Sunday, 6 July 2025
ข่าวการเมือง

‘เทพไท’ จับตา!! พรรคกล้าธรรม ดูด!! ‘สส.’ เข้าพรรค อย่างคึกคัก!!

(18 พ.ค. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า กล้าธรรม-เพื่อไทย เป็นอะไรกัน?

ช่วงนี้มีหลายฝ่ายจับตาความเคลื่อนไหวของพรรคกล้าธรรม ที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างร้อนแรง และเป็นที่สนใจของบรรดานักการเมือง นักเลือกตั้ง มีกระแสการดูดส.ส. ดึงสส.เข้าพรรคอย่างคึกคัก มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การก่อเกิดพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องการเป็นพรรคการเมือง ที่เสียบแทนหรือสนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แทนบางพรรคการเมืองที่อาจจะถูกปรับออกหรือไม่ หรือเป็นพรรคสาขา พรรคนอมินี ให้กับพรรคเพื่อไทยของคุณทักษิณ ชินวัตรหรือไม่

มีแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน ออกมาปฏิเสธว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวความคิดจัดตั้งพรรคสาขา และพรรคกล้าธรรมก็ไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย ในขณะเดียวกันแกนนำผู้บริหารพรรคกล้าธรรมหลายคน ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส คุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ต่างออกมาปฏิเสธว่า พรรคกล้าธรรมไม่ใช่พรรคสาขาของใคร พรรคกล้าธรรมให้เกียรติกับทุกคน ที่จะเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรค แต่ในขณะเดียวกัน สังคมก็สงสัยการตอบคำถามสื่อมวลชน ของผู้กองธรรมนัส เมื่อถูกถามถึงกรณีการดึง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ กับคุณการุณ โห่สกุล เข้าร่วมพรรคว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกับคุณทักษิณมาก่อนหรือไม่ ผู้กองธรรมนัส ตอบว่าได้พูดคุยกับคุณทักษิณมาก่อนแล้ว ก่อนจะเปิดตัว น.อ.อนุดิษฐ์ และคุณเก่ง การุณ ต่อสื่อมวลชน

จึงเกิดคำถามว่า ถ้าหากพรรคกล้าธรรมกับพรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน หรือพรรคกล้าธรรมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ หรือคุณทักษิณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้กองธรรมนัส ต้องถามว่า ทำไมผู้กองธรรมนัส ต้องไปบอกคุณทักษิณก่อน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ย้อนแย้งมาก ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดตั้งพรรคสาขาและพรรคกล้าธรรมไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย

ถ้าย้อนไปในอดีตก่อนที่จะเลือกตั้งปี 2562 มีการเสนอทฤษฎีแตกแบงค์พัน หรือแตกแบงค์ย่อยของคุณทักษิณ คือมีพรรคสาขา มีพรรคนอมินี จะเห็นในพื้นที่บางแห่ง ที่พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ไม่ได้ ไม่มีคะแนนนิยม ก็มีพรรคประชาชาติ พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง คงเหลือพรรคประชาชาติพรรคเดียว ที่ทำพื้นที่แทนพรรคเพื่อไทยใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้พรรคเพื่อไทยยังขาดพรรคมาเติมเต็มให้กับพรรคเพื่อไทยในบางพื้นที่ ที่พรรคเพื่อไทยเจาะพื้นที่ไม่ได้ ก็เป็นโอกาสของพรรคกล้าธรรม ที่สามารถไปทดแทนในพื้นที่ ที่พรรคเพื่อไทยทำไม่ได้ เช่น พื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ตอนบน รวมไปถึงในจังหวัดอื่นๆ ที่พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในการเอาชนะคู่แข่งขันทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคภูมิใจไทย จึงจำเป็นต้องมีพรรคกล้าธรรมขึ้นมาทดแทน หรือมาเติมเต็มให้กับพรรคเพื่อไทย ในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป หรือสนามเลือกตั้งปี 2570

ใครจะปฏิเสธอย่างไรว่า พรรคกล้าธรรมไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อไทยไม่คิดจะตั้งพรรคสาขา ก็ปฏิเสธได้ เพราะถ้ายอมรับว่าจริง จะผิดกฎหมายพรรคการเมือง จึงจำเป็นต้องปฏิเสธไว้ก่อน แต่ว่าความจริงก็คือความจริง ประชาชนรับรู้และเข้าใจได้ว่า นี่คือการเมืองแบบไทยๆ

'เจิมศักดิ์' เตือน!! 'สมศักดิ์' ระวัง!! ไม่มีที่ยืนในสังคม ชี้!! ควรดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แม้ทักษิณไม่พอใจ

(18 พ.ค. 68) รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความว่า ข่าวว่ารัฐมนตรีสมศักดิ์ตั้งแพทย์จำนวน 10 คนกลั่นกรองและให้ความเห็นว่าคุณสมศักดิ์ควรจะใช้สิทธิ์วีโต้แพทยสภาหรือไม่ กรณีทักษิณไม่ป่วยหนักวิกฤตจริง จนต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ตำรวจ ชั้น 14 นานถึง 181 วัน

หากผมเป็นแพทย์ 10 คนที่รัฐมนตรีสมศักดิ์ตั้งให้ช่วยกลั่นกรองให้ความเห็นเรื่องนี้

พวกผมจะบอกรัฐมนตรีสมศักดิ์ ว่า

อย่าเสียเวลาใช้งานพวกผมเลยเพราะหากพวกผมมีความเห็นแย้งกับมติของแพทย์สภาอันประกอบไปด้วย แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ ก็จะไม่มีใครเชื่อถือความเห็นของพวกผม  หากจะอ้างว่าได้ข้อมูลใหม่จากรัฐมนตรีก็ฟังไม่ขึ้น เพราะทำไมจึงไม่ให้ข้อมูลกับแพทยสภาตั้งแต่เมื่อครั้งมีการพิจารณา ตัวรัฐมนตรีสมศักดิ์ ก็จะนำความเห็นไปอ้าง เพื่อวีโต้ช่วยนักโทษทักษิณได้ยาก เพราะขาดน้ำหนัก ขาดความน่าเชื่อถือ คนจะเชื่อแพทย์สภามากกว่าความเห็นของพวกผม 10 คน ทำให้ถูกสังคมเย้ยหยัน ทั้งตัวรัฐมนตรีและพวกผมไปเปล่าๆ

หากพวกผมมีความเห็นผมพ้องกับแพทยสภา รัฐมนตรีสมศักดิ์ก็จะยิ่งลำบากใจเพราะถ้าลงนามเห็นชอบตามข้อเสนอโดยไม่วีโต้  คุณทักษิณก็อาจจะ โกรธและด่าคุณสมศักดิ์ อยู่ดี แต่หากคุณสมศักดิ์จะใช้สิทธิ์วีโต้แพทยสภาก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นเพราะ สังคมโดยเฉพาะศาล ก็จะยิ่งเชื่อถือมติแพทยสภา เพราะพวกผมก็เห็นพ้องต้องกับมติแพทย์สภา

แพทย์สภายิ่งต้องยืนยันตามมติเดิมด้วยคะแนนสองในสาม รัฐมนตรีสมศักดิ์ยิ่งไม่มีที่ยืนในสังคม ยกเลิกการแต่งตั้งให้พวกผมกลั่นกรองให้ความเห็น แล้วดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แม้จะถูกนักโทษทักษิณไม่พอใจแต่ก็คุ้มค่าตัดสินใจครั้งนี้เหมือนแทงพนัน แม้ ท่านจะคุ้นเคย แต่หากไม่ซื่อตรง ก็หมดตัวได้ในคราวนี้

‘สวนดุสิตโพล’ เผย!! ปชช.มอง ‘บ้านใหญ่’ มีอิทธิพลอย่างมาก!! กับการเลือกตั้งท้องถิ่น

(18 พ.ค. 68) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เรื่อง “ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นในสายตาประชาชน” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,104 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ค. สรุปผลจาก 5 คำถามได้ดังนี้

ประชาชนอยากให้นายกเทศมนตรีคนใหม่ดำเนินการเรื่องใดมากที่สุด
อันดับ 1 ปราบปรามอบายมุข ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 57.25%
อันดับ 2 แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ปัญหาฝุ่น 48.64%
อันดับ 3 พัฒนาถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปาให้ดีขึ้น 47.46%

จากการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาลครั้งนี้ ประชาชนคิดว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่

อันดับ 1 น่าจะทำได้ 37.32%
อันดับ 2 ไม่น่าจะทำได้ 34.51%
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 28.17%

ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ว่า บ้านใหญ่หรือตระกูลการเมืองท้องถิ่นยังมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในพื้นที่

อันดับ 1 เห็นด้วย 78.80%
อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย 21.20%

ปัจจัยใดที่ประชาชนคิดว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บ้านใหญ่หรือตระกูลการเมืองท้องถิ่นยังคงมีอิทธิพลในพื้นที่
อันดับ 1 เข้าถึงประชาชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น งานบุญ งานศพ งานประเพณี 45.13%
อันดับ 2 มีฐานเสียงที่มั่นคงและความสัมพันธ์กับชุมชนที่ยาวนาน 43.19%
อันดับ 3 มีระบบอุปถัมภ์ ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 41.89%

ประชาชนคิดว่าหากกลุ่มการเมืองท้องถิ่นไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองระดับชาติ จะมีผลต่อการบริหาร และพัฒนาพื้นที่หรือไม่

อันดับ 1 ส่งผลกระทบอยู่บ้าง แต่ยังพอบริหารจัดการภายในพื้นที่ได้ 37.50%
อันดับ 2 ส่งผลกระทบมาก เช่น โครงการหรืองบประมาณสนับสนุนจากรัฐกลางลดลง 23.82%
อันดับ 3 ไม่มีผลกระทบ เพราะสามารถพัฒนาโดยอาศัยทรัพยากรท้องถิ่น 19.93%
อันดับ 4 น่าจะเป็นผลดี เพราะจะได้ลดการแทรกแซงจากการเมืองระดับชาติ 18.75%

‘เท้ง’ แนะ!! ‘อิ๊งค์’ สิ่งที่ควรทำมากกว่า ไลฟ์สดขายทุเรียน คือต้องเปิดตลาดใหม่ อย่าพึ่งพิงแค่ตลาดจีน ประเทศเดียว

(18 พ.ค. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไลฟ์ขายทุเรียน ที่จ.จันทบุรี เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ว่า เรื่องทุเรียน คนนำเข้าหลักๆ คือประเทศจีน ซึ่งคู่แข่งที่สำคัญคือประเทศเวียดนาม

ดังนั้น ตอนนี้ถ้าเราดูสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนเกษตรกรในประเทศของเขา เขาพยายามที่จะมีเงินอุดหนุนให้เกษตรกรตามชนิดพืชที่ปลูกแล้วมีมูลค่ามากขึ้น พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนให้ไปปลูกทุเรียน เพื่อมาแข่งกับไทย

แต่เมื่อดูบริบทที่ประเทศไทย ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีมูลค่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เห็นการยกระดับหรือช่วยเหลือจากรัฐบาลเท่าที่ควร เกษตรกรอยู่รอดด้วยตัวเอง เพราะคนจีนชอบบริโภคและมองว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่มีมูลค่าทานแล้วดีต่อสุขภาพ

“ถ้าจะให้ผมเสนอแนะ สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่าการไลฟ์สด วัตถุประสงค์ของการไลฟ์สดคือช่วยขยายตลาด แต่ตลาดปัจจุบันเราส่งออกไปจีนโดยส่วนมากอยู่แล้ว สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่า คือการเปิดตลาดใหม่ เช่น ประเทศอินเดีย ก็มีประชากรเยอะ และเป็นประเทศที่บริโภคผลไม้อาหารต่างๆ ที่มีรสจัดอยู่แล้ว มองหาทางเลือกใหม่ๆ เป็นไปได้หรือไม่

อย่าไปพึ่งพิงที่ตลาดประเทศจีนประเทศเดียว เพราะเราเห็นผลกระทบที่ตามมา เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลจีนมีมาตรการในการกีดกันทุเรียนนำเข้า เราก็จะได้รับผลกระทบ เพราะเราพึ่งพาอยู่ตลาดเดียว ดังนั้น สิ่งที่จำเป็น เราจะช่วยลดต้นทุนเกษตรกร เพิ่มผลผลิตต่อไร่แล้วต้องขยายตลาดออกไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ด้วย” นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

'สุชาติ' เปิดใจผ่าน!! 'เนชั่นทีวี' รับจ่อขน สส. ซบ 'พรรคโอกาสใหม่'

(1 มิ.ย. 68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และสส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านรายการทันข่าวเที่ยง ทางช่องเนชั่นทีวี ถึงการนำ 23 สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าสังกัดพรรคโอกาสใหม่ ว่า ยอมรับว่าเป็นการพูดคุยกันและหารือถึงอนาคตทางการเมือง โดยมีกลุ่มเพื่อนของตนประมาณ 10 คน และมีกลุ่มของ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะขณะนี้ผ่านมาครึ่งเทอม ทั้งนี้ในความชัดเจนนั้น ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะไปพร้อมกันหรืออยู่พร้อมกัน เพราะยังไม่เป็นอุดมการณ์เดียวกันทั้งหมด

“ภาพที่ปรากฏออกมา ไม่ได้มาจากผม และภาพที่มีสส.ปรากฏนั้น ยอมรับว่ายังไม่ครบ ซึ่งการคุยกัน คือ ขณะนี้เหลืออีกครึ่งเทอม ในทางการเมืองคิดว่าอยู่ที่เดิมใครไม่มีความสุข ซึ่งผมต้องดีไซน์แนวทางการเมืองกันใหม่ ทั้งนี้โดยมารยาท ผมขอโทษผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ หากทางการเมืองไม่ชัดเจน ผมจะไม่พูด แต่ขณะนี้ผมโฟกัสไปที่กลุ่มของพรรคโอกาสใหม่ เพราะเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ น้ำยังไม่เต็มแก้ว เติมได้ หากน้ำเต็มแก้ว เติมไม่ได้ เท่ากับว่าไปอาศัยเขาอยู่” นายสุชาติ กล่าว

เมื่อถามถึงเหตุผลลึกๆที่จะย้ายไปคืออะไร นายสุชาติ กล่าวย้ำว่า “ผมขอโทษผู้บริหารพรรคที่ผมสังกัด ผมไม่ได้ทะเลาะไม่ได้มีปัญหา แต่ทางการเมืองมีทั้งคนเข้าและคนออก วันนี้ต้องมาพูดเรื่องย้ายพรรค นักการเมืองทุกคนต้องเตรียมพร้อมทุกวินาทีทุกเรื่อง”

นายสุชาติ กล่าวย้ำว่า การเมืองไม่มีสัญญาณอะไร แต่พรรคที่ตนสังกัดเดินมาครึ่งปีแล้ว จะครบสมัย จะไปต่อหรือไม่ โดยที่ไม่มีปัญหากัน แต่เป็นเรื่อง เช่น กรรมการบริหารพรรค ที่มีอำนาจมีบทบาทตามระเบียบของพรรค ซึ่งทั้ง 9 คน ตนไม่รู้จักเลย แต่อนาคตทุกอย่างต้องผ่านการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคที่มีน้ำหนักมากที่สุด

“ไม่มีความขัดแย้ง ผมเป็นสส. บ้านนอก ติดดิน ต่างจังหวัด มีช่องว่างเพราะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้เป็น สส. ไม่ได้เป็นผู้แทนจึงไม่รู้ปัญหา ทั้งนี้ผมไม่มีอะไรกับหัวหน้าพรรค แต่ทางการเมืองมีคนออกคนเข้า เมื่อผมออกย่อมมีคนเข้า อุดมการณ์ทางการเมืองมีชอบไม่ชอบ ผมไม่ชอบในโครงสร้างมากกว่า สส.ทุกคนเคยอยู่แบบติดดิน ต้องมีคุยกัน ภาษาเดียวกัน ผมบอกเพื่อนสส.ว่า ผมเป็นรัฐมนตรีได้เพราะคนยกมือให้ ผมเป็นคนตัวเล็กที่สุด ไม่ใช่กล้ามโต เพราะเพื่อนสนับสนุนให้โอกาส พวกผมต้องการแบบนี้”นายสุชาติ กล่าว

เมื่อถามว่าหากย้ายพรรคจะยังสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวตอบทันทีว่า แน่นอน เราทำการเมือง เพื่อประชาชน เพื่อประเทศ ดังนั้นพรรคที่ตนจะสังกัดนโยบายและแนวทางพรรคต้องตรงกันเพื่อประเทศบ้านเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์ อะไรที่ผิดแปลกไปจากนี้อยู่ด้วยกันไม่ได้

เมื่อถามถึงจำนวนสส.ที่มีโอกาสย้ายไปด้วย นายสุชาติ กล่าวว่า “ผมมี 10 คน ที่เติมมา มาจากกลุ่มของ สส.พิชชารัตน์ คือ เป็นการหารือกัน ชวนมาคุยกัน 3-4 ขั้ว ถึงออกมาแบบนี้ ทั้งนี้ที่คุยกันหากเอ่ยไปเขาอาจไม่สบายใจ เพราะเขายังไม่ชัดเจน แต่มีแนวคิคล้ายกัน บางคนเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองมากกว่าผม”

เมื่อถามถึงประเมินสถานการณ์การเมือง เสถียรภาพรัฐบาล และการปรับครม. อย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ปรับครม. เป็นอำนานและสิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นผู้ตัสินใจ ตนก้าวล่วงไม่ได อย่างไรก็ดีไม่ว่าตนอยู่ตรงไหนพร้อมสนับสนุนรัฐบาล ล้านเปอร์เซ็นต์ ขณะที่เสถียรภาพรัฐบาล ตนมองว่ามีเสถียรภาพสูงมาก การบริหารประเทศตอนนี้ถือว่าดีที่สุด หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นตนเชื่อว่าเสถรียรภาพรัฐาลเข้มแข็งและอยู่ครบเทอม 

เมื่อถามย้ำว่ามองว่ากระทรวงไหนตอบโจทย์การทำงานของกลุ่ม นายสุชาติ กล่าวว่า “ผมคิดไปไกลไม่ได้ มองได้แค่ที่ผ่านมาต้องทำอย่างไร ขยับอย่างไร พวกผมเป็นนักการเมืองต้องปรับและดูสถานการณ์การเมือง เหมือนเป็นพนักงานบริษัทอยู่ได้ก็อยู่ หากอยู่ไม่ได้ต้องสรางบริษัทเอง พวกผมระลึกถึงประเทศเป็นหลัก และพร้อมสนับสนุนรัฐบาลทำงานเพื่อประชาชนต่อไป”

‘หมอตุลย์’ ปลุก!! ‘แพทยสภา’ 12 มิ.ย. รักษาเกียรติภูมิ ยืนมติ!! ลงโทษ 3 หมอ

(1 มิ.ย. 68) นพ.ตุลย์ สทธิสมวงศ์ สมาชิกแพทยสภา ว. 13796 ทำหนังสือเปิดผนึกถึงกรรมการแพทยสภา สื่อมวลชน และประชาชนที่เคารพ ระบุว่า ในวันที่ 12 มิ.ย. 68 ที่จะถึงนี้ มีการประชุมของแพทยสภาครั้งสำคัญ เพื่อยืนยันมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 ที่ถูกนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ใช้อำนาจสภานายกพิเศษยับยั้ง ซึ่งหากจะลงมติยืนยันต้องใช้เสียง 2ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด คือ 47 เสียง ฝ่ายที่ต้องการล้มมติคือฝ่ายทักษิณ ชินวัตร (ซึ่งไม่ใช่แพทย์ที่ถูกลงโทษ) จึงมีความพยายามใช้อำนาจที่มี กดดันกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง ไม่ให้ราวมประชุม ไม่ให้ส่งผู้แทน หรือเข้าประชุม แต่ไม่เห็นชอบกับมติเดิม เพื่อไม่ให้เสียงเห็นชอบถึงจำนวนที่กำหนด

ในกรณีมีเหตุจำเป็นกรรมการแพทยสภาที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถส่งตัวแทนเข้าประชุมได้ แต่กรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง ประกอบด้วยจาก ก.สาธารณาสุข 3 ตำแหน่ง และ ก.กลาโหม 4 ตำแหน่ง (เจ้ากรมแพทย์ 3 และผอ.วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฏเกล้า 1) และ คณบดีคณะแพทย์ทั่วประเทศอีก 28 ท่าน สามารถส่งตัวแทนเข้าประชุมได้

ผมขอเรียนต่อทุกท่าน ณ ที่นี้ว่าแพทยสภามีหน้าที่โดยชอบธรรมที่จะรักษามาตรฐานการรักษาและจริยธรรมของแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทุกราย การประชุมในวันที่ 12 มิ.ย. 68 ที่จะถึงนี้ จึงมีความสำคัญยิ่ง กรรมการแพทยสภาทุกท่านควรเดินทางมาเข้าร่วมประชุม สำหรับกรรมการโดยตำแหน่ง หากไม่สามารถเข้าประชุมได้ ควรส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม ผมและเพื่อนแพทย์ขอสนับสนุนให้ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ยืนยันมติเดิม เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ในการรักษามาตรฐานของวิชาชีพแพทย์ และความน่าเชื่อถือของแพทยสภา อย่าปล่อยให้อำนาจภายนอกมาขัดขวางทำลายความน่าเชื่อถือและเกียรติภูมิของวิชาชีพแพทย์

ผมขอให้สื่อมวลชน และปชช.ทั้งหลายได้โปรดติดตาม และขัดขวางไม่ให้ผู้มีอำนาจ ใช้อำนาจจของตน ขัดขวางการทำหน้าที่ของกรรมการแพทยสภา  และได้โปรดส่งเสียงสนับสนุนให้แพทยสภาทำกน้าที่ของตนให้เสร็จสมบูรณ์ให้จงได้ โดยไม่หวั่นไหวต่ออำนาจมืดใดๆ

ปล. แพทยสภา ดูแลควบคุมการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของสมาชิกแพทยสภา คือแพทย์ทุกคนเท่านั้น ส่วนทักษิณจะติดคุกหรือไม่ เป็นเรื่องของศาลเป็นผู้พิจารณา แพทยสภาไม่เกี่ยว

‘อ.เจษฎา’ ย้อน!! คำทำนายของตัวเอง เมื่อ 2 ปีก่อน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ จะแตก!! สุดท้าย ‘สุชาติ’ ก็ไป

(1 มิ.ย. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

โพสต์ทำนายเรื่อง "พรรครวมไทยสร้างชาติ" จะแตก ไว้ตั้งแต่ 2 ปีก่อนครับ 

ในที่สุด ก็เรียบร้อย ไปอีกพรรค 

(ป.ล. ที่ในโพสต์ มีพูดถึงภูมิใจไทย เพราะตอนนั้น มีคอมเมนต์กันว่า ถ้ากลายเป็นฝ่ายค้าน พรรคคงแตกแน่)

โฆษก รทสช. ขอบคุณคนไทยโหวต ‘พีระพันธุ์’ นักการเมืองบทบาทโดดเด่น ย้ำ!! มุ่งเดินหน้าทำงาน สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติและคนไทย

(3 มิ.ย. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568” ของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ระบุว่า ประชาชนกว่า 24.06% มองว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทโดดเด่นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเดือนพฤษภาคม 2568

โดยนายอัครเดช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ มาโดยตลอดต่อเนื่อง จนคะแนนความนิยมของนายพีระพันธุ์ พุ่งขึ้นสู่ท็อป 3 ในรัฐบาลและมีแนวโน้มดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันจะมีแรงกดดันจากภายนอกและภายในให้กับนายพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ 

ทั้งนี้ คะแนนนิยมดังกล่าวจากพ่อแม่พี่น้องถือเป็นขวัญกำลังใจและสิ่งที่มีคุณค่าในการทำงานของนายพีระพันธุ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคน ที่จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานต่อเนื่องให้สมกับความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ให้การสนับสนุนพรรค โดยเฉพาะในประเด็นการขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างทางพลังงาน ทั้งค่าไฟและราคาน้ำมัน ที่เป็นนโยบายและเป้าหมายหลักของนายพีระพันธุ์

“สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือ การเดินหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองและประเทศชาติ โดยพรรคจะยังคงยึดมั่นหลักในการทำงานที่ยึดถือประโยชน์ของคนไทยเป็นที่ตั้ง ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับพรรค ขอให้เป็นเรื่องภายในพรรคที่มั่นใจว่าจะสามารถเดินหน้าประสานความเข้าใจ สร้างความร่วมมือและบรรยากาศที่ดีร่วมกันได้ต่อไป เพื่อเดินหน้าทำงานให้ผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคน” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

‘ดร.เฉลิมชัย’ รมว.ทส. สั่ง!! ส่งขยะพิษอะลูมิเนียมกว่า 110 ตัน กลับสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ของคนไทยทุกคน

(3 มิ.ย. 68) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้มีข้อสั่งการให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ประสานงานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และกรมศุลกากร (กศก.) ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการตรวจสอบและส่งกลับตู้สินค้าที่สำแดงเป็นเศษอะลูมิเนียม หลังจากมีการพบการปนเปื้อนของเสียอันตรายประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นการนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

ในเรื่องนี้ นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ออกมาเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตู้สินค้า 6 ตู้ ปริมาณกว่า 110 ตัน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการปะปนของแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีสารตะกั่ว ซึ่งเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลฯ และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 การนำเข้าสินค้าอันตรายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศปลายทาง ถือเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาบาเซลฯ ทำให้ไม่มีสิทธิ์ส่งของเสียอันตรายเข้ามายังประเทศภาคีอย่างประเทศไทยได้

ด้วยความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศ และความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชน ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน จึงได้มีข้อสั่งการให้ คพ. ในฐานะศูนย์ประสานงานของอนุสัญญาบาเซลฯ แจ้งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการอนุสัญญาบาเซลฯ และประสาน กรอ. เพื่อแจ้งหน่วยงานผู้มีอำนาจของประเทศสหรัฐอเมริกาให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เร่งส่งกลับของเสียอันตรายดังกล่าวไปยังประเทศต้นทางโดยเร็วที่สุด เพื่อยับยั้งการนำเข้าของเสียผิดกฎหมายเข้าสู่ประเทศไทยอย่างเด็ดขาด

จากข้อสั่งการที่รวดเร็วและเด็ดขาดของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังในการปกป้องประเทศไทยจากการเป็น "ถังขยะโลก" และตอกย้ำวิสัยทัศน์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคน

ถ้าวันไหน หัวหน้าพรรค รทสช.ทำประโยชน์ให้ตนเอง ให้พรรคพวกมากกว่า ประโยชน์ส่วนรวม ผมจะเป็นคนแรกที่จะบอกเขาว่า กลับบ้านเถอะ

เมื่อวานนี้ (2 มิ.ย. 68)  นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวถึงปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ขอเตือนสติ เพื่อนๆอาชีพเดียวกัน ศึกนอก หนักหนากว่าศึกใน วันนี้ประเทศไทยต้องการความรัก ความสามัคคี สู้ศึกนอก ห้ามกะพริบตา อย่าเสียสมาธิ เรามีปัญหา ชายแดนกระทบอธิปไตยของประเทศ เรามีปัญหาต่อสู้กับสงครามล่าอาณานิคมเศรษฐกิจ สงครามเศรษฐกิจ ค่าเงิน การค้าระหว่างประเทศ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ บังคับให้ไทยเลือกขั้ว ปัญหาความสามัคคีของคนในชาติ ทั้งหมดนี้บั่นทอนพลัง อำนาจต่อรองของประเทศไทยที่มีศึกล้อมรอบ ขอให้ตั้งสติให้ดี ยึดประโยชน์ประเทศ ประชาชน ก่อนประโยชน์ส่วนตน ทุกคนจะรอด

นายจุติ กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ปัญหาในพรรค รทสช.นั้น ต้องแยกแยะว่าเป็นปัญหาส่วนรวม หรือ ไม่พอใจส่วนตัว หัวหน้าพรรคฯทำงานให้ประเทศมากกว่าพรรคตนเอง ต้องมีข้อบกพร่อง ไม่ถูกใจ แต่ราคาไฟฟ้าไม่ขึ้นและยังลดลง ราคาน้ำมันไม่ขึ้นไม่มีเรื่องทุจริตส่วนตัว หัวหน้าพรรคฯทำงานให้ประเทศมากกว่าพรรค น่าจะดีใจแทนคนไทย และพิสูจน์กันด้วยผลงาน นักการเมืองมาแล้วก็ต้องไป จะอยู่ในตำแหน่งทำไมถ้าทำประโยชน์ให้ประเทศไม่ได้

“ขอให้โฟกัสที่ศึกนอก ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเมือง และสนับสนุน คนสุจริตให้ทำงานเพื่อส่วนรวม ถ้าวันไหน หัวหน้าพรรค รทสช.ทำประโยชน์ให้ตนเอง ให้พรรคพวกมากกว่า ประโยชน์ส่วนรวม ผมจะเป็นคนแรกที่บอกเขาว่า กลับบ้านเถอะ”นายจุติ กล่าว

นายจุติ กล่าวต่อว่า ทุกคนมีข้อบกพร่อง ไม่มีใครทำถูกใจทุกเรื่อง ถ้าไม่หนักแน่นพอ เราจะพลาด ดังนั้นขอให้โฟกัส หาคนดี คนสุจริต มาทำงานให้บ้านเมือง ทำทีละเรื่อง เรื่องที่สำคัญคือ ค่าครองชีพประชาชน ,อธิปไตยทางเศรษฐกิจ การเมือง ,ปราบคอร์รัปชั่น ,รักษาระบบธรรมาภิบาลให้ต่างชาติมั่นใจ เรื่องใหญ่ลงตัว เรื่องเล็กจะแก้ปัญหาได้เอง ดังนั้นขอให้มีสติ ประเทศไทยต้องมาก่อน ถ้าหลักการเหนือหลักกู ประเทศไทย คนไทยจะยิ้มได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top