Wednesday, 4 October 2023
REGION

เชียงราย - สสส.-กพย. ชู กลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียง เป็นต้นแบบอำเภอขับเคลื่อนการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพเหมาะสม-ปลอดภัย ลุยแก้เครื่องสำอางค์-ยาอันตรายในชุมชน-ปัญหายาชายแดนสำเร็จ

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ จ.เชียงราย คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำโดยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 สสส. พร้อมด้วยนายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. ลงพื้นที่ศึกษาดูงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพและระบบยา : อำเภอเชียงของ พบการดำเนินงานเข้มแข็งและสอดรับกับแนวทางการดำเนินงานของ สสส. พร้อมหนุน “กลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียงของ” สู่การขับเคลื่อนอำเภอต้นแบบการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างสมเหตุผลและปลอดภัย

นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าวว่า ปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นอันตราย และการใช้ที่ไม่เหมาะสมจากการได้ข้อมูลและความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของผู้บริโภค เป็นปัญหาที่นำไปสู่การผลกระทบต่อสุขภาพและสูญเสียค่าใช้จ่ายของประชาชน  สสส. จึงมียุทธศาสตร์ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ประชาชนมีความสามารถและมีระบบและสังคมช่วยลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ โดยสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพองค์กรภาคประชาชนให้สามารถคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนามาตรการควบคุมเฝ้าระวังสินค้าและบริการที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน เช่น ปัญหาจากสารเคมีในผลิตภัณฑ์อาหาร ยา ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อีกทั้งได้ร่วมกับศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) สร้างความเข้มแข็งของกลไกเฝ้าระวังระบบยาในระดับพื้นที่และระดับภาค  สร้างและจัดการความรู้เพื่อการเฝ้าระวัง เตือนภัยสังคม เพื่อลดอันตรายจากความเสี่ยงดังกล่าว

“จากข้อมูลการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพหรือยาที่ไม่เหมาะสมจากต่างประเทศ (ยาชายแดน) ในพื้นที่  อ.เชียงของ จ.เชียงราย ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2562 โดยกลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียงของ พบว่า ยาที่มีการจำหน่ายมาก 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ยากลุ่มสเตียรอยด์ (Dexamethasone Prednisolone) 2.ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ 3.สเตียรอยด์ครีมสำหรับเป็นเครื่องสำอางค์ 4.สเตียรอยด์ครีมสำหรับใช้ทั่วไป และ 5.ยาสมุนไพรผสมสเตียรอยด์ ปัจจัยที่ซื้อบริโภค แบ่งเป็น 3 กลุ่มได้แก่ 1. กลุ่มผู้สูงอายุและใช้แรงงานใช้ยาสเตียรอยด์แก้ปวดเพื่อให้สามารถทำงานต่อได้ 2. กลุ่มวัยรุ่นใช้ยาครีมสเตียรอยด์ทาเพื่อให้ผิวขาว และ 3. กลุ่มประชาชนทั่วไปใช้ยาครีมสเตียรอยด์ในการแก้แพ้ แก้คัน จากกลไกการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพหรือยาที่ไม่เหมาะสมจากต่างประเทศ (ยาชายแดน) ของกลุ่มงานเภสัชกรรมฯ ทำให้ผลิตภัณฑ์ยาต้นเหตุที่ก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพในพื้นที่เชียงของ ลดลงจากร้อยละ 100 ใน พ.ศ. 2557 เหลือร้อยละ 20 ใน พ.ศ. 2562  ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่เข้มแข็งสอดรับกับแนวทางการดำเนินงานของ สสส. จึงขอยกระดับกลุ่มงานเภสัชกรรมฯ สู่การเป็น “อำเภอต้นแบบการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างสมเหตุผลและปลอดภัย” นายชาติวุฒิ กล่าว

ภก.อิ่นแก้ว สิงห์แก้ว เภสัชกรชำนาญการกลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียงของ กล่าวว่า ปัญหาการใช้ยาสเตียรอยด์อาจส่งผลให้เกิดผู้ป่วยโรคไต และเสียชีวิตจากอาการไตวายเฉียบพลัน จากการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของผู้ป่วย ของกลุ่มงานเภสัชกรรมและคุ้มครองผู้บริโภค รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียงของ ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ พบว่า มีผลิตภัณฑ์ยาที่มีฉลากที่ไม่ใช่ภาษาไทยและยาแก้ปวดกลุ่มสเตียรอยด์ที่บ้านผู้ป่วยหลายราย และเมื่อลงพื้นที่สำรวจและพูดคุยกับคนผู้ขายในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น อำเภอเวียงแก่น พบว่า ยาส่วนหนึ่งนำเข้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายในตลาดนัดชายแดน ตลาดนัดพื้นที่ใกล้เคียง และกระจายวงกว้างไปยังจังหวัดอื่น ๆ รวมถึงในกรุงเทพฯ ผ่านรถประจำทาง ขนส่งเอกชนและทางพัสดุไปรษณีย์

“การดำเนินการคุ้มครองสุขภาพประชาชนและแก้ไขปัญหาการใช้ยาสเตียรอยด์ที่ไม่เหมาะสมในชุมชน มีวิธีการทำงานแบบคู่ขนาน คือ การให้ความรู้ในชุมชนควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางกฎหมาย โดยประสานงานกับเจ้าของตลาดและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ค้าในตลาดรับทราบถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รพ.สต. ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน ให้ความรู้ในโรงเรียนผู้สูงอายุ และร่วมกับ อสม. เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมในชุมชน สำรวจร้านชำ รวมถึงการ MOU ร่วมกับหน่วยงานทางปกครอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่าน อย. เชียงของ ด่านควบคุมโรคเชียงของ รพ.สต. และประเทศเพื่อนบ้าน ในการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ข้ามแดนระหว่าง 2 พื้นที่ ไทย-ลาว เพื่อป้องกันควบคุมการลักลอบนำเข้าและการจำหน่ายในพื้นที่  ซึ่งทาง สสส. จัดเวทีให้มีพื้นที่แลกเปลี่ยนงานวิชาการต่าง ๆ ผ่านทางศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) อย่างต่อเนื่อง ทำให้การเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพหรือยาที่ไม่เหมาะสมจากต่างประเทศ (ยาชายแดน) มีการขยายพื้นที่การทำงานไปได้มากขึ้น จากเดิมที่เริ่มต้นในสามพื้นที่ ปัจจุบันได้ขยายไปครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย” ภก.อิ่นแก้ว กล่าว

ด้าน นายธนชัย ฟูเฟื่อง สมาคมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า สมาคมฯ ดำเนินงานด้านคุ้มครองสิทธิ์ผู้บริโภค สสส.ได้ร่วมสนับสนุนการยกระดับความเข้มแข็งให้เป็นองค์กรผู้บริโภคที่มีคุณภาพ ผ่านกลไกสนับสนุนในภาคเหนือ ทำหน้าที่เฝ้าระวังและรับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นอาหาร ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ให้คำปรึกษาให้ความรู้กับประชาชน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเยียวยา รวมถึงดำเนินงานเชิงรุกร่วมกับ กพย. ทำให้ได้รับการพัฒนาความรู้ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ยาอันตราย บทบาทการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในพื้นที่ เฝ้าระวังโฆษณาทางวิทยุ รวมถึงการทำงานร่วมกับเภสัชด้านคุ้มครองผู้บริโภค ที่ กพย. ได้ช่วยในการให้มีกระบวนการดำเนินงานร่วมกัน ถือเป็นการเชื่อมโยงกับองค์กรปกครองท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคทุกมิติ

ราชบุรี – แห่ชื่นชมครูหนุ่มที่สละเงินเดือนและทำไร่หาเงินซื้อคอมให้นักเรียนมาตลอด 10 ปี

แห่ชื่นชม!! ครูหนุ่ม โรงเรียนวัดเขาวัง ราชบุรี ที่สละเงินเดือนซื้อ คอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก ราคากว่าหมื่นบาท ให้นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ ได้ใช้ประโยชน์ในการเรียน และ หารายได้ระหว่างเรียน มาตลอด 10 ปี โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนขอเพียงเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนและทำประโยชน์มีโอกาสช่วยเหลือน้อง ๆ ที่ด้อยโอกาส

(9 เมษายน 2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลในจังหวัดราชบุรี ได้กล่าวชื่นชม ครูหนุ่มนายหนึ่งของโรงเรียนวัดเขาวัง (แสง ช่วงสุวนิช) เขตเทศบาลเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ที่ยอมสละเงินเดือนของตนเองเพื่อจัดซื้อ คอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก ที่มีราคาชุดละ 15,000 – 19,000 บาท เพื่อให้นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน และ เพื่อเป็นอุปกรณ์ใช้ในการหารายได้ระหว่างเรียน

โดยผู้ใช้บริการ Facebook ชื่อ นวพร ช่างพานิช หรือ ด.ญ.นวพร ช่างพานิช ได้ออกมาเผยเรื่องราวความประทับใจของครูหนุ่มนายดังกล่าวที่ให้โอกาสตนเองจนเรียนจบ ซึ่งได้ระบุใจความว่า “หนูขอขอบคุณคุณครูโอ้น สมไชย กระต่ายทอง ที่ได้ไห้ประสบการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยหนูเข้าเรียน ม.1 หนูไม่รู้จักครู ครูไม่รู้จักหนู แต่ครูก็ยังให้คอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก เพื่อให้หนูใช้ในการเรียนเป็นแบบจอสัมผัสด้วย หนูได้พัฒนาทักษะทางด้านการเขียนโปรแกรมสร้างเกมอย่างสร้างสรรค์ อีกยังใช้ในการเรียนรู้ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น คุณครูสมไชย กระต่ายทอง มอบโอกาสกับหนูและเพื่อน ๆ ให้โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองโดยมีครูคอยแนะนำชี้แนะแนวทางต่าง ๆ เป็นผู้เพิ่มเติมในสิ่งที่หนูขาดให้สมบูรณ์และมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ตอนนั้นกลัวมาก ๆ ว่า จะสร้างเกมไม่ได้ ครูก็ให้กำลังใจและแนะนำจุดอ่อนจุดแข็งพัฒนาหนูจนผ่านไปได้ด้วยดี สุดท้ายนี้ หนูอยากจะบอกกับครูว่า ครูเป็นครูที่ดีที่สุดเลย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดหนูจะจดจำทุก ๆ อย่างที่นี่ไว้เสมอ ขอบคุณคะครู #บันทึกไว้ในความทรงจำ #ขอบคุณตลอดระยะเวลา 3 ปี

ส่วน ผู้ใช้บริการ Facebook  ชื่อ  Pim Amporn หรือ ด.ญ.อัมพรพิมพ์ จันทร์ประทุม โพสต์ข้อความว่า “หนูขอบคุณสำหรับโอกาสดี ๆ ทุกอย่างที่คุณครูมอบให้ทั้งประสบการณ์ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน พอได้มีโอกาสมาเรียนรู้กับคุณครู ได้ลงมือทำอะไรเอง ได้รู้จักการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง และนอกจากครูจะเป็นผู้มอบโอกาสให้หนูแล้วครูยังเป็นผู้ให้ที่ดีเสมอมา “โน้ตบุ๊ก” ที่คุณครูได้ให้มาใช้ในการเรียน ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ตั้งแต่ ม.1 จนได้มีความรู้ ได้รับรางวัลมามากมาย สุดท้ายนี้หนูขอขอบคุณคุณครูที่เป็นผู้ให้ ทั้งความรู้และโอกาสในการพัฒนาตัวเอง รวมไปถึงคำแนะนำต่าง ๆ หนูขอขอบคุณคุณครูสำหรับทุกการสนับสนุนค่ะ สมไชย กระต่ายทอง ต่อไปนี้หนูจะไปศึกษาต่อที่อื่นแล้วแต่ก็จะแวะมาให้กำลังใจครูบ่อย ๆ นะคะ

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียลในสังคมคนราชบุรี และมีการกล่าวชื่นชม ครูสมไชย กระต่ายทอง กันจำนวนมาก ซึ่งเป็นครูผู้เสียสละโดยการซื้อ คอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก ให้นักเรียนจนได้ใช้จนจบการศึกษา

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังโรงเรียนดังกล่าว คือ โรงเรียนวัดเขาวัง (แสง ช่วงสุวนิช) เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ตั้งอยู่ที่เชิงเขาวัง ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี พบกับ เจ้าของโพสต์ดังกล่าว ด.ญ.นวพร ช่างพานิช นักเรียน ม.3/4 ชาว ต.คูบัว อ.เมือง, ด.ญ.อัมพรพิมพ์ จันทร์ประทุม นักเรียน ม.3/3 ชาว ต.หน้าเมือง อ.เมือง, ด.ญ.ภาศิณี หาโอกาส นักเรียน ม.3/2 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง และ นางสาวสุกัญญา ศรีคง ครูฝึกสอน ชาว ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งทั้ง 4 คน เป็นนักเรียนทีได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก ที่ นายสมไชย กระต่ายทอง ครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ชั้นมัธยมศึกษาโรงเรียนวัดเขาวัง (แสง ช่วงสุวนิช)

โดยทั้ง 4 คนต่างเล่าถึงเรื่องราวที่ตนเองได้รับโอกาสจากครูสมไชย นายนี้ว่า เมื่อครั้งที่ตนเองได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยที่ครอบครัวมีฐานะปานกลางแต่ยังไม่มีกำลังที่จะซื้อ คอมพิวเตอร์ แต่ปรากฏว่า ได้รับอากาศจากคุณครูสมไชย ที่ทราบว่าพวกตนไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ ซึ่งคุณครูก็ได้ซื้อให้ไว้ใช้ โดยบอกกับพวกตนว่า “รักษาไว้ให้ดี ใช้ให้เกิดประโยชน์” ซึ่งหลังจากที่พวกตนได้ คอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊กมา ก็ได้นำมาใช้ประกอบการเรียน และ นำไปทำงานด้วยการรับจ้างพิมพ์รายงานต่าง ๆ และ ออกแบบเกมส์ประกอบการเรียนการสอน เพื่อหารายได้ระหว่างเรียน และที่สำคัญพวกตนไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสแบบนี้ เพราะไม่เห็นมีครูท่านไหนที่ใช้เงินส่วนตัวซื้อให้กับนักเรียนแบบนี้ พวกตนต้องกราบขอบพระคุณคุณครูสมไชย กระต่ายทอง เป็นอย่างมาก คุณครูที่เป็นผู้ให้ ทั้งความรู้และโอกาสในการพัฒนาตัวเอง รวมไปถึงคำแนะนำต่าง ๆ ต่อไปนี้หนูจะไปศึกษาต่อที่อื่นแล้วแต่ก็จะแวะมาให้กำลังใจครูบ่อย ๆ

ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์กับครูนายดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายสมไชย  กระต่ายทอง หรือ ครูโอ้น เป็นคน ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ปัจจุบันเป็นครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนวัดเขาวัง (แสง ช่วงสุวนิช) เขตเทศบาลเมืองราชบุรี

ครูโอ้น เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า จากประสบการณ์สอนตนพบว่านักเรียนแต่ละคนต้องการการสนับสนุนด้านศักยภาพส่วนบุคคลที่ไม่เหมือนกัน และมีปัจจัยพื้นฐาน ต้นทุนทางครอบครัวที่ต่างกัน ตนจึงมีแนวคิดที่ว่า ถ้าเราพอมีพอใช้บ้างแล้วและสามารถที่จะร่วมกันช่วยแม้เพียงนิดหน่อย หรือเริ่มจากที่อยู่ใกล้ๆตัวเรา จะเป็นการส่งเริมและเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็ก ๆ ได้ ด้วยแรงเราอาจจะไม่สามารถช่วยได้ทุกคน แต่ถ้าเราทุกคนร่วมช่วยกันคนละนิด ไม่คิดคาดหวังผลตอบแทน จะเกิดผลที่ดีกับนักเรียนหลายคน จะได้เติมเต็มความฝัน ประสบความสำเร็จ เติบโตขึ้นและมีความสุข จากการมอบให้และได้รับ เกิดการเติมเต็มให้สังคมของเรา

ครูโอ้น  กล่าวต่อว่า ในส่วนของตนเองพอที่จะช่วยได้และไม่ได้ทำให้เดือดร้อนมากก็ได้เริ่มช่วยนักเรียนตามสมควร โดยเริ่มจากเมื่อประมาณ 10 ปี ตอนสมัยอยู่ รร.วัดดอนตลุง อ.เมือง ได้พบนักเรียนที่สนใจด้านคอมพิวเตอร์มีความรู้ที่ครูได้มอบให้ แต่ขาดอุปกรณ์เพื่อเข้าไปเสริมไปพัฒนาขีดความสามารถและอาจจะต่อยอดเป็นอาชีพ ตอนนั้นตนเองรู้สึกว่าเราพอมีเงินเดือน ถ้าได้แบ่งไปให้นักเรียนคนที่มีขาดแคลนและควรได้ได้รับการสนับสนุน จึงได้เริ่มทำเงียบ ๆ อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันที่โรงเรียนวัดเขาวัง(แสง ช่วงสุวนิช) โดยนำเงินเดือนส่วนหนึ่ง และปีไหนเงินไม่พอก็จะกลับไปทำไร่ที่บ้าน แล้วนำเงินที่ได้มารวบรวมซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก ให้กับนักเรียน ราคาเรื่องละประมาณ 15,000 บาท บางปีจะสูงถึง 19,000 บาท 1 ปี จะได้ประมาณ 3-4 เครื่อง ซึ่งทำมาตลอด 10 ปี หลังจากที่ซื้อและมอบให้นักเรียนไป พบว่าทุกคนสามารถใช้อย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์ต่อตัวเองและประสบความสำเร็จทางการศึกษา หลาย ๆ คนสามารถคว้าทุนการศึกษาหรือนำไปรับทำงานพิเศษด้านคอมพิวเตอร์สร้างรายได้เสริมช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

ครูโอ้น กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ตนเองมอบให้นักเรียนไปตนไม่เคยขอคืน โดยให้ไปเลยฟรี ๆ ตนอยากให้นักเรียนได้รับโอกาสเหมือนเพื่อน บางคนไม่มีเงิน บ้านที่ตนเองไปเยี่ยม ส่วนใหญ่บ้านจะยากจน บางรายพ่อแม่หาเช้ากินค่ำ ไม่เงินให้ลูกซื้อคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊ก ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ที่ตนได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อและมอบให้นักเรียนไป ได้เห็นนักเรียนประสบความสำเร็จ ตนก็ดีใจและภูมิใจที่สุด โดยที่ตนเองไม่หวังสิ่งตอบแทนขอเพียงเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนและทำประโยชน์มีโอกาสช่วยเหลือน้อง ๆ ที่ด้อยโอกาสแบบนี้บ้าง


ภาพ/ข่าว  ตาเป้ จ.ราชบุรี

บึงกาฬ - หน่วยเรือ นรข.ยึดไอซ์กลางน้ำโขง 36 กก.มูลค่า 10 ล้าน

เมื่อเวลา 07.30 น วันที่ 8 เม.ย.จากการสืบทราบของ นาวาเอกราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย ว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งมอบให้กับพ่อค้าชาวไทยบริเวณริมโขงบ้านท่าไคร้ หมู่ที่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงได้สนธิกำลังกับ พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สืบสวน ภ.จว เมืองกาฬ พ.ต.อ.เอกนรินทร์ สุวรรณทา.ผกก ตม.บึงกาฬ พ.ต.ต.นิคสัน ดียา รอง สว.สส.สภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.ท.พลสันต์ คมขาวผบ ร้อย ตชด.244.ร.ต.อ.ทองจันทร์ หิรัญวร รอง สว.(ป.)ตำรวจน้ำบึงกาฬ นายพงษ์ชัย ศิลปะอาชา นายด่านศุลกากรบึงกาฬ นายสมบัติ ฆ้อนทอง ผอ.ส่วนควบคุมทางศุลกากร และนายภูมินทร์ ศรีโฉม ปลัดป้องกันอำเภอเมืองบึงกาฬ นำกำลังอาสาร่วมวางแผนจับกุม

ขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วนได้ลาดตระเวนทางบก ที่แม่น้ำโขงมี น.ต.วชิรวิชญ์ ใจสัตว์ หัวหน้าสถานีเรือบึงกาฬ ร.ท.ประพนธ์ สิวะกุล ประจำ บก.สน.เรือบึงกาฬ ร.ต.ศกุนต์ พรมเจริญ ผค.เรือ 179 และร.ต.สัญญา จันจี ผค.เรือ ล.111 ขับเรือลาดตระเวนไปถึงกลางน้ำโขงได้เห็นชายต้องสงสัยท่าทางมีพิรุธลุกลี้ลุกลนกำลังเก็บตาข่ายดักปลากลางลำน้ำโขงอย่างรีบเร่ง จึงได้ขับเรือไปใกล้พร้อมเรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น แต่ชายคนดังกล่าวเกิดความตกใจจึงพายเรือขวางลำน้ำโขง ที่ไหลเชี่ยวเพื่อหันหัวเรือกลับข้ามไปเส้นเขตแดน สปป.ลาว ทำให้เรือพลิกตะแคงคว่ำ สิ่งของในเรือจึงกระจายไหลไปตามน้ำมีทั้งเป็นกระสอบปานสีขาวและถุงเล็ก 6 ถุง พร้อมกับพยุงเรือที่พลิกตะแคงข้ามเขตแดนไทย-ลาว ด้วยความชำนาญ และรอดไปได้อย่างปลอดภัย

จากนั้นเจ้าหน้าจึงตามไปเก็บกระสอบสีขาว 1 ใบและกล่องวัสดุที่ไหลไปกับน้ำด้วย 6 กล่อง นำมาตรวจเช็คที่สถานีเรือบึงกาฬ พบว่าเป็นยาเสพติดประเภท 1 คือไอซ์จำนวน 36 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทจึงได้นำมาจัดแถลงพร้อมกับส่งของกลางดังกล่าวให้ พงส.สภ.เมืองบึงกาฬเพื่อติดตามหาตัวเจ้าของมาดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์

5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ - ค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ “สานใจไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 38

วันที่ 6-8 เมษายน 2564 มูลนิธิรัฐบุรุษ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จัดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ ในโครงการ “สายใจไทย สู่ใต้” รุ่นที่ 38 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี (ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ) เป็นประธานในพิธี และนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ มีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และสตูล จำนวน 320 คน เข้าร่วมโครงการ

สำหรับกิจกรรมของค่ายฯ ในวันที่ 6 เมษายน 2564 เวลา 16.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าพักที่อาคารค่ายเยาวชนสุรัสวดี ช่วงค่ำแบ่งเยาวชนออกเป็น 2 กลุ่ม สลับกันเข้าร่วมกิจกรรม 2 กิจกรรม ได้แก่ การบรรยายโครงการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติ และการส่องสัตว์ศึกษาชีวิตสัตว์ป่าเวลากลางคืน

วันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. เป็นพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 38 โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และบรรยายพิเศษ เรื่อง “การอนุรักษ์ธรรมชาติ” การจัดกิจกรรมอวยพรวันสงกรานต์ มอบของแก่คณะเยาวชนฯ ปลูกต้นไม้ ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก และกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ในภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเข้าฐานศิลปะและดนตรี ประกอบด้วย ฐานสร้างสรรค์งานศิลป์จากวัสดุธรรมชาติ ฐานวาดภาพด้วยดินสอถ่านชาร์โคล ฐานวาดภาพแอบแสตรกต์ ฐานดนตรี ฐานดนตรีสากล ฐานภาพพิมพ์จากวัสดุธรรมชาติ และฐานภาพพิมพ์โฟมอัด ของชมรมศิลปะนางรองพิทฯ รร.นางรองพิทยาคม กลุ่มศิลปะเด็กบ้านลูกพิมพ์ และรร.เกล้าปัญญา จ.บุรีรัมย์ ส่วนในภาคกลางคืนเป็นการแสดงของเยาวชนฯ ทั้ง 5 จังหวัด และกิจกรรมอำลา ซึ่งก่อนพิธีเปิดค่ายฯ มีการสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน จากโจนัส แอนเดอร์สัน และร้องเพลงต้นไม้ของพ่อก่อนปลูกต้นไม้อีกด้วย

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ‘...ขอฝากให้เยาวชนช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยให้ทุกคนปลูกต้นไม้อย่างน้อยปีละ 1 ต้น รวมทั้งให้ทุกคนทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะคนที่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็จะเป็นคนดีด้วย คนไม่ดีก็มักจะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และขอให้การจัดกิจกรรมในโครงการฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป...”

วันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 06.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และทัศนศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมพุด เกตขจร ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์

กาฬสินธุ์ – โครงการส่งน้ำ หาดดอกเกดเขื่อนลำปาว พร้อมรับนักท่องเที่ยวสงกรานต์เข้มมาตรการโควิด

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์ ระดมทุกภาคส่วนวางมาตรการความปลอดภัย เตรียมรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว นายพิชัย ส่งสุขเลิศสันติ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายฤาชัย จำปานิล ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวหรือเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ นายธนทร ศรีนาค หัวสำนักงาน ปภ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กรมเจ้าท่า หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ ผู้นำชุมชน คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมเพื่อเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่จะเดินทางมาเที่ยวยังหาดดอกเกด จุดผันน้ำเขื่อนลำปาว และบริเวณแหลมโนนวิเศษ สะพานเทพสุดา ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์

จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อม และร่วมกันวางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ที่บริเวณหาดดอกเกดเขื่อนลำปาว และวางมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตลอดจนกำชับมาตรการป้องกันการเอารัดเอาเปรียบในการจำหน่ายสินค้าและอาหารให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นธรรม

นายฤาชัย จำปานิล ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวหรือเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า สำหรับจุดผันน้ำ หาดดอกเกดเขื่อนลำปาว และบริเวณสะพานเทพสุดา อ.สหัสขันธ์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นของ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะหาดดอกเกด ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลอีสาน ซึ่งช่วงเทศกาลมักจะมีประชาชน และนักท่องเที่ยวพาครอบครัวเดินทางมาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ เล่นน้ำเขื่อนลำปาวคลายร้อนจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปีนี้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและประชาชนเดินทางมาเที่ยวที่หาดดอกเกดและจุดผันน้ำจำนวนมาก หลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2563 ที่ผ่านมา สถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่ง ได้ปิดบริการ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนั้นได้แพร่ระบาดในหลายพื้นที่ ซึ่งในปีนี้เบื้องต้นได้เตรียมความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว แต่ก็ต้องมีการวางมาตรการป้องกันเรื่องต่าง ๆ ไว้อย่างเข้มงวด

นายฤาชัย กล่าวอีกว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องความปลอดภัยต่าง ๆ ทั้งการจัดระเบียบจราจรป้องกันอุบัติเหตุ การป้องกันอันตรายผู้เล่นน้ำ กำชับให้พ่อค้าแม่ค้าติดป้ายแสดงราคาอาหาร และขอความร่วมมือจำหน่ายในราคาเป็นธรรมไม่เอาเปรียบผู้บริโภค และยังมีการเพิ่มมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะต้องมีการตั้งจุดคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก และเจลล้างมือ พร้อมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่คอยกำชับให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล

ยะลา - เจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าไม้ อส. สนธิกำลังจับชายบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเบตง ปลูกผลไม้ ได้พร้อมของกลาง หลังรับแจ้งจากชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 8 เม.ย.64 นายฟูอาดี แตปูซู หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.4 (บ่อน้ำร้อน-จันทรัตน์) สั่งการให้ นายภพ สิงห์สุวรรณ พนักงานพิทักษ์ป่า ส.3 ประสานนายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดงานป้องกัน พ.ต.ต. มานพ ดำแดง สว.สส.สภ.เบตง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อส. ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับป่าไม้ หลังได้รับแจ้งขากชาวบ้านว่า ที่บ้านกงสี 8 สวนแป๊ะหลิม ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย มีการลักลอบบุกรุกถางป่าต้นน้ำเพื่อทำสวนปลูกผลไม้

เจ้าหน้าที่ได้วางแผน ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามทางลูกรัง ผ่านสวนผลไม้ สวนยางของชาวบ้านจนสุดทาง จากนั้นได้เดินเท้าเข้าไปยังจุดที่ได้รับแจ้ง พบว่าป่าต้นน้ำถูกบุกรุกแผ้วถาง ตัดต้นไม้ขนาดกลางและขนาดเล็ก และได้ปลูกต้นทุเรียน ซึ่งป่าต้นน้ำอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเบตง บริเวณดังกล่าวยังพบนายอับดุลเลาะ แกแซแอ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่6 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา และพบของกลาง จอบ 2 เล่ม มีดพกพร้อมปลอก 1 เล่ม เจ้าหน้าที่ตรวจวัดพื้นที่ซึ่งถูกบุกรุก เป็นเนื้อที่จำนวน 6 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา ส่วนค่าเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องประสานเจ้าหน้าที่ประเมินมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม มาประเมินค่าเสียหาย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ตาม พรบ ป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช 2507 มาตรา14 ห้ามบุคคลใดยึดถือครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่าหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ และข้อหา พรบ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พุทธศักราช 2535 มาตรา 97 ผู้ใดกระทำผิดหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใด โดยชอบกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือสูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือสาธารณะสมบัติแผ่นดิน มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไปนั้น พร้อมทั้งนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ยโสธร – อำเภอกุดชุม เตรียมความพร้อมเพื่อรับอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์

8 เมษายน 2564 เวลา 09.30 น ที่อาคารแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร นายดุสิต สุทธิประภา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายบริหารงานปกครองอำเภอกุดชุม ปฏิบัติราชการแทน นายอำเภอกุดชุม เป็นประธานเปิด โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรองรับอุบัติเหตุบนท้องถนน อำเภอกุดชุม ประจำปีงบประมาณ 2564

ในการนี้แพทย์หญิงนันทิยา เข็มเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุดชุม กล่าวว่าสืบเนื่องจากอุบัติเหตุหมู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด หรือเตรียมตัวมาก่อนเมื่อมีเหตุ เกิดขึ้นจึงทำให้ผู้ป่วยและญาติ มีความคาดหวังสูงในการบริการ ต้องการให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ถูกต้องและปลอดภัย รอดชีวิตและพ้นจากความพิการ ทางอุบัติเหตุ งานอุบัติเหตุเป็นงานแรกและศูนย์กลางที่ต้องเตรียมตัวรับและให้การบริการผู้ป่วยผู้บาดเจ็บต้องอาศัยความรวดเร็วถูกต้องและทันท่วงที

นอกจากจะให้บริการผู้ป่วยและญาติแล้วยังต้องประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมสถานการณ์ให้พร้อมบริการต้องจัดผู้ป่วยฉุกเฉินให้เหมาะสมทั้งในด้านบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ให้พร้อมเพื่อตอบสนองผู้ป่วยและญาติได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องปลอดภัยมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหมู่หรืออุบัติเหตุกลุ่มชนได้รับบริการและช่วยเหลือในทันท่วงที เป็นวัตถุประ​สง​ค์หลักในการในการช่วยเหลอประชาชนในช่วงเทศกาล​สงกรานต์​มีผู้เข้าร่วม​ประชุม​เป็น​บุคลากร​โรงพยาบาล​กุดชุม ​/ บุคลากร​หน่วยกู้​ชีพ / เจ้าหน้าที่​ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกุดชุม​รวมทั้งสิ้น 150​  คน


ภาพ/ข่าว  พลากร​ แก้ว​ขวัญข้า​ รายงาน 

พังงา - เฮ...ผู้ว่าตั้งเป้าฉีดวัคซีน 65-70% ในเดือนมิถุนายน พร้อมเปิดรับการท่องเที่ยว 1 ตุลาคมนี้

วันที่ 8 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพังงา โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาได้กำชับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เน้นย้ำให้ทุกอำเภอเข้มงวดดูแลทุกสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก อสม.ยังคงเข้า SCAN ตรวจสอบถึงหน้าบ้าน และให้ผู้ที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงเข้ามาในจังหวัดพังงาจะต้องรายงานตัวกับพื้นที่ ในส่วนของวัคซีนล็อตแรกจำนวน 10,000 โดส จะฉีดเข็มแรกให้กลุ่มเป้าหมายเสร็จในวันที่9 เมษายน และมีข่าวดีว่าจังหวัดพังงาได้รับการจัดสรรวัคซีนล็อตที่2 ฉีดให้กับประชาชนร้อยละ65-70 ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และพร้อมเปิดจังหวัดรับการท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า จากการที่มีประชาชนติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นและมีแนวโน้มจะแพร่ระบาดไปอีกหลายจังหวัด จำเป็นที่สุดที่ทุก ๆ คนจะต้องปฏิบัติตนตามมาตรการ DMHTT ภาครัฐจะดูแลพื้นที่ควบคู่กันไป ที่สำคัญการป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้อย่าได้ละเลยหรือประมาท สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยและมีติดตัวไว้เสมอ การจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ต้องเป็นไปตามที่ ศบค.กำหนดเท่านั้น สำหรับวัคซีนในล็อตที่ 2 รัฐบาลได้ทำการจัดสรรให้จังหวัดพังงาครอบคลุมประชาชน 130,000-140,000 คน เพื่อทำการฉีดให้ประชาชนจังหวัดพังงากว่าครึ่งจังหวัดจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่มากที่สุด สำหรับสถานที่ฉีดได้มอบหมายให้หน่วยงานสาธารณสุขและทางอำเภอทุกแห่งพิจารณาจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งจะต้องอยู่ไม่ไกลจากสถานพยาบาล เพราะหากพบว่ามีคนไหนที่มีอาการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงจะถูกนำตัวส่งไปโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที ส่วนพื้นที่อำเภอไหนที่เป็นเกาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดเตรียมเรือเร็วในการเดินทางทางน้ำต่อไป โดยภายหลังจากการที่ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว คาดว่าจะเปิดจังหวัดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1ตุลาคม 2564 นี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็ได้รับวัคซีนแล้วประกอบกับจังหวัดพังงาเองมีภูมิคุ้มกันหมู่อีกด้วย จะทำให้เกิดการเดินหน้าของเศรษฐกิจการค้าขายในทุกระดับได้


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

นครราชสีมา - ศูนย์อนามัยที่ 9 จับมือเครือข่าย เปิดเมืองปลอดภัย จัดงาน KORAT MICE มั่นใจ ด้วยมาตรฐาน

วันที่ 8 เมษายน 2564  ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา ร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จัดงาน “เปิดเมืองปลอดภัย  จัดงาน KORAT MICE  มั่นใจ ด้วยมาตรฐาน” อาหารปลอดภัย ห่างไกลโควิด พิชิต PM2.5  โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน  นพ.ประสาน ชัยวิรัตนะ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 9 กล่าวรายงาน  ร่วมด้วย นายบรรจง กิติรัตน์ตระการ ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9   ,ผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา  หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่  ศูนย์ส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการจังหวัดนครราชสีมา (NCEP) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานศึกษา รวมกว่า 200 คน ณ ห้องนกยูง รร.เซ็นเตอร์พอยท์ เทอมินอล 21 โคราช

จากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ เกิดภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเป็นที่มาที่หน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ท้องถิ่นและภาคเอกชน จับมือกันร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่กับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ภายใต้นโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล ระหว่างมิติสาธารณสุขกับมิติทางเศรษฐกิจและสังคม จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดทางภาคอีสาน ที่ใหญ่ที่สุดของไทย เป็นเมืองที่น่าสนใจ ในด้านธุรกิจการจัดประชุม และงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ ซึ่งมีความเหมาะกับการเป็นเมืองไมซ์

เมืองไมซ์ หรือ MICE City  เป็นเมืองที่มีความพร้อมและศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจไมซ์ใน 4 กิจกรรมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ MEETINGS  การประชุม โดยอาจจัดประชุมระดับภูมิภาค ระดับชาติหรือระดับนานาชาติ INCENTIVES TRAVEL การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล เช่น งานเลี้ยง กิจกรรมสันทนาการ รวมถึงกิจกรรม CSR ซึ่งมีการกำหนดที่พัก โปรแกรมท่องเที่ยว วางแผนกิจกรรมต่างๆ ไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน CONVENTIONS การประชุมขนาดใหญ่ใช้เวลาหลายวันและมีผู้เข้าร่วมหลายร้อยหรือหลายพันคนจากทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นการจัดของสมาคมในระดับนานาชาติ และ EXHIBITIONS เป็นงานแสดงสินค้า และนิทรรศการ รวมไปถึงงาน Trade Show, Trade Fair, Trade Expo และงาน Mega Event

ทั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งผู้ประกอบการในระบบนิเวศน์ไมซ์ การจัดประชุม งานแสดงสินค้า และอีเวนท์ เทศกาล ไปจนถึงกิจกรรมรองรับการเดินทางการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร ตลาด โรงแรมที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว การเดินทาง และธุรกิจต่าง ๆ  โดยมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยของสถานประกอบการและกิจการอย่างเป็นระบบ รวมทั้ง กลไกกำกับดูแลแบบบูรณาการ เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐาน เกิดการขับเคลื่อนทั้งระบบอย่างปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่จัดงาน ซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่  โดยสถานประกอบกิจการ/กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ที่พัก และการท่องเที่ยวทุกแห่งในจังหวัดต้องประเมินตนเองเพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย (TMVS) มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) และ มาตรฐาน Thai Stop COVID Plus  อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  วิลัยพร  อุ่มพิมาย  

ขอนแก่น - ผู้ว่าฯขอนแก่นย้ำชัด ใครเดินทางมาจาก 5 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง ต้องรายงานตัวและกักตัวที่บ้าน 14 วันทันที โดยไม่มีละเว้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 2564 นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อและห่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด ซึ่งขณะนี้ผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ของจังหวัดยังสะสมอยู่ที่ 16 ราย โดยรวมอาการดีขึ้นตามลำดับ ในส่วนของข่าวลือต่าง ๆ ที่ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มในพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นนั้น ขอให้ประชาชนรับทราบข้อมูลจากทางจังหวัดเท่านั้นเพื่อให้เป็นข้อมูลที่ไปในทิศทางเดียวกัน ขณะนี้ยังไม่มีรายงานยืนยันจากทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด หากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มทางจังหวัดจะมีการแถลงข่าวให้ทราบทันที

"คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่นยังได้ออกประกาศฉบับที่ 30 สั่งงดการจัดคอนเสิร์ตทุกพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอของจังหวัด พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดขอนแก่นที่มาจากพื้นที่เสี่ยงทั้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานครฯ, ปทุมธานี,นนทบุรี, สมุทรปราการ และ นครปฐม โดยในส่วนของ กรุงเทพฯ นั้น ก็จะแยกเป็นเขตพื้นที่เสี่ยงต่ำเสี่ยงสูง โดยที่เขตทองหล่อนั้นถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง ในส่วนเขตอื่น ๆ ที่ไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อก็ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงต่ำ แต่ทั้งนี้ทุกคนที่เดินทางเข้ามาที่จังหวัดจะต้องทำการสแกนคิวอาร์โค้ดของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เพื่อรายงานตัวและใน 5 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวจะต้องทำการกักตัว 14 วันที่บ้านตัวเองทันทีโดยไม่มีการละเว้น ส่วนประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่น ๆ เมื่อกลับเข้าที่พักอาศัยให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานในพื้นที่ คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อสม. และ อบต.ในแต่ละพื้นที่ที่อาศัยอยู่ทั้งหมด เพื่อเป็นไปตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19มาตรฐานปลอดภัยสูงสุด ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่าจะมีประชาชนที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงสูงเข้ามายังพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดและขอเข้ารับการกักตัวทั้งหมดแล้ว"

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการเดินทางออกนอกพื้นที่นั้นทางจังหวัดไม่ได้มีการห้ามแต่อย่างใด ทุกคนยังใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันตั้งการณ์ดให้สูง การ์ดอย่าตก สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ และพกติดตัวไว้ เว้นระยะห่างทางสังคม 1-2 เมตร หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงที่มีคนรวมตัวกันเยอะ ๆ และสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะในทุกสถานที่ที่เดินทางไป เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพ และขอให้ทุกคนอย่าตระหนกจนเกินไป ขอให้เชื่อมั่น และปฏิบัติตามประกาศในการดำเนินการของทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

เชียงราย - เข้มรับมือสงกรานต์ ป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม

เวลา 19.45 น.วันที่ 7 เม.ย. 64  พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้เดินทางตรวจ จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์นางแล สภ.บ้านดู่ ตามนโยบายของ รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการอกนวยความสะดวกในการใช้รถใช้ถนนให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมไปถึงดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด

โดยได้เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ ให้ปฏิบัติด้วยความสุภาพ เรียบร้อย ในการให้บริการต่อพี่น้องประชาชน เน้นบริการและอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางและดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางกลับต่างจังหวัดและเข้ามาในพื้นที่ เพิ่มความเข้มในการตรวจเฝ้าระวัง  สืบสวน และจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง  แรงงานต่างด้าว ทั้งขาเข้าและขาออก ที่จะมีผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้อุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น หน้ากาก, ถุงมือ โดยเคร่งครัดเพื่อป้องกันการติดต่อโรคโควิด-19  การตั้งด่านห้ามมีการเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด  การปฏิบัติหน้าที่ให้แต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบ ทั้ง เสื้อผ้า ทรงผม การพกพาอาวุธและเครื่องมือสื่อสาร การตั้งจุดตรวจฯ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดทั้งรูปแบบและอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

บึงกาฬ - กกล.สุรศักดิ์ฯบูรณาการ ไล่จับเรือบรรทุกยาเสพติดหนีพลิกคว่ำกลางโขง

กองกำลังสุรศุกดิ์มนตรี บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) โดย ร้อย.ฉก.ทพ.2106 ฉก.ทพ.21 ร่วมกับหลายฝ่ายดักซุ่มริมน้ำโขงพบเรือต้องสงสัย 2 ลำติดเครื่องยนต์วิ่งข้ามน้ำโขงมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเข้ามาจอดริมตลิ่งฝั่งไทย จึงได้ส่งสัญญาเพื่อตรวจค้น แต่เรือทั้ง 2 ลำได้รีบขับแล่นหนีจะข้ามน้ำโขงกลับไป เรือลำหนึ่งได้เฉียวชนกับโขดหินที่น้ำโขงกำลังลดมาก ทำให้เรือพลิกคว่ำสิ่งของในเรือกระจายไหลตามน้ำไป รุ่งเช้า จนท.ออกเคลี่ยร์พื้นที่พบยาเสพติดทั้งยาบ้าและไอซ์จำนวนมาก

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 เม.ย.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายวราดิศร อ่อนนุช ปลัดจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่13 และรองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ดาบทอง อุภัยพรม ผกก.สภ.ปากคาด พ.ต.อ.วิชยานนท์ นิติกุล ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ หน่วยเรือ นรข.บึงกาฬ  ฝ่ายปกครองอำเภอบึงกาฬและปากคาด แถลงผลการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ได้ จำนวน 1,345,540 เม็ด และยาไอซ์ 62 กิโลกรัม รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้น 122,643,200 บาท หลังทหาร ตำรวจ นรข.และฝ่ายปกครอง ร่วมกันตรวจยึดได้ริมแม่น้ำโขงในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ

ทั้งนี้จากการสืบทราบของ พ.อ.มงคล ห่อทอง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่13 และรองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดข้ามน้ำโขงเข้ามาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ค้าชาวไทยจำนวนมาก ที่บริเวณริมน้ำโขงบ้านเวินโดน หมู่ 8 ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ หลังจากทางภาคเหนือมีการสู้รบกันระหว่างทหารพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ทำให้การขนย้ายยาเสพติดเข้าไทยยากลำบาก จึงหันมาทะลักส่งเข้าไทยทางภาคอีสาน ดังนั้น ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงต่อ กกล.สุรศักดิ์มนตรี เฝ้าระวังตรวจเข้มตามแนวชายแดนริมน้ำโขง กระทั่งเวลาประมาณ 04.30 น.เช้านี้ ร.ท.บุญทัน นกกระโทก ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2106 หน่วยเฉพาะกิจ ทพ.21 ได้บูรณาการร่วมกับ หน่วยเรือ นรช.รัตนวาปีและ นรข.บึงกาฬ ตร.ชุดสืบสวน สภ.ปากคาด ตร.กก.สืบสวน ภ.จว.บีงกาฬ ชุดสืบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ตชด.244 บึงกาฬ และปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอปากคาดและอำเภอบึงกาฬ ร่วมกันลาดตระเวนทั้งบนบกและในแม่น้ำโขง เวลาดังกล่าวขณะชุดลาดตระเวนในน้ำโขงสังเกตเห็นเรือหาปลาติดเครื่องยนต์ 2 ลำแล่นข้ามน้ำโขงมาจอดใกล้ริมตลิ่ง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น คนขับเรือพร้อมผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยกันประมาณลำละ 3 คน เห็นท่าไม่ดีจึงได้ขับเรือเร่งเครื่องยนต์หลบหนีอย่างรวดเร็วทันที แต่เรือ 1 ใน 2 ลำเกิดแล่นพลาดท่าไปชนโขดหินห่างออกไป 150 เมตรซึ่งน้ำโขงเริ่มลดลงทุกวัน ทำให้เรือพลิกคว่ำทั้งคนและสิ่งของตกน้ำไปด้วย แต่เรืออีกลำคนขับก็แล่นวนกลับมารับเพื่อนขึ้นเรือกลับไปด้วย แต่ จนท.ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้าเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากยังมืดค่ำอยู่เกรงจะได้รับอันตราย

และเช้าวันนี้ได้ร่วมกันออกลาดตะเวนตามลำแม่น้ำโขง พบกระสอบปุ๋ยสีขาวขนาดใหญ่จำนวน 2 กระสอบ ลอยเข้ามาติดริมฝั่งโขง ในพื้นที่บ้านเวินโดน ต.ปากคาด อ.ปากคาด เป็นยาบ้า 570,000 เม็ดและไอซ์ 62 กิโลกรัม ที่บ้านต้าย ต.นากั้ง อ.ปากคาด  1 กระสอบและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พบอีก 1 กระสอบที่บริเวณลำน้ำโขง ปากห้วยหนองมุม บ้านท่าสุขสันต์ ต.ปากคาด นับยาบ้าได้ 380,000 เม็ด ค่าสุดตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด สภ.เมืองบึงกาฬ ฝ่ายปกครองมีกำนันตำบลไคสี หมู่ที่ 2 ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ พบกระสอบปุ๋ยลอยมาติดอยู่บริเวณริมน้ำโขง ปากห้วยผาคาง อีก 1 กระสอบยาบ้า 391,540 เม็ด

ช่วงหัวค่ำก่อนหน้านี้ น.ต.วชิรวิทย์ ใจสัตย์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ร่วมกับพวกออกลาดตระเวนบนถนสาย 212 บึงกาฬ-ปากคาด พบชายต้องสงสัยขี่รถมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อ ฮอนด้าโซนิค ทะเบียน 1 กฉ 1166 สุพรรณบุรี ขี่รถจอดอยู่บริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 105  ท้องที่บ้านโนนยาง  ต..หอคำ  อ.เมืองบึงกาฬ  จึงยึดรถเพื่อสอบถาม แต่ชายคนดังกล่าวได้ทิ้งรถ จยย.วิ่งหลบหนีฝ่าความมืดไปได้ เข้าตรวจสอบพบยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ดวางอยู่ข้างหลักกิโลเมตรจึงทำการตรวจยึด จึงรวมกันนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน รวมของกลางยาบ้า 4 รายการ จำนวน 1,345,540 เม็ด มูลค่า 107,643,200 บาท และไอซ์ 62 กิโลกรัม มูลค่า 15,000,000 บาท รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้น 122,643,200 บาท นำของกลางส่ง พงส.สภ.ปากคาดและสภ.บึงกาฬ สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์

ราชบุรี - เปิดเมนูสุดซิค ธรรมชาติเย็น ท่ามกลางบรรยากาศริมธาร ในอำเภอสวนผึ้ง

เปิดเมนูสุดซิค “ธรรมชาติเย็น” กับ “เลมอนชีท” ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติติดริมธาร จากร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe ที่อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี จุดเช็คอินท่องเที่ยวของอำเภอสวนผึ้ง

(7 เม.ย.64) พาไปกันที่ร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe ตั้งอยู่ริมธารน้ำ ใน ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างตลาดโอ๊ะป่อย กับ เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม รีสอร์ท สวนผึ้ง แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และเป็นจุดแลนมาร์คแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย

ร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe เป็นร้านกาแฟที่อยู่กลางธรรมชาติแบบสุด ๆ โดยเจ้าของร้าน “คุณเป้” สาวชาวราชบุรีนักเรียนนอก ที่บินกลับมาอยู่บ้านที่ประเทศไทยเนื่องจากสถานการณ์โควิด “ธรรมชาติ คาเฟ่” เกิดจากความตั้งใจที่อยากจะให้ลูกค้าได้ดื่มกาแฟรสชาติที่ดีได้สัมผัสบรรยากาศที่ดีอีกมุมของสวนผึ้ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของ อ.สวนผึ้ง คือ “ภูเขาและลำธาร”

โดยพื้นที่ของร้านทั้งหมด เป็นที่เซลฟี่ และ นั่งพักผ่อนเพื่อเป็นการผ่อนคลายหลังจากที่ต้องเดินทางมาไกลจากต่างจังหวัด จุดเด่นของที่ร้าน คือ ต้นสน 2 ต้นที่จะมีลำต้นเอนเอียงเพื่อรับแดด จากการที่ต้นสนอยู่รายล้อมไปด้วยต้นใหญ่ที่ขึ้นปกคลุม จึงได้นำมาเป็นโลโก้ ของ ร้านธรรมชาติ คาเฟ่ นอกจากนี้ที่บริเวณริมธาร ได้มีการตกแต่งด้วยไม้ไผ่ และ มีต้นกอไผ่ขึ้นสูงใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้เซลฟี่ และนั่งพักผ่อน ชิมอาหาร เมนูเด็ด พร้อมเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านที่มีให้เลือกกว่า 50 เมนู และมีที่นั่งหลายมุม หรือจะลองถ่อแพบนน้ำใส ๆ ไหลเย็นสบาย ๆ

น.ส.นฤมล ศรีสวัสดิ์ อายุ 20 หรือ น้องเวิร์ค บาริสต้าประจำร้าน ร้านจะมีจุดเด่นอยู่ที่ความเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย และได้รับความร่มรื่นจากร่มไม้ กลิ่นอายความบริสุทธิ์ทั้งสายน้ำจากลำธาร และ เสียงไผ่กระทบกันเวลาที่มีลมพัดทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน “ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe”

เมนูเครื่องดื่มของทางร้านมีให้เลือกหลากหลายเมนูทั้งเมนูร้อน และ เย็น อาทิ Espresso, Americano, Honey Americano, Orange Americano, Cappuccino หรือ Latte ราคาเริ่มต้นที่ 60 – 90 บาท ส่วนเมนู ปั่น 80 – 100 บาท

สำหรับ Special Menu หรือ เมนูซิกเนเจอร์ เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า เมนูแรก “ Tham•ma•chart ” เป็นเครื่องดื่มเมนูกาแฟ ที่ใช้เยลลี่สตอเบอร์รี่ วางที่ก้นแก้ว เทด้วยนมสด จากนั้นเท กาแฟที่เชคด้วยความเย็น รสชาติของกาแฟจะกลมกล่อม ราคาแก้วละ 90 บาท

เมนูที่ 2 คือ “ Tham•ma•chart Smoothie ” เป็นเครื่องดื่มเมนู ที่นำ สตอเบอร์รี่ โกโก้ ช็อคชิพ ปั่นรวมกัน แต่งหน้าด้วยวิปครีม แกโนล่า ราคาแก้วละ 120 บาท

ส่วนเมนูที่ 3 คือ Choco Mint เป็นมนูนมชาเขียว ที่ผสมกับโกโก้แท้ 100% รสชาติจะหอมหวานโกโก้ แบบธรรมชาติลงตัว ราคาแก้วละ 80 บาท

นอกจากนี้ยังมี เมนูของหวาน อาธิ ขนม “คานาเล่” เป็นขนมฝรั่งเศสทานคู่กับกาแฟสด จุดเด่นคือสีของขนมจะเข้มทั้งชิ้น ด้านนอกกรอบด้านในนุ่ม ที่สำคัญจะมีส่วนผสมของเหล้าลังเพิ่มความหอมและรสชาติของ คานาเล่ ราคา 60 บาท

และอีก 1 เมนู คือ “เลมอนชีสพาย” ที่มีความกรอบของแครกเกอร์ นุ่มจากครีมชีส และเด้งด้วยเจลลีเลมอนด้านบนอีกชั้น แถมลาดด้วยน้ำผึ้ง ราคาชิ้นละ 80 บาท

สำหรับร้าน ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe ตั้งอยู่ริมธารน้ำ ใน ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างตลาดโอ๊ะป่อย กับ เดอะ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม รีสอร์ท สวนผึ้ง เปิดทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ ทั้งแตเวลา 08.30 – 17.00 น. โทรสอบถามเส้นทางหรือรายละเอียดได้ที่หมายเลข 061-495-5989 หรือ ติดตามข่าวสารต่าง ๆ  ได้ทาง เฟสบุ๊คแฟนเพจ ชื่อ กาแฟกุมภาพันธ์ ธรรมชาติ คาเฟ่ Tham•ma•chart Cafe


ภาพ/ข่าว  ตาเป้ จ.ราชบุรี

 

ชลบุรี - เกาะล้านยังปลอดภัยไร้คนติดเชื้อโควิด เมืองพัทยาเข้มมาตรการคัดกรองคนเที่ยวเกาะล้าน

วันนี้ 7 เม.ย.64 นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวชาวจังหวัด นนทบุรี ติดเชื้อโควิด-19 ได้เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะล้าน ซึ่งทางเมืองพัทยาก็ได้ทราบจากสาธารณะสุขจังหวัดนนทบุรี โดยนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อได้เดินทางมาเที่ยวเกาล้านในวันที่ 3 เมษายน 2564 โดยท่องเที่ยวบนเกาะล้าน และเดินทางกลับในวันที่ 4 เมษายน 2564 หลังจากที่ทราบข่าวทางเมืองพัทยาก็ได้ลงพื้นที่ไปดูแลผู้ที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวนนทบุรี โดยให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เฝ้าระวังตัวเอง  ไม่ว่าเรือโดยสารที่ข้ามไปยังเกาะล้าน ร้านสะดวกซื้อที่นักท่องเที่ยวชาวนนทบุรีได้เดินทางเข้าไป ซึ่งวันนี้ทางเมืองพัทยาก็ได้ไปยังเกาะล้านก็ยังไม่พบผู้ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ติดเชื้อแต่อย่างใด ซึ่งประชาชนที่อยู่บนเกาะล้านยังไม่มีการติดเชื้อโควิด 19

อย่างที่ทราบกันดีเกาะล้านมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งการระบาดรอบ 1 และรอบ 2 ทางเมืองพัทยามีมาตาการให้เกาะล้านมีการปิดเกาะ ซึ่งตอนนี้ทางเมืองพัทยาก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวทั้งจากท่าเรือแหลมบาลีฮาย และท่าเรือบนเกาะล้านทุกท่าเรือจะมีจุดคัดกรอง ถ้าเกิดกรณีนักท่องเที่ยวมีไข้ขึ้นสูง ทางเมืองพัทยามีเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขอยู่บนเกาะล้านคอยดูแล  แต่ถ้าพัก 1-2 ชั่วโมงอาการไข้ยังสูง ทางเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขก็จะทำการส่งตัวให้กับโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

กระบี่ - รพ.คลองท่อม เร่งฉีดวัคซีนเข็มแรก ให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชน กลุ่มเสี่ยง 100 คน

เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลคลองท่อม อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่  สอบถามประวัติ ตรวจสุภาพ ผู้ที่ เข้าฉีด วัคซีน เข็มแรก ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์ อสม.ผู้นำชุมชน ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน100 คน หลังจากได้รับวัคซีน จำนวน 200โดส ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย เข็มแรก ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 เมษายน นี้ จากนั้น 3 สัปดาห์ ทำการฉีดเข็มที่ 2 

ขณะที่ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดกระบี่ ประกาศผลตรวจหาเชื้อจากกลุ่มเสี่ยง จำนวน  145 รายของ จ.กระบี่ ที่เดินทางไปร่วมกิจกรรม  จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน ที่ผ่านมา  แยกเป็นกลุ่มผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ เป็นกลุ่มผู้เสี่ยงสูง จำนวน  12 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ กลุ่มเสี่ยงต่ำ นักเรียน สถานศึกษาต่าง ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม  133 ราย ตรวจหาเชื้อแล้ว จำนวน  27 ราย ผลไม่พบเชื้อ 26 ราย  รอผลตรวจ 1 ราย ที่เหลือกักตัวเองสังเกตอาการ 14 วัน

ด้าน พ.ต.อ.​จเร​ คณาวิทยา​ผกก.สภ.คลองท่อม​ ซึ่งเป็นผู้รับวัคซีนเข็มแรกคนแรกของอำเภอคลองท่อม​ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากนั่งพักสังเกตอาการเป็นเวลา 30 นาทีว่า​ สำหรับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด และได้พูดชักชวนให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชน​ เข้ารับวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของcovid19ในครั้งถัดไป


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ  จ.กระบี่ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top