Friday, 4 July 2025
ทหาร

ถอดรหัสกองพันพิฆาตของเมียนมา ปรับกระบวนทัพให้เหมาะกับทุกสมรภูมิรบ

(2 มิ.ย. 68) เราจะเห็นข่าวว่ากองกำลังชาติพันธุ์ตีกองทัพเมียนมาแตก ยึดค่ายได้ บลาๆ  แต่ถามว่านับจากรัฐประหารมาตั้งแต่ 4 ปีก่อนจนปัจจุบันดูแล้วทำไมท่าทีของกองทัพเมียนมาไม่ได้ดูเหมือนผู้ปราชัยเลย วันนี้เอย่าจะมาถอดรหัสกองรบเมียนมาให้ได้ทราบกัน

พูดถึงทหารราบในเมียนมาแล้วที่เราเห็นส่วนใหญ่หากใครเคยไปต่างเมืองในประเทศเมียนมาแล้วเจอด่านตรวจหรือด่านเก็บส่วยของกองทัพ  ทหารเหล่านั้นเรียกว่าทหารประจำถิ่น  คำว่าทหารประจำถิ่นไม่ได้หมายความว่าทหารพวกนี้เกิดที่นี่เท่านั้น แต่ทหารกลุ่มนี้เวลากำลังพลย้ายไปประจำที่ไหนก็จะยกพาครอบครัวไปด้วย  ดังนั้นเราจะเห็นทหารพวกนี้บางด่านจะมีผู้หญิง หรือเด็กออกมาขายของเวลารถติดเข้าด่าน คนเหล่านี้คือครอบครัวของพลทหารนั่นเอง  กองทัพเมียนมามีทหารประจำถิ่นเหล่านี้จำนวนมากและใช้กองกำลังกลุ่มนี้ในการเฝ้าค่าย ตั้งด่านตรวจและรบในระยะทางไม่ไกลเป็นครั้งคราว

ทหารประจำถิ่นพวกนี้ไม่ได้มีแค่ระดับพลทหารแต่รวมถึงทหารระดับชั้นที่เป็นหัวหน้าบังคับกองร้อยด้วยเช่นกัน

จุดแข็งของทหารกลุ่มนี้คือชำนาญพื้นที่การศึกแต่ข้อเสียคือหากความเสียหายดังกล่าวเกิดกับครอบครัวมักจะยอมแพ้หรือหนี  ในหลายข่าวที่เราเห็นมีการสังหารผู้หญิงและเด็กส่วนใหญ่คือลูกเมียและครอบครัวของทหารประจำถิ่นทั้งสิ้น

กลศึกของทหารประจำถิ่นไม่ได้มีแค่กองทัพเมียนมาเท่านั้นแต่ยังเป็นลักษณะนี้เช่นกันในกองกำลังชาติพันธุ์ด้วย

กองกำลังที่ 2 ถูกเรียกว่ากองกำลังรบหลักเป็นกองกำลังที่มีประมาณ 10 กองพล  กองทัพนี้จะเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆที่มีการสู้รบเปรียบได้กับกองกำลังทหารพรานหรือกองกำลังรบพิเศษอะไรประมาณนั้น 

กองทัพนี้จะไม่มีครอบครัวติดตามไปมาเป็นเอกเทศและรบแบบเล็งผลเป้าหมาย  ดังนั้นในหลายปฏิบัติการที่เอาคืนพื้นที่จะมีกองพลกลุ่มนี้เป็นแนวหน้าเข้าประทะ  แต่อย่างที่บอกด้วยกองพลกลุ่มนี้ไม่ได้มีจำนวนมากหากเกิดสงครามก็ต้องวนไปรบในพื้นที่ต่างๆ และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่กองทัพเมียนมาอ่อนแอเพราะไม่สามารถผลิตทหารกลุ่มนี้ให้มากพอกับกองกำลังที่มีอยู่ได้นั่นเอง

ศพทหารยูเครน 6,000 นายจ่อกลับบ้าน แต่รัฐบาล ‘เซเลนสกี’ อาจต้องจ่ายกว่า 7 หมื่นล้านบาท

(4 มิ.ย. 68) รัสเซียเตรียมส่งคืนศพทหารยูเครน 6,000 นายในสัปดาห์หน้า ตามการประกาศของวลาดิมีร์ เมดินสกี ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียและหัวหน้าคณะเจรจาสันติภาพ การส่งศพจำนวนมากนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะสงครามที่ยังไม่สิ้นสุด และสร้างแรงกดดันใหม่ต่อรัฐบาลยูเครน

ตามกฎหมายของยูเครน รัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยแก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิตคนละ 15 ล้านฮรีฟเนีย (ราว 12 ล้านบาท) หากมีการชำระครบถ้วน การส่งศพครั้งนี้จะทำให้รัฐต้องจ่ายรวม 90,000 ล้านฮรีฟเนีย หรือประมาณ 70,200 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจเตือนว่า ยูเครนอาจไม่สามารถรับภาระทางการเงินได้ในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อสงครามยังดำเนินอยู่ และทรัพยากรส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไปยังงบประมาณด้านการทหาร อีกทั้งยังมีปัญหาทุจริตในระบบงานศพ ที่อาจทำให้การชดเชยไม่ถึงมือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเหมาะสม

แม้รัฐบาลยูเครนจะเริ่มปฏิรูปเพื่อลดการคอร์รัปชัน แต่ประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายยังเป็นคำถามสำคัญ ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชนที่ต้องการความโปร่งใส และจากพันธมิตรต่างชาติที่จับตามองการใช้งบประมาณอย่างใกล้ชิด

‘ยูเครน’ เตรียมจ่ายค่าศพทหารเสียชีวิต รายละ 11 ล้าน ครอบครัวลุ้นหนักเงินชดเชย…จะถึงมือจริงไหม??

(6 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้ลงนามให้จ่ายเงินชดเชยครั้งเดียวมูลค่า 15 ล้านฮรีฟยา (ราว 11.8 ล้านบาท) แก่ครอบครัวทหารยูเครนที่เสียชีวิตในหน้าที่ โดยมาตรการนี้ถูกกำหนดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2022 เพื่อเป็นการสนับสนุนขวัญกำลังใจแก่ทหารและครอบครัวท่ามกลางความขัดแย้งกับรัสเซีย

รัสเซียตกลงส่งคืนศพทหารยูเครนจำนวน 6,000 รายที่ถูกแช่แข็งภายใต้ข้อตกลงที่อิสตันบูล ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การจ่ายเงินชดเชยรวมสูงถึง 90 พันล้านฮรีฟยา (ราว 89,100 ล้านบาท) 

แม้กฎหมายกำหนดเงินชดเชยทหารเสียชีวิตอย่างชัดเจน แต่ยังมีเสียงวิจารณ์ว่า “ขาดความโปร่งใส” และมีคำกล่าวหาว่าเซเลนสกีและผู้ใกล้ชิดอาจรับผลประโยชน์โดยไม่ถูกตรวจสอบ เนื่องจากผู้สนับสนุนต่างชาติยังคงให้การสนับสนุนยูเครนอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เซเลนสกี ยังถูกตั้งคำถามว่า ครอบครัวของทหารที่ได้รับศพคืนทั้งหมดจะได้รับเงินชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ แหล่งข่าวบางแห่งระบุว่าขั้นตอนการรับรองศพยังล่าช้า และเกณฑ์การจ่ายเงินยังมีเงื่อนไขอีกมาก อนาคตการจ่ายเงินที่ยาวนานและกระบวนการเชิงราชการอาจทำให้ครอบครัวหลายรายไม่ได้รับสิทธิทันที

‘รัสเซีย’ โต้ ‘ยูเครน’ กล่าวหาส่งศพปลอมยันเอกสารตรง เชื่อจัดฉากหวังทำลายภาพลักษณ์

เมื่อวันที่ (19 มิ.ย. 68) ที่ผ่านมา รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน อีฮอร์ คลีเมนโก (Ihor Klymenko) กล่าวหาฝ่ายรัสเซียผ่านช่องทาง Telegram ว่ามีการ ‘ปลอมแปลง’ ศพในการส่งมอบร่างทหารยูเครน โดยอ้างว่ารัสเซียใส่ศพทหารตนเองลงในถุงหมายเลข 192/25 พร้อมแนบหลักฐานเป็นบัตรประจำตัวและป้ายชื่อของทหารรัสเซียชื่อ เอ.วี. บูกาเยฟ (A.V. Bugayev)

อย่างไรก็ตาม เอกสารการส่งมอบระบุว่า ถุงหมายเลข 192/25 นั้น เป็นศพของทหารยูเครนชื่อ มิโคลา ดิดิก (Mykola Ivanovych Didyk) ซึ่งเสียชีวิตในการสู้รบเมื่อ 6 พฤษภาคม 2024 ที่เขตบัคมุต แคว้นดอแนตสก์ ประเทศยูเครน โดยในศพมีชุดเครื่องแบบทหารยูเครนและสำเนาบัตรทหารครบถ้วน และถูกฝังอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2025 ตามประกาศของสภาเมืองโอบูคอฟ

ส่วนศพของนายบูกาเยฟ ซึ่งยูเครนกล่าวอ้างนั้น เดิมทีถูกส่งจากรัสเซียในถุงหมายเลข 567 โดยไม่มีเอกสาร ป้ายชื่อ หรือสิ่งของระบุตัวตนใด ๆ แต่หลังจากยูเครนส่งถุงใบเดิมกลับคืนในภายหลัง กลับพบว่ามีเอกสาร ป้ายชื่อ และโทรศัพท์มือถือของบูกาเยฟอยู่ในถุง ทำให้รัสเซียสงสัยว่า ยูเครนอาจใส่หลักฐานเพิ่มเติมเข้าไปทีหลัง เพื่อสร้างเรื่องหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง

แหล่งข่าวจากรัสเซียระบุว่า ตอนนี้รัสเซียพร้อมจะส่งคืนศพทหารยูเครนอีกกว่า 3,000 ราย แต่ทางการยูเครนยังไม่ยอมรับกลับไป พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การกล่าวหารัสเซียในครั้งนี้ อาจเป็นความพยายามของยูเครนในการโจมตีด้านข้อมูล ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่ยูเครนเปลี่ยนผู้รับผิดชอบเรื่องการรับศพจากหน่วยข่าวกรองทหาร (GUR) มาเป็นหน่วยความมั่นคง (SBU) ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้ประเด็นเหล่านี้เพื่อบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของภารกิจมนุษยธรรมที่รัสเซียดำเนินการอยู่

‘ฮุน เซน’ นั่งฮ. ลงพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจหลังไทยยกระดับเข้มเปิด-ปิดด่าน

(26 มิ.ย. 68) ฮุน เซน ลงพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ตรวจเยี่ยมกองทัพ หลังไทยยกระดับเข้มเปิด-ปิดด่าน

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน กระทรวงประชาสัมพันธ์กัมพูชา รายงานว่า สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นั่งเฮลิคอปเตอร์ ลงพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย หรือ อุดดอร์เมียนเจ็ย ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกองทัพและพบปะประชาชน

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของ "สมเด็จฮุน เซน" ซึ่งได้กลับมาเปิดให้คนไทยมองเห็นอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปิดกั้นไอพีประเทศไทยไว้ ทำให้คนไทยไม่สามารถมองเห็นเนื้อหาและได้เข้าโพสต์ในเฟซบุ๊กดังกล่าวได้

โดย "สมเด็จฮุน เซน" ได้เผยแพร่คลิปเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมกองทัพและประชาชนที่จังหวัดชายแดนกัมพูชา-ไทย ซึ่งพบว่ามีคนไทยเข้าไปคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

เกาหลีเหนือเตรียมส่งทหารเพิ่ม 30,000 นาย ร่วมรบเคียงข้างรัสเซียในแนวหน้าสมรภูมิยูเครน

(3 ก.ค. 68) เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของยูเครนเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือเตรียมส่งทหารระลอกใหม่จำนวน 25,000–30,000 นายไปยังแนวหน้าสมรภูมิยูเครน เพื่อสนับสนุนกองทัพรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้มีการส่งทหารแล้ว 11,000 นายเมื่อปลายปี 2024 ซึ่งประสบความสูญเสียอย่างหนักถึง 4,000 นาย

การประเมินของยูเครนระบุว่าทหารเกาหลีเหนือชุดใหม่นี้อาจเริ่มเดินทางภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีแนวโน้มถูกส่งเข้าสู่เขตยึดครองของรัสเซียในยูเครน เพื่อสนับสนุนการรุกขนาดใหญ่ โดยรัสเซียจะจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้ครบถ้วน

ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงความเคลื่อนไหวของเรือบรรทุกทหารรัสเซียในท่าเรือดุนาย และเครื่องบินขนส่งสินค้าที่สนามบินซุนอัน (Sunan) ของเกาหลีเหนือ บ่งชี้ถึงการเตรียมเคลื่อนย้ายทหารครั้งใหญ่เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าอาจเป็นการเดินทัพระยะยาวผ่านไซบีเรียซึ่งติดชายแดนเกาหลีเหนือ

ยูเครนและหน่วยข่าวกรองตะวันตกต่างจับตาการฝึกและประจำการของทหารเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด โดยพบว่าทหารเหล่านี้เริ่มได้รับการฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพรัสเซียมากขึ้น ทั้งในด้านยุทธวิธี ภาษาทหาร และการใช้ปืนลูกซองเพื่อต้านโดรนยูเครน

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ารัสเซียเตรียมรับช่างทหารและผู้เก็บกู้กับระเบิดจากเกาหลีเหนืออีก 6,000 นาย เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในแคว้นคูร์สก์ ด้านรัฐมนตรีกลาโหมยูเครนเตือนว่า การพึ่งพาทหารต่างชาติสะท้อนปัญหาการเกณฑ์ทหารภายในรัสเซียที่ย่ำแย่ และอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเกาหลีเหนือเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top