Thursday, 16 May 2024
กระทรวงดีอีเอส

กฎหมายต้องไม่ล้าหลัง!! ‘ชัยวุฒิ’ ชี้ ปิดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปไม่ได้แล้ว ย้ำชัด ถึงเวลาทำให้ถูก กม. ช่วยแก้ปัญหารีดส่วย

ชัยวุฒิ’ ซุ่มร่วมเวทีเสวนา กัญชาเสรีแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายยัง? ย้ำกฎหมายต้องไม่ล้าหลัง

วันนี้ (8 มีนาคม 2566), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตจังหวัดปทุมธานี - นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมงานเสวนาวิชาการ หัวข้อ กัญชาเสรีแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมาย หรือยัง?โดยผู้จัดงานได้กล่าวว่า ปัจจุบันได้เกิดข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเด็นเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าหลังจากที่มีการประกาศห้าม การนําเข้าและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าออกมาจากทางรัฐบาล โดยมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์การสูบชนิดหนึ่งที่มีสารเคมีต่าง ๆ ผสมอยู่ซึ่งให้โทษต่อผู้ที่สูบไม่น้อยกว่าบุหรี่มวน อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐาน เนื่องจากผิดกฎหมาย แต่ก็ยังพบเห็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะกันทั่วไปทั้งในและนอก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ได้แสดงความเห็นว่า อยากให้มีการจัดงานเวทีเสวนาแบบนี้ เพื่อส่งเสียงของประชาชนให้ถึงผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ตนเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารที่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น นิโคตินต่อร่างกาย แต่หากคิดในมุมอันตรายต่อร่างกายอย่างเดียวหลายเรื่องก็ไปไหนไม่ได้ เพราะภายในกาแฟก็มีคาเฟอีน ซึ่งหากดื่มมาก ๆ ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายเหมือนกัน แต่เราควรมองในมุมที่ว่าหากต้องการเลิกสูบบุหรี่จริง แล้วต้องการหาบุหรี่ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ตนจึงอยากให้สิ่งนี้ถูกกฎหมาย  

โดยนายชัยวุฒิ ได้เน้นย้ำว่า “เราต้องยอมรับว่าการปิดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปมันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ไม่สามารถที่จะตรวจสอบการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าได้ เกิดการรับส่วยเป็นระบบขบวนการ นอกจากนี้นายชัยวุฒิได้แจ้งต่อว่ายังมีฏหมายอีกหลายอย่างที่ล้าหลังที่ประเทศไทยต้องปรับ เช่น การซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดลิเวอรี่ หรือ การพนันออนไลน์ที่คนไทยมีการเล่นพนันจริง ๆ แต่เราไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะผู้ให้บริการเปิดระบบข้างนอกประเทศไทย แล้วทำไมเราไม่ลองทำของเราเอง ดังนั้นจึงอยากฝากให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเรื่องที่ควรแก้ไขให้มีการปรับปรุงต่อไป 

ชัยวุฒิ ปลื้ม! เยาวชนร่วมกันถกปัญหากัญชา ย้ำทุกความเห็นจะเป็นข้อมูลไปทำนโยบาย

(16 มี.ค.66) เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ร่วมกับ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานกิจกรรมเสวนา เรื่อง ห่วงใยนบาย 'กัญชาเสรี' และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย ณ ห้องประชุม Smart Classroom คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ อําเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถใช้สารสกัดกัญชาได้อย่างเหมาะสมรวมไปถึงมุมมองในการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อให้เด็กและเยาวชน นักศึกษา นักเรียน และประชาชน ได้รู้ถึงโทษประโยชน์ กัญชาและการรู้จักวิธีการปกป้องเด็กและเยาวชนจากกัญชาเสรี โดยภายในงานเสวนาได้มีบุคคลที่มีความรู้ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลาง นักวิชาการ ,รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ,ปริญญา ปลื้มจิต เจ้าหน้าที่ช่วยงานด้านพัฒนาสังคม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ประสิทธิ์ กั้ววิบูลย์ ตัวแทนนักศึกษา เยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลางให้ความเห็นว่า“ กัญชาเป็นพืชที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับขนาดและวิธีการใช้งาน ในมุมของอาจารย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับนักศึกษา อาจารย์มองว่า ในกลุ่มของเด็กและเยาวชนเองยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะใช้ นอกเหนือจากทางการแพทย์ เราควรสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษและประโยชน์ของกัญชาให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชน หรืออาจะมีการเพิ่มรายวิชาเลือกในหลักสูตรให้กับนักศึกษาได้เรียน”

รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ชี้ว่า “ในมุมมองของนักบริหารระดับท้องถิ่น ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน มองว่าการที่ให้ทุกบ้านสามารถปลูกกัญชาได้ ทำให้กัญชาอยู่ใกล้มือเด็กและเยาวชนมากเกินไป บางทีเห็นผู้ปกครองนำมาประกอบอาหาร ก็คิดว่าเป็นสมุนไพร ซึ่งอาจไม่รู้ถึงคุณโทษของกัญชาจริงๆ รัฐควรมีมาตรการควบคุม หรือป้องกันในจุดที่ยังบกพร่อง เช่น ออกพรบ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนจากกัญชา ออกระเบียบในการจำหน่ายซื้อขายของกัญชา”

‘ชัยวุฒิ’ เตือน คนเปิด ‘บัญชีม้า’ โทษหนัก หลัง ‘พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์’ บังคับใช้วันนี้

‘ชัยวุฒิ’ ยินดีคนไทย ‘พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์’ ประกาศใช้แล้ว แนะผู้เสียหายแจ้งธนาคารระงับบัญชีม้าได้ทันที เตือนคนทำผิดรีบไปยกเลิกบัญชีม้าก่อนเจอโทษหนัก

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่ง อยู่ระหว่างการประชุม World Summit on the Information Society Forum 2023 นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ กล่าวแสดงความยินดีกับคนไทยทุกคน หลัง พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. เป็นต้นไป  ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายสำคัญ ที่รัฐออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ และปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ทั้งหมด ทำให้ปัญหาจะลดลงอย่างแน่นอนหลังจากนี้

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า หลังจากนี้หากประชาชนถูกหลอกลวงทางออนไลน์ให้รีบแจ้งไปที่ธนาคารโดยตรง เพื่อที่ธนาคารจะได้ระงับบัญชีไม่ให้เงินถูกโอนออกไปเป็นทอดๆ ซึ่งหลังจากนี้ ธนาคารจะมีอำนาจระงับบัญชีต้องสงสัยได้ทันที จากเดิมต้องรอไปแจ้งความก่อนถึงจะระงับบัญชีได้

‘ชัยวุฒิ’ วอน ปชช.ตระหนักรู้ภัยจากไซเบอร์ พร้อมแนะแหล่งเรียนรู้ผ่านโปรแกรมของ ‘สกมช.’

(25 ก.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วอนประชาชนตระหนักถึงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมแนะนำให้เรียนรู้เพิ่มเติมถึงภัยร้ายที่มาในรูปแบบต่างๆ โดยระบุว่า ด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ทำให้การดำเนินชีวิตและการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตี หรือขโมยข้อมูลได้ง่ายขึ้นเช่นกัน หากไม่มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่ดีเพียงพอ 

เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย และให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างเกราะป้องกันและรู้เท่าทันภัยร้ายที่มาพร้อมความก้าวหน้าของระบบเทคโนโลยีที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

พร้อมกันนี้ รมว.ดีอีเอส ยังระบุด้วยว่า ยากจะแนะนำให้พี่น้องประชาชน ได้เข้าไปอัพเดตและเรียนรู้ด้านไซเบอร์ ผ่านโปรแกรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่จัดทำโดย สำนักงานคณะกรรมการการักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (NCSA) หรือ สกมช่. ที่มีคอร์สการสอนมากมาย คนที่สนใจลองเข้าไปดูได้ที่ HTTPS://LINKTR.EE/THNCA ที่สำคัญสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ฟรี ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งจะเป็นการสร้างรากฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ดียิ่งขึ้น

‘ชัยวุฒิ’ ย้ำ กม.ใหม่ ไม่ต้องรอแจ้งความ ให้ธนาคารอายัดบัญชีได้ทันที ลดความเสียหาย

(10 ส.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า  เรื่องการอายัดบัญชีหรือระงับบัญชีม้า เราได้มีการแก้กฎหมายออกเป็นพระราชกําหนดปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งให้อํานาจธนาคารสามารถระงับบัญชีได้เลยเมื่อมีเหตุอันสงสัยว่าเป็นบัญชีม้า หรือมีประชาชนที่โดนหลอกลวงแจ้งไปที่ธนาคาร ทางธนาคารก็ต้องระงับบัญชีเลย เมื่อพูดคุยแล้วสอบถามแล้วเป็นบัญชีม้า มีผู้เสียหายมาร้องเรียน ธนาคารต้องระงับบัญชีเลยตามกฎหมายฉบับใหม่ที่ได้แก้ไขไปแล้ว 

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่มีผู้ไปร้องและธนาคารไม่ยอมรับอายัดบัญชีนั้น นายชัยวุฒิ ให้ความเห็นว่า คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะถูกต้อง ต้องไปตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับสมาคมธนาคารไทยแล้ว และเข้าใจว่าทางธนาคารทุกแห่งก็ทราบแล้วก็มีการปรับปรุงระบบการทํางานให้มีการรับแจ้งความหรือรับเรื่องร้องเรียน เพื่อจะได้ระงับบัญชีม้าได้เลย โดยไม่ต้องมาดําเนินคดีหรือแจ้งตํารวจก่อนไประงับบัญชีที่ธนาคาร ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดึงเงินกลับมาได้มากที่สุด พูดง่าย ๆ ก็เพื่อไม่ให้บัญชีเหล่านี้ไปสร้างความเสียหายให้ประชาชนต่อไปนั่นเอง

“ผมคิดว่า ธนาคารทุกธนาคารทราบและมีระบบรองรับอยู่แล้ว ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้อย่างไร เดี๋ยวจะไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดถึงก็คือเรื่องของ ประชาชนที่ได้รับ link ส่ง link ส่งไลน์ โทรมาคุยจากมิจฉาชีพที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นกรมโน้นกรมนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ หรือบางทีก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือส่งอีเมลมาก็ตาม ผมก็ฝากเตือนทุกคน ว่าอย่าไปเชื่อ เจ้าหน้าที่และหรือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่มีใครโทรหาประชาชนเพื่อไปให้ทําธุรกรรมต่าง ๆ ถ้ามีก็จะติดต่อไปเป็นเอกสารหรือเป็นอะไรต่าง ๆ แล้วให้ท่านพยายามติดต่อธนาคารทําธุรกรรมต่าง ๆ ทุกเรื่อง ให้เข้าไปที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของธนาคารหรือของหน่วยงานนั้นโดยตรง อย่าไปติดต่อผ่านคนที่โทรมาหาท่าน เพราะในความเป็นจริงไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนของหน่วยงานรัฐโทรไปหาประชาชน มีแต่เป็นคนร้ายทั้งนั้น ไม่ต้องไปคุยไม่ต้องไปฟังเลย เสียเวลา แล้วก็อาจจะโดนหลอกด้วย

อย่างไรก็ดี จากในข่าวที่มีเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลกรมที่ดิน ในส่วนนี้เป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานอย่าง สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA ของกระทรวงดิจิทัลฯ จะเข้าตรวจสอบว่ามีการรั่วไหลจริงหรือไม่ หรือเป็นเรื่องของพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินนำข้อมูลไปขายซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือว่ามีความผิด ฝากเตือนยังเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่เก็บข้อมูลประชาชนต้องเก็บให้ดี อย่านำข้อมูลไปขายจะมีโทษมีความผิด และจะต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top