Friday, 3 May 2024
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 บ้านพักส่วนกลางตำรวจเฉลิมลาภ ร่วมร้องเพลง มอบของรางวัล และทุนการศึกษาแก่เด็ก

พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ (13 ม.ค.67)  เวลา 09.00  น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ณ อาคารบ้านพักส่วนกลางตำรวจ (เฉลิมลาภ) กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 , พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และคณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกิจกรรม

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมเล่นเกมส์ แจกของขวัญของรางวัลจำนวนมาก มีการเลี้ยงอาหารแก่เด็กและผู้ปกครองที่มาร่วมงาน รวมทั้งมีการมอบทุนการศึกษาแก่บุตรข้าราชการตำรวจด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานของเด็กๆ ที่มาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุตรหลาน ครอบครัวข้าราชการตำรวจที่พักอาศัยในบ้านพักส่วนกลางตำรวจเฉลิมลาภ และบางส่วนเป็นเด็กๆ ที่พักอาศัยอยู่บริเวณชุมชนข้างเคียง ซึ่งเด็กๆและผู้ปกครองที่มาร่วมงานต่างดีใจ ที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ จัดงานวันเด็กขึ้น สร้างความประทับใจและรอยยิ้มให้เด็กๆ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมร้องเพลง พร้อมแจกของรางวัลมากมายกับเด็กๆ ที่ร่วมกิจกรรม และมอบทุนการศึกษาแก่บุตรหลานข้าราชการตำรวจด้วย 
 
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของเด็กและเยาวชน เพราะพวกเขาเหล่านี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เป็นกำลังสำคัญของสังคม และจะเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าในอนาคต  โดยเฉพาะอาคารบ้านพักส่วนกลางตำรวจ จะมีบุตรหลานของข้าราชการตำรวจพักอาศัยอยู่จำนวนมาก ถือว่าเป็น Police’s home เป็นครอบครัวของพวกเราเอง ที่ต้องให้ความสำคัญ เและพร้อมที่จะดูแลสวัสดิการ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจอีกด้วย

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมวันเด็กของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในพื้นที่ต่างๆ ได้จัดกิจกรรมควบคู่ไป เพื่อให้ความรู้ ความสนุกสนานกับเด็กๆ พร้อมกันนี้ตนได้กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศดูแลความปลอดภัยของงานวันเด็กในภาพรวมทั่วประเทศให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในวันนี้ทั่วประเทศ จะทำให้เด็กและเยาวชนได้รับความสนุกสนาน  ความอบอุ่น ความปรารถนาดีจากผู้ใหญ่ทุกท่าน และจะทำให้ทุกคนรู้สึกตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทหน้าที่ของตนเองที่มีต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมในโอกาสต่อไป ดังคำขวัญวันเด็กของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไว้ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย”

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวให้กำลังใจทีมปฎิบัติการพิเศษที่กว่า40คนเข้าร่วมแข่งขันในรายการ UAE SWAT Challenge

วันจันทร์ ที่15 มกราคม 2567 เวลา12.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวให้กำลังใจ เหล่าสุดยอดปฎิบัติการพิเศษ ซึ่งนำทีมโดย พ.ต.อ.รังสรรค์ เนตรเกื้อกิจ รอง ผบก.สอ.บช.ตชด., พ.ต.ท.อธิวัฒน์ ลาสุทธิ ผกก.3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ.บช.ตชด.,พ.ต.อ.อาทิตย์ วงษ์จันนา ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. พร้อมทีมครูผู้ฝึกสอนและทีมปฎิบัติการพิเศษที่กว่า40คน ที่จะเดินทางเข้าร่วมแข่งขันในรายการ UAE SWAT Challenge ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์นี้

โดยการแข่งขันในปีนี้ ประเทศไทยเราได้ส่งผู้เข้าร่วมแข่งขันไปเข้าร่วมทั้งประเภทชายและหญิง รวมทั้งสิ้น 3 ทีม โดยเป็นการรวมตัวกันของสุดยอดหัวกะทิ อย่าง คอมมานโด,อรินทร์ทราช 26,นเรศวน 261,หน่วยปฏิบัติพิเศษภาค 1-9 ฯลฯ และถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้จัดส่งทีมปฎิบัติการพิเศษหญิงเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งการเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อการแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการได้แลกเปลี่ยนความรู้ ทางการใช้อาวุธ และยุทธวิธี โดยทีมต่างๆ จะต้องพบกับความท้าทาย ทั้งบททดสอบความชํานาญในด้านต่างๆ ที่จะต้องใช้ทั้งพลังกาย พลังใจ สมาธิ และการวางแผนที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความจําเป็นต่อการปฏิบัติงานของ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ

ในปีนี้มีทีมที่เข้าร่วมจากทั่วโลกมากกว่า 70 ทีมจาก 77 ประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาไทยเราได้สร้างผลงานจากทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษในรายการนี้ไว้อยู่ที่อันดับ 5 ของโลก

ด้าน ผบ.ตร.ย้ำถึงการเดินทางไปเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ว่า อยากให้ทุกคนเอาชนะใจตัวเอง และเก็บประสบการณ์ที่เกิดขึ้น กลับมาต่อยอดส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ “ร.ต.ท.สถาพร สุจิณโณ” วีรบุรุษผู้เสียสละแห่ง ตชด.

วันนี้ (16 ม.ค. 67) เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ท.สถาพร สุจิณโณ ณ วัดสามกอง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ร่วมพิธี โดยมี พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ โพธิ์ศรีมา ผบ.ฉก.ตชด.44 พร้อมคณะให้การต้อนรับ 

ร.ต.ท.สถาพร สุจิณโณ อายุ 55 ปี หัวหน้าชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4411 สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนซุ่มยิง ที่บริเวณบ้านตันหยง ตำบลตะปอเยาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ ร.ต.ท.สถาพร สุจิณโณ ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่ รพ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 เวลา 11.35 น. โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดสามกอง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา โดยพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ท.สถาพร สุจิณโณ เป็นไปอย่างสมเกียรติยศ เต็มไปด้วยความอาลัยจากครอบครัว เหล่าผู้บังคับบัญชา เพื่อนข้าราชการตำรวจและเครือญาติ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ทอดทิ้งบุตรข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตในหน้าที่ โดยจะมีการพิจารณาเลื่อนขั้นยศตามความเหมาะ โดย ร.ต.ท.สถาพร สุจิณโณ ผู้เสียชีวิต มีบุตรชาย 1 คน คือ ส.ต.ต.ชานนท์ สุจิณโณ ปฎิบัติหน้าที่ กก.ตดช.43 พร้อมให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 

ก่อนเดินทางกลับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ทักทายพูดคุยแก่ข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมย้ำสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ทอดทิ้งประชาชนและบุคลากรตำรวจทุกคน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการช่วยเหลือกรณีเหตุพลุระเบิดในจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมสั่งตรวจสอบทุกมิติ หากพบมีการกระทำผิดดำเนินคดีทุกราย

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณี วันนี้ (17 ม.ค.67) เมื่อเวลา 15.30 น. เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดในพื้นที่หมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แรงระเบิดกินวงกว้าง ตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 20 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก  ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้เร่งคลี่คลายสถานการณ์ ช่วยเหลือประชาชนในบริเวณเกิดเหตุและโดยรอบ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบโรงงานดังกล่าวว่าดำเนินการถูกกฎหมายหรือไม่ และเหตุระเบิดเกิดจากความประมาทหรือไม่ ต้องดำเนินการตามกฎหมายถึงที่สุด 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมสั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี และตำรวจพื้นที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และเร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยด่วนในทุกมิติ เพราะทราบว่าโรงงานแห่งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 เคยเกิดระเบิดไฟลุกไหม้แล้วครั้งหนึ่ง มีคนงานถูกไฟคลอกเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย ก่อนจะกลับมาเปิดทำการผลิตพลุอีกและเกิดเหตุระเบิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งหากพบมีการกระทำผิด จะดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจเยี่ยมศูนย์บำบัดยาเสพติด “มินิธัญารักษ์” ณ ศูนย์จันทารักษ์ กก.ตชด.ที่ 115 จันทบุรี พบมีประสิทธิภาพสูง เตรียมขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นต่อไป พร้อมแวะตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา สภ.แก่งหางแมว

วันนี้ (22 ม.ค. 67) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ตชด. ,พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี , พล.ต.ต.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผบก.ตชด.ภาค 1 , พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. , นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการจัดตั้งสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดระยะยาว “มินิธัญญารักษ์” จังหวัดจันทบุรี ณ ศูนย์จันทารักษ์ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 115 ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี 

โครงการจัดตั้งสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดระยะยาว “มินิธัญญารักษ์” จังหวัดจันทบุรี เกิดขึ้นโดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร.ได้ลงนาม MOU ร่วมกับหลายภาคส่วน ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี , กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 115 ,  จังหวัดจันทบุรี , สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี , หน่วยงานท้องถิ่น และคณะสงฆ์ในพื้นที่ ในการให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำผู้ติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูตามกระบวนการทางการแพทย์แบบใหม่ มุ่งเน้นที่จะฟื้นฟูผู้ป่วยแบบบูรณาการหลายมิติ ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข 

สำหรับการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ณ ศูนย์จันทารักษ์ จะใช้ระยะเวลา 90 วัน โดยมีขั้นตอนเตรียมความพร้อม ของผู้เข้ารับการบำบัด ตรวจสุขภาพ ประเมินคัดกรองการใช้สารเสพติด ฟื้นฟูร่างกาย รวมทั้งกระบวนการปรับทัศนคติและแนวความคิด นอกจากนี้ ยังมีการเสริมความรู้ด้านทักษะสังคม และกิจกรรมทางเลือก เรียนรู้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพต่างๆ โดยมีกลุ่มนักพัฒนาชุมชุน กรมแรงงาน มาแนะนำแนวทางการเข้าทำงาน หรือประกอบอาชีพต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดเมื่อจบหลักสูตรออกไป สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ โดยเมื่อผู้เข้ารับการบำบัดครบตามหลักสูตรกลับไปใช้ชีวิตในสังคมแล้ว ศูนย์จันทารักษ์จะมีการติดตามผลแบบสุ่มตรวจหาสารเสพติดเดือนละ 1-2 ครั้ง ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการประเมินผลความสำเร็จของโครงการจัดตั้งสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดระยะยาว “มินิธัญญารักษ์” จังหวัดจันทบุรี พบว่ามีผลสำเร็จสูงถึง 70%

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการวางระบบการทำงานแบบบูรณาการที่เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพเป็นรูปธรรม ทำให้ผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูปรับสภาพร่างกาย จิตใจ และมีทัศนคติที่ดี สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข โดยจะได้นำโมเดลความสำเร็จนี้ ขยายไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ  โดยพื้นที่ต่อไปที่จะจัดทำโครงการดังกล่าวคือ จ.เชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เกิดความยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป 

จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจ สภ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี โดยมี พ.ต.อ.คฑพล พรมดอนชาติ ผกก.สภ.แก่งหางแมว และข้าราชการตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ให้การต้อนรับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ร่วมรับฟังปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน และสภาพความเป็นอยู่ของข้าราชการตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ซึ่งปัญหาหนึ่งของพื้นที่ อ.แก่งหางแมว และหลายพื้นที่ของ จ.จันทบุรี คือปัญหาช้างป่าที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในชุมชนต่างๆ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ร่วมกับพระธรรมวชิรเมธี เจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร และหลายภาคส่วน ได้ร่วมกันแก้ปัญหา โดยมีการจัดเวทีประชาคมสะท้อนปัญหาคนในชุมชนกับช้างป่าในจังหวัดจันทบุรี และจัดตั้งอาสาสมัครผลักดันช้างป่า โดยมีการระดมทุนสำหรับการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องด้ว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวกับข้าราชการตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ว่า ตนในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้มาตรวจ แต่มาเยี่ยมให้กำลังใจ เน้นย้ำตำรวจไม่ทำงานเชิงปริมาณ แต่ทำงานเชิงคุณภาพ ทำงานเพื่อประชาชน จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันแบบเรียบง่ายกับผู้ใต้บังคับบัญชา สภ.แก่งหางแมว ด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง ก่อนเดินทางไปยัง สภ.เมืองพัทยา เพื่อมอบรถบรรทุกน้ำขนาด 2,000 ลิตร ให้แก่ สภ.บ้านทัพไทย จ.สระแก้ว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เยี่ยมชมและติดตามผลการดำเนินโครงการ "หนึ่งจังหวัดหนึ่งผลิตภัณฑ์ "One Provine One Product (OPOP) ของชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2

วันนี้ (22 มกราคม 2567) เวลา 13.45 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ติดตามผลการดำเนินโครงการ "หนึ่งจังหวัด หนึ่งผลิตภัณฑ์" One Province One Product (OPOP) ของชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 และเยี่ยมชมการแสดงสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของดีของเด่นประจำจังหวัด ของชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 ณ ชั้น 17 โรงแรมฮิลตัน พัทยา จังหวัดชลบุรี 

คุณดุษฎี เย็นท้วม ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า ชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 2 ได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ของครอบครัวข้าราชการตำรวจ ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งผ่านการคัดเลือกและพัฒนาจากสมาคมแม่บ้านตำรวจ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ OPOP รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมอื่น ๆ ที่พร้อมเข้าสู่กระบวนการพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ OPOP ต่อไปในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังได้จัดแสดงสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของดีของเด่นประจำจังหวัด จำนวนกว่า 60 รายการ 

คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวว่า สมาคมแม่บ้านตำรวจต้องการสื่อให้สังคมเห็นว่าผบิตภัณฑ์ของแม่บ้านตำรวจมีความทันสมัย ทุกคนสามารถซื้อสินค้าไปใช้ได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านมาช่วยในการออกแบบและส่งเสริมผลิตภัณฑ์  โดยสมาคมแม่บ้านตำรวจจะช่วยส่งเสริมเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังบ้านตำรวจ หรือแม่บ้านตำรวจ คือส่วนสำคัญที่สุดที่จะช่วยเหลืองานของ ตร. ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมสนับสนุน รวมทั้งเครือข่ายต่างๆ ร่วมสนับสนุนการทำงาน เป็นหนึ่งในการสร้างความรักความผูกพันเป็น Police's Home

จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้เยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์ของแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 ได้แก่แม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง และสระแก้ว ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ฝีมือครอบครัวตำรวจที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ อาทิ อาหาร ผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ผ้าไทย เครื่องจักรสาน เครื่องประดับ เป็นต้น

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติสัญจร พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์แก่ผู้ช่วย ผบ.ตร. 6 ท่าน และใบประกาศเกียรติคุณผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 แก่หน่วยงาน

วันนี้ (22 ม.ค. 67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุมซีบอร์ด 3 โรงแรมฮิลตัน จ.ชลบุรี โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 และผู้บังคับบัญชาในสังกัด ภ.2 ร่วมประชุม นอกจากนี้ มีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุม

ก่อนการประชุม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานพิธีมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์แก่ผู้บังคับบัญชาระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. จำนวน 6 นาย ได้แก่ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ , พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ , พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี , พล.ต.อ.อิทธิพล อัจริยะประดิษฐ์ , พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร รอง จตช. 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบใบประกาศเกียรติคุณผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 โดยแบ่งเป็นประเภทความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไปและความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อันดับ 1 ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น. เป็นผู้รับมอบ , อันดับ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 เป็นผู้รับมอบ , อันดับ 3 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบช.ภ.4 เป็นผู้รับมอบ และประเภทการจับกุมบุคคลตามหมายจับ อันดับ 1 ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , อันดับ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 1 พลตำรวจโท จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 เป็นผู้รับมอบ , อันดับ 3 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 เป็นผู้รับมอบ สำหรับรางวัลผู้จับกุม หรือชุดจับกุม คดีที่มีลักษณะการจับกุมที่แสดงถึงไหวพริบปฏิภาณของผู้จับกุม หรือมีลักษณะพิเศษน่าสนใจ จำนวน 16 รางวัล จะได้มอบให้ผู้แทนแต่ละกองบัญชาการ นำรางวัลจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบแก่ผู้ปฏิบัติในการประชุมบริหารของแต่ละหน่วยเพื่อเป็นเกียรติต่อไป

ที่ประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการพิจารณาทบทวนแก้ไขคำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 ในการลดขั้นตอนการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนที่ไม่จำเป็น เพื่อยกระดับการทำงาน คุณภาพชีวิต การเจริญเติบโตของพนักงานสอบสวนให้ดียิ่งขึ้น สร้างขวัญกำลังใจในการทำงานเพื่อประชาชน และพิจารณาการเตรียมความพร้อมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ มีการรายงานข้อมูลสถิติคดีอาญาที่เกิดขึ้นจริงมาใช้วิเคราะห์ เพื่อวางแผนในการบริหารงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม , รายงานร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 , แนวทางการปฏิบัติงานจราจร และการดำเนินการในความผิดที่มีโทษปรับเป็นพินัยตามกฎหมายเกี่ยวกับการจราจร นอกจากนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 ได้รายงานการขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน และผลการปฏิบัติงานที่สำคัญด้วย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบรางวัลแก่ตำรวจ สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี 2 นาย ที่กระโดดน้ำช่วยชีวิตชายที่กำลังจะจมน้ำจนปลอดภัย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง

วันนี้ (24 ม.ค.67) เวลา 11.45 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบรางวัลแก่ข้าราชการตำรวจ สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี 2 นาย ที่กระโดดน้ำช่วยชีวิตชายที่กำลังจะจมน้ำ นำส่งโรงพยาบาลจนอาการปลอดภัย ได้แก่ จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ ศรีอำพัน ผบ.หมู่ (ป) สภ.สองพี่น้อง และ ส.ต.ต.ณัชพล จันนาคา ผบ.หมู่ (ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน) สภ.สองพี่น้อง ณ ห้องพรหมนอก อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการเสนอข่าวสายตรวจ สภ.สองพี่น้อง จว.สุพรรณบุรี กระโดดน้ำช่วยชีวิตชายที่กำลังจะจมน้ำ ซึ่งได้ตรวจสอบแล้ว พ.ต.อ.เกียรติชัย เกิดโชค ผกก.สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี รายงานว่า วานนี้ (23 ม.ค.67) เวลา 13.45 น. จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ ศรีอำพัน ผบ.หมู่ (ป) สภ.สองพี่น้อง และคู่ตรวจ คือ ส.ต.ต.ณัชพล จันนาคา ผบ.หมู่ (ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน) สภ.สองพี่น้อง ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจจักรยานยนต์ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีคนกระโดดน้ำ บริเวณสะพานเทศบาลเมืองสองพี่น้อง จึงได้รีบเดินทางไปตรวจสอบ ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่ามีชายกำลังลอยน้ำไปกับกองผักตบชวาด้วยท่าทีอ่อนแรง ห่างออกจากบริเวณสะพานไปประมาณ 50 เมตร จึงได้รีบไปช่วยเหลือ โดยไปดักบริเวณริมแม่น้ำ ส.ต.ต.ณัชพลฯ ได้กระโดดน้ำลงไปช่วยเหลือโดยทันที ส่วน จ.ส.ต.ธรรมรัตน์ฯ คอยช่วยเหลือและประสานงานอยู่บนฝั่ง กระทั่งสามารถช่วยเหลือชายดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้นจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและรอดูอาการ จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. แพทย์อนุญาตให้ญาติรับตัวกลับไปดูแลต่อไป ทราบชื่อชายดังกล่าวคือ นาย ภัทร อายุ 64 ปี  สาเหตุที่กระโดดน้ำเกิดจากความเครียดและป่วยโรคซึมเศร้า

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจ สภ.สองพี่น้อง ทั้ง 2 นาย มีจิตวิญาณของตำรวจ เข้าช่วยเหลือประชาชนทันทีที่ได้ทราบเหตุ ทำให้สามารถช่วยชีวิตชายคนดังกล่าวไว้ได้ เป็นแบบอย่างการทำงานที่ดีสมกับความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ สมควรได้รับการชื่นชม ในวันนี้จึงได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล เป็นขวัญกำลังใจ และขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป

พิสูจน์ระบบคุณธรรม จะด่างพร้อยหรือไม่? หากยังพยายามดันอาวุโสน้อยสุดขึ้นมาอีก

ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะว่างลงในเดือนตุลาคม 2567 นี้ เนื่องจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล จะเกษียณอายุราชการ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) จึงต้องสรรหา ผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่ง กตร. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทางนายกรัฐมนตรีจะต้องเสนอชื่อให้ กตร.พิจารณา

ในปัจจุบัน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุด เกษียณกันยายน 2567 ดูเหมือนชีวิตข้าราชการตำรวจกลายเป็น 'ผู้ให้' และจำยอมหลีกทางให้ รอง ผบ.ตร.คนอื่นที่มีอาวุโสน้อยได้ไต่ขึ้นไปชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.อยู่ร่ำไป

เมื่อกันยายน 2566 พล.ต.อ.รอย มีสิทธิชอบธรรมตามหลักอาวุโส ซึ่งเป็นระบบคุณธรรมของการเติบโตในสายงานราชการตำรวจที่ควรได้รับคัดเลือกให้เป็น ผบ.ตร. แล้วชีวิตของเขาเหมือนถูกสาปจนจำต้องหลีกทางให้ รอง ผบ.ตร.อาวุโสน้อยกว่า แต่เส้นใหญ่สุดปาดหน้าไปเป็น ผบ.ตร.อย่างหน้าชื่นอกตรมมาแล้ว

ภาพสะท้อนอาการ 'ผิดหวัง' ในระบบคุณธรรมตำรวจที่พยายามเดินหลีกหนีระบบเส้นสายเบียดแทรกพุ่งพรวดไปเป็น ผบ.ตร.นั้น ในวันที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ประชุมพิจารณาเห็นชอบแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.รอย ไม่เข้าร่วมประชุมด้วย

คงไม่ใช่วาสนา พล.ต.อ.รอย ไม่ถึง ผบ.ตร. แต่ระบบคัดเลือกที่ขาดคุณธรรม และถูกกลุ่มอำนาจไม่ยึดบรรทัดฐานตามกฎหมายขัดขวางไม่ให้ก้าวไปสู่ตำแหน่งปรารถนาของนายตำรวจยศ 'พล.ต.อ.' ซึ่งไต่เต้าจนมีสิทธิไขว่คว้าได้ แล้วระบบคุณธรรมก็ถูกอำนาจอื่นมาทำให้วงการตำรวจด่างพร้อยซ้ำซากอีก

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อไร้โอกาสไปถึง ผบ.ตร.แล้ว พล.ต.อ.รอย ที่อยู่ในวงการตำรวจมาทั้งชีวิต ผ่านร้อนผ่านหนาวจากอำนาจการเมืองกดทับจำเจ แน่นอนชีวิตตำรวจที่เหลืออยู่ เขาย่อมต้องการเกษียณในตำแหน่งสุดท้ายของงานตำรวจในกันยายนปี 2567 

แล้ว พล.ต.อ.รอย กลายเป็น 'ผู้ให้' ต้องยอมหลีกทางอีกครั้ง ขณะที่เวลาจะเกษียณเหลืออีก 8-9 เดือน เขาต้องถูกมติ ครม.ให้ย้ายขาดจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.สูงสุดที่หมดโอกาสได้เป็น ผบ.ตร.แล้ว ไปเป็น 'เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ' (สมช.) ที่ว่างเว้นอยู่

ดูเหมือนรัฐบาลเชิดชูเอออวยว่า พล.ต.อ.รอย มีความเหมาะสม มากความรู้ (แต่ไม่ได้เป็น ผบ.ตร.ตามระบบคุณธรรม) ในตำแหน่ง เลขา สมช. ก็ว่ากันไป ส่วนด้านลึกที่ไม่ยกยอกันนั้น คือ คำสั่ง 'ย้ายไปที่ใหม่' เป็นการเปิดทางให้ รอง ผบ.ตร.ว่างลง แล้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสสูงคนหนึ่งจะได้มีที่ลงในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เพื่อบ่มเพาะให้ไปเป็นคู่ชิง ผบ.ตร. คนใหม่ที่จะแต่งตั้งช่วงสิงหาคม-กันยายน 2567 

อย่ากระพริบ ดันอาวุโสน้อยสุด ข้ามหัว 'บิ๊กโจ๊ก'

ว่ากันว่า ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโส ยศ 'พล.ต.ท.' ตามหลักเกณฑ์การเลื่อนชั้นครองยศ 'พล.ต.อ.' ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. คือ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข นรต.รุ่น 39 เกษียณกันยายนปี 2568 ขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ตร.ที่ว่างลง

ผู้สันทัดกรณีระดับเขี้ยวล้วนปักใจเชื่อตรงกันว่า พล.ต.ท.ประจวบ คือ ผู้ชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่กับ รอง ผบ.ตร.ที่อยู่ในโผมีสิทธิเป็น ผบ.ตร.ทั้งหมด ซึ่งเหลืออยู่อีก 4 คน เรียงลำดับอาวุโสในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ดังนี้...

- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เกษียณปี 2574 
- พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เกษียณปี 2569
- พล.ต.อ. สราวุฒิ การพานิช เกษียณปี 2567 
- พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ เกษียณปี 2569 

ขณะที่ พล.ต.ท.ประจวบ เกษียณปี 2568 และเมื่อได้เลื่อนยศเป็น พล.ต.อ. ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. จะมีอาวุโสน้อยสุด

การประเมินว่า แม้ พล.ต.ท.ประจวบ มีอาวุโสน้อยสุดก็ตาม แต่จะสามารถไขว่คว้าตำแหน่ง ผบ.ตร. มาครองได้เช่นกัน เพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ล่าสุดเมื่อกันยายน 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้มีอาวุโสรั้งบ๊วยสามารถทำได้สำเร็จมาแล้ว และเป็น ผบ.ตร.คนปัจจุบันซึ่งจะเกษียณกันยายนปี 2567 

การปักใจเชื่อมั่นเช่นนั้น ส่วนสำคัญมาจากแรงผลักดัน 2 ส่วนทั้งมีกฎหมายและเป็นอำนาจการเมืองต้องการ โดยด้านกฎหมายอ้างถึง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 มาตรา 77 (1) ซึ่งผู้ได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ไม่เกี่ยวกับหลักอาวุโสแต่อย่างใด นั่นเท่ากับสะท้อนระบบคุณธรรมเป็นปัจจัยเล็กน้อยที่จะถูกคัดเลือกให้เป็น ผบ.ตร.

มาตรา 77 (1) ระบุว่า ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจเอกซึ่งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติหรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

แน่ละเมื่อพิจารณาเพียงชั่วเวลาลมผ่านวูบแล้ว มาตรา 77 (1) ไม่ได้ระบุถึงหลักอาวุโสให้เป็น ผบ.ตร. ซึ่งเป็นความจริง แต่หากพิจารณาประกอบกับมาตรา 78 (1) ระบุหลักเกณฑ์คัดเลือกตำรวจยศ พล.ต.อ.ไปเป็น ผบ.ตร. ไว้ดังนี้...

"การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77 (1) ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 77 (1) โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปรามเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง"

โปรดสังเกตุว่า มาตรา 78 (1) กำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือก รอง ผบ.ตร. เป็น ผบ.ตร.ตามมาตรา 77 (1) นั้น ได้เน้นถึงระบบอาวุโสมาเป็นส่วนประกอบสำคัญด้วย และไม่ต้องตีความให้ซับซ้อนอีกเลย เพราะคำว่า ‘คำนึงถึงอาวุโส…’ ย่อมไม่เท่ากับ ‘ผู้มีอาวุโสน้อยสุด’ ต้องได้เป็น ผบ.ตร.

ดังนั้น การคำนึงถึงหลักอาวุโสจึงแปลเป็นอื่นไม่ได้ โดยต้องเคร่งครัดถึงระดับอาวุโสที่มากกว่าคนอาวุโสน้อยสุดจึงควรถูกคัดเลือกให้ได้เป็น ผบ.ตร. เพราะจะเป็นที่ยอมรับของข้าราชการตำรวจ และนี่คือ 'ระบบคุณธรรม' ส่วนคนมีอาวุโสน้อยสุดได้เป็น ผบ.ตร.จึงแสดงถึงส่วนหนึ่งเป็นความต้องการของอำนาจการเมืองผลักดัน

หากอำนาจการเมืองหนุนดันยศ พล.ต.อ.อาวุโสน้อยสุดเป็น ผบ.ตร. แล้วนายกฯ คัดเลือกหยิบชื่อส่งให้ ก.ตร.พิจารณา พร้อมล็อบบี้ให้แต่งตั้ง ด้วยพฤติการเช่นนี้ย่อมเป็นการทำให้ระบบคุณธรรมด่างพร้อย ข้าราชการตำรวจย่อมอ่อนโรยในการทำหน้าที่ แล้วเสียงสังคมก็ดังกระหึ่มกระตุ้นให้ปฏิรูปตำรวจพ้นจากระบบเส้นสายของการเมืองต้องการ

กล่าวอย่างแจ่มชัดเฉพาะ พล.ต.ท.ประจวบ หากได้เลื่อนยศมาเป็น พล.ต.อ.ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เขาจะมีอาวุโสน้อยสุดเพียงเป็น รอง ผบ.ตร.ตั้งแต่การโยกย้ายปกติเมษายนถึงได้รับโปรดเกล้าฯ กระทั่งถึงสิงหาคมและกันยายนปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงการชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.กับรอง ผบ.ตร.คนอื่นคึกคัก ลุ้นระทึก แต่เขามีอาวุโสประมาณ 5-6 เดือนเท่านั้น 

ด้วยอาวุโสน้อยสุดเช่นนี้ หากทะลุไปถึงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในกันยายนปี 2567 ความครหาได้เพราะอำนาจการเมืองผลักดัน โดยเป็นอำนาจการเมืองที่ พล.ต.ท.ประจวบ คุ้นเคยพื้นที่เชียงใหม่ แล้วอาจมีสัมพันธ์กับนักการเมืองเชียงใหม่ที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในพรรคเพื่อไทยต้องการให้เป็น ผบ.ตร

ดังนั้น ศักดิ์ศรีของ พล.ต.ท.ประจวบ ย่อมมั่วหมองด้วยเส้นสายของอำนาจนัการเมือง ถูกกล่าวหาเป็นตำรวจที่ทำให้ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจด่างพร้อย แต่ถึงที่สุดเขาอาจไม่ต้องการเป็นตำรวจด้วยระบบเส้นสายก็ได้

การคาดหมายว่า พล.ต.ท.ประจวบ คือ ผบ.ตร.ในอนาคต มาจากผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์เอาทางภววิสัยที่เป็นตำรวจภาค 5 มาก่อน เป็นคนจัดระเบียบรอรับทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านเมื่อ 22 สิงหาคม 2566 แล้วประเมินว่า อำนาจการเมืองต้องการให้เป็น ผบ.ตร.

แต่ด้านลึกที่เป็นอัตวิสัยแล้ว พล.ต.ท.ประจวบ ย่อมไม่ต้องการ ผบ.ตร.ด้วยทางลัดตามอำนาจการเมืองก็เป็นไปได้ เพราะเขารู้ตัวเองว่า อาวุโสใน รอง ผบ.ตร.เพียง 5-6 เดือนมันน้อยนิดที่เป็น ผบ.ตร.ด้วยระบบคุณธรรมและทำให้องค์กรตำรวจภาคภูมิใจได้ 

ดังนั้น ยังมีเวลาและปัจจัยแห่งอนาคตอีกที่จะประเมินและฟันธงว่า พล.ต.ท.ประจวบ เมื่อได้เลื่อนยศเป็น พล.ต.อ.ในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. คือ ผบ.ตร.ตามอำนาจการเมืองเพื่อไทยหมายปองไว้หรือไม่

โปรดย้อยรอยศึกษาอำนาจแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็น ผบ.ตร. คนที่ 8 เมื่อ 26 ตุลาคม 2554-30 กันยายน 2555 ล้วนละม้ายคล้ายคลึงกับการย้าย พล.ต.อ.รอย ไปเป็น เลขา สมช.ยิ่งนัก

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมงาน UAE SWAT Challenge 2024 เกาะขอบสนามให้กำลังใจ 3 ทีมตำรวจไทย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมงาน UAE SWAT Challenge 2024 เกาะขอบสนามให้กำลังใจ 3 ทีมตำรวจไทย แข่งขันสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษระดับโลก ที่เมืองดูไบ ผ่าน 2 สเตจ “ยุทธวิธี - การโจมตี” ตำรวจไทยทำผลงานดี ลุ้นอีก 2 สเตจ ชิงยอดทีมตำรวจสุดแกร่ง

วานนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2567) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อร่วมชมการแข่งขัน UAE SWAT Challenge 2024  เฟ้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษระดับโลก ซึ่งปีนี้มีกว่า 30 ประเทศส่งทีมหน่วยปฏิบัติการเข้าแข่งขัน รวม 73 ทีม ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจแก่ทีมตำรวจไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน  ซึ่งปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งตัวแทน 3 ทีม เข้าแข่งขัน คือ ทีม Royal Thai Police A และ B เป็นตำรวจชาย และทีม Royal Thai Police C เป็นตำรวจหญิง โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เข้าชมการแข่งขันอย่างใกล้ชิด สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ตัวแทนตำรวจไทยที่ลงแข่งขันอย่างมาก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ฯ กล่าวว่า การเข้าร่วมการแข่งขันเป็นการฝึกทักษะ ประสบการณ์และความสามารถเชิงยุทธวิธี ตลอดจนเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งวันนี้ตนเดินทางมาให้กำลังใจทีมตำรวจไทย โดยข้าราชการตำรวจที่เข้าแข่งขัน ทีมผู้ฝึกสอน ทีมพี่เลี้ยง ล้วนเป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มีความสามารถและทักษะสูง จากหลายหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ นเรศวร 261, คอมมานโด, อรินทราช 26 , หนุมาน , หน่วยปฏิบัติพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 1-9 ที่เคยผ่านการปฏิบัติงานคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตมาหลายครั้ง  ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งทีมเข้าแข่งขันรายการ UAE SWAT Challenge มาเป็นปีที่ 4 และการเข้าแข่งขันรายการนี้จะทำให้ได้ทักษะเพิ่มเติมเพื่อนำไปพัฒนา และเสริมความแข็งแกร่งให้ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนตำรวจในหลาย ๆ ประเทศ 

การแข่งขัน UAE SWAT Challenge 2024 นั้น จัดขึ้นวันที่ 3 – 7 กุมภาพันธ์ 2567 โดยการแข่งขันแบ่งเป็น 5 สเตจ หรือสถานการณ์  ได้แก่ สเตจ 1 ยุทธวิธี (Tactical) , สเตจ 2 การโจมตี (Assault Event) , สเตจ 3 การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ (Officer Rescue) , สเตจ 4 การโจมตีตึกสูง (Tower Assault) และสเตจ 5 เครื่องกีดขวาง (Obstacle Course) โดยผลการแข่งขันทีมตำรวจไทยทั้ง 3 ทีม ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยสเตจที่ 1 ยุทธวิธี ทีม A ได้ลำดับที่ 8, ทีม B ได้ลำดับที่ 17  ส่วน ทีม C ได้ลำดับที่ 39 , สเตจ 2 การโจมตี ทีม A ได้ลำดับที่ 14, ทีม B ได้ลำดับที่ 8 ทีม C ได้ลำดับที่  28 , และวานนี้ สเตจที่ 3 การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ทีม A ได้ลำดับที่ 14, ทีม B ได้ลำดับที่ 30 ส่วน ทีม C ได้ลำดับที่ 42 สำหรับคะแนนรวม 3 วัน ผ่านการทดสอบ 3 สเตจ ทีม A อยู่ในอันดับที่ 8, ทีม B อยู่ในอันดับที่ 11 และทีม C อยู่ในอันดับที่ 39 จากทีมที่เข้าแข่งขันจากทั่วโลกทั้งหมด 73 ทีม ซึ่งถือได้ว่าผลการแข่งขันเป็นที่น่าพอใจ 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะได้พบปะกับตำรวจดูไบ และ NYPD พร้อมกล่าวว่า ในวันนี้ (6 ก.พ.67) เป็นการแข่งขันในสเตจที่ 4️ การโจมตีตึกสูง (Tower Assault) และวันพรุ่งนี้ เป็นการแข่งขันสเตจสุดท้าย คือ เครื่องกีดขวาง (Obstacle Course) ซึ่งทีมตำรวจไทยมีความพร้อมและกำลังใจดีในการลงแข่งขัน พร้อมขอเชิญชวนพี่น้องข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมถึงพี่น้องประชาชน ร่วมลงใจเชียร์ทีมตำรวจไทยได้ที่ https://m.youtube.com/@dubaipolicehq/streams


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top