Thursday, 2 May 2024
ทหารเรือ

‘พล.ร.อ.อะดุง’ เข้ารับตำแหน่ง ‘ผู้บัญชาการทหารเรือ’ ลั่น!! สานต่อ ‘กู้เรือหลวงสุโขทัย’ โปร่งใส-ตรวจสอบได้

(29 ก.ย.66) พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม บัญชาการทหารเรือ ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ภายหลังรับตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ต่อจาก พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ บริเวณหน้าอาคารกองบัญชาการกองทัพเรือพระราชวังเดิม โดยกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเปิดเผยถึงนโยบายในการบริหารกองทัพเรือ 7 ด้าน ตลอดระยะเวลา 1 ปีในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ว่า

ตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผมเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2566 นั้น ผมและครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและจะน้อมนำ พระบรมราโชวาทที่พระองค์ได้พระราชทานไว้ในวโรกาสต่าง ๆ มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยอย่างสูงสุด การนำกองทัพเรือใน 1 ปีข้างหน้านี้ ตนจะบังคับบัญชากำลังพลในทุกระดับ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

1. จะปกป้องและรักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
2. จะนำนโยบายรัฐบาล และนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมในโอกาสแรก
3. จะเป็นปีแห่งการกวดขันระเบียบวินัยกำลังพลให้ปฏิบัติตามคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนดที่มีอยู่แล้วอย่างจริงจัง
4. จะเป็นปีแห่งการดูแลสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้แก่กำลังพลในทุกระดับ เพื่อให้มีขวัญกำลังใจ ที่จะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
5. จะดูแลความมั่นคงทางทะเล จะช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ และนำยุทโธปกรณ์มาสนับสนุนรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยของเราให้เจริญรุ่งเรือง
6. จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้กองทัพเรือเป็นหน่วยงานที่ประชาชนชาวไทยเชื่อมั่น และภาคภูมิใจ
7. จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการและทำให้ทะเลไทยปลอดภัยและมีความมั่นคง

โดยในปีนี้ตนได้กำหนด มอตโต้ เพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของกำลังพลทุกระดับไว้คือ

"เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง"

พล.ร.อ.อะดุง กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณที่เป็นกำลังใจและจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดใด ๆ และขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กองทัพเรือ

สำหรับเรื่องเรือดำน้ำเปลี่ยนเครื่องยนต์จีนจะนำส่ง รมว.กลาโหมนั้น ขอศึกษารายละเอียด อย่างที่ทราบ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ได้ลงนามแล้วก็ส่งไปให้กองบัญชาการกองทัพไทยแล้ว
และตนจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า กองทัพเรือพร้อมที่จะใช้เครื่องยนต์ของจีน หรือ พร้อมที่จะให้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเรื่องเรือดำน้ำหรือไม่ พลเรือเอกอะดุง กล่าวว่า ยังไม่ขอตอบขอไปศึกษาและขอให้เป็นไปตามที่ พล.ร.อ.เชิงชาย ดำเนินการ

เมื่อถามว่า มีแผนรองรับหรือไม่ กรณีที่รัฐบาลตัดสินใจเรือดำน้ำไปอีกทางหนึ่ง พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า การตัดสินใจของรัฐบาลหรือกองทัพเรือตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของกองทัพเรือและประเทศชาติจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด

เมื่อถามถึง ความคืบหน้าการกู้เรือหลวงสุโขทัย พลเรือเอกอะดุง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 กันยายนได้เปิดเชิญชวนให้บริษัทเอกชนเข้ามาประมูลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งครั้งที่ยกเลิกไป ซึ่งพลเรือเอกเชิงชายก็ได้ระบุแล้วว่า ไม่มีอะไรผิดเพียงแต่ว่าเมื่อเปิดซองแล้วทุกบริษัทใส่เอกสารมาไม่ครบ ดังนั้น วันที่ 19 ตุลาคม จะมีการยื่นซองประมูลใหม่ ซึ่งถือเป็นไทม์ไลน์คร่าว ๆ ของการกู้เรือหลวงสุโขทัย และในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2567 เรือทยอยขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีที่ รมว.กลาโหม สั่งการให้จเรทหารมาตรวจสอบความเรียบร้อยเรื่องการกู้เรือหลวงสุโขทัย พลเรือเอกอะดุง ระบุว่า ยังไม่ได้อ่านข่าว แต่ในฐานะเป็นประธานกู้เรือเราทำด้วยความตรงไปตรงมาทุกอย่าง

เมื่อถามว่า ทางการเมืองจับตาดูมีความกดดันห่วงอะไรหรือไม่ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า ตนไม่ห่วงอะไรเลย กองทัพเรือจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนและทำอย่างตรงไปตรงมา และยืนยันว่าทั้ง 2 เรื่องนี้จะต้องเสร็จในยุคของตน

ทหารเรือ จับเรือขนน้ำมันเถื่อนกว่าแสนลิตร กลางทะเล ทำลายเศรษฐกิจชาติ

กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ( ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง แถลงข่าวการจับกุม และร่วมตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันผิดกฎหมาย ณ ท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ตามที่ ทัพเรือภาคที่ 1 บูรณาการร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และประสานการข่าวกับกรมข่าวทหารเรือ ร่วมกันทำการปฏิบัติการด้านการข่าวเชิงรุก จนนำไปสู่การมอบหมายภารกิจสั่งการให้ เรือ ต.992 จากกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 1 ดำเนินการตรวจสอบและจับกุม เรือบรรทุกสินค้าทั่วไปดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกน้ำมัน ที่มีพฤติกรรมลักลอบขนน้ำมันผิดกฎหมาย บริเวณใต้ เกาะทะลุ จังหวัดระยอง ผลการปฏิบัติ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567 เวลา 19.30 น. ได้ทำการจับกุมเรือชื่อ บ.ดิวันมารีนทัวร์ มีไต๋รวมลูกเรือ จำนวน 3 คน และจากการตรวจสอบจากชุดสหวิชาชีพ พบของกลางเป็นน้ำมันดีเซลหลบเลี่ยงภาษี จำนวน 104,000 ลิตร โดยได้ควบคุมเรือดังกล่าว ไปยังท่าเรือ กลางอ่าว กองบัญชาการ กองเรือยุทธการ  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ก่อนในวันนี้ พลเรือโท สุระศักดิ์  สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1(ผบ.ทรภ.1) และ  ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1  (ผอ.ศรชล.ภาค 1) ได้แถลงข่าวการจับกุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1, สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิตร, สำนักเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา แล ะสาขาระยอง, สำนักงานประมงจังหวัดชลบุรี, สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ, ชุดเฉพาะกิจปราบปรามน้ำมันเถื่อนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรมศุลกากร ซึ่งจะบูรณาการร่วมกันตรวจสอบเรือดังกล่าวและที่มาของน้ำมันเพื่อขยายผลต่อไป ทั้งนี้ การปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเลอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในเขตพื้นที่รับผิดชอบ

‘กองทัพเรือ’ เปิดรับสมัครพลเรือน อายุ 16-18 ปี เข้าสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ปี 2567

(22 ม.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนนายเรือ RTNA’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

“โรงเรียนนายเรือเปิดรับสมัครบุคคลพลเรือนสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ เป็นชายไทยอายุตั้งแต่ 16 ปี และไม่เกิน 18 ปี สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 หรือเทียบเท่า 

โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่ 18 มกราคม - 29 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถสมัครทาง Internet เพียงช่องทางเดียว ที่เว็บไซต์โรงเรียนนายเรือ http://www.admission-rtna.net หรือ http://www.rtna.ac.th และติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-475-3995, 02-475-7435 ทุกวันราชการ

หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/profile.php?id=100093815418258&mibextid=ZbWKwL

‘ทร.’ มอบประกาศยกย่อง ‘พันจ่าเอก จเร - พลทหาร นูรดีน’ ช่วยเหลือคนตกน้ำ ตัวติดซอกตอม่อสะพานพระนั่งเกล้า

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 67) พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศยกย่องชมเชยให้แก่กำลังพลของกองทัพเรือ จำนวน 9 นาย ที่ได้ประกอบคุณงามความดีเสียสละช่วยเหลือสังคม หรือเสี่ยงอันตรายเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุต่าง ๆ โดยพิธีจัดขึ้น ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการ กองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร 

ทั้งนี้ 2 กำลังพลที่เข้าพิธีรับมอบประกาศชมเชยจากผู้บัญชาการทหารเรือในครั้งนี้ ได้สร้างคุณงามความดี โดยขณะปฎิบัติหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือคนตกน้ำบริเวณสะพานพระนั่งเกล้าและติดอยู่ใต้ซอกตอม่อสะพาน จึงได้ทำการช่วยเหลือนำตัวขึ้นมาบนเรือได้อย่างปลอดภัย เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 66 ได้แก่

1.พันจ่าเอก จเร สุริยะลังกา พันจ่าเรือ เรือเวรด่วนทางธุรการ หมวดเรือบริการที่ 1 แผนกเรือบริการ กองเรือเล็กกรมการขนส่งทหารเรือ   

2.พลทหาร นูรดีน สาเมาะ พลช่างกล เรือเวรข้ามฟาก หมวดเรือบริการที่ 1 แผนกเรือบริการ กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ 

การยกย่องชมเชยกำพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เสียสละ ช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ แสดงถึงความกล้าหาญที่ยอมเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน นับเป็นบุคคลที่ควรแก่การยกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง กองทัพเรือขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กำลังพลกองทัพเรือเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีสมควรได้รับการยกย่องชมเชยและยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป

‘ผบ.ทร.’ มอบประกาศเชิดชู-ยกย่อง 7 กำลังพลกองทัพเรือ ช่วยคนกระโดดน้ำสะพานข้ามแม่น้ำมูล นำส่ง รพ. ได้สำเร็จ

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค. 67) พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศยกย่องชมเชยให้แก่กำลังพลของกองทัพเรือ จำนวน 9 นาย ที่ได้ประกอบคุณงามความดีเสียสละช่วยเหลือสังคม หรือเสี่ยงอันตรายเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุต่าง ๆ โดยพิธีจัดขึ้น ณ ห้องสุพรรณหงส์ อาคารส่วนบัญชาการ กองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร 

ทั้งนี้ 2 กำลังพลที่เข้าพิธีรับมอบประกาศชมเชยจากผู้บัญชาการทหารเรือในครั้งนี้ ได้สร้างคุณงามความดี โดยได้เข้าให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้ประสบภัยทางน้ำที่กระโดดน้ำบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูล อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และ นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลโขงเจียมได้อย่างปลอดภัย เมื่อ 14 ม.ค. 67 ได้แก่

1.ว่าที่ นาวาโท โอรส พุทธโค รักษาราชการหัวหน้าสถานีเรือโขงเจียม หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำแม่น้ำโขงเขตอุบลราชธานี (นรข. เขตอุบลราชธานี)
2.จ่าเอก สิทธิพร คำแก้ว จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี  
3.จ่าเอก สุนันท์ ดอน จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี
4.จ่าเอก สุวัฒน์ สุดสี จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี 
5.จ่าเอก ธนพงศ์ คำศรีสุข ผู้ควบคุมเรือ เรือจู่โจมลำน้ำ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี
6.จ่าเอก เมธานนท์ ตรัสมา จ่าช่างกลเรือ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี
7.จ่าเอก พรคำภีค์ โสภณ ประจำอาวุธ สถานีเรือโขงเจียม นรข. เขตอุบลราชธานี 

การยกย่องชมเชยกำพลกองทัพเรือที่ประกอบคุณงามความดี เสียสละ ช่วยเหลือสังคมในครั้งนี้ แสดงถึงความกล้าหาญที่ยอมเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือให้ปรากฏต่อสาธารณชน นับเป็นบุคคลที่ควรแก่การยกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง กองทัพเรือขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า กำลังพลกองทัพเรือเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีสมควรได้รับการยกย่องชมเชยและยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป

ผู้บัญชาการทหารเรือ รุดเยี่ยมกำลังพล เรือหลวงคีรีรัฐ ที่ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 มีนาคม 2567 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเยี่ยมกำลังพลเรือหลวงคีรีรัฐ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกระสุนปืนของเรือหลวงชลบุรี ที่ขัดข้องลั่นใส่บริเวณท้ายเรือจนเกิดเพลิงไหม้ ความเสียหายเล็กน้อยแต่มีกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการสำลักควันไฟจำนวน 14 นาย โดย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มีความห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้สั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยในขณะนี้กำลังพลที่มีอาการไม่รุนแรง และอยู่ในระหว่างการพักฟื้นสังเกตุอาการ เพื่อรอ การพิจารณาจากแพทย์ให้กลับบ้าน จำนวน 9 นาย 

ส่วนผู้ป่วยที่เฝ้าระวัง จำนวน 5 นาย คณะแพทย์ได้ส่งการรักษาด้วย HYPERBARIC CHAMBER หรือ การบำบัดด้วยออกซิเจนความกดบรรยากาศสูง โดยในจำนวนนี้อยู่ ระหว่างการพิจารณาถอดเครื่องช่วยหายใจ 2 นาย   

ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุยังคงอยู่ในระหว่างการสอบสวน ของคณกรรมการซึ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ พลเรือเอก ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยต้นสังกัดและหน่วยเทคนิค เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยให้รายงานผลให้ทราบภายใน 3 วัน ทั้งนี้กองทัพเรือจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบในโอกาสต่อไป

ทหารเรือ ทำ pcr ช่วยเหลือชาวต่างชาติหยุดหายใจ รอดชีวิตหวุดหวิด

น้ำใจทหารเรือ ใช้วิชาที่กองทัพเรือ ฝึกสอนการทำ pcr (ปั๊มห้วใจ) ช่วยเหลือชาวเนเธอร์แลนด์ หมดสติรอดชีวิตหวุดหวิด

เหตุการณ์ รายนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อ วันที่ 29 มี.ค.67 ระหว่างเวลา 16.00 น. - 17.000 น.  ในขณะที่ พ.จ.ท.นิวัฒน์ กังหัน กำลังพลในสังกัด ร.ล.บางปะกง กองเรือฟริเกตุที่ 2 กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ (กฟก.2 กร.)  ได้พบเห็นเหตุการณ์ชาวต่างชาติหมดสติในรถยนต์ บริเวณลานจอดรถห้างแมคโคร สาขาสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีโดยมีภรรยาชาวไทย ของชาวต่างชาติคนดังกล่าวเข้ามาขอความช่วยเหลือ พ.จ.ท.นิวัฒน์ฯ และภรรยา จึงเข้าไปทำการช่วยเหลือ 

จากการสังเกตอาการในเบื้องต้น พบชายชาวต่างชาติ ทราบชื่อภายหลัง นายซาคาเรียส ครกเค่ สัญชาติเนเธอร์แลนด์ นอนหมดสติอยู่ภายในรถยนต์ลักษณะนอนหงาย ไม่รู้สึกตัว พ.จ.ท.นิวัฒน์ฯ และภรรยา จึงได้ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ในการนำ นายซาคาเรียส ลงจากรถมาในพื้นที่โล่งแจ้ง อาการเบื้องต้นไม่หายใจ ไม่มีชีพจร 

พ.จ.ท.นิวัฒน์ฯ เริ่มทำการ cpr และรีบโทร. แจ้ง 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากการทำ cpr นายซาคาเรียส เริ่มหายใจได้เอง เริ่มมีชีพจร แต่ยังไม่ได้สติ จึงจับนอนตะแคง แต่นายซาคาเรียส หยุดหายใจอีกครั้ง จึงได้ทำการ cpr ต่อในครั้งที่ 2 หลังจากนั้น มีพยาบาลมาช่วยสังเกตอาการ 2 คน พบว่ามีชีพจรได้สักพักก็หยุดหายใจอีกครั้ง ต่อมามีกำลังพลของกองทัพเรือ ในบริเวณนั้น เข้ามาช่วยทำ cpr อีกครั้ง จนกระทั่งรถพยาบาลฯ มาถึงและรีบนำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อย่างเร่งด่วน

ปัจจุบัน นายซาคาเรียส ครกเค่ รักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติโรคหัวใจ (CCU) รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ซึ่งทางญาตไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาตัวและบันทึกภาพ

จากการสอบถามทราบว่า พ.จ.ท.นิวัฒน์ ฯ เป็นอาสาสมัครกู้ชีพของ กฟก.2 รุ่นที่ 2 ตามโครงการอาสาสมัครกู้ชีพ กฟก.2 ที่จัดอบรมที่ รพ.อาภากรเกียรติวงษ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ เดือนละ 60 นาย จึงมีความมั่นใจในการช่วยเหลือชีวิตผู้ประสบเหตุดังกล่าว 

ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าว นับเป็นกำลังพลของกองทัพเรือ ที่ใช้ความรู้ความสามารถที่ได้รับการฝึกอบรมมา ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงยิ่งในการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ สมควรได้รับการยกย่องและเป็นแบบอย่างที่ดีต่อกำลังพลของกองทัพเรือ ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่มอบไว้ แก่หน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ มุ่งสู่เป้าหมาย “กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่น และภาคภูมิใจ – The Trusted Navy”

ผบ.ทร. ประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ ประจำปี 2567

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.67 เวลา 13.00 น. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นักเรียนจ่า (นรจ.) และนักเรียนดุริยางค์ (นดย.) ที่สำเร็จการศึกษาประจำปี 2566 จากโรงเรียนชุมพลทหารเรือ โรงเรียนสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ 

โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน โรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ โรงเรียนพลาธิการ โรงเรียนนาวิกเวชกิจ โรงเรียนการขนส่งทหารเรือ และโรงเรียนดุริยางค์ กองดุริยางค์ทหารเรือ ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้มีผู้เข้ารับการประดับเครื่องหมายยศ และมอบประกาศนียบัตร จำนวน 1,031 นาย ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนจ่าทหารเรือจำนวน 1,017 นาย และนักเรียนดุริยางค์ฯ จำนวน 14 นาย

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบโอวาทแก่ นักเรียนจ่าและนักเรียนดุริยางค์ทุกนาย โดยมีใจความสำคัญว่า การสำเร็จการศึกษาของนักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ ซึ่งได้รับการประดับเครื่องหมายยศเป็น “จ่าตรี” ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่น่าชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นผลจากความมุ่งมั่น ความวิริยะอุตสาหะ และความรับผิดชอบต่อหน้าที่ โดยนับจากนี้ไปจะต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการศึกษาไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความสำนึกในความเป็นทหารเรือ ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย มีคุณธรรม และจริยธรรมตามที่ได้กล่าวคำปฏิญาณตนไว้ ตลอดจนต้องหมั่นศึกษาพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตนเอง และกองทัพเรือสืบไป

สำหรับการศึกษาของนักเรียนจ่า และนักเรียนดุริยางค์ มีการศึกษาในรูปแบบภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยนักเรียนจ่าจะใช้ระยะในการศึกษาเป็นเวลา 2 ปี และนักเรียนดุริยางค์จะใช้เวลา 3 ปี ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย จะได้รับการประดับยศเป็น “จ่าตรี” และจะได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามสาขาวิชาการที่ได้ศึกษาในหน่วยงานต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดตามรายละเอียดการสมัครของนักเรียนจ่าได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “นักเรียนจ่าทหารเรือ” หรือสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานนักเรียนจ่าทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2475 3663 สำหรับรายละเอียดการสมัครของนักเรียนดุริยางค์สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “โรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ” หรือสามารถติดต่อได้ที่ ธุรการโรงเรียนดุริยางค์ กองดุริยางค์ทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2475 3054 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top