พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 : 4 เสียง มีคำสั่งให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากกรณีการเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
หลังนายเศรษฐา ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ 358 วัน หรือเกือบ 1 ปี ผลงานภายใต้การบริหารงานของ ‘นายกฯ นิด’ มีหลายนโยบายที่ผลักดันสำเร็จ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ถือว่าเป็นมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล ได้แก่…
1.นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการให้วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวทั้งจีน , คาซัคสถาน, อินเดีย, ไต้หวัน, และรัสเซีย
2.การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ วุฒิปริญญาตรี เงินเดือน 18,150 บ.โดยจะปรับขึ้นในอัตรา 10% เป็นระยะเวลา 2 ปี ในปีงบประมาณ 2567 - 2568 การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ทยอยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิเพิ่มขึ้น (ทุกคุณวุฒิ) ในอัตราร้อยละ 10 ภายใน 2 ปี
3.การขยายเวลาให้สถานบริการใน 5 จังหวัด/พื้นที่ ประกอบด้วย สถานบริการในท้องที่ กรุงเทพมหานคร, จ.ภูเก็ต, จ.ชลบุรี, จ.เชียงใหม่ และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงสถานบริการที่ตั้งที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมทั่วประเทศ ให้เปิดบริการได้ถึงเวลา 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้นได้
4.การประกาศแก้ปัญหาหนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยเดินหน้านโยบายพักหนี้เกษตรกรเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 และการเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
5.การปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย โดยเริ่มต้นจากรถไฟฟ้า 2 สาย คือ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (คลองบางไผ่-เตาปูน) และเตรียมขยายต่อในเส้นทางอื่น ๆ
6.เปิดการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ คือ ไทยและลาว ด้วยการโดยให้บริการรถไฟจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปยังสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ประเทศลาว
7.การลดภาระค่าครองชีพ ด้วยการปรับลดราคาค่าไฟฟ้า ปรับลดราคาน้ำมัน และตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม LPG เพื่อช่วยเหลือประชาชน
8.ปรับแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดินได้นานขึ้นจาก 50 ปีเป็น 99 ปี และการถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด เพิ่มสัดส่วนจาก 49% เป็น 75%
9.ขายข้าวเก่า 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าวล็อตสุดท้าย ปริมาณ 15,000 ตัน ถือเป็นการปิดฉากมหากาพย์โครงการรับจำนำข้าว โดยสามารถนำเงินส่งเข้าคลังได้กว่า 270 ล้านบาท
10.การเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร เป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา
11.แก้ไขกฎกระทรวง สธ.กำหนดให้ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด และ ยาไอซ์ 100 มก.โดยยึดหลักการผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยแก้ไขกฎกระทรวงใหม่จากครอบครองยาบ้า 5 เม็ด และยาไอซ์ 500 มก.
12.การผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แพ่งและพาณิชย์ หรือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านการพิจารณาของ สส.และ สว.ซึ่งจะทำให้มีผลในช่วงปลายปีนี้
13.ยกระดับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยปรับเป็น ‘30 บาทรักษาทุกที่’ ซึ่งเป็นการยกระดับบริการของ สปสช. ตามนโยบายรัฐบาล ไม่ต้องขอใบส่งตัวอีกแล้ว โดยประชาชนที่มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถเข้ารักษาในสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ทุกแห่ง
14.การช่วยเหลือแรงงานที่ทำงานในประเทศอิสราเอล ที่เผชิญวิกฤตสงครามสู้รบระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ กลับสู่ประเทศไทยได้เกือบ 15,000 คน และนำร่างแรงงานผู้เสียชีวิตกลับสู่มาตุภูมิได้สำเร็จ
ขณะที่ โครงการเรือธงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทั้ง ‘โครงการดิจิทัลวอลเล็ต’ วงเงิน 10,000 บ.ที่เริ่มต้นเปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ซึ่งแต่เดิมคาดหมายว่าจะเริ่มได้ช่วงปลายปีนี้หรือในช่วงปีหน้า หรือ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ และ ‘นโยบายซอฟต์พาวเวอร์’ จะมีอนาคตเป็นอย่างไร โดยนายเศรษฐาตอบคำถามสื่อมวลชน ว่าขึ้นอยู่กับ ‘นายกฯ คนใหม่’