Wednesday, 26 March 2025
INFO & TOON

ทำความเข้าใจเรื่องการปรับค่าไฟ งวด ม.ค. - เม.ย. 68

(28 พ.ย. 67) ทำความเข้าใจ เรื่องการปรับค่าไฟ งวด ม.ค.- เม.ย. 68 (อีกครั้ง) หลัง ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม ขอให้คิดแค่ 4.15 บาท/หน่วย จากที่ กกพ. เสนอแนวทางแรก คิดในอัตรา 5.49 บาท/หน่วย เพื่อนำเงินไปคืนหนี้ กฟผ.และปตท.ทั้งหมด แต่ ‘พีระพันธุ์’ เสนอยืดหนี้แล้วจ่ายบางส่วน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแข่งขันกันดุเดือดขนาดไหน?

อุตสาหกรรมสตรีมมิ่งที่เป็นหนึ่งในช่องทางที่ให้ความบันเทิงกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด และจากการเก็บรวบรวมข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2024 อุตสาหกรรมนี้มีเจ้าที่ครองตลาดอย่าง Netflix, Viu และ Disney+ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มนำเสนอคอนเทนต์และกลยุทธ์ราคาที่แตกต่างกันเพื่อพยายามที่จะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด รวมถึงครองใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นตลาดของตัวเอง

เรามาดูความเหมือนและความต่างของทั้ง 3 แพลตฟอร์มนี้กันค่ะ

ส่องพลังเศรษฐกิจโลก ใครคือมหาอำนาจตัวจริง!!

(19 พ.ย. 67) GDP ที่อาศัยการดูข้อมูลจากความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity หรือ PPP) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจศักยภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงของแต่ละประเทศ โดยปรับตัวเลข GDP ให้คำนึงถึงค่าครองชีพและราคาสินค้าท้องถิ่น ช่วยให้เปรียบเทียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้อย่างสมจริงมากขึ้น ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจสะท้อนความเป็นจริงมากกว่าการใช้ GDP แบบ Nominal (มูลค่าตลาด)

โดย Purchasing Power Parity หรือ PPP เป็นทฤษฎีที่มีมาอย่างเนิ่นนานทางเศรษฐศาสตร์ โดยได้มีการเสนอมุมมองว่าราคาสินค้าของแต่ละประเทศควรจะต้องมีราคาเท่าเทียมกัน หลายคนเรียกกันเป็นภาษาไทยว่า ทฤษฎีความเสมอภาคของอำนาจซื้อ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น PPP จะแปลงค่าเงินของแต่ละประเทศให้อยู่ในหน่วยเดียวกัน โดยใช้ “ตะกร้าสินค้า” ที่คล้ายกันเพื่อเปรียบเทียบราคา เช่น หากกาแฟแก้วหนึ่งในสหรัฐฯ ราคา $3 และในอินเดียราคา ₹75 PPP จะเปรียบเทียบว่า ₹75 มีมูลค่าเทียบเท่ากับ $3 ในแง่กำลังซื้อ

แล้วทำไมเราต้องสนใจ GDP (PPP) ก็เพราะ GDP (PPP) ช่วยสะท้อนถึง “ความมั่งคั่งที่แท้จริง” โดยดูว่าประชาชนในแต่ละประเทศมีกำลังซื้ออย่างไร ตัวเลขนี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจในด้านการลงทุน การกำหนดนโยบาย และรวมถึงการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ

และจากข้อมูลที่อัปเดตล่าสุดในปี 2024 จาก Country Cassette และ CIA World Factbook แม้จะมีตัวเลขที่คำนวณออกมาต่างกัน แต่นั่นก็ช่วยทำให้เราเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนยิ่งขึ้นได้ค่ะ

โดย 10 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก (ข้อมูลจากทั้งสองแหล่ง) ประกอบไปด้วย จีน, สหรัฐ อเมริกา, อินเดีย, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, เยอรมนี, อินโดนีเซีย, บราซิล, สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส

ทั้งนี้ ยังมี 3 ประเด็นที่น่าสนใจจากทั้งสองแหล่งว่า

1.จีนและอินเดีย
•ทั้งสองแหล่งข้อมูลยืนยันว่า จีนยังคงเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 ด้วย GDP (PPP) ที่มากกว่า 30 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่อินเดียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยทั้งสองประเทศแสดงศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลกในอนาคต

2.สหรัฐอเมริกา
•ยังคงครองอันดับ 2 อย่างต่อเนื่อง แต่ GDP (PPP) ของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Country Cassette และ CIA World Factbook นั้นใกล้เคียงกัน โดยยังคงมีความสำคัญในฐานะผู้นำเศรษฐกิจโลกแบบดั้งเดิม

3.อินโดนีเซียและบราซิล
•อินโดนีเซียกำลังกลายเป็นเศรษฐกิจที่โดดเด่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบราซิลยังคงเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของลาตินอเมริกา ทั้งสองประเทศแสดงให้เห็นศักยภาพการเติบโตที่น่าสนใจ

และแม้ PPP เองจะสะท้อนภาพได้ดีกว่าก็จริง แต่ PPP เองก็มีข้อจำกัดเช่นเดียวกัน นั่นคือ

•สินค้าบางประเภทไม่ได้ถูกผลิตหรือบริโภคในทุกประเทศ ทำให้การคำนวณ PPP อาจไม่สะท้อนทุกมิติ

•การเก็บข้อมูลในบางประเทศ เช่น ประเทศที่มีเศรษฐกิจปิด อาจทำให้การเปรียบเทียบขาดความแม่นยำค่ะ

เปิด 10 อันดับ ประเทศที่มีความรักชาติมากที่สุด

รู้หรือไม่? ประเทศไหนที่มีความรักชาติมากที่สุด!! แล้วประเทศไทยอยู่อันดับที่เท่าไหร่

ประเทศไหนบนโลกที่มีผลิตภาพด้านแรงงานสูงสุด

จากข้อมูลขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศได้ออกบทความชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันยุโรปเป็นภูมิภาคที่ได้รับการยอมรับในด้านผลิตภาพแรงงาน (worker productivity) ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิตของแรงงาน โดยเฉพาะประเทศลักเซมเบิร์กที่ขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างชัดเจน ประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียงเล็กน้อยนี้ กลับสร้างรายได้เฉลี่ยต่อแรงงานที่สูงกว่าประเทศใหญ่ ๆ หลายเท่า โดย 10 ประเทศที่มีผลผลิตด้านแรงงานสูงสุดในโลกประกอบไปด้วย

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยุโรปและลักเซมเบิร์กมีผลิตภาพแรงงานสูงกว่าชาติอื่นๆคือ 
1. อุตสาหกรรมการเงินที่แข็งแกร่งและการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน: หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ลักเซมเบิร์กมีผลิตภาพแรงงานสูงกว่าประเทศอื่น ๆ คืออุตสาหกรรมการเงินที่มีการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ลักเซมเบิร์กเป็นที่ตั้งของบริษัทการเงินระดับโลกหลายแห่ง และได้กลายเป็นศูนย์กลางการเงินในยุโรปที่แข็งแกร่ง 

2. แรงงานข้ามแดนที่ช่วยเพิ่มมูลค่า GDP: ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์จากแรงงานข้ามแดนที่เดินทางมาทำงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เบลเยียม ฝรั่งเศส และเยอรมนี แรงงานเหล่านี้เข้ามาทำงานในลักเซมเบิร์กทุกวัน และมีส่วนช่วยในการสร้างมูลค่าให้แก่เศรษฐกิจได้

3. การสนับสนุนทางเทคโนโลยีและนโยบายภาครัฐ: ประเทศในยุโรปให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและการลงทุนในนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เทคโนโลยีช่วยลดภาระงานที่ใช้แรงงานคน ลดความผิดพลาด และเพิ่มความแม่นยำของการผลิต รวมถึงการสร้างโอกาสให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงานที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด 

4. การลงทุนในสุขภาพและสวัสดิการของแรงงาน: ยุโรปเองมีมาตรฐานสวัสดิการแรงงานที่ดี ครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพ สวัสดิการการลาเพื่อรักษาตัว และสวัสดิการทางครอบครัวที่เข้มแข็ง การมีสุขภาพที่ดีและได้รับการดูแลด้านสวัสดิการอย่างเพียงพอช่วยให้แรงงานมีสภาพจิตใจและร่างกายที่พร้อมในการทำงาน ส่งผลให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนการศึกษาและการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แรงงานมีความสามารถที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันค่ะ

รู้หรือไม่!! สื่อใดที่ครองตลาดมากที่สุดของปี 2024

(14 พ.ย. 67) ในปี 2024 การแย่งสัดส่วนการครองตลาดของพื้นที่สื่อของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ยังคงมีอยู่อย่างดุเดือด และยังคงเป็นยุคที่ผู้ชมต่างให้ความสนใจแพลตฟอร์มที่นำเสนอเนื้อหาที่สามารถปรับให้เป็นส่วนตัวและหลากหลายมากยิ่งขึ้น 

ตามข้อมูลจาก Brand Finance พบว่า Google ยังคงเป็นผู้นำของกลุ่ม ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่สูงถึง 333 พันล้านเหรียญ ซึ่งโตจากปี 2023 ที่อยู่ที่ระดับ 281 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการยืนยันสถานะของ Google ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมสื่อ ด้วยระบบการใช้งานของผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทั่วโลก

ตามมาด้วย TikTok แพลตปอร์มสัญชาติจีนซึ่งมีมูลค่าที่ 84.2 พันล้านดอลลาร์ ความนิยมและความสามารถในการสร้างความผูกพันกับผู้ใช้ทั่วโลกช่วยให้ TikTok เป็นแบรนด์สื่อที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับสอง แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเนื้อหาวิดีโอสั้น ส่วนอันดับสามยังคงเป็นของ Facebook ที่โตจากปี 2023 มาอยู่ที่ระดับ 76 พันล้านเหรียญ

ในขณะเดียวกัน Instagram ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์สื่อที่มีอันดับสูง และได้ก้าวเข้ามาอยู่อันดับที่ 4 จากปีที่แล้วที่อยู่ที่อันดับ 6 โดย Instagram มีการเติบโตของมูลค่าแบรนด์อย่างน่าทึ่งที่ 49% จนมีมูลค่าถึง 70 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการเติบโตนี้สะท้อนถึงบทบาทการพัฒนาของ Instagram ในฐานะผู้เล่นหลักในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการดึงดูดผู้ชมกลุ่มวัยรุ่นและการเน้นที่เนื้อหาภาพ

การเพิ่มขึ้นของมูลค่าแบรนด์ในกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงความหมายของคำว่า “สื่อ” ที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล แพลตฟอร์มเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น เช่น Google, TikTok และ Instagram ยังคงปรับโฉมอุตสาหกรรมสื่อด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแบ่งปันเนื้อหา ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสื่อในปัจจุบันได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวโน้มกว้างขึ้น เมื่อผู้บริโภคสื่อมองหาแพลตฟอร์มที่มอบการโต้ตอบ การปรับแต่งส่วนตัว และเนื้อหาที่หลากหลายค่ะ โดยทั้ง 10 อันดับของปี 2024 เป็นไปตามนี้ค่ะ 

Blackrock คือใคร และถือหุ้นอะไรบ้าง

BlackRock ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1988 โดยกลุ่มผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในแวดวงการเงิน 8 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Larry Fink ซึ่งปัจจุบันเขายังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท BlackRock และเขาได้มีบทบาทสำคัญในการทำให้บริษัทเติบโตจนกลายเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการหรือ AUM ณ ปี ค.ศ. 2024 มากกว่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก และมีการดำเนินงานทั่วโลกด้วยเครือข่ายสำนักงานกว่า 70 แห่งใน 30 ประเทศ

ในปี 1999 BlackRock ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ภายใต้สัญลักษณ์ “BLK” โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ The Vanguard Group ที่ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 9.08%  นอกจากนี้ Blackrock เองยังได้ไล่ซื้อกิจการของอีกหลายบริษัททั้ง SSRM Holdings, Inc. จาก MetLife ด้วยมูลค่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรูปของเงินสด และ 50 ล้านดอลลาร์ในรูปของหุ้น ควบรวมกับแผนกบริหารการลงทุนของ Merrill Lynch (MLIM) และอีกหลายต่อหลายดีลค่ะ

โดย Blackrock เองได้เข้าถือหุ้นหลายบริษัทชั้นนำทั้งในสหรัฐและนอกสหรัฐ และ 10 บริษัทแรกที่ BlackRock เข้าไปถือหุ้นเยอะสุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2024 จะประกอบไปด้วย
1. Microsoft Corporation โดยถือเป็นสัดส่วน 5.6%
2. Nvidia Corporation โดยถือเป็นสัดส่วน 5.2%
3. Apple Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 5.0%
4. Alphabet Inc. (Google) โดยถือเป็นสัดส่วน 3.2%
5. Amazon.com Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 2.9%
6. Meta Platforms, Inc. (Facebook)โดยถือเป็นสัดส่วน 1.8%
7. iShares (BlackRock's own ETF products) โดยถือเป็นสัดส่วน 1.5%
8. Eli Lilly and Co. โดยถือเป็นสัดส่วน 1.4%
9. Broadcom Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 1.2%
10. Berkshire Hathaway Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 1.2%

ด้วยกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการและการลงทุนในบริษัทชั้นนำ BlackRock ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผลตอบแทน แต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งการลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม จึงไม่แปลกเลยค่ะที่บริษัทนี้จะเติบโตขึ้นยิ่งใหญ่และมั่นคงค่ะ

ย้อนมอง GDP สหรัฐฯ ภายใต้ 10 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ใกล้ถึงกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าไปทุกขณะ ซึ่งในครั้งนี้เป็นการแข่งกันระหว่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จากรีพับลิกัน และ ‘กมลา แฮร์ริส’ จากเดโมแครต ใครจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะอีกไม่กี่วันคงได้รู้กัน แต่วันนี้ลองไปย้อนดูผลงานของอดีตผู้นำสหรัฐฯ 10 คน ก่อนหน้านี้ ว่าเศรษฐกิจแต่ช่วงของสหรัฐฯ นั้นเติบโตหรือถดถอยอย่างไรบ้าง

Condé Nast Traveller จัดอันดับ 10 ประเทศน่าเที่ยว ปี 2024

Condé Nast Traveller จัดอันดับ 10 ประเทศน่าเที่ยว ปี 2024 มีประเทศอะไรบ้าง ไปติตามกันเลย

เผยตัวเลข!! ชาวต่างชาติเยือนไทย ม.ค. - ก.ย. 2567

(27 ต.ค. 67)  เผยตัวเลข ! ชาวต่างชาติเยือนไทย ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2567 สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง 

จำนวนผู้โดยสารต่างชาติขาเข้ารวมด่านรายเดือน ประมาณ 31.3 ล้านคน
นักท่องเที่ยวชาวจีน  เดินทางเยือนประเทศไทยมากที่สุด อยู่ที่ 5.6 ล้านคน 
ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีนักท่องเที่ยวผ่านเข้ามามากที่สุด อยู่ที่ 13.9 ล้านคน
จังหวัดที่มีผู้มาเยี่ยมเยือนมากที่สุด โดยรวมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็คือ กรุงเทพมหานคร อยู่ที่ 38 ล้านคน

ประเทศที่ร่ำรวย ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ ที่สุดในโลก

(27 ต.ค. 67) สำนักข่าวและเว็บไซต์ยูเอสนิวส์ แอนด์ เวิลด์รีพอร์ต รายงานการจัดอันดับ ‘ประเทศที่ร่ำรวยมรดกทางวัฒนธรรมที่สุดในโลก’ ซึ่งมีทั้งหมด 89 ประเทศ และในจำนวนนี้ ประเทศไทยติดอยู่ใน 10 อันดับแรก โดยจัดเป็นลำดับที่ 8 อีกทั้งยังเป็นอันดับที่สูงที่สุดของกลุ่มประเทศเอเชีย

สำนักข่าวชี้แจงหลักเกณฑ์การประเมินในประเภทนี้ว่า จะคำนึงถึงวัฒนธรรมและประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆ มากกว่าความสามารถทางเศรษฐกิจหรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และพิจารณาโดยเฉลี่ยจากคุณลักษณะของประเทศทั้ง 5 ประการที่เกี่ยวข้องกับมรดกของประเทศนั้น ๆ ได้แก่ มีวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้, มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน, มีอาหารที่ยอดเยี่ยม, มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางภูมิศาสตร์เป็นจำนวนมาก

บางส่วนจากคำบรรยายถึงประเทศไทยในการจัดอันดับนี้ระบุว่า ประเทศไทย ซึ่งแปลว่า ‘ดินแดนแห่งอิสระ’ เป็นเพียงประเทศในภูมิเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศเดียวที่ ‘ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศจากทวีปยุโรป’ และบรรยายว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดในโลก ได้รับฉายาว่าเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม เป็นประเทศที่ผสมผสานระหว่างสถานที่เก่าแก่กับบ้านเมืองที่ทันสมัย พร้อมด้วยหาดทรายสวยงามและวัดวาอารามที่งดงาม รวมถึงมีชื่อเสียงด้านการนวดแผนไทยและอาหารที่มีรสชาติยอดเยี่ยม

ส่องอัตราการเติบโต GDP 2 ขั้วมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก

ส่องอัตราการเติบโต GDP ปี 2024 ของ 2 ขั้วมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก ‘G7 & BRICS’ เมื่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ กำลังหายใจรดต้นคอ ‘มหาอำนาจเดิม’

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี สถาบันปลูกป่า และระบบนิเวศ ปตท. ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี สถาบันปลูกป่า และระบบนิเวศ ปตท. รับประกาศเกียรติคุณ 'โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS)' จาก การจัดการของเสีย 2 กิจกรรม

1. การขยายผลองค์ความรู้การใช้ชุดอุปกรณ์ย่อยสลายขยะอินทรีย์แบบใช้อากาศ (Biodegradation Bin) นวัตกรรมที่คิดค้น และพัฒนาโดยศูนย์ฯ สิรินาถราชินี
2. การคัดแยกขยะรีไซเคิล ภายในร้านอาหารชิกเก้น แอนด์ บี (Chicken and Bee) ซึ่งเป็นร้านอาหารเครือข่ายชุมชนโดยรอบ

ผลลัพธ์
➢ ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้จำนวน 6.878 ตันคาร์บอนไดออกไซด์
(ช่วงการประเมินระหว่าง 1 ม.ค. 65 – 31 ก.ค. 66)

CLICK ON CLEAR
โครงการดังกล่าวจัดโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นการขยายผลองค์ความรู้ของศูนย์เรียนรู้ ปตท. ต่อยอดในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้จริง พร้อมร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม

ส่องราคาน้ำมันเฉลี่ยในประเทศอาเซียน ราคา ณ วันที่ 22 ต.ค.67

รายงานราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567 โดยราคาขายน้ำมันแต่ละประเทศ มีปัจจัยทางด้านราคา ดังนี้

1.แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน

2.ในหลายประเทศเพื่อนบ้านยังมีการอุดหนุนราคากันอยู่

3. ประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2567 อัตราแลกเปลี่ยน (อัตรากลาง) ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2567

*ประเทศไทย อ้างอิงราคาจาก ปตท. และ บางจาก และเป็นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95E10 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด

สามารถดูราคาย้อนหลังได้ที่ EPPO - Energy Data Visualization
หรือคลิกที่ https://public.tableau.com/.../EPPO.../SUMMARYOILPRICING

ยุคทอง TECH COMPANY ผ่านมา 10 ปี บริษัทเหล่านี้โตขึ้นเท่าไหร่?

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นยุคทองของบริษัท เทคโนโลยี อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในกลุ่ม Big Tech ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด 

บริษัทไหน เติบโตเท่าไหร่ ไปติดตามกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top