Thursday, 16 May 2024
ครม

‘ครม.’ ไฟเขียว!! ขึ้นค่าบริการ ‘โบราณสถาน-พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ’ ชี้ ปรับเพิ่มเฉพาะตั๋วชาวต่างชาติ หลังไม่ได้ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปี 51

(25 ก.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าเข้าชมและค่าบริการอื่นสำหรับโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (ฉบับที่....) พ.ศ.... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าเข้าชมและค่าบริการอื่นสำหรับโบราณสถานและพิพิธภัณฑ์ 72 แห่ง รวมถึงปรับปรุงบัญชีรายชื่อโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้วและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เรียกเก็บค่าเข้าชมได้

การปรับปรุงดังกล่าวนี้ เนื่องจากอัตราค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และโบราณสถานได้ใช้มาเป็นเวลานานตั้งแต่ปี 2551 โดยอัตราค่าเข้าชมที่กำหนดใหม่จะคงค่าเข้าชมและค่าบริการสำหรับคนสัญชาติไทยไว้ที่อัตราเดิม และปรับเพิ่มขึ้นเฉพาะกรณีของคนสัญชาติอื่น มีดังนี้ 

1.) โบราณสถานประเภทอุทยานประวัติศาสตร์ สำหรับคนสัญชาติไทย คนละ 20 บาท บุคคลสัญชาติอื่น คนละ 120-200 บาท (เดิม 100 บาท) 
2.) โบราณสถานประเภทแหล่งโบราณคดีหรือสถานที่สำคัญ สำหรับบุคคลสัญชาติไทย คนละ 10-20 บาท บุคคลสัญชาติอื่น คนละ 80-120 บาท (เดิม 50-100 บาท)

กำหนดอัตราค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ดังนี้ 

1.) พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขนาดเล็ก บุคคลสัญชาติไทย คนละ 10 บาท บุคคลสัญชาติอื่น 80 บาท (เดิม 50 บาท)
2.) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขนาดกลาง บุคคลสัญชาติไทย คนละ 10-20 บาท บุคคลสัญชาติอื่น คนละ 120 บาท (เดิม 50-100 บาท) 
3.) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขนาดใหญ่ บุคคลสัญชาติไทย คนละ 20-30 บาท บุคคลสัญชาติอื่นคนละ 200 บาท (เดิม 100-150 บาท)

สำหรับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ สำหรับบุคคลสัญชาติไทย คนละ 30 บาท บุคคลสัญชาติอื่น คนละ 240 บาท (เดิม 200 บาท)

ในร่างกฎกระทรวงฯ ยังมีการปรับปรุงบัญชีรายชื่อโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เรียกเก็บค่าเข้าชมได้ โดยเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย 

1.) โบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธนม อ.โคกสูง จ.สระแก้ว 
2.) โบราณสถานวัดกุฎีดาว อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 
3.) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก 
4.) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์  จึงต้องมีการจัดทำร่างกฎกกระทรวงเพื่อกำหนดทั้งค่าเข้าชม ค่าบริการอื่น และบัญชีรายชื่อโบราณสถานข้างต้น  และให้ยกเลิกค่าเช่าหูฟังบรรยายภาษาต่างประเทศด้วย

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ แล้ว เห็นว่าการอนุมัติร่างกฎกระทรวงฯ นี้ เป็นการปฏิบัติราชการตามปกติเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายแม่บทที่ได้บัญญัติให้อำนาจไว้ ไม่ได้เป็นกรณีที่ ครม. กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการที่สร้างความผูกพันต่อ ครม. ชุดต่อไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 (1) ดังนั้น ครม. สามารถพิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ นี้ได้ 

เปิดโผ จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ครม. ‘เพื่อไทย 1’ ‘คลัง-มหาดไทย-คมนาคม’ อยู่ พท. ส่วน ‘เกษตรฯ-สาธารณสุข’ ภท.คุม

เปิดโผ ครม.เพื่อไทย 1 จัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวแล้ว เพื่อไทยยึดคลัง มหาดไทย คมนาคม พาณิชย์ ยกเกษตร-สาธารณสุขให้ภูมิใจไทย รอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคมนี้…?

ล่าสุดสำหรับการทำงานของทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ได้ข้อสรุปหมดแล้ว ทั้งเรื่องการแบ่งกระทรวง และการจัดสรรบุคคลเข้าสู่ตำแหน่ง ประกอบด้วย...

- เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากเพื่อไทย
- ชูศักดิ์ ศิรินิล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย
- พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากพรรคพลังประชารัฐ
- ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากพรรคพลังประชารัฐ
- อำนาจ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย
- อดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ จากพรรคเพื่อไทย
- ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคเพื่อไทย
- สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคพลังประชารัฐ
- ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย
- แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จากเพื่อไทย
- เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยคลัง จากพรรคเพื่อไทย
- สรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- วิสุทธิ์ ชัยอรุณ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคเพื่อไทย
- ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย
- เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีข่วยคมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย
- กิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย
- อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคภูมิใจไทย
- วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากพรรคพลังประชารัฐ
- ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคภูมิใจไทย
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อไทย
- ปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย
- วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ จากพรรคชาติไทยพัฒนา
- พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกนะทรวงท่องเที่ยว จากพรรคภูมิใจไทย
- พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล จากพรรคเพื่อไทย
- สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สุขสมรวย วันทนียกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จากพรรคภูมิใจไทย
- จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมฯ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ
- สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา จากพรรคเพื่อไทย
- ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากพรรคประชาชาติ

การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีลงตัวหมดแล้ว รอเพียงผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากรัฐสภา ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้เท่านั้น

‘เศรษฐา’ เผย จัดคณะรัฐมนตรีใกล้สำเร็จ หวังแถลงกรอบนโยบาย 8 ก.ย.นี้

(29 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีชื่อนายพิชิต ชื่นบาน จะมานั่งตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ และก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสงสัยว่าจะมีชื่อนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นั่งตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายว่า ตนเข้าใจว่าคงได้รับมอบหมายให้ไปทำอย่างอื่น สำหรับนายพิชิตก็อยู่มานานแล้ว และเข้าใจว่าเสร็จ 100% แล้ว จริง ๆ ไม่อยากเปิดเผยชื่อเท่าไหร่ เพราะขณะนี้ตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติ 2 วัน

เมื่อถามว่าจะสามารถนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่อาจไปก้าวล่วง

เมื่อถามว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา วางกรอบแถลงนโยบายไว้ประมาณวันที่ 8 ก.ย.นี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ถ้าได้ก็ดี ซึ่งมีการนัดคุยเรื่องนโยบายกับพรรคร่วมรัฐบาลตลอด โดยในวันที่ 30 ส.ค. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็จะเข้ามา วันนี้จะมีการคุยนโยบายกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ด้วย และเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาคุยนโยบายบางส่วนกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีประเด็นอะไร อย่างไรก็ตาม เราได้ร่างนโยบายไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีการนำของพรรคร่วมรัฐบาลมาเสริม หรือใครก็ตามที่มีนโยบายของพรรคก็สามารถนำมาหล่อหลอมเป็นนโยบายได้

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ยังหวังว่าพรรคเพื่อไทย จะนำบางนโยบายของพรรคก้าวไกลมาใช้บ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า อะไรเป็นประโยชน์กับประเทศชาติเราก็จะพิจารณาหมด

เมื่อถามว่ามีเสียงสะท้อนจาก สส.ในพรรคเพื่อไทย ถึงความไม่พอใจเรื่องการแบ่งกระทรวงนายเศรษฐา กล่าวว่า ใจเย็น ๆ นิดหนึ่ง อาจจะมีเซอร์ไพรส์อะไรบ้างนิดหน่อย อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ขอให้ดูรายชื่อทั้งหมดและโครงสร้างในการแบ่งงานก่อน พยายามเต็มที่ให้ทุกคนไม่ผิดหวัง

เมื่อถามว่าการประชุม สส.พรรคช่วงเย็นวันนี้ต้องทำความเข้าใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ตนจะเข้าประชุมด้วย และถ้ามีโอกาสต้องชี้แจง หากมีปัญหาหรือความไม่เข้าใจภายในพรรคกันเอง เราคุยกันในบ้าน ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในพรรคต้องชี้แจง ประนีประนอมกัน

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าโผ ครม.ชุดนี้เทียบไม่ได้กับครม.ชุดเก่า นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่ง และต้องให้เกียรติว่าที่รัฐมนตรีทุกท่านด้วย ขอโอกาสและขอให้ดูที่ผลงานเป็นหลัก

เปิดไทม์ไลน์ คณะรัฐมนตรี ‘เศรษฐา 1’ ทำงานเดือนแรก (ก.ย.)

คนไทยทั้งประเทศ เพิ่งได้ทราบชื่อและเห็นหน้าตา คณะรัฐมนตรี ‘เศรษฐา 1’ ทั้ง 34 คนไปแล้ว โดยในวันที่ 5 ก.ย. 66 จะเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และเตรียมประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกวันที่ 12 ก.ย.นี้
 

‘เศรษฐา’ ย้ำ!! ครม. ทำงานเพื่อประชาชน ในฐานะรัฐบาลของทุกคน เน้นโปร่งใส!! ภารกิจใดทำได้โดยไม่ติดข้อกฎหมายให้เร่งทำทันที

(6 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) โดยช่วงหนึ่งระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงแนวทางในการทำงานให้กับรัฐมนตรี ว่า ในฐานะรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งได้พูดไปแล้วในหลายเวที ว่าจะเป็นรัฐบาลของประชาชน จะทำงานเพื่อประชาชน ที่ปฏิบัติตัวเคร่งครัดตามรัฐธรรม และตามกฎหมาย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาความแตกแยกทางด้านความคิดทั้งหลาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำงานแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ขอให้ทุกท่านรีบทำ รีบสร้างผลงานออกมา เพราะว่าพี่น้องประชาชนทุกคนกำลังเดือดร้อน กำลังรอคอยการทำงานของรัฐบาล เมื่อทุกท่านเข้ากระทรวงแล้วขอเก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบการทำงาน พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องการโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้เข้าใจเห็นใจข้าราชการที่ตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ต้องการความก้าวหน้าทางด้านการงาน เรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่ต้องการให้เอาเปรียบข้าราชการ ขอให้ทุกท่านให้เกียรติข้าราชการ ส่วนการจัดเตรียมงบประมาณประจำปี ขอให้คณะรัฐมนตรีช่วยไปดูกระทรวงในกำกับว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงนโยบายฯ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ขอให้คณะรัฐมนตรีตระหนักว่าเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าให้มีการแบ่งแยกพรรคพวก เป็นรัฐบาลที่ทำงานเพื่อประชาชนจริง ๆ 

“ทุกคน ในฐานะที่เป็นรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน ก็ขอให้ทำงานเพื่อประชาชน โดยยึดหลักของกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด เพื่อมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อน สังคม และความแตกแยกทางความคิด ยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สิ่งใดที่สามารถทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ก็จะเร่งดำเนินการ ขณะเดียวกันขอเน้นย้ำในเรื่องของความโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ” นายเศรษฐา กล่าว

เอกสารแถลงนโยบาย ครม. หลุด!! แบ่งกรอบทำงานระยะสั้น-กลาง-ยาว ครบ!!

(6 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ระหว่างที่รัฐบาลกำลังเตรียมการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา มีเอกสารคำแถลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ กรอบการทำงานของรัฐบาลที่แบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

ระยะสั้นจะออกนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิตอลวอลเล็ท จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก รัฐบาลเองก็จะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษี และที่สำคัญ การดำเนินนโยบายนี้จะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความโปร่งใสให้กับกลไกการชำระเงินของระบบเศรษฐกิจและรัฐบาล

นอกจากนี้จะแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินสำหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนากลางและขนาดย่อม

ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที นอกจากนี้รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงาน สนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงาน ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียง และสำรวจแหล่งพลังเพิ่มเติม

ตั้งเป้าจะเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำฟาสแทร็ควีซ่าสำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE)

นโยบายเร่งด่วนสุดท้าย คือ การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตยทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงการหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา เพื่อให้ประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

สำหรับนโยบายระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางที่จะสร้างรายได้ โดยการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ให้สินค้าและบริการของประเทศ อาทิ กลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ รวมถึงการให้ความสำคัญกับตลาดเดินที่รวมถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เร่งการเจรจากรอบความร่วมทางการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ในเอกสารแถลงนโยบาย ระบุด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบายเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรี และนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชน รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างของหน่วยงานความมั่นคงให้มีความทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงรัฐบาลจะร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศพร้อมกับประชาชน โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจปัจจุบัน และอนาคตของประเทศ

ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้มีความทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับรูปแบบและความเสี่ยงของภัยคุกคาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะการใช้เพื่อการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค การเพิ่มพูนความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และการใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างเข้มแข็งด้านสังคมของประเทศ

รวมถึงยกระดับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค สานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ

เช็กรายชื่อ ‘ที่ปรึกษา - เลขานุการฯ’ ใน ครม.เศรษฐา 1

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ครม. แต่งตั้งเลขาธิการฯ-ที่ปรึกษารัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง รวมถึงตำแหน่งรักษาการนายกฯ ล็อตแรก โดย ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ มีรายชื่อในตำแหน่งรักษาการนายกฯ คนที่ 1 และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาให้แล้ว ใครจะได้นั่งตำแหน่งอะไรบ้าง มาดูกัน!!

‘ปานปรีย์’ ยัน!! ปรับขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ’ แน่นอน เตรียมชง ครม.พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม 28 พ.ย.นี้

(24 พ.ย. 66) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึงการประชุมพิจารณา เรื่องการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า การประชุมดังกล่าวได้พิจารณารายละเอียดครั้งสุดท้าย ว่าอะไรที่ทำได้ในเวลานี้ อะไรที่ยังทำไม่ได้ และอะไรที่จะทำต่อไปในอนาคต แต่จะปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการแน่นอน ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตนขอนำเสนอเรื่องนี้เพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ก่อน เพราะ ครม.มอบหมายให้ตนกำกับดูแล

เมื่อถามว่า จะขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการระดับใดบ้าง และขึ้นเงินเดือนกี่เปอร์เซ็นต์ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขอให้รอดูรายละเอียดหลังจาก ครม.ให้ความเห็นชอบ

‘ครม.’ เห็นชอบปรับเพิ่มฐานเงินเดือน ขรก.บรรจุใหม่ สตาร์ต 18,000 บาท พร้อมปรับฐานแก่ ขรก.ที่บรรจุมาก่อนแล้วมีรายได้ไม่ถึง 18,000 บาทด้วย

(28 พ.ย. 66) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบในหลักการให้มีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพลเรือน (ก.พ.) โดยปรับขึ้นในส่วนของข้าราชการบรรจุใหม่ปีละ 10% ใน 2 ปีงบประมาณ ได้แก่ ปีงบประมาณ 2567 และปีงบประมาณ 2568 ซึ่งจะทำให้เงินเดือนของข้าราชการบรรจุใหม่อยู่ 18,000 บาทต่อเดือน ในปีงบประมาณ 2568 จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน การเริ่มปรับฐานเงินเดือนข้าราชการจบใหม่ 10% จะเริ่มต้นในเดือน พ.ค.ปีหน้า หลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณ ประกาศใช้แล้ว

สำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยอื่นๆ ที่เข้ามารับราชการก่อน และยังไม่ถึงระดับชำนาญการ (C8) และยังมีเงินเดือนไม่ถึง 18,000 บาทต่อเดือน จะมีการปรับฐานเงินเดือนขึ้นไปให้อยู่ในที่สูงกว่าข้าราชการบรรจุใหม่ โดยในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ปรับฐานเงินเดือนให้กับข้าราชการที่เข้ามารับราชการก่อน และเงินเดือนยังไม่ถึง 18,000 บาท ก็จะได้รับการปรับขึ้นค่าครองชีพก่อน สำหรับข้าราชการที่เป็นระดับชำนาญการขึ้นไป หรือระดับ C9 ขึ้นไป จะไม่ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนแต่อย่างไร

ส่วนงบประมาณที่ใช้นั้น ในปี 2567 จะใช้ 5-6 พันล้านบาท อาจจะใช้จากงบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน ส่วนปีงบประมาณ 2568 จะใช้งบประมาณหลักหมื่นล้านบาท จะตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาใช้ในส่วนนี้ โดยตัวเลขการจัดทำงบประมาณที่แน่นอนสำหรับการขึ้นเงินเดือนข้าราชการในครั้งนี้ จะเป็นเท่าไหร่ สำนักงาน ก.พ., กรมบัญชีกลาง และกระทรวงการคลัง จะหารือกันอีกครั้ง

นายดนุชา กล่าวอีกว่า การปรับขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้จะให้กับข้าราชการที่บรรจุใหม่ และข้าราชการที่ยังรายได้น้อย และจะทำคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพราชการ และปรับลดจำนวนข้าราชการด้วย

‘ภูมิธรรม’ ชี้!! ปรับครม.หรือไม่? เป็นอำนาจ ‘นายกฯ’  แง้ม!! ดึง ปชป.ร่วม เป็นเรื่องโคมลอย อย่าเพิ่งไปคิดไกล

(2 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิยช์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ปรับครม. โดยดึงเสียงพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเติมว่า ไม่มีใครรู้ เพราะเป็นอำนาจนายกฯ จะปรับหรือไม่ ความเหมาะสมเมื่อไหร่อย่างไร ข่าวต่าง ๆ ที่ได้ยินจากสื่อ แต่ตนไม่ได้ยินจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ตนคิดว่าในความเป็นจริงก็ต้องดูนายกฯ มองหรือพิจารณาอย่างไร เสียงออกมาจากตรงไหนก็เป็นข่าวลือเต็มไปหมด อาจจะมีทั้งตั้งใจพูด ไม่แน่ใจพูด หรือพูดคาดการณ์อะไรต่าง ๆ ก็ยังไม่เห็น

"คุยกับท่านนายกฯ มาล่าสุดเมื่อวาน ก็ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้" นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า เสียงรัฐบาล 314 เสียง ยังไม่พอใช่หรือไม่? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ทำไมยังไม่พอ มันก็เป็นหน้าที่ของมันอยู่แล้ว ส่วนจะปรับครม.หรือไม่ก็เป็นคนละเรื่องกัน”

เมื่อถามว่า หากปรับครม.ก็จะมีเสียงเพิ่มขึ้น? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ยังไม่รู้ว่าจะปรับหรือไม่ อย่าเพิ่งไปคิดอะไร”

เมื่อถามว่า ปัญหาพรรคร่วมฯ ก็ยังแย่งกันเยอะ? นายภูมิธรรม ถามกลับว่า “พรรคร่วมฯ ไหนแย่งกันเยอะ พรรคร่วมฝ่ายค้านหรือ ผู้สื่อข่าวจึงได้ตอบกลับว่า พรรคร่วมรัฐบาล อยากจะเป็นเยอะแยะ จากนั้นนายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มี ยังไม่มีอะไร ทุกคนก็ยังทำงานดี พูดคุยกันได้ดี”

เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์มาจะต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ยังไม่ได้มีเริ่มต้นแบบนี้ อย่าเพิ่งไปคิดไกล ยังไม่ได้มีจุดตั้งใจ อันนี้ยังเป็นเรื่องโคมลอย ถ้ามันเป็นเรื่องชัดเจน ค่อยมาว่ากันว่า จะคิดอย่างไร ถึงได้ตัดสินใจอย่างนั้น ค่อยมาว่ากันอีกที” 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top