Friday, 29 March 2024
INFO & TOON

States TOON EP.150

อิ่มแสง!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต 

อาหารไทยสุดยอด!! ติด 1 ใน 5 ประเทศ ที่มี 'อาหารดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก' ประจำปี 2566

‘ไทย’ คว้าที่ 5 ประเทศที่มีอาหารดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก ปี 2566 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Insider Money ภายใต้หลักเกณฑ์ 3 ประการ ประกอบด้วย การวัดคุณค่าอาหารในท้องถิ่นว่ามีสุขอนามัยที่ดีเพียงใด, อัตราโรคอ้วน และเบาหวานโดยรวมในแต่ละประเทศ ซึ่งอ้างข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO)

สำหรับเหตุผลที่จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 5 นั้น เพราะส่วนใหญ่อาหารไทยมีรสชาติเผ็ดร้อน และเครื่องเทศบางชนิดที่โดดเด่นสำหรับการปรุงอาหาร ได้แก่ ขมิ้น, กระเทียม, หัวหอม และตะไคร้ เป็นที่รู้กันว่า มีคุณสมบัติ 'ต้านการอักเสบ' และ 'ต้านมะเร็ง' 

นอกจากนี้ ไทยยังขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยผักสีเขียว และอาหารทะเล อีกด้วย

'สุริยะ' มอบหมายทุกหน่วยงานรองรับการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมแนะ 15 สถานที่ท่องเที่ยวให้เช็กอิน ✨🇹🇭

(7 ธ.ค.66) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามนโยบายคมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน จึงให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมในทุกมิติ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว สนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมแนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยกรมทางหลวง (ทล.) และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้เตรียมความพร้อมในทุกมิติ พร้อมขานรับตามนโยบายดังกล่าว ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจและมีความทรงจำที่ดีกลับไปในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 จึงขอเชิญชวนนักเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสเส้นทางสายธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์ในการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายบนทางหลวงหมายเลข 1009 (ทล.1009)

โดย ทล. และ ทช. ได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่โดยรอบโครงสร้างพื้นฐานให้มีทัศนียภาพสวยงาม พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น ปัจจุบันมีถนนและสะพานหลายเส้นทางทั่วทุกภูมิภาคและพร้อมเปิดให้บริการพี่น้องประชาชนได้มาท่องเที่ยวผ่านถนนและสะพานสวย ๆ ใน 5 ภูมิภาค โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้ มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงคาดการณ์ว่าจะมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก 

โดย 15 แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และจุดเด่นการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค ได้แก่

1.ยอดดอยอินทนนท์ จุดสูงสุดแดนสยาม ตั้งอยู่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ประชาชนสามารถสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวธรรมชาติภูเขาและทะเลหมอก ปัจจุบันบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์และสถานีทำการของทหารอากาศ ประชาชนสามารถเยี่ยมและกราบพระพุทธศาสดาประชานาถ หอพระพุทธศาสดาประชานาถ นับเป็นพระพุทธรูปบูชาที่กองทัพอากาศจัดสร้างในโอกาสครบรอบ 100 ปี การทิวงคต จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ ‘พระบิดาแห่งกองทัพอากาศ’ จากนั้นไปสักการะพระสถูปของพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ เพื่อขอพรเพิ่มสิริมงคลเสริมดวงให้กับตัวเองต้อนรับปีใหม่ 2567

2.เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เป็นเส้นทางเดินสบาย ๆ ลัดเลาะเข้าไปในผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์และชมความสวยงามจากพันธุ์ไม้หายาก เช่น ต้นกุหลาบพันปี สถานที่แห่งนี้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมาสัมผัสโอโซนบริสุทธิ์

3.กิ่วแม่ปาน จุดชมวิวทะเลหมอกสุดฮิตที่บรรดานักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด มีลักษณะเป็นป่าธรรมชาติสลับทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ นักท่องเที่ยวสามารถชมบรรยากาศ สัมผัสทะเลหมอก และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้อย่างน่าประทับใจ

4.พระมหาธาตุนภเมทนีดล - นภพลภูมิสิริ ‘มหาธาตุคู่’ ซึ่งกองทัพอากาศสร้างขึ้นน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเป็นมิ่งมงคลแก่ประชาชนในแผ่นดินไทยร่มเย็นเป็นสุขชั่วนิรันดร์ บริเวณโดยรอบของพระมหาธาตุทั้งสอง ตกแต่งด้วยสวนดอกไม้เมืองหนาว และการจัดสวนดอกไม้ประดับที่เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศที่มีความสวยเด่นและสง่างาม

5.อุทยานแห่งชาติดอยผาตั้ง เป็นจุดชมทัศนียภาพไทย - สปป.ลาว อากาศเย็นสบายและชมทะเลหมอกได้ตลอดปี โดยเฉพาะเดือนธันวาคม - มกราคม จะมีดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งรอรับนักท่องเที่ยว ระหว่างทางเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านอีกด้วย

6.กาดม้ง จุดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์จากชาวเขาเผ่าต่าง ๆ รวมทั้งผัก ผลไม้ อาหารถิ่นพื้นเมือง

7.จุดพักนักเดินทาง โดยแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 1 สถานที่ให้บริการข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ห้องน้ำ และลานกางเต็นท์ฟรี ตั้งอยู่บน ทล.1009 ที่ กม. 30+700

8.โครงการหลวงดอยอินทนนท์ นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดจุดนี้ ชอป ชม ชิม ผลิตภัณฑ์โครงการหลวงจบในที่เดียว

9.สถานีวิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) เดินทางบน ทล.1009 ที่ กม. 30+300 เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข 1284 ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงแหล่งชมวิวอุโมงค์พญาเสือโคร่งที่สวยงามและโรแมนติก ภายในพื้นที่ศูนย์วิจัยสามารถชมแปลงไม้พืชและผลเมืองหนาว

10.เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาดอกเสี้ยว มีไฮไลต์สำคัญ คือ น้ำตกผาดอกเสี้ยว เป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ บรรยากาศสดชื่น ชุ่มฉ่ำกับธารน้ำตกใสไหลเย็น

11.ภาคเหนือ ถนนสาย มส.4009 ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีจุดชมวิวและศาลาชมวิวที่นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทุ่งดอกบัวตองได้ 360 องศา ถือเป็นหนึ่งใน Amazing Thailand ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสไปชมให้ได้ โดยดอกบัวตองจะบานเพียงปีละครั้งเท่านั้น สำหรับการเดินทางมายังทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เส้นทางไปยังอำเภอขุนยวม ทล.108 (แม่ฮ่องสอน - ขุนยวม) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ทล.1263 ที่สามแยกขุนยวม และเข้าสู่ถนนสาย มส.4009 ตามป้ายแนะนำเส้นทางแหล่งท่องเที่ยว

12.ภาคกลาง สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2538 เพื่อเป็นโครงข่ายถนนรองรับการขนถ่ายลำเลียงสินค้าจากท่าเรือกรุงเทพต่อเนื่องไปจนถึงพื้นที่อุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรปราการ และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ เพื่อไม่ให้รถบรรทุกสัญจรเข้าไปในตัวเมืองหรือทิศทางอื่น อันจะเป็นสาเหตุของการจราจรติดขัดโดยรอบ ซึ่งไม่เพียงแต่การกระจายการจราจรไปยังทิศทางต่าง ๆ แต่ยังเชื่อมระหว่างเขตราษฎร์บูรณะและเขตยานนาวา กับอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ประชาชนชาวพระประแดงและสมุทรปราการ สามารถเข้าสู่กรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบาย ประชาชนสามารถชมความสวยงามของสะพานดังกล่าวได้ อีกทั้งในช่วงเทศกาลและวันสำคัญจะมีการเปิดไฟประดับสะพานยามค่ำคืนที่ตระการตาเป็นอย่างมาก

13.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สะพานเทพสุดา จังหวัดกาฬสินธุ์ สะพานข้ามน้ำจืดข้ามอ่างเก็บน้ำลำปาว ประชาชนสามารถชมพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็นบนสะพานโดยมีภูเขาเป็นฉากหลังเสริมให้ทัศนียภาพงดงาม รวมทั้งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ คือ รูปปั้นไดโนเสาร์ ที่ตั้งอยู่บริเวณปลายสะพานทั้งสองฟากสะพานเทพสุดา และชมวิถีชีวิตการทำประมงของชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนของการเดินทางจากตัวเมืองกาฬสินธุ์ ใช้ ทล.227 มุ่งหน้าไปอำเภอสหัสขันธ์ ประมาณ 32 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายบริเวณสี่แยกเข้าสู่ถนนสาย กส.3056 ขับตรงไปตามเส้นทางประมาณ 6.6 กิโลเมตร จนถึงสะพานเทพสุดา

14.ภาคใต้ ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดพัทลุง เป็นสะพานยกระดับที่ยาวที่สุดในประเทศไทยตามแนวทะเลน้อยกับทะเลหลวงของทะเลสาบสงขลา เชื่อมระหว่างจังหวัดพัทลุงและสงขลา รวมระยะทาง 5.450 กิโลเมตร โดยในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ดอกบัวแดงบานเหมาะกับการล่องเรือชมวิวและเป็นจุดชมนกน้ำนานาพันธุ์ สำหรับการเดินทางมายังถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ (พท.5050) สามารถเดินทางโดยเริ่มจากสี่แยกเอเชียพัทลุงวิ่งไปบน ทล.41 จนถึงสี่แยกโพธิ์ทอง อำเภอควนขนุน จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้า ทล.4187 ระยะทาง 17 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสาย พท.4007 ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ

15.ภาคตะวันออก ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต หรือถนนเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย มีแลนด์มาร์กอย่างจุดชมวิวเนินนางพญาที่สามารถมองเห็นวิวทะเลกับถนนที่คดเคี้ยวสวยงาม รวมทั้งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง โดยสามารถขับรถชมวิวทะเล หรือปั่นจักรยานจากปากน้ำประแส จังหวัดระยอง มาจรดเนินนางพญาที่มีอ่าวคุ้งกระเบนของจังหวัดจันทบุรีได้เช่นกัน การเดินทางมาถนนเฉลิมบูรพาชลทิตนั้น จากตัวเมืองจังหวัดชลบุรี ใช้ ทล.344 และ ทล.3 มุ่งหน้าไปยังจังหวัดจันทบุรี ถึงสามแยกประแสร์ เลี้ยวขวาเข้า ทล.3162 เมื่อถึงแยกคลองปูน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับไปตามทางเรื่อย ๆ เลยอ่าวคุ้งวิมาน ไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร จะถึงเนินนางพญา

นอกจากนี้ ถนนและสะพานยังเป็นเส้นทางเชื่อมต่อที่สำคัญต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ การคมนาคมภายในประเทศ ซึ่งสามารถช่วยยกระดับความเจริญให้กับประชาชนในพื้นที่ และยังเป็นจุดเด่นในการนำนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในชุมชนได้อีกทางหนึ่ง ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในท้องถิ่นทั้ง 5 ภูมิภาคของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ขอส่งความห่วงใยไปถึงประชาชน ตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง และระมัดระวังการใช้รถใช้ถนน ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งคัด เพื่อความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง และไปสู่จุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ

ด้วยความห่วงใยทางกระทรวงคมนาคม ขอให้ผู้ขับขี่พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ฝืนร่างกาย หากอาการเหนื่อยล้าให้จอดพักในจุดท่องเที่ยวหรือจุดพักรถตามสายทาง รวมทั้งตรวจสอบสภาพรถให้มีความพร้อมสำหรับเส้นทางภูเขา ที่สำคัญขอให้ใช้เกียร์ต่ำในช่วงทางลงเขา และหากพบว่าระบบเบรกมีปัญหาหรือได้กลิ่นไหม้ ขอให้จอดพักบริเวณจุดจอดรถฉุกเฉิน อาทิ กม. ที่ 40+142 หรือ 39+142 บริเวณด่านตรวจอุทยาน จุดที่ 2 จุดพักรถหมวดทางหลวงจอมทอง กม. ที่ 30+700 และบริเวณทางเข้าน้ำตกต่าง ๆ ตลอดสายทาง

แยกให้ออก!! ‘สิทธิบัตรทอง VS สิทธิประกันสังคม’ ต่างกันอย่างไร?

‘การรักษาพยาบาล’ เป็นเรื่องน่ากังวลลำดับด้น ๆ ของคนไทย เนื่องจากมีภาพจำว่าจะต้องเสียเงินจำนวนมากต่อการเจ็บป่วยในแต่ละครั้ง และหากต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก็จะทำให้ขาดรายได้ สูญเสียโอกาสทำมาหากิน และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพเป็นทอดๆ

แต่สิ่งที่เข้ามาช่วยเหลือ ช่วยบรรเทาทุกข์ให้เบาลงก็คือ ‘สิทธิบัตรทอง’ และ ‘สิทธิประกันสังคม’ ซึ่งทั้ง 2 สิทธินี้มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมเงื่อนไขการใช้สิทธิมาให้แล้ว จะแตกต่างกันอย่างไร มาดูกันค่ะ…

👉บัตรทองหรือบัตร 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)
 📌ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่มีวงเงิน เพียงลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลประจำตัวแล้วใช้สิทธิได้ทันทีโดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว
 📌ใช้กับสถานพยาบาลประจำที่ลงทะเบียนไว้ หรือเจ็บป่วยต่างพื้นที่เข้าสถานพยาบาลปฐมภูมิที่ไหนก็ได้
 📌เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติถึงแก่ชีวิต (สีแดง) เข้าสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ (สิทธิ UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่)

 📌มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย/เบื้องต้น ไม่ว่าสิทธิบัตรทองจะอยู่ที่สถานพยาบาลใด ก็เข้ารับบริการตามรายการนี้ได้
✅️เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มโรค/อาการ ปรึกษาเภสัชกรและรับยาที่ร้านยากว่า 1,000 แห่งที่เข้าร่วมได้ทั่วประเทศ
✅️เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 กลุ่มโรค/อาการ รับบริการที่คลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่นกว่า 600 แห่งที่เข้าร่วมได้ทั่วประเทศ
✅️เจ็บป่วยเบื้องต้น 42 กลุ่มโรค/อาการ พบหมอออนไลน์ รอรับยาจัดส่งถึงบ้านได้ในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร

 📌การย้ายหรือเปลี่ยนสถานพยาบาลประจำตัวทำได้ 4 ครั้งต่อปีงบประมาณ ใช้สิทธิได้ทันทีเมื่อเปลี่ยนแล้ว
 📌ครอบคลุมการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็น
 📌ครอบคลุมค่าอาหารและค่าห้องสามัญเมื่อต้องแอดมิทที่โรงพยาบาล
 📌ได้เพียงสิทธิรักษาฟรี (บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข) ไม่มีเงินชดเชยว่างงาน เกษียณ เสียชีวิต เหมือนประกันสังคม

--------------

👉ประกันสังคม (ผู้ประกันตน)
 📌ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนทุกเดือน ตามเงื่อนไขจึงจะสามารถใช้สิทธิได้
 📌ใช้กับโรงพยาบาลที่เลือกสิทธิไว้ กรณีฉุกเฉินเข้าที่ไหนก่อนก็ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
 📌เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติเข้าสถานพยาบาลรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ (สิทธิ UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่)
 📌ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่มีวงเงิน และไม่เสียค่าใช้จ่ายครอบคลุมการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็น
 📌การย้ายสถานพยาบาลประจำตัวย้ายได้ปีละ 1 ครั้ง
 📌ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ไม่เกิน 900 บาท/ปี
 📌ค่าห้องและค่าอาหาร ไม่เกิน 700 บาท/วัน
 📌ได้รับเงินชดเชย กรณีว่างงาน เกษียณ เสียชีวิต

💢หมายเหตุ:
1. บัตรทองหรือบัตร 30 บาทมีได้ทุกคน หากไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลอื่นของรัฐ (ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการและครอบครัว เป็นต้น)
2. พนักงานบริษัทได้สิทธิประกันสังคมอัตโนมัติ
3. กรณีลาออกจากงาน และไม่อยากส่งประกันสังคมต่อ (มาตรา 39 ) สามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือบัตร 30 บาทได้ แต่ต้องลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำก่อน

4. ผู้ประกันตนมาตรา 40 ใช้สิทธิ ‘บัตรทองหรือบัตร 30 บาท’ รักษาพยาบาล หรือหากได้รับสิทธิเบิกจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง ก็ยังคงได้รับสิทธิได้ตามปกติ (มาตรา 40 ไม่ได้ให้ความคุ้มครองในเรื่องค่ารักษาพยาบาล แต่ให้เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย และกรณีทุพพลภาพ รวมถึงได้รับเงินค่าทำศพ กรณีตาย ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด)

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 0 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง (โทรฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย)

เปิด 5 ชาติ เดินทางเข้าไทยสูงสุด (ช่วงวันที่ 1 ม.ค.-3 ธ.ค.66)

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ทั้งสิ้น 25,081,212 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1,067,513 ล้านบาท

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย รัสเซีย 

เปิดงบ 'Soft Power' 5,146 ล้านบาท 11 สาขา ได้งบเท่าไรกันบ้าง?

(1 พ.ย. 66) คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เห็นชอบกรอบงบประมาณ 5,164 ล้านบาท ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ไทย 11 ด้าน เตรียมปิดถนนราชดำเนิน จัด World Water Festival มหาสงกรานต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 โดยมีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการที่แต่ละโครงการ กิจกรรม และอุตสาหกรรมซอฟต์เพาเวอร์ไทยทั้ง 11 ด้านได้เสนอ รวม 5,164 ล้านบาท ได้แก่ อุตสาหกรรมเฟสติวัล 1,009 ล้านบาท

อุตสาหกรรมท่องเที่ยว 711 ล้านบาท, สาขาอาหาร มี 3 โครงการใหญ่ เช่น 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย, เชฟชุมชน และเชฟชาแนล 1,000 ล้านบาท, สาขาศิลปะไทย จำนวน 5 โครงงาน อาทิ เปิดหอศิลป์บริเวณถนนรัชดาภิเษก จัดตั้งสภาศิลปะแห่งประเทศไทย จัดกองทุนสนับสนุนศิลปะการแสดงร่วมสมัย รวมงบประมาณ 380 ล้านบาท, สาขาออกแบบ ส่งเสริมไทยแลนด์แบรนด์ 310 ล้านบาท, สาขากีฬา เน้นส่งเสริมประสิทธิภาพมวยไทย กิจกรรมมวยไทย ทั้งในและต่างประเทศ 500 ล้านบาท

สาขาดนตรี ส่งเสริมศิลปินไทยสู่ระดับโลก 144 ล้านบาท, สาขาหนังสือ ให้หนังสือไทยออกสู่หนังสือนานาชาติ 69 ล้านบาท, สาขาภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ การจัดเทศกาลเอกซ์โปรในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมการสร้างภาพยนตร์และซีรีส์ ผลักดันสู่ออสการ์ 545 ล้านบาท

สาขาแฟชั่น พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ และส่งเสริมการแสดงสินค้าในต่างประเทศ 268 ล้านบาท และสาขาเกมพัฒนาหลักสูตร การส่งเสริมผู้ประกอบการ ส่งเสริมกองทุนและสร้างสนามกีฬาอีสปอร์ตแห่งชาติ  374 ล้านบาท

จากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกับสำนักงบประมาณ ซึ่งโครงการบางส่วน อาจมีงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐอยู่แล้ว หรือบางสาขาตั้งงบประมาณน้อยกว่าที่จะต้องใช้ จึงอาจต้องมีการทบทวนให้เสร็จสิ้นภายใน 14 ธันวาคมนี้ ก่อนส่งให้คณะกรรมการฯ ชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้งในเดือนมกราคม 2567

‘ไทย’ ปิดจ๊อบ!! 7 บิ๊กเนม ‘มะกัน’ ปักธงลงทุน ‘Landbrigde’

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือแลนด์บริดจ์ (Landbridge) วงเงินลงทุนโครงการ 1 ล้านล้านบาท ไปนำเสนอในงานเอเปค ครั้งที่ 30 ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12-19 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจมากมาย และมี 7 บริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังของสหรัฐฯ ที่ตกลงร่วมลงทุนในโครงการนี้แล้ว 

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาให้แล้ว จะมีบริษัทไหนบ้าง มาดูกัน!!

Dog's Story EP.2

ผนง. แต่เจือกรวยกันหมด!!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต
 

เปิด 10 อันดับ ประเทศและภูมิภาคที่มีคนเรียน 'ภาษาญี่ปุ่น' มากที่สุด

‘ไทย’ ติด TOP 5 ประเทศที่มีคนเรียน ‘ภาษาญี่ปุ่น’ มากที่สุด!! 🇹🇭🇯🇵

ส่อง 5 จังหวัดนำร่อง!! เปิดสถานบริการถึงตี 4

เมื่อวันที่ (28 พ.ย. 66) คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยสาระสำคัญ คือ เป็นการกำหนดและแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง กำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการในเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้ตั้งสถานบริการ

ด้วยเหตุว่า ‘เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ’ และการท่องเที่ยวของประเทศที่เพิ่งผ่านสถานการณ์โควิด-19 จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการ ที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมาย และสถานบริการที่ตั้งอยู่ท้องที่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่และ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่อง ขยายเวลาเปิดสถานบริการ ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ส่วนพื้นที่อื่นที่มีความประสงค์จะขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 04.00 น. ให้เป็นไปตามประกาศของจังหวัด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กำหนด

States TOON EP.149

ผนง. แต่เจือกรวยกันหมด!!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต 

ส่องผลงาน ‘รมว.พิมพ์ภัทรา’ ก.อุตสาหกรรม ดึงทุนนอกปักหมุดฐานผลิตในไทย

ประเทศไทยยังเนื้อหอม!!

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘ภาคอุตสาหกรรมการผลิต’ ยังคงเป็นกำลังหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และภายใต้การบริหารงานเชิงรุกของ ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หลังรับตำแหน่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้เร่งดึงกลุ่มทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาปักหมุดตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อผลักดันไทยไปสู่เป้าหมายศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน

ขณะที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นภาพการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตของไทยชัดเจนมากขึ้น เมื่อกลุ่มทุนจากต่างประเทศ ต่างทุ่มเม็ดเงินก้อนโตปักหมุดลงทุนสร้างโรงงานในไทย เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต จำหน่ายและส่งออก หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นหลาย ๆ อย่าง ไล่เลียงตั้งแต่ มาตรการอุดหนุนให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนให้กลุ่มทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นฮับในการส่งออก โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมไปถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ที่สนับสนุนการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิต EV ในประเทศอย่างต่อเนื่อง

ระบบรางไทยร้อนแรง!! ลอยกระทงวันเดียว โกยผู้โดยสารทะลุ 1.9 ล้านคน

‘กรมรางเผย’ วันลอยกระทง 66 ผู้โดยสารทะลุ 1.9 ล้านคน-เที่ยว ยอดใช้บริการเพิ่มจากลอยกระทงปีก่อน 29.62 % เปิด 2 สายน้องใหม่ “เหลือง-ชมพู”เพิ่มโครงข่ายเดินทาง ส่วน MRT สีม่วง ทุบสถิติต่อเนื่อง เกิน 8.2 หมื่นคน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 73%

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งเป็นวันลอยกระทง พบว่ามีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,900,664 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 434,307 คน-เที่ยว หรือ 29.62% โดยลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย. 65) มีผู้ใช้บริการระบบรางภาพรวม จำนวน 1,466,357 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 808,736 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 877,451 คน-เที่ยว) 

สำหรับลอยกระทง ปี 2566 จำนวน 1,900,664 คน-เที่ยว แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 67,561 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (รวมรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง) จำนวน 1,833,103 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.รถไฟระหว่างเมือง รฟท. ให้บริการรวม 213 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 67,561 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 7,373 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 12.25% (ลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย.65) จำนวน 60,188 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 27,483 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 59,505 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น ผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 21,015 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 46,546 คน-เที่ยว

2.ระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้บริการรวม 3,248 เที่ยววิ่ง (รวมรถเสริม 36 เที่ยววิ่ง) มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 1,833,103 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 426,934 คน-เที่ยว หรือมากกว่า 30.36% (ลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย.65) จำนวน 1,406,169 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 781,253 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 817,946 คน-เที่ยว) โดยผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าได้เพิ่มความถี่ในชั่วโมงเร่งด่วน และเพิ่มขบวนรถเสริม ประกอบด้วย

>>รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 221 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 6 เที่ยววิ่ง) จำนวน 74,005 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 8,651 คนเที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 13.24% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 65,354 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 294 เที่ยววิ่ง จำนวน 33,819 เที่ยว-วิ่ง (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 225 คน-เที่ยว) มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 14,284 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 73.12% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 19,535 คน-เที่ยว) สีม่วง ทุบสถิติต่อเนื่อง ผู้โดยสารพุ่ง 8.2 หมื่นคน-เที่ยว

>>รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ให้บริการ 319 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 3 เที่ยววิ่ง) จำนวน 82,358 คน-เที่ยว (นิวไฮ) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ covid-19 มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 34,991 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 73.87% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 47,367 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) ให้บริการ 487 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 27 เที่ยววิ่ง) จำนวน 510,288 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 131,538 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 34.73 % (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 378,750 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทและสายสีลม (สีเขียว) ให้บริการรวม 1,264 เที่ยววิ่ง จำนวน 981,658 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 102,897 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 11.71% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 878,761 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าสายสีทอง ให้บริการ 219 เที่ยววิ่ง จำนวน 17,182 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 780 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 4.76% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 16,402 คน-เที่ยว)

โดยวันลอยกระทงปีนี้มีรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่มมา 2 เส้นทาง รวม 444 เที่ยววิ่ง จำนวน 133,793 คน-เที่ยว คือ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ให้บริการ 276 เที่ยววิ่ง จำนวน 40,198 คน-เที่ยว (ลอยกระทงปี 65 ยังไม่เปิดให้บริการ) และ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ให้บริการ 168 เที่ยววิ่ง จำนวน 93,595 คน-เที่ยว (ลอยกระทงปี 65 ยังไม่เปิดให้บริการ) 

นายพิเชฐ กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ขร. ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะไปลอยกระทงในช่วงเย็นถึงค่ำ โดยได้เน้นย้ำผู้ให้บริการระบบรางบริหารจัดการผู้โดยสารบนสถานีรถไฟฟ้า (Crowd Control) และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเส้นทางการเข้าสู่สถานี รวมทั้งเพิ่มความถี่ จัดขบวนรถเสริม และจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกและเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการระบบรางด้วยแล้ว โดยพบว่า เมื่อวานไม่มีเหตุอันตรายต่อผู้ใช้บริการระบบรางแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้น พบว่า มีผู้ใช้บริการระบบรางภาพรวมและรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสูงสุด (นิวไฮ) ตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 82,358 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 73.87% ส่วนรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 33,819 เที่ยว-วิ่ง (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 225 คน-เที่ยว) เพิ่มขึ้น 73.12% เมื่อเทียบกับวันลอยกระทงปี 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้มีเส้นทางรถไฟฟ้าให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้การเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้ามีการเชื่อมต่อที่สะดวกขึ้น (interchange) และมีราคาจูงใจด้วยค่าโดยสารสายสีม่วงและสายสีแดง ราคาสูงสุด 20 บาท

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรถไฟฟ้าชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดง) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้รับสิทธิชำระค่าโดยสารร่วมสองสายจ่ายสูงสุดไม่เกิน 20 บาทเท่านั้น เมื่อใช้บัตรโดยสาร EMV Contactless ใบเดียวกัน และเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที

Dog's Story EP.1

แก้เยอะเกิน เริ่มงงก๊าบ ... ปิ๊โธ่!!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต
 

เปิดแนวทางแก้หนี้ครัวเรือนไทย ‘ระยะยาว’ ก่อน ‘นายกฯ เศรษฐา’ คิกออฟแผนแก้หนี้ครั้งใหญ่!!

‘หนี้ครัวเรือน’ ปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ที่ถูกพยายามแก้มาแล้วหลายครั้งในหลาย ๆ รัฐบาล ปัจจุบันนี้ ถึงคิวของ ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ที่จะเข้ามาจัดการปัญหานี้ให้หมดไป แต่ก่อนที่ท่านนายกฯ จะประกาศแผนแก้หนี้ ‘ฉบับเศรษฐา’ ลองมาดูแผนแก้หนี้ที่ทาง THE STATES TIMES สรุปย่อยมาให้ไปพลาง ๆ ก่อน พร้อมแล้ว ไปดูเล้ยย…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top