Saturday, 5 July 2025
นครวัด

'เพจกัมพูชา' โพสต์ภาพ 'เมสซี' เที่ยวนครวัด แต่ชาวเน็ตจับโป๊ะได้ งานนี้โดนแซวยับ!!

(21 ก.พ. 66) ช่วงนี้ประเด็นดรามาระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทย กำลังร้อนแรงกันอย่างมากในโซเชียล และมีดาราดังหลายคนถูกเคลมไปว่า เป็นคนกัมพูชา ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก 'Admin Heng' ของ 'เคลมโบเดีย' ได้โพสต์ภาพของ 'ลิโอเนล เมสซี' นักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา พร้อมครอบครัวกำลังท่องเที่ยวที่ 'นครวัด' ในประเทศกัมพูชา พร้อมข้อความระบุว่า

“ภาพหลุด Lionel Messi ภรรยาและลูกไปเที่ยววัดอังกอร์วัดเช้านี้! ขอบคุณ Boostrong” 

ขณะที่ผู้ใช้ TikTok @i_love_khmen (เรารักเขมร) ก็ได้โพสต์เป็นคลิปวิดีโอ พร้อมติดแฮชแท็กว่า #เรารักเขมร #เหม็นเองจะใครล่ะ #เพื่อนบ้านแถว3นาฬิกา 

#ภาพหลุด #LionelMessi #Boostrong #อังกอร์วัด #นครวัด #เขมร

เวียดนามปรับ TikToker ฐานโพสต์ข้อมูลเท็จ 'นครวัด' อยู่เมืองไทย ด้านนักสิทธิฯ บอกไร้สาระ แค่ทำไปเพราะกลัวพนมเปญขุ่นเคือง

(5 ม.ค. 67) รายงานข่าวจากสำนักข่าว Nikkei Asia ระบุว่า ทางการเวียดนามได้สั่งปรับอินฟลูฯ TikTok จำนวน 300 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,350 บาท) จากกรณีโพสต์คลิปใน TikTok ความยาว 90 วินาที ซึ่งมีเนื้อหาเป็นภาพนครวัดที่ทับด้วยธงชาติไทย

เวียดนามลงโทษ 'ฮวา ก๊วก อันห์' (Hua Quoc Anh) อินฟลูเอนเซอร์ชาวเวียดนาม โทษฐานที่เขาโพสต์คลิปข้อมูลเท็จ นำเสนอว่า นครวัดของประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่ในประเทศไทย 

โดยปัจจุบันคลิปวิดีโอถูกลบไปแล้ว ซึ่งข่าวรายงานว่า มีรูปภาพพระราชวงศ์ของไทยและคำทักทาย "สวัสดี ประเทศไทย" คู่ภาพถ่ายปราสาทอันเป็นเอกลักษณ์ของนครวัด

อย่างไรก็ตาม 'ฟิล โรเบิร์ตสัน' (Phil Robertson) รองผู้อำนวยการ ฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) ประจำภูมิภาคเอเชีย ให้สัมภาษณ์ว่า “นี่เป็นเรื่องไร้สาระจริง ๆ ฮานอยควรปกป้องเสรีภาพในการพูด แทนที่จะกังวลว่าพนมเปญจะขุ่นเคือง เพราะคงไม่มีใครเชื่อจริง ๆ ว่าเสียมราฐเป็นของประเทศไทยหรอก”

“ดังนั้นขั้นตอนที่เหมาะสม น่าจะเป็นการหัวเราะเยาะกับความไม่รู้ของอินฟลูฯ รายนี้ แทนที่จะหันไปใช้บทลงโทษทางอาญามากกว่า” โรเบิร์ตสันแสดงความเห็นเพิ่มเติม

ปัจจุบัน TikTok ถือเป็นโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเวียดนาม แต่ทางรัฐบาลในยุคปัจจุบันก็เป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่เข้มงวดกับการใช้งานอย่างมาก โดยเฉพาะกับการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดีย อย่างกรณีนครวัด ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเรียกเก็บค่าปรับ หากแต่มักมีการเรียกปรับและเซ็นเซอร์เรื่องราวที่ละเอียดอ่อน เช่น การเมือง หรือสิทธิมนุษยชน อยู่บ่อยครั้ง

‘เขมร’ กับการปลุกกระแสคลั่งชาติเบี่ยงเบนปัญหา ลูกไม้ตื้น ๆ พ่อลูก ‘ตระกูลฮุน’ เมื่อยามไร้ทางออก

เมื่อวันที่ (8 มิ.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ดร.โญ มีเรื่องเล่า ของ ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคลได้โพสต์ข้อความว่า ... Like father, like son!!! 
ในภาษาไทยจะตรงกับคำว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”

พฤติการณ์และพฤติกรรมของเขมรเยี่ยงนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเฉพาะในช่วงยุคที่ฮุนผู้พ่อเป็นนายกฯ หนแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2546 เริ่มต้นขึ้นเมื่อบทความในหนังสือพิมพ์เขมรฉบับหนึ่งตีเเผ่บทความกล่าวหาด้วยข้อมูลผิดๆ ว่า นักแสดงหญิงไทยคนหนึ่งได้กล่าวอ้างว่า "นครวัดเป็นของประเทศไทย" ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อวิทยุเขมรอื่น ๆ ได้หยิบยกเอารายงานดังกล่าวและปลุกระดมความรู้สึกชาตินิยมเพิ่มขึ้นไปอีกจนทำให้เกิดการจลาจลในพนมเปญเมื่อวันที่ 29 มกราคม ทำให้สถานทูตไทยถูกเผาและมีการปล้นสะดมทรัพย์สินของธุรกิจไทยในเขมร

หนต่อมาก็คือ กรณีพิพาทพรมแดนไทย–เขมร ระหว่าง 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551 – 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554 กินเวลา 3 ปี 5 เดือน 3 สัปดาห์ 2 วัน และสิ้นสุดลงหลังจากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยและเขมรโดยฝ่ายเขมรได้ยิงจรวดแบบ BM-21 เข้ามาสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในเขตไทยหลายครั้งหลายหน กองทัพบกไทยจึงได้ทำการยิงปืนใหญ่โต้ตอบสร้างความเสียหายแก่ฝ่ายเขมรอย่างหนัก เครื่องยิงจรวดแบบ BM-21 ถูกทำลายไปหลายระบบ ทหารเขมรตายไปหลายร้อยนาย ซึ่งผบ.ของกองกำลังเขมรในขณะนั้นก็คือ ฮุนมาเนตผู้เป็นนายกรัฐมนตีเขมรคนปัจจุบัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็ไม่ต่างไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยฮุนผู้พ่อเลย เมื่อฮุนผู้ลูกให้ทหารเขมรเข้ามาออกอาการพยายามแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ทั้งที่เป็นดินแดนของไทยและดินแดนที่ยังเป็นข้อพิพาท โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาเหมือนธม มีการยั่วยุปลุกปั่นประชาชนคนเขมรตลอดเวลา ทำให้กองทัพไทยโดยกองทัพภาคที่ 2 ไม่ยินยอมมีการเจรจาและประท้วง แต่เขมรไม่ยอมเลิก สิ่งที่รัฐบาลเขมรทำมาตลอดก็คือ ยุยงปลุกปั่นให้ข้อมูลที่บิดเบือนกับประชาชนคนเขมรเพื่อให้สนับสนุนปฏิบัติการของรัฐบาลเขมร ซึ่งชัดเจนว่า เขมรพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างกระแสชาตินิยมจนนำไปสู่การคลั่งชาติ

สำหรับการแสดงออกของพี่น้องประชาชนคนไทยที่สนับสนุนทหารไทยในเวลานี้เป็นเรื่องของความรักชาติโดยบริสุทธิ์ใจ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชและอธิปไตยที่มีมายาวนาน เขมรซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในอดีตที่ต้องยอมสละให้กับฝรั่งเศสชาตินักล่าอาณานิคมเพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ เขมรซึ่ง 55 ปีมานี้เปลี่ยนแปลงการปกครองและชื่อประเทศมากมายหลายหนตั้งแต่ราชอาณาจักรเขมรมาเป็นสาธารณรัฐเขมรในปี พ.ศ. 2513 และเขมรประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2518 (มีการฆ่าล้างชาติไปหลายล้านคน) และสาธารณรัฐประชามานิตเขมรในปี พ.ศ. 2522 (ฝ่ายรัฐบาลหุ่นเชิดเวียดนามที่ประชาคมโลกไม่ยอมรับโดยเฮงสัมรินและฮุนผู้พ่อตั้งชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาชนเขมร) จนกระทั่งกลับมาเป็นราชอาณาจักรเขมรอีกครั้งในปี พ.ศ. 2532

ดังนั้น เขมรจึงเหมือนประเทศที่ถูกสาป และคงตกอยู่ภายใต้คำสาปต่อไปเมื่อมีผู้นำเยี่ยงนี้ ผู้นำที่คิดได้แค่ว่า เมื่อรัฐบาลมีปัญหาและหาทางออก ไม่ได้ ก็ต้องสร้างกระแสคลั่งชาติให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนเพื่อเบี่ยงเบนปัญหาที่แก้ไม่ได้ไปสู่เป้าหมายใหม่โดยเฉพาะศัตรูภายนอกประเทศ ตัวอย่าง อาทิ

นายพลเลโอโปลโด กัลติเอริ อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการแห่งอาร์เจนติน่าส่งกำลังทหารบุกยึดหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2525 หรือ ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีจอมเผด็จการแห่งอิรักได้ส่งกำลังทหารเข้ายึดคูเวตได้อย่างง่ายดายและปกครองคูเวตอยู่ 7 เดือน กระทั่งสหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซง แต่พ่อลูกตระกูลฮุนกลับลืมนึกไปว่า จุดจบของรัฐบาลที่กระทำการเยี่ยงนี้ไม่เคยจบสวยเลย ซ้ำยังเป็นการสร้างความพินาศย่อยยับให้กับประเทศชาติและประชาชน สิ่งซึ่งพี่น้องประชาชนคนไทยต้องเข้าใจเป็นอย่างยิ่งคือ ในขณะสิ่งที่กองทัพไทยกำลังทำหน้าที่ในการรักษาดินแดนของไทยตามกฎหมาย สิทธิ กติกา และระเบียบปฏิบัติอันชอบธรรม เยี่ยงรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยโดยทั่วไป เป็นหลักปฏิบัติปกติธรรมดาเฉกเช่นเดียวกับรัฐที่มีเอกราชทุกรัฐบนโลกใบนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top