวเอง เราก็คงไม่คิดว่านี่คือ ‘ประธานบริษัท’ ตัวจริง แห่งสวนนงนุช พัทยา ชลบุรี รีสอร์ท และสวนที่ติด Top 10 ของโลก บนเนื้อที่ 1,700 ไร่ ที่ไม่ได้มีแค่สวน ต้นไม้ สัตว์ แต่มีทั้ง สวนพฤกษศาสตร์ที่เป็นเอกชน มีพิพิธภัณฑ์ สวนลอยฟ้า สวนผีเสื้อ สวนเฟิร์น Cactus บอนสี ไม้แปลก หายาก บ้านมด หินทุกชนิด รถเก่า รถหรู รถโบราณ ทะเบียน 8888 ทุกคัน นับร้อยคัน

และหลังโควิด-19 ก็ปรับปรุงใหม่ มีทั้งพิพิธภัณฑ์ โขน พระเครื่อง และสร้าง ‘จูราสสิค พาร์ค’ ไดโนเสาร์เป็นพันตัว ทุกสายพันธุ์ รวมทั้ง ศิลปะการเรียงหินเป็นรูปร่างต่างๆ

เพราะช่วงโควิด-19 ท่านประธานโต้ง ไม่ได้ปลดพนักงาน ตอนนั้นให้อยู่แต่ในสวนนงนุชเพื่อกักโรคตามนโยบายรัฐบาล แม้ไม่มีนักท่องเที่ยว แต่มีงานทำ ผมให้พนักงานเรียงสวนหิน โดยที่ผมวาดแล้วให้เขาวางตาม ทางสวนต้องดูแลพนักงาน ราว 2 พันชีวิต และช้างราว 100 เชือก รวมถึงการดูแลต้นไม้ ปรับปรุงสวน ให้เตรียมพร้อมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

ที่นี่ประเมินมูลค่ามหาศาล เคยมีข่าวว่า ‘ญี่ปุ่น’ ขอซื้อ 5 หมื่นล้าน แต่ไม่ขาย เพราะประธานโต้ง บอกว่า อยากทำให้ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้ของเด็กๆ มานอนที่นี่ แล้วท่องเที่ยวในแต่ละส่วนให้ครบ เพราะความตั้งใจคือทำยังไงให้เด็กๆ ชอบที่นี่ และตอนนี้ก็ต้องการให้เป็นสถานที่ที่ผู้สูงอายุสามารถมาท่องเที่ยวได้ รวมถึงคนพิการที่นั่งวีลแชร์ ก็มีที่พักที่อำนวยความสะดวกสำหรับวีลแชร์โดยเฉพาะ

คุณโต้ง จึงยังคงดูแลสวนเอง ยังคงเดินวันละหลายกิโลฯ สลับกับขับรถโฟร์วิลด์ เพราะไม่ชอบห้องแอร์ หรืออยู่แต่ในห้องแอร์ ชอบตากแดด อยู่ในที่อากาศร้อนได้ยาวนานและยังคงแข็งแรง”

โดยในคลิปคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ดังกล่าวนั้น คุณโต้งได้ระบุว่า…

“แรกๆ เราสร้างเพื่อหาเงินให้พออยู่ได้ แต่เมื่อเราอยู่ได้แล้ว เราต้องเริ่มคิดเลยว่าหน้าที่จริงๆ ของเรานั้นคืออะไร หน้าที่ของเราคืออบรมเยาวชนรุ่นใหม่ให้ ‘ชอบ’ ไม่ใช่ ‘รัก’ เหมือนกับเราตอนเด็กๆ เราชอบอะไรในตอนนั้น ตอนนี้เราก็ยังชอบอยู่ ตอนเด็กๆ คุณแม่ให้ทานอะไร ตอนนี้เราก็ยังชอบอยู่ หรืออย่างแต่ก่อนที่โรงเรียนพาไปเขาดิน เด็กทุกคนก็ชอบสัตว์กันทั้งนั้น แต่ตอนนั้นที่นี่ยังไม่มีส่วนนี้ ผมก็เลยทําส่วนขึ้นมาเพื่อให้เด็กเกิดความชอบให้ได้ คิดหลายร้อยวิธี ลองทําสวนสัตว์เล็กๆ สัตว์ก็ตายไปเรื่อยๆ ลองปั้นเป็นรูปปั้นสัตว์ไปร้อยกว่าชนิดเด็กก็ยังไม่มา ลูกน้องบอกให้ลองปั้น ‘ไดโนเสาร์’ ผมก็ลองปั้น ปรากฏว่าเด็กก็เริ่มมากัน จนทุกวันนี้ก็ยังปั้นอยู่ มีอยู่เกือบๆ 1,400 ตัวแล้ว มีครบหมดทุกสายพันธุ์

ทีนี้เมื่อเด็กมาแล้ว ผมก็ต้องคิดต่อว่าจะทํายังไงให้เขารักทั้ง 3 อย่าง คือ สวนสัตว์, พุทธศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งตอนนี้ผมเพิ่มเข้ามาอีก คือ เรื่องของศาสนา, อาหารไทย และความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาวะโลกร้อน เราจึงจัดทำโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และผมเข้าใจคนที่มาศึกษาดูงานเหล่านี้ เขาก็ต้องดูเรื่องพวกนี้ทั้งนั้น

ถ้าหากว่ามีสถานที่นึง ที่มีครบทุกอย่าง หรือเกือบครบทุกอย่าง เขามา เขาก็จะได้ประโยชน์สูงสุด เวลาเขามาเป็นกรุ๊ป เราก็ให้เขาเข้าไปสัมผัสเรื่องของ ‘โขน’ หรือเรื่องต่างๆ ซึ่งผมก็เห็นแล้วว่า ประเทศไทยของเรานั้น ต้องมีโขนให้ครบทุกชนิด ผมก็เลยทําจนครบ ทั้งหมด 500 กว่าชนิด และตัวองค์ประกอบของโขนนั้น ยังไม่เคยเห็นมีใครทําครบสักที ผมก็เลยสั่งให้ทํา ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 3 ปี ผมคาดว่าน่าจะครบ ‘สัตว์หิมพานต์’ 150 กว่าชนิด ตอนนี้เท่าที่เห็นก็เริ่มทําไปเยอะแล้ว แต่ผมคิดว่าจะทําให้ครบทั้งหมด ‘พญานาค’ ตอนนี้มีอยู่ 9 องค์ เราก็ให้ทําครบ

ตอนนี้ก็ทํา ‘กวนเกษียรสมุทร’ อยู่ เพื่อสร้างเข้าใจในวัฒนธรรมของเราให้ต่างชาติเขาได้รับรู้ ผมสร้าง ‘สวนฝรั่งเศส’ เพื่อเป็นสวนสวยงาม แต่ก็กลัวว่าเวลาถ่ายภาพออกมาแล้วจะบอกว่าอยู่ในยุโรป ผมก็เลยสร้างเจดีย์ไว้รอบๆ ถ่ายภาพออกมายังไงก็ต้องถ่ายเจดีย์ติดแน่นอน ไม่ใช่ในยุโรปแน่ และผมก็ยังทําต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ใจเด็กให้มากที่สุด ตรงไหนไม่ดีก็รื้อทําใหม่

ส่วนเรื่องของ ‘หิน’ ประเภทต่างๆ ก็รวมอยู่ที่นี่หมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไปพบกับคนที่เก็บหินมา ผมก็บอกให้เขาไปช่วยเก็บหินในประเทศไทยทั้งหมด ตอนนี้ก็ได้เยอะมาก เลยสร้างเริ่มพิพิธภัณฑ์หินและกระถางเครื่องปั้นดิน ซึ่งปั้นโดยศิลปดินท่านหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ชื่อ ‘คุณดู๋’ กระทางเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เหมือนกับในยุโรป และมีคําอธิบายแต่ละเรื่องว่ามีความหมายยังไง

และตอนนี้อะไรที่เราเห็นว่าไม่เหมาะสม เราก็จะรื้อแล้วทําใหม่ เราก็ปรับตามนิสัยของผู้คนในยุคปัจจุบัน เพราะสวนนงนุช ถูกออกแบบขึ้นมาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว สําหรับคนในยุคนั้นที่ชอบเดินดูสวน แต่ตอนนี้ คนไทย เอเชีย หรือแม้แต่ต่างชาติที่เริ่มไม่ชอบก็มีเลย ผมก็เลยแก้ไข้คำข้างหน้า โดยใช้คําว่า ‘Pocket Park’ หรือ ‘Inter Park’ ซึ่งเราก็เอาทุกอย่างไปอยู่ข้างหน้า นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทั้งโชว์รูมรถ, กระบองเพชร, โดนลอยฟ้า, สวนผีเสื้อ และพิพิธภัณฑ์พระ รวมถึงจุดพักทานข้าว ก็จะอยู่ข้างหน้าทั้งหมดเลย อยากจะดูสวนหลักที่เคยสร้างไว้ก็สามารถนั่งรถชมวิวได้ และจะเห็นสัตว์ตลอดทาง ผู้ปกครองก็จะได้อธิบายสิ่งต่างๆ ให้ลูกฟังได้

การเปิดให้เข้าสวนของเนอร์สเซอรีนั้น ผมคิดว่าเป็นสวนต้นๆ ของโลก ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเบื้องหลังของการผลิตต้นไม้ หรือเบื้องหลังของต้นไม้ ทําให้คนที่รักต้นไม้เห็นแล้วก็มีความรู้สึกอยากได้ต้นไม้ไปปลูกที่บ้าน นักท่องเที่ยวที่เป็นฝรั่งมาก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

จริงแล้วๆ ทั้งหมดมันก็เป็นตัวในตัวของมันเองอยู่แล้ว เข้าสวนไหนก็จะเจอต้นไม้ พันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ สีต่างๆ ที่เมืองนอกเขาก็เขาดีใจ เพราะว่าเป็นไอเดียที่ดีที่เขาควรจะต้องนับไปปรับปรุงสวนของประเทศเขา

ผมเตือนเขาว่า เป้าหมายหลักของเราคือ ‘เด็ก’ อย่าลืมในส่วนนี้นะ และผมก็เติมผู้สูงอายุเข้าไปด้วย เพราะคนไทยบางส่วนก็เที่ยวไม่เป็น เพราะบางครั้งลูกๆ ก็ไม่กล้าปล่อยให้คุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวกันเอง ลูกๆ เขาอยากเป็นคนพามา แต่บางทีกว่าลูกๆ จะมีเวลาก็ยาก…

แต่ถ้าเผื่อ ‘ไทยเที่ยวไทย’ ได้ ก็จะทำให้ ‘เมืองรอง’ เกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นเร็วด้วย ตอนนี้เมืองรองนั่งรอแขกต่างชาติ เพราะเขาไม่มาหรือเขามากันน้อยมาก เพราะนักท่องเที่ยวแต่ละคนมีเวลาไม่กี่วันในการมาเที่ยวประเทศไทย ทำให้ต้องท่องเที่ยวกลางวัน กลางคืนให้มากที่สุด มา 4 วันก็ต้องเห็นอะไรให้เยอะที่สุด ทำให้เขาไม่มีไปเที่ยวที่เมืองรอง นอกจากว่า เมืองรองจะมีอะไรที่พิเศษมากๆ เขาถึงจะไปกัน แต่ระหว่างทางก็ควรต้องมีอะไรที่น่าสนใจด้วย

ผมจึงคิดว่า การท่องเที่ยวนั้น ต้องเน้นเมืองหลัก เมืองใหญ่ของเรา สวนเมืองรองก็ต้องเป็น ‘ไทยเที่ยวไทย’ ช่วยกันสนับสนุน ตอนนี้คนไทยเริ่มเที่ยวเป็นบ้าง แต่ก็เที่ยวกันแค่เสาร์อาทิตย์นะ วันธรรมดาก็เที่ยวไม่ได้อีก

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการพัฒนา ‘สวนนงนุช’ ที่ผมจะทํา ผมจะไม่หยุด ผมอยากทําตลอดไป ตราบเท่าที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมก็จะทําให้เต็มที่ เพราะเราทําจนเราเข้าใจมันแล้ว และมันเป็นโอกาส เพราะคนที่มีโอกาสอย่างผมนั้นมีน้อยมาก แล้วผมจะทิ้งทุกอย่างไปเพื่อความสุขส่วนตัวได้ยังไง เพราะนี่คือความสุขของผม ผมเห็นเด็กๆ มากันทุกวัน ผมดีใจจะตาย”

‘เจ็ตสกีเวิลด์คัพ’ ประกาศความสำเร็จต้นแบบงานกีฬาซอฟต์พาวเวอร์ สร้างประโยชน์ชาติ 4 ด้าน พร้อมเปิดศึกเมืองพัทยา 13-17 ธ.ค.นี้

‘ศึกเจ็ตสกีเวิลด์คัพ’ ประกาศความสำเร็จสมบูรณ์แบบในฐานะต้นแบบงานกีฬาซอฟต์พาวเวอร์ไทย และสปอร์ตทัวริซึ่ม ‘WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023’ พร้อมจัด 13-17 ธันวาคม 2566 ณ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา และก้าวขึ้นเป็นคอนเทนต์กีฬาเจ็ตสกีพรีเมียม อันดับที่ 1 ของโลก ที่สร้างประโยชน์หลักชาติไทย 4 ด้าน ได้แก่ นำเข้าผู้ร่วมกิจกรรมจากทั่วโลกกว่า 3,000 คน เติบโตขึ้นเทียบชั้น ‘มหกรรมกีฬา’ สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน, ประชาสัมพันธ์เมืองไทยโดยถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม 121 ประเทศ ผู้ชมกว่า 100 ล้านคน, นำกีฬาไทยขึ้นเป็นแบรนด์กีฬาความเร็วโลก และยกระดับสร้างชื่อเสียงชาติไทยในฐานะผู้บริหารกีฬาโลก

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 66 จากการแถลงข่าวร่วมกันของ คุณณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, คุณสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, คุณ วีรพงศ์ พงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, คุณวงศ์สถิตย์ สุวรรณสุทธิ ผู้จัดการฝ่ายตลาดหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย และ พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ในฐานะประธานอำนวยการ จัดการแข่งขันฯ เปิดเผยว่า…

‘WGP#1 โมเดล’ เป็นโมเดลการพัฒนาแบรนด์ทัวร์นาเมนต์กีฬาไทย เพื่อให้เกิดการเติบโตด้านทรัพย์สินทางปัญญา และพัฒนากีฬาไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างยั่งยืนบนเวทีโลกขณะนี้ กล่าวได้ว่า ทัวร์นาเมนต์ ‘WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023’ ที่จะเริ่มแข่งขันวันที่ 13-17 ธันวาคม 2566 ณ เมืองพัทยา ประเทศไทย ได้ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ สร้างความเชื่อถือต่อคณะนักกีฬา ได้รับความสำคัญเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาเจ็ตสกี อันดับที่ 1 ของโลก อย่างเป็นทางการแล้ว มีจำนวนทีมแข่งนานาชาติ นักกีฬามือหนึ่งของโลกมากกว่าทุกๆ ทัวร์นาเมนต์

ทัวร์นาเมนต์ WGP#1 ของไทย กำลังมีอิทธิพลด้านซอฟต์พาวเวอร์ครอบคลุมกว่า 55 ชาติ ในการแข่งขันบนทวีปต่างๆ ประเทศไทยมีเครื่องมือการขยายงานที่สำคัญคือ ‘การเป็นเจ้าของทัวร์นาเมนต์ เจ็ตสกีเก็บคะแนนชิงแชมป์โลก’ หรือ ‘World Series’ ที่จัดบนทวีปหลักของโลก 3 ทวีป ได้แก่ ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา และทวีปเอเชียที่ประเทศไทย โดยขณะนี้ WGP#1 ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ควบคุมนโยบายการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีทั่วโลกในปัจจุบัน

งานหลักที่ขับเคลื่อนเป็นสิ่งแรก ก็คือ สนามตัดสินชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ดีที่สุดในโลก ต้องอยู่ที่ประเทศไทย เพื่อนำเข้าทีมงานรวมกว่า 3,000 คน และสามารถสร้างการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของภาครัฐด้วย ที่จะผลักดันเป็นโครงการสปอร์ตทัวริซึ่ม ที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายรัฐบาล ยังไม่รวมด้านผู้ชมอีกกว่า 5,000 คน ใน 4 วัน จึงเท่ากับทัวร์นาเมนต์กีฬาครั้งนี้ จะขับเคลื่อนผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 8,000 คน

การเติบโตนี้พัฒนาถึงขั้น ‘มหกรรมกีฬานานาชาติ’ แล้ว ตอบสนองด้านการสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ดี เป็น 1 ใน 4 เป้าหมายของ WGP#1 ด้านที่ 2 คือ การสร้างโอกาสประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปบนเวทีโลก โดยถ่ายทอดสดออกไป 121 ประเทศ มีผู้ชมกว่า 100 ล้านคน ด้านที่ 3 นำกีฬาไทยขึ้นเป็นแบรนด์กีฬาความเร็วโลก ซึ่งสร้างประโยชน์ต่อยอดได้อีกหลายมิติ และด้านที่ 4 ยกระดับสร้างชื่อเสียงของชาติไทย ในฐานะผู้บริหารกีฬาโลก สร้างเกียรติยศด้านกีฬาอย่างสูง ทั้งหมดเป็นความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น ขอขอบคุณการสนับสนุนของ การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, โตโยต้า, การบินไทย, สยามวอเตอร์คราฟ, เทอมินอล 21, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), ฟรีด้อมเรซซิ่ง, JETPILOT โรงแรมดิวารี, เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, สมาคมกีฬาเจ็ตสกีโลก IJSBA และสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย

ชลบุรี-พัทยามอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E.

วันที่ 22 ก.พ.67 นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร D.A.R.E. โรงเรียนเมืองพัทยา 3, 4, 8, 9  โดยมี พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธีที่โรงเรียนเมืองพัทยา 8 (พัทธยานุกูล) เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

ด้วยเมืองพัทยาได้ให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษาทุกแห่ง รวมทั้งขจัดปัจจัยเสี่ยงที่เอื้อต่อปัญหายาเสพติดให้หมดไป สร้างคุณภาพชีวิตและทัศนคติให้กับเยาวชนที่จะเป็นอนาคต ของชาติไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงได้ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยาและสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ดำเนินโครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน (D.A.R.E.) ขึ้น ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งเพื่อร่วมดำเนินงานป้องกันยาเสพติดในชั้นเรียน

โดยได้รับเกียรติจากครูตำรวจ D.A.R.E ในการเป็นวิทยากรฝึกสอนเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในโรงเรียนเมืองพัทยา 1-10 ภาคเรียนที่ 2/2566 สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง จำนวน 13 สัปดาห์ เพื่อให้เด็กนักเรียนมีทักษะ รู้จักวิธีหลบเลี่ยงปฏิเสธการใช้สารเสพติดและความรุนแรงได้ สามารถควบคุมการขยายตัว ลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในโรงเรียน และชุมชนในเขตเมืองพัทยาได้อย่างยั่งยืน 

และเป็นการร่วมกันปลูกจิตสำนึกของเด็กนักเรียนและเยาวชน ให้มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติดที่มีผลต่อร่างกาย สุขภาพอนามัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาของสังคม  รวมทั้งเพื่อสร้างแกนนำนักเรียนในการต่อต้านยาเสพติดในสถานศึกษาสร้างความเข้มแข็ง และส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งปลูกฝังพฤติกรรมการกระทำดีให้กับนักเรียนต่อไป 

พยาบาลเพิ่งออกเวร เจอคนเจ็บระหว่างทาง รีบลงรถ ช่วยปั๊มหัวใจ แม้สุดท้าย ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ก็ได้รับคำชมจากโลกโซเชียล 

(10 มี.ค.67) เมื่อเวลา 09.40 น. ร.ต.อ.นที ดวนพล รอง สว.ทล.1 กก.8 บก.ทล. (บางละมุง) พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์ และกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์บนถนนสาย 7 ตอน 5 ขาเข้าพัทยา ก่อนถึงแยกสุขุมวิทประมาณ 100 เมตร

มื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้พบพยาบาลสาว และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์ กำลังช่วยกันปั๊มหัวใจยื้อชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อคือ น.ส.ศิริกานต์ เศกกลาง อายุ 51 ปี เพื่อรอให้รถพยาบาลมารับตัวไปทำการรักษา แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะจนทำให้มีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก ส่วนขายังหักผิดรูปจนทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถจักรยานยนต์ Retro 110 สีฟ้า ทะเบียน 3 กธ 4525 ชลบุรี สภาพพังยับ ส่วนในเลนขวาห่างออกไปประมาณ 30 เมตร พบรถยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ สีดำ หมายทะเบียน กข 9888 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าซ้ายพัง กระจกด้านซ้ายล่างมีรอยร้าว กระจกมองข้างซ้ายหัก โดยมี Mr.Peng Zhimin อายุ 46 ปี ชาวจีน เป็นคนขับ และมีลูกน้องชาวต่างชาติอีก 2 คน

ด้านคนขับรถสองแถวซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ขณะกำลังขับรถออกจากห้องน้ำจุดบริการตำรวจทางหลวง ได้เห็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตวิ่งอยู่เลนกลาง กระทั่งมีรถยนต์เก๋งของชาวต่างชาติที่ขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนอย่างจัง

ขณะที่พยาบาลสาวซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ บอกว่า ตนเพิ่งออกเวรจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และได้เดินทางมาเที่ยวพัทยากับแฟนหนุ่ม แต่มาถึงจุดเกิดเหตุได้เห็นว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่กลางถนนจึงรีบลงมาช่วยเหลือและพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิต แต่ไม่สำเร็จ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทางตำรวจทางหลวงบางละมุง ได้เชิญตัวคนขับรถเก๋งชาวจีนไปสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ พร้อมจะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top