Tuesday, 3 December 2024
INFO & TOON

‘ไทย’ ปิดจ๊อบ!! 7 บิ๊กเนม ‘มะกัน’ ปักธงลงทุน ‘Landbrigde’

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือแลนด์บริดจ์ (Landbridge) วงเงินลงทุนโครงการ 1 ล้านล้านบาท ไปนำเสนอในงานเอเปค ครั้งที่ 30 ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12-19 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจมากมาย และมี 7 บริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังของสหรัฐฯ ที่ตกลงร่วมลงทุนในโครงการนี้แล้ว 

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาให้แล้ว จะมีบริษัทไหนบ้าง มาดูกัน!!

Dog's Story EP.2

ผนง. แต่เจือกรวยกันหมด!!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต
 

เปิด 10 อันดับ ประเทศและภูมิภาคที่มีคนเรียน 'ภาษาญี่ปุ่น' มากที่สุด

‘ไทย’ ติด TOP 5 ประเทศที่มีคนเรียน ‘ภาษาญี่ปุ่น’ มากที่สุด!! 🇹🇭🇯🇵

ส่อง 5 จังหวัดนำร่อง!! เปิดสถานบริการถึงตี 4

เมื่อวันที่ (28 พ.ย. 66) คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยสาระสำคัญ คือ เป็นการกำหนดและแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง กำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการในเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้ตั้งสถานบริการ

ด้วยเหตุว่า ‘เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ’ และการท่องเที่ยวของประเทศที่เพิ่งผ่านสถานการณ์โควิด-19 จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการ ที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมาย และสถานบริการที่ตั้งอยู่ท้องที่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่และ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่อง ขยายเวลาเปิดสถานบริการ ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ส่วนพื้นที่อื่นที่มีความประสงค์จะขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 04.00 น. ให้เป็นไปตามประกาศของจังหวัด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กำหนด

States TOON EP.149

ผนง. แต่เจือกรวยกันหมด!!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต 

ส่องผลงาน ‘รมว.พิมพ์ภัทรา’ ก.อุตสาหกรรม ดึงทุนนอกปักหมุดฐานผลิตในไทย

ประเทศไทยยังเนื้อหอม!!

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘ภาคอุตสาหกรรมการผลิต’ ยังคงเป็นกำลังหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และภายใต้การบริหารงานเชิงรุกของ ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หลังรับตำแหน่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้เร่งดึงกลุ่มทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาปักหมุดตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อผลักดันไทยไปสู่เป้าหมายศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน

ขณะที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นภาพการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตของไทยชัดเจนมากขึ้น เมื่อกลุ่มทุนจากต่างประเทศ ต่างทุ่มเม็ดเงินก้อนโตปักหมุดลงทุนสร้างโรงงานในไทย เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต จำหน่ายและส่งออก หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นหลาย ๆ อย่าง ไล่เลียงตั้งแต่ มาตรการอุดหนุนให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนให้กลุ่มทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นฮับในการส่งออก โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมไปถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ที่สนับสนุนการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิต EV ในประเทศอย่างต่อเนื่อง

ระบบรางไทยร้อนแรง!! ลอยกระทงวันเดียว โกยผู้โดยสารทะลุ 1.9 ล้านคน

‘กรมรางเผย’ วันลอยกระทง 66 ผู้โดยสารทะลุ 1.9 ล้านคน-เที่ยว ยอดใช้บริการเพิ่มจากลอยกระทงปีก่อน 29.62 % เปิด 2 สายน้องใหม่ “เหลือง-ชมพู”เพิ่มโครงข่ายเดินทาง ส่วน MRT สีม่วง ทุบสถิติต่อเนื่อง เกิน 8.2 หมื่นคน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 73%

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งเป็นวันลอยกระทง พบว่ามีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,900,664 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 434,307 คน-เที่ยว หรือ 29.62% โดยลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย. 65) มีผู้ใช้บริการระบบรางภาพรวม จำนวน 1,466,357 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 808,736 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 877,451 คน-เที่ยว) 

สำหรับลอยกระทง ปี 2566 จำนวน 1,900,664 คน-เที่ยว แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 67,561 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (รวมรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง) จำนวน 1,833,103 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.รถไฟระหว่างเมือง รฟท. ให้บริการรวม 213 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 67,561 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 7,373 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 12.25% (ลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย.65) จำนวน 60,188 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 27,483 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 59,505 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น ผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 21,015 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 46,546 คน-เที่ยว

2.ระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้บริการรวม 3,248 เที่ยววิ่ง (รวมรถเสริม 36 เที่ยววิ่ง) มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 1,833,103 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 426,934 คน-เที่ยว หรือมากกว่า 30.36% (ลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย.65) จำนวน 1,406,169 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 781,253 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 817,946 คน-เที่ยว) โดยผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าได้เพิ่มความถี่ในชั่วโมงเร่งด่วน และเพิ่มขบวนรถเสริม ประกอบด้วย

>>รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 221 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 6 เที่ยววิ่ง) จำนวน 74,005 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 8,651 คนเที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 13.24% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 65,354 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 294 เที่ยววิ่ง จำนวน 33,819 เที่ยว-วิ่ง (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 225 คน-เที่ยว) มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 14,284 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 73.12% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 19,535 คน-เที่ยว) สีม่วง ทุบสถิติต่อเนื่อง ผู้โดยสารพุ่ง 8.2 หมื่นคน-เที่ยว

>>รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ให้บริการ 319 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 3 เที่ยววิ่ง) จำนวน 82,358 คน-เที่ยว (นิวไฮ) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ covid-19 มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 34,991 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 73.87% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 47,367 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) ให้บริการ 487 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 27 เที่ยววิ่ง) จำนวน 510,288 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 131,538 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 34.73 % (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 378,750 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทและสายสีลม (สีเขียว) ให้บริการรวม 1,264 เที่ยววิ่ง จำนวน 981,658 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 102,897 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 11.71% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 878,761 คน-เที่ยว)

>>รถไฟฟ้าสายสีทอง ให้บริการ 219 เที่ยววิ่ง จำนวน 17,182 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 780 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้น 4.76% (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 16,402 คน-เที่ยว)

โดยวันลอยกระทงปีนี้มีรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่มมา 2 เส้นทาง รวม 444 เที่ยววิ่ง จำนวน 133,793 คน-เที่ยว คือ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ให้บริการ 276 เที่ยววิ่ง จำนวน 40,198 คน-เที่ยว (ลอยกระทงปี 65 ยังไม่เปิดให้บริการ) และ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ให้บริการ 168 เที่ยววิ่ง จำนวน 93,595 คน-เที่ยว (ลอยกระทงปี 65 ยังไม่เปิดให้บริการ) 

นายพิเชฐ กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ขร. ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะไปลอยกระทงในช่วงเย็นถึงค่ำ โดยได้เน้นย้ำผู้ให้บริการระบบรางบริหารจัดการผู้โดยสารบนสถานีรถไฟฟ้า (Crowd Control) และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเส้นทางการเข้าสู่สถานี รวมทั้งเพิ่มความถี่ จัดขบวนรถเสริม และจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกและเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการระบบรางด้วยแล้ว โดยพบว่า เมื่อวานไม่มีเหตุอันตรายต่อผู้ใช้บริการระบบรางแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้น พบว่า มีผู้ใช้บริการระบบรางภาพรวมและรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสูงสุด (นิวไฮ) ตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 82,358 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 73.87% ส่วนรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 33,819 เที่ยว-วิ่ง (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 225 คน-เที่ยว) เพิ่มขึ้น 73.12% เมื่อเทียบกับวันลอยกระทงปี 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้มีเส้นทางรถไฟฟ้าให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้การเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้ามีการเชื่อมต่อที่สะดวกขึ้น (interchange) และมีราคาจูงใจด้วยค่าโดยสารสายสีม่วงและสายสีแดง ราคาสูงสุด 20 บาท

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรถไฟฟ้าชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดง) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้รับสิทธิชำระค่าโดยสารร่วมสองสายจ่ายสูงสุดไม่เกิน 20 บาทเท่านั้น เมื่อใช้บัตรโดยสาร EMV Contactless ใบเดียวกัน และเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที

Dog's Story EP.1

แก้เยอะเกิน เริ่มงงก๊าบ ... ปิ๊โธ่!!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต
 

เปิดแนวทางแก้หนี้ครัวเรือนไทย ‘ระยะยาว’ ก่อน ‘นายกฯ เศรษฐา’ คิกออฟแผนแก้หนี้ครั้งใหญ่!!

‘หนี้ครัวเรือน’ ปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ที่ถูกพยายามแก้มาแล้วหลายครั้งในหลาย ๆ รัฐบาล ปัจจุบันนี้ ถึงคิวของ ‘รัฐบาลเศรษฐา’ ที่จะเข้ามาจัดการปัญหานี้ให้หมดไป แต่ก่อนที่ท่านนายกฯ จะประกาศแผนแก้หนี้ ‘ฉบับเศรษฐา’ ลองมาดูแผนแก้หนี้ที่ทาง THE STATES TIMES สรุปย่อยมาให้ไปพลาง ๆ ก่อน พร้อมแล้ว ไปดูเล้ยย…

วัดใจ 'นายกฯ นิด' หากคิดปิดเกม 'หนี้นอกระบบ'

‘หนี้สิน’ ไม่ว่าจะนอกระบบหรือในระบบ ก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานและ ‘ยาก’ ที่จะขจัดให้หมดไป แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ ‘นายกฯ เศรษฐา’ มีแผนแก้หนี้ให้คนไทย อย่างยั่งยืนถาวร

แต่ว่า…วิธีการที่จะนำมาใช้แก้ปัญหา จะเป็น ‘ยาแรง’ หรือ ‘ไม้นวม’ ก็ต้องตามดูกันอีกที เพราะแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน

ย้อนอดีต 10 ปี ผลงานนางงามไทยบนเวที ‘Miss Universe’

ควันหลงนางงาม!! 

แม้ว่า ‘แอนโทเนีย’ จะไม่ได้สวมมงกุฎนางงามจักรวาล แต่แอนโทเนียก็สามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงที่สุดของไทยในรอบ 35 ปี ถือว่าได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศอย่างมากล้น

วันนี้ THE STATES TIMES จะพาย้อนอดีต 10 ปีชื่นชมผลงานนางงามไทยในเวที Miss Universe ว่าสาวไทยคนใดเป็นตัวแทนในปีไหน พร้อมแล้วก็มาดูกัน!!

States TOON EP.148

คนช่างแก้!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต 

เปิด 10 อันดับ ประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานดีที่สุดในทวีปเอเชีย

🔎ชวนส่อง 10 อันดับ!! ประเทศที่มี ‘โครงสร้างพื้นฐานดีที่สุด’ ในทวีปเอเชีย ซึ่ง ‘ไทย’ อยู่อันดับที่ 9 และ 25 ของโลก

‘นายกฯ เศรษฐา’ ร่วมเวที APEC 2023 ดึง 15 บริษัทยักษ์ใหญ่ ‘ลงทุนในไทย’

เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคเพื่อไทย’ โพสต์ข้อความระบุว่า… นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) ระหว่างวันที่ 12-17 พฤศจิกายน 2566 ได้เดินสายเชิญชวนและดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกากว่า 15 บริษัท เพื่อมาลงทุนยกระดับเศรษฐกิจไทยและส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ไปพร้อมกัน

บริษัทต่าง ๆ แสดงความสนใจในการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีได้เผยผลสำเร็จการเจรจาดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เกิดขึ้นแล้ว 3 บริษัทคือ Google, Microsoft และ AWS (Amazon Web Services) รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท รวมถึง Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) ยักษ์ใหญ่ของโลกได้ยืนยันจะขยายการผลิตชิ้นส่วนในไทยแล้ว

15 บริษัทที่นายกรัฐมนตรีได้พบหารือ ได้แก่

1. Tesla ได้พานายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบริษัท ณ เมืองเฟรมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด นายกรัฐมนตรีหวังว่าความร่วมมือในวันนี้จะตอกย้ำถึงความเป็นศูนย์กลาง EV และพลังงานทดแทนของไทยในอนาคต พร้อมเชิญชวน Tesla ลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยมากยิ่งขึ้น

2. HP - โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนบริษัทขยายการลงทุนเพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิต และตั้งสำนักงานภูมิภาค ซึ่งไทยมีความพร้อมในด้านระบบสาธารณูปโภคและมีมาตรการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ

3. Analog Devices, Inc. (ADI) เป็นบริษัทผลิตวงจรรวม (Integrated Circuit: IC) รายใหญ่ระดับโลก โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ ADI ขยายการลงทุนในไทย ซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาดพร้อมการอำนวยความสะดวกแก่บริษัท อีกทั้งสถาบันการศึกษาในไทยพร้อมที่จะทำงานกับบริษัทเพื่อพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะกับทักษะความสามารถที่เกี่ยวกับการออกแบบวงจรที่ ADI ต้องการ

4. Google ได้พิจารณาจัดตั้ง Data Center ที่ไทยเป็นประเทศที่ 11 จากทั่วโลกแล้ว และได้มีการลงนามใน MOU ระหว่าง Google และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล

5. Microsoft ศึกษาแผนการลงทุน Data Center กับไทยและได้มีการลงนามใน MOU ระหว่าง Microsoft และรัฐบาลเพื่อร่วมกันปรับปรุงการให้บริการสาธารณะของรัฐด้วยเทคโนโลยีและการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของไทย

6. Amazon Web Services กำลังจะลงทุนเทคโนโลยีเกี่ยวกับคลาวด์ ผ่านการตั้ง Data Center ที่ไทยหรือ AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในไทย ด้วยงบประมาณกว่า 1.9 แสนล้านบาท (US$5 พันล้านบาท)

7. Walmart บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก มองไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบที่มีศักยภาพ โดยคาดว่าจะเดินทางมาเพื่อหาวัตถุดิบใหม่ต่อไป นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนพิจารณาตั้งศูนย์กระจายสินค้าในไทย

8. Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งมีฐานการผลิตหลักที่ไทย จะย้ายฐานการผลิตชิ้นส่วนสำคัญเพิ่มเติมที่ไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นที่จะขยายการลงทุนในไทยและพิจารณาที่จะย้าย Headquarter มาตั้งที่ไทย

9. Open AI เจ้าของ ChatGPT ได้พานายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบริษัท พร้อมโน้มน้าวให้เข้ามาตั้งศูนย์วิจัยในไทย โดยมองว่าทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมคือจังหวัดเชียงใหม่หรือภูเก็ต

10. Apple ได้ชื่นชมโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่พร้อมในการขยายการผลิตสินค้าและเปิดเผยว่ากำลังพยายามจะลดการปล่อยคาร์บอนลงให้ได้ในปี 2030 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าไทยมีไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและเชิญชวนให้เดินหน้าขยายฐานการผลิตในไทย ทั้งสองฝ่ายยังได้พิจารณาศูนย์พัฒนาบุคลากรในไทยสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันร่วมกันที่จะเดินหน้าโดยเร็ว

11. TikTok พบนายกรัฐมนตรี พร้อมหารือเกี่ยวกับการโปรโมตบริการของไทยและส่งเสริมการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของไทย โดยเฉพาะในจังหวัดเมืองรองของทุกภูมิภาคของไทยที่มีสินค้าท้องถิ่น (OTOP) ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด นายกรัฐมนตรีเชิญชวน TikTok สร้างศูนย์ฝึกอบรมในไทยและเสนอสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อจูงใจด้วย

12. Booking.com เจ้าของแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของโลก อาทิ booking.com และ Agoda ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในไทย พร้อมร่วมมือกับไทยอย่างเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองและนโยบายส่งเสริมให้ไทยเป็น World Festival Destination ที่สามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

13. Citi บริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ชื่นชมนโยบาย EV และแบตเตอรี่ของรัฐบาลและพร้อมร่วมกับไทยจัด Roadshow โครงการ Landbridge เพื่อชักชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการ อีกทั้งยังจะสนับสนุนการออกตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability-linked bond)

14. Meta ยินดีร่วมมือกับรัฐบาลในการดูแลเนื้อหามิจฉาชีพ (scam) ต่าง ๆ พร้อมร่วมมือกับภาครัฐในการสนับสนุน ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

15. Nvidia ต้อนรับและพานายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ นายกรัฐมนตรีมองว่าเทคโนโลยี AI ของบริษัทนั้นทรงพลัง โดยหวังว่าจะสามารถร่วมมือกับบริษัทในการประยุกต์เทคโนโลยี AI ในการให้บริการภาครัฐสำหรับประชาชน

กรุงเทพฯ ติดโผ!! 10 อันดับเมืองท่องเที่ยวถูกค้นหา ‘มากที่สุดในโลก’ ปี 2023

จากผลการสำรวจและจัดอันดับ 10 เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางมีผู้คนค้นหามากที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (Top 10 Most Searched Destinations Of 2023) จัดทำโดย eDreams Odigeo บริษัทด้านการเดินทางรายใหญ่ของโลก พบว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองหลวงของประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 4 รองจาก ลอนดอน ปารีส และนิวยอร์ก

ทางเว็บไซต์ Traveloffpath (https://www.traveloffpath.com/these-are-the-top-10-most-searched-destinations-of-the-year-according-to-new-report/) ระบุว่า กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ยังคงตอกย้ำการเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่สุดในทวีปเอเชีย โดดเด่นด้วยการผสมผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวระหว่าง วัดโบราณ ตลาดที่คึกคัก รวมไปถึงทิวทัศน์อันเงียบสงบ สามารถมอบประสบการณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวเสมือนการชมภาพยนตร์ ซึ่งยากจะเลียนแบบได้ในช่วงพักร้อนของเมืองในยุโรปและสหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังมีสถานที่มหัศจรรย์ทางประวัติศาสตร์อย่าง พระบรมมหาราชวัง และวัดอรุณราชวราราม ซึ่งล้วนได้รับการเติมเต็มอย่างสวยงามด้วยวิถีชีวิตความเป็นเมืองบนท้องถนน พร้อมด้วยตลาดน้ำ และถนนข้าวสารที่มีชีวิตชีวา

ผลการจัดอันดับนี้เป็นการย้ำถึงศักยภาพของไทย ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top