Tuesday, 30 May 2023
ELECTION TIME

'อริย์ธัช' ชูจุดแข็ง 'ชาติไทยพัฒนา' พรรคเพื่อคนทุกวัย วอนคนไทยกาสีชมพู 'สร้างสรรค์-ไม่โจมตี-ไม่ขัดแย้ง'

(10 พ.ค.66) นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตประเวศ สะพานสูง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจัดปราศรัยที่ใจกลางเมือง กรุงเทพมหานคร สามย่านมิตรทาวน์ หลายคนมองว่าพรรคของเราเป็นพรรคท้องถิ่น มีโอกาสยาก แต่มันเกิดขึ้นแล้วที่เวทีสามย่านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะภายใต้การนำของพี่ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค คือการ “เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีทำ ให้คนเก่งนำประเทศไปสู่อนาคต” พรรคของเราคือพรรคที่รวมคนหลายรุ่นรวมคนที่มีวิธีคิด แบบคนรุ่นใหม่ มีความสามารถมาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ

เราจึงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าเราพร้อมแล้วสำหรับการบริหารประเทศ รวมถึงเป็นปากเป็นเสียงให้กับชาวกรุงเทพฯ กราบขอบพระคุณทุกท่านทุกเสียงที่มาให้สนับสนุนและให้กำลังใจพวกเราในวันนั้นอย่างล้นหลามมากกว่า 3.000 คน หากได้รับโอกาส เราจะไม่ทำให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯผิดหวังอย่างแน่นอน “เราชาติไทยพัฒนาคือพรรคของบ้านและเมือง” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ท่านกัญจนา ศิลปอาชา ได้กล่าวบนเวที

นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า พวกเราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์เป็นรูปธรรมโดยไม่โจมตีใครเลย ไม่สร้างความขัดแย้งวุ่นวาย เรารวมพลังของคนทุกรุ่นทุก Gen ที่มีวิธีคิด มาผสานกำลังทวีคูณกัน วัยรุ่นมีพลังแห่งความสร้างสรรค์ วัยทำงานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น วัยเกษียณเต็มไปด้วยประสบการณ์ นี่คือจุดแข็งของสีชมพูเรา

"ผมขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนชุมชนคนกรุงเทพฯ เป็นปากเป็นเสียง เป็นมือ ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการเป็นผู้แทนราษฏรไปทำงานเพื่อให้ประเทศชาติไทยของเราพัฒนา วัฒนธรรมการทำงานสีชมพูของเราพร้อมเปิดโอกาสให้คนทุกรุ่น ไม่ใช่คนรุ่นใหม่เข้ามาต้องกดทับเขาไว้ อย่างคอยชงกาแฟถ่ายเอกสารรอไต่เต้า ไม่มีแน่นอน นั่นไม่ใช่วัฒนธรรมของพรรคเรา เราจะดูตามศักยภาพ พร้อมการเปิดโอกาส ทุกๆคนทุกๆท่านเท่ากันในการทำงานแบบทีมชาติไทยพัฒนา นี่คือหลักคิดในการเปลี่ยนแปลงประเทศของเราที่อยากให้ทุกคนมาเป็นทีมสีชมพูที่เดินมุ่งสู่เป้าหมายด้วยกัน เราจะทำให้พี่น้องชุมชนกรุงเทพชมพูสดใส เหมือนพี่น้องชุมชนสีชมพูชาวสุพรรณบุรี พวกเราการันตี"

‘กทม.’ ชิงชี้แจง!! จนท.ทยอยส่งบัตรเลือกตั้ง 10-12 พ.ค.นี้ พร้อมเพิ่มฟังก์ชัน ‘คำชี้แจงเหตุการณ์’ บนเว็บ ป้องกันเข้าใจผิด

(10 พ.ค.66) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 10-12 พฤษภาคมนี้ ทางศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง โดยสำนักปกครองและทะเบียน กรุงเทพมหานคร ได้ชี้แจงว่า จะมีการนำส่งบัตรเลือกตั้งที่จะใช้ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ และบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตและนอกราชอาณาจักรแก่เขตเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะเป็นผู้ตรวจรับและนำหีบเข้าห้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งซึ่งอาจทำให้มีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นการทุจริตได้

โฆษกกรุงเทพมหานครกล่าวต่อว่า เพื่อความเข้าใจของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อการจัดเก็บบัตร จึงได้ดำเนินการเพิ่มฟังก์ชัน “คำชี้แจงเหตุการณ์” บนเว็บไซต์ซึ่งจะระบุข้อมูลชี้แจงความเคลื่อนไหวแต่ละเขต ต่อการเคลื่อนไหวผ่านห้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปติดตาม การถ่ายทอดสดห้องเก็บรักษาบัตรผ่านกล้อง CCTV ที่ กทม. ได้ติดตั้งไว้ทุกห้องเก็บรักษาบัตรเพื่อความโปร่งใสในการเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งต่อไป ได้ทาง

https://general-election.bangkokcc.com/

โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ปราศรัยใหญ่ 12 พ.ค.นี้

โค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ หลายพรรคปักธงสนาม ‘กรุงเทพฯ’ เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ เวทีสุดท้าย THE STATES TIMES รวบรวมมาให้แล้วว่าพรรคไหน จัดที่ไหนกันบ้าง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
 

ดร.หิมาลัย ลั่น!! อุดมการณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ‘ปกป้องสถาบัน รับใช้ชาติ และประชาชน’

ไม่นามานี้ ‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวว่า วันนี้ ผมในฐานะผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับมอบหมายให้มารับฟังข้อเรียกร้องของพวกท่าน เพื่อนำไปเรียนผู้ใหญ่ของพรรค ว่าพรรคมีข้อผิดพลาดอย่างไรในการดำเนินงานตามอุดมการณ์ของพรรค มีนโยบายเรื่องใดที่จะต้องนำไปแก้ไข

พรรคนี้เป็นพรรคเพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง เราไม่ได้มีทุนทรัพย์มาก เงินบริจาคที่ได้มา จึงต้องใช้ในการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคอย่างประหยัดและระมัดระวัง เราไม่สนับสนุนการซื้อสิทธิขายเสียง เราต้องการทำการเมืองอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม กระทำการหาเสียงด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ตามกติกาของ กกต. และรัฐธรรมนูญ ซึ่งการดำเนินงานตามนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่อย่างใด

พรรคการเมืองเป็นที่รวบรวมคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน ไม่ใช้สถาบันทางการเงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนให้ผู้สมัคร ผู้ที่เสนอตัวเพื่อมารับใช้แบ่งเบาภาระของพ่อแม่พี่น้อง จึงควรเป็นผู้ที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด ส่วนเรื่องปประมาณ ท่านก็ควรจะทราบว่าท่านมีงบฯ อยู่เท่าไร ซึ่งต้องเป็นไปตามกฎกติกาของ กกต. ก็ควรจะบริหารให้อยู่ในกรอบที่ตัวเองรับได้ และไม่เดือดร้อน

พรรค รทสช.บริหารตามอุดมการณ์ทางการเมือง ด้วยความศรัทธาจากประชาชนและผู้สนับสนุน พรรคไม่มีกิจกรรมอื่นใดที่จะไปเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มทุนต่าง ๆ ได้ ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ สามารถบริหารประเทศรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนโดย ปราศจากการแทรกแซงจากกลุ่มอิทธิพลใด ๆ ก่อนที่ท่านจะเสนอตัวเข้ามาสมัครจึงควรจะศึกษาแนวทางและอุดมการณ์ของพรรคให้ดีเสียก่อน ผู้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคนี้ เป็นผู้มีชื่อเสียงเรื่องความชื่อสัตย์สุจริต อะไรที่ผิด ๆ ทางผู้ใหญ่ของพรรคไม่ทำแน่นอน ดังนี้นเราจึงไม่ได้มีเงินมากมายอย่างที่พวกท่านคิด

ต้องขอโทษผู้สมัครทุกท่านที่มาในวันนี้ด้วย ที่การคาดหวังของท่านในบางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกกติกาของ กกต. ทางพรรคไม่สามารถสนองตอบได้ รวมไทยสร้างชาติ ต้องการทำการเมืองที่ โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อมุ่งสู่อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค ตามอุดมคติที่ว่า "รวมไทยสร้างชาติ ปกป้องสถาบัน รับใช้ชาติและประชาชน"

‘พิธา’ ลั่น!! มีทั้ง ‘หลักฐาน-หลักการกฎหมาย’ พร้อมชี้แจงปมถือหุ้น ‘ไอทีวี’ รอฟังคำร้องจาก กกต.ก่อน ซัดแหลกเกมการเมืองเลือกตั้งโค้งสุดท้าย เย้ย!! เขาทำอะไรเราไม่ได้

(10 พ.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีถูกยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบปมข้อกล่าวหาถือหุ้นสื่อ ITV ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า รอให้คำร้องมาแล้วเดี๋ยวชี้แจงได้ มีทั้งหลักฐาน และหลักการทางกฎหมาย และทีมกฎหมาย เตรียมพร้อม เพราะฉะนั้นไม่กังวลในเรื่องนี้ ขอให้ประชาชนเข้าสู่การเลือกตั้งด้วยความหวัง

“ไม่มีอะไรต้องกังวลเหมือนอย่างที่ชี้แจงไปแล้ว หลักฐานและหลักการเกี่ยวกับกฎหมายรัดกุม ตอนนี้ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เราได้แจ้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่า เป็นเกมเตะตัดขาทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มันเกิดขึ้นช่วงโค้งสุดท้าย 3-4 วันก่อนเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าทำอะไรเราไม่ได้ ประชาชนยังมีความหวัง เพื่อเข้าสู่คูหากันอย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ ส่วนเรื่องไปถึงขั้นที่มีการร้องป.ป.ช.เรื่องการซุกหุ้น ปกปิดบัญชีทรัพย์สินนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูคำร้องก่อน 

‘ดร.สฤษดิ์’ บุกเยาวราช ชูนโยบายท่องเที่ยว ‘แก้เศรษฐกิจ-ปากท้อง’ ดันกรุงเทพฯ ให้เป็นแหล่งดึง นทท. ชี้ เป็นช่องทางหาเงินเข้าประเทศเร็วสุด

(10 พ.ค. 66) ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง หรือ ดร.ลั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 หมายเลข 11 กล่าวในระหว่างลงพื้นที่หาเสียงย่านเยาวราชว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เสียงสะท้อนที่ได้รับฟังส่วนใหญ่ที่ต้องการให้ทางพรรค ผลักดันเร่งด่วนยังคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนโดยเร็วเช่นกัน

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายของพปชร.นั้น จะมีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งอาเซียน เพื่อเร่งนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นช่องทางที่เร็วที่สุดในการหารายเข้าประเทศ เพราะการท่องเที่ยวนั้น ไม่ต้องรอการก่อสร้าง รอเพียงแต่นักท่องเที่ยวมาในประเทศ ก็ได้เงินเข้าประเทศทันที ซึ่งกรุงเทพฯเป็นหมุดหมาย และเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน มีย่านการค้าและการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นย่านของกินชื่อดังอย่างเยาวราช ย่านศิลปวัฒนธรรมอย่างพระบรมมหาราชวัง และย่านถนนข้าวสาร ซึ่งสามารถพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงต่อยอดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ได้เช่นกัน

พร้อมกันนี้ ดร.สฤษดิ์ ยังได้นำเสนอ นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน หาก พปชร.ได้เป็นรัฐบาล จะผลักดันทันที เช่น ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท, ลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 6.30 บาท และเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คือ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อเดือน, อายุ 70 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 4,000 บาทต่อเดือน อายุ 80 ปีขึ้นไป, เพิ่มเป็น 5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

สำหรับบรรยากาศในการลงพื้นที่เยาวราช ของดร.สฤษดิ์ในครั้งนี้ ยังคงมีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า และแฟนคลับ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับส่งเสียงเชียร์เหมือนเช่นเคย

‘เศรษฐา’ ลั่น ประเทศไทยไม่มีเวลาลองของใหม่ กร้าว!! พท.ต้องชนะขาด เพื่อขับเคลื่อนประเทศ

(10 พ.ค.66) ที่โรงแรม Wintree City Resort อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค, นายปานปรีย์ พหทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ อาทิ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้สมัครส.ส.เขต 5 พบปะผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ มีภาคธุรกิจเข้าร่วม อาทิ สภาหอการค้าเชียงใหม่

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ พท.มาเต็มทีม เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่า พท.มีความพร้อมในทุกด้าน โดย 8 ปีที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาต่างๆ มากมาย ประเทศจึงต้องการเปลี่ยนแปลง และในอดีตตั้งแต่สมัยไทยรักไทย, พลังประชาชน, ประชาชนเชื่อว่าเราคิดใหญ่ทำเป็น ผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เพื่อไทยพร้อมรับใช้ประชาชนทุกกลุ่ม การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ ที่เราบอบช้ำมาเยอะ การเติบโตสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ จำเป็นต้องใช้มืออาชีพมาเปลี่ยน เราไม่มีเวลามาลองของใหม่อีกแล้ว ต้องการทีมงานที่มีคุณภาพ ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนประเทศต้องใช้กระทรวงต่างๆ ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ถ้าเพื่อไทยชนะไม่ขาด การเข้าไปบริหารจัดการจะลำบาก และเรามั่นใจว่าเพื่อไทยพร้อมที่สุด 

จากนั้น นายเศรษฐาและคณะเดินทางต่อไปยังสหกรณ์นครลานนาเดินรถ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับผู้ประกอบการรถแดงถึงปัญหาการคมนาคมขนส่งใน จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า มั่นใจในพื้นที่นี้แค่ไหน นายเศรษฐา ตอบว่า “บ้านของเราตรงนี้ เราจะยกทั้งจังหวัด”

เมื่อถามต่อว่าพื้นที่เมืองพรรคก้าวไกลพยายามจะตี นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคก้าวไกล มีหลายพรรค วันนี้เราจึงมาให้ความสำคัญด้วยการยกทีมใหญ่มา” 

เมื่อถามว่ากังวลถึงกระแสของพรรคก้าวไกลที่มาแรงช่วงนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ครับ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่” 

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทวีตขอความจะกลับประเทศไทยในเดือน ก.ค. โดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า “ท่านเป็นคุณพ่อ คุณตา และเป็นคุณปู่ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะท่านพูดมาว่า 17 ปีไม่ได้กลับบ้าน และอายุท่านก็มาก ท่านเองก็อยากที่จะกลับมา แต่ท่านก็พูดชัดเจนคือการกลับเข้ามาตามกระบวนการยุติธรรม และไม่เกี่ยวกับพรรคพท. เหนือสิ่งอื่นใดการที่ท่านประกาศจะกลับช่วงเดือน ก.ค.ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพรรคพท. ส่วนจะส่งผลเป็นแรงบวกหรือแรงลบประชาชนต้องตัดสินเอง ผมพูดในฐานะแคนดิเดตนายกฯ และคนเป็นพ่อว่าเห็นใจท่าน” 

เมื่อถามว่าจากเนื้อหาการทวีตประเมินหรือไม่จะเป็นผลบวกหรือผลลบต่อการเลือกตั้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ยังไม่ได้มีการประเมิน” และเมื่อถามย้ำว่ามีคนออกมาตั้งขอสังเกตว่าเป็นการเรียกคะแนนให้พรรคพท.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่มีคอมเมนต์ตรงนี้”

‘สุวัจน์’ นำทีมผู้สมัคร ‘ชพก.’ ขึ้นรถแห่ปราศรัยรอบเมืองโคราช ย้ำนโยบายพัฒนาอีสานสู่ระเบียง ศก.ใหม่ มั่นใจ!! ตอบโจทย์ ปชช.

ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย!! ‘สุวัจน์’ นำผู้สมัครพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นรถแห่ปราศรัยรอบเมืองนครราชสีมา มั่นใจ!! นโยบายตอบโจทย์แก้ปัญหาประชาชนได้จริง ย้ำ หนุนพรรค ส.ส.อันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล

(10 พ.ค. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย นำ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 หมายเลข 5 นครราชสีมา, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 6 เขต 2 และผู้สมัครฯ ในเขตอื่นๆ ของพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นรถแห่ปราศรัยรอบเมืองช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ซึ่งได้รับการต้อนรับจากประชาชน พ่อค้าแม่ค้า สองฝั่งถนน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เขต 1 และ เขต 3 อย่างดี

ส่วนการปราศรัยบนรถแห่ นายสุวัจน์ ยังคงนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาต่างๆ ทุกด้านของพรรคชาติพัฒนากล้า ให้กับประชาชนได้ตัดสินใจ และมีความมั่นใจว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้เข้าไปทำงานในสภาฯ เพื่อทำตามที่ได้สัญญาเอาไว้ แต่จะได้กี่ที่นั่งนั้นมีอยู่ในใจแล้ว แต่ต้องรอดูวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้อีกที

ซึ่งช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ยังคงใช้วิธีเดินหาเสียงสลับขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียง รวมถึงจัดปราศรัยย่อยจนถึงเวลาสิ้นสุดหาเสียงตามที่กฎหมายกำหนด

โดยเน้นชูนโยบายพัฒนาโคราช-อีสานระเบียงเศรษฐกิจใหม่, สร้างงานดี มีเงิน ของไม่แพง, โคราชเมืองคมนาคมที่ทันสมัย, น้ำไม่ท่วม ไม่แล้ง น้ำประปาเพียงพอ, มอเตอร์เวย์ทั่วไทยทุกทิศ, การเพิ่มนักท่องเที่ยว 80 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท, ปรับโครงสร้างพลังงาน, ลดค่ากลั่นน้ำมัน ลงลิตรละ 5 บาท เพื่อให้ค่าครองชีพของประชาชนลดลง เป็นต้น

ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้ามีความมั่นใจว่า การนำเสนอนโยบายของพรรคฯ สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาของประชาชนได้จริง

ส่วนเรื่องกระแสนิยมของบางพรรค เช่น พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ที่กระแสพุ่งสูงขึ้นทุกวัน ตรงนี้เชื่อว่า ทุกพรรคต่างทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งจุดยืนของพรรคชาติพัฒนากล้า เคารพเสียงข้างมาก ยังคงสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียง ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง ได้จัดตั้งรัฐบาล ให้เป็นไปตามกติกา

เพราะต้องการสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ดีให้กับประเทศไทย ทำให้เป็นการเมืองที่พี่น้องประชาชนสบายใจ การเมืองไม่ขัดแย้ง และให้เกียรติพรรคที่มีเสียงมาเป็นอันดับ 1 เมื่อได้เสียงเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นอันดับ 1 ก็ควรได้จัดตั้งรัฐบาล วอนทุกฝ่ายให้ยอมรับกติกาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นฉันทามติของประชาชน

ผ่าเกม 'ทักษิณ' ทวีตรัวๆ "ขออนุญาตกลับบ้าน" 'ตรึงคะแนนเพื่อไทย- ฝันหวานนอนเซฟเฮาส์'

อันที่จริงเรื่องการ 'ขออนุญาตกลับบ้าน' ของโทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร 'เล็ก เลียบด่วน' ได้ปุจฉาวิสัชนาไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา อันเนื่องจากนายทักษิณได้ทวิตเตอร์ต้อนรับหลานคนที่ 7 ที่อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ให้กำเนิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 66

ทว่า จู่ ๆ วันอังคารที่ 9 พ.ค. 66 ทักษิณ ก็ทวิตเตอร์รัว ๆ สองครั้ง ประกาศเปรี้ยงอีกว่าจะกลับบ้านก่อนวันเกิดคือ วันที่ 26 ก.ค. 66 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งห้วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลารัฐบาลรักษาการของพล.อ.ประยุทธ์

ข้อความที่ทำให้ใครต่อใครพลอยสะดุ้งก็คือท่อนที่ตบท้ายว่า ทั้งหมดคือ การตัดสินใจของผมเอง ด้วยความรักผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา 

อ่านแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เมื่อวันที่ 1 พ.ค. บอกว่า “ขออนุญาตกลับบ้าน” จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ชี้ว่า เป็นการพูดที่หมิ่นเหม่ ไม่บังควร วันที่ 9 พ.ค.คนแดนไกล ก็เย้ยฟ้าท้าดินหนักกว่าเดิม เอ่ยคำว่า "เจ้านายของเรา"

ถามว่า ทวิตเตอร์รัว ๆ รอบนี้ ทักษิณต้องการอะไรกันแน่ มีอะไรลับลวงพรางหรือไม่ 'เล็ก เลียบด่วน' ขอฟันธงว่ามีสองเหตุผลสำคัญเท่านั้น

ประการแรก จุดประสงค์หลักอยู่ที่การเมืองการเลือกตั้ง ต้องการตรึงคะแนนพรรคเพื่อไทยไม่ให้ไหลทะลักไปที่พรรคก้าวไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.เขต ส่วนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ลือกันว่าก้าวไกลจะแซงเพื่อไทยไปอยู่ที่ 12 ล้านเสียงนั้น ไม่ซีเรียสเท่ากับการตรึง ส.ส.เขตเอาไว้ ซึ่งการประกาศกลับบ้านของทักษิณรอบนี้ ทำให้คะแนนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานกระชับ และกระเตื้องขึ้นระดับหนึ่ง

ประการที่สอง ทักษิณมีความต้องการที่จะกลับจริง ๆ เขาแทงหวยว่ารัฐบาลชุดใหม่เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ เบื้องต้นกฎกระทรวง 2 ฉบับของกระทรวงยุติธรรมที่ที่แก้ไขไว้เมื่อปี 2563 สามารถใช้เซฟเฮาส์ หรือสถานที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ เป็นที่คุมขังได้ ส่วนมาตรการอย่างอื่นทักษิณก็คงเตรียมการไว้แล้ว แต่ทั้งนี้หากหวยหลังเลือกตั้งยังเป็นรัฐบาลขั้วเดิม ทักษิณก็อาจจะเปลี่ยนใจยืดเวลากลับไปอีก...

คำประกาศของทักษิณที่จะกลับบ้าน 20 กว่าครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ อาจจะเป็นนิยายเดิม ๆ อีกครั้ง จะมีอะไรให้ฉุกคิดอยู่บ้างก็ตรงที่การเอ่ยอ้างใช้คำว่า ‘เจ้านาย’ ทำให้นักข่าวไปถาม ‘ลุงตู่’ ว่าการส่งสัญญาณของทักษิณเที่ยวนี้เป็นไปในลักษณะดีลพิเศษใช่หรือไม่ ซึ่งลุงตู่ถามกลับว่า เขาส่งสัญญาณมาทางไหนเหรอ ตนไม่ได้รับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม

ครับ! สรุปว่าการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ ที่สุดก็มาเกี่ยวข้องกับเรื่อง ‘ทักษิณกลับบ้าน’ อีกครั้ง จนบางฝ่ายบอกว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ถ้าแน่จริง ‘ทักษิณ’ ควรกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะไม่มีใครห้ามกลับ...

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดใหม่ซึ่งมีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าอาจจะยังเป็นรัฐบาลลุงตู่กับคณะเดิม ก็อาจจะถึงเวลาที่จะต้องถอดชนวนความขัดแย้งด้วยการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองที่ยังเป็นภูเขาใต้น้ำแข็ง นำประเทศออกจากความขัดแย้ง สลายสีเสื้อ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับพลังแผ่นดิน อย่างจริงจัง

ใช่หรือไม่ว่า...วันนี้คำว่า ‘ระบอบทักษิณ’ หรือผีทักษิณ ไม่ได้น่ากลัวเหมือนก่อน ที่น่ากลัวกว่าก็คือระบอบส้มพันธุ์ใหม่ ซึ่งหากสุดท้ายไปผสมพันธุ์กับระบอบทักษิณด้วยแล้ว บ้านนี้เมืองนี้ดูไม่จืดแน่นอน

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘เศรษฐา’ ปลุกประชาชนเลือก ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล ชูกระเป๋าเงินดิจิทัล กระตุ้น ศก.ครั้งใหญ่ ขจัด ‘เหลื่อมล้ำ-ยากจน’

(10 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เรื่อง ‘ถึงเวลาปลุกชีวิตเศรษฐกิจที่หลับใหล’ ระบุว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่สามารถเดินต่อหน้าไปได้ และยังคงก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะจากสถานการณ์โรคระบาดหรือแนว การทางบริหารประเทศที่ล้มเหลว คนไทยถูกกดให้จนลงจนลง แล้วแจกเงินครั้งละไม่กี่ร้อยบาท เพื่อหยอดน้ำข้าวต้มยื้อเวลาให้พอประทังชีวิต โดยไม่มีการคำนึงถึงวิธีเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน

“วันนี้ประเทศไทยรอไม่ได้อีกแล้ว ผมยืนยันว่าเราต้องชนะทันที เพื่อให้เพื่อไทยได้มีโอกาสเข้าไปเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็วที่สุด ด้วยนโยบายเติมเงิน 10,000 เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ที่จะเข้าไปปั๊มหัวใจประเทศด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้รับทันที เพราะเป้าหมายของเราคือการทำให้ประเทศไทยไม่ต้องมีคนจนอีกต่อไป” นายเศรษฐา ระบุ

นายเศรษฐา ระบุว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่เท่านั้น แต่เม็ดเงินจะถูกกระจายไปทั่วประเทศ ทุกอำเภอ และทุกตำบล ตามจำนวนประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปในแต่ละพื้นที่

นายเศรษฐา ระบุต่อว่า เงิน 10,000 ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของพี่น้องประชาชนนั้น ไม่ได้แจกแล้วหมดไป แต่เราออกแบบโดยหวังผลให้นำไปสู่การใช้จ่ายเพื่อฟื้นชีวิตให้กับเศรษฐกิจทั้งระบบ และคงเงินให้หมุนเวียนอยู่ในชุมชน อยู่ในระบบ นโยบายนี้จึงมาพร้อมเงื่อนไขสำคัญ 4 อย่าง คือ 1. เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัล 2. ใช้ได้เฉพาะอาหารของใช้ประจำวัน หรือวัตถุดิบประกอบสัมมาชีพ 3. ใช้ได้ภายในพื้นที่ 4 กิโลเมตรตามที่อยู่หน้าบัตรประชาชนเท่านั้น 4. แจกรอบเดียวเท่านั้น ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน

“หน้าที่ของผมคือการเปลี่ยนสิ่งที่ใครก็มองว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง วันที่ 14 พ.ค. นี้ ขอโอกาสให้เพื่อไทยได้เข้าไปจัดการกับศัตรูที่มีชื่อว่าความเหลื่อมล้ำและความยากจน” นายเศรษฐา ระบุ

‘ลุงตู่’ บุกชุมพร อ้อนชาวบ้าน บอก “รักจังฮู้ มาเพราะแรงคิดถึง” ปลุกพลังเงียบเลือก ‘รทสช.’ ลั่น!! หากได้เป็น รบ.ทุกอย่างจะดีขึ้น

‘ลุงตู่’ ขนแกนนำหาเสียงชุมพรคึกคัก ปลุกพลังเงียบออกมาใช้สิทธิ์ กา ‘รทสช.’ ทั้ง 2 ใบ ให้เข้ามาบริหารประเทศ สัญญาได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างดีขึ้นแน่นอน

(10 พ.ค. 66) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการทำเนียบรัฐบาล สวมเสื้อพรรค รทสช.และรองเท้าสีครีมสดใส ลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดชุมพร ต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 วัน โดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค

โดยเมื่อมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดชุมพร อำเภอปะทิว มีประชาชนชาวประทิวสวมเสื้อสีเหลืองมาต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ และขอถ่ายภาพ จากนั้นจุดแรกเวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางพบปะประชาชนในพื้นที่ตลาดประทิว เพื่อหาเสียงช่วย นายสันต์ แซ่ตั้ง ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 2 ชุมพร โดย พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นยืนปราศรัยบนรถแห่ กล่าวสวัสดีชาวชุมพร พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งว่า การเรียนหนังสือสำคัญที่สุด เรียนแล้วต้องรู้จักคิดไม่อย่างนั้นจะถูกคนเข้ามาโกหก กล่อมเกลา ซึ่งอันตรายสำหรับบ้านเรา

ทั้งนี้ วันที่ 14 พ.ค. อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ออกไปกาบัตรเลือกตั้ง อย่ากาผิด 2 บัตรสองใบ สีม่วงเบอร์ 12 สีเขียวเบอร์ 22 ต้องไปทั้งคู่ ให้ได้คะแนนเสียงซึ่งตนจะได้เข้ามาบริหารได้ ถ้าบริหารไม่ได้มันก็ลำบากในสภา วันนี้เราเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว เดินหน้าประเทศพร้อมกันไปกับตน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาบอกรักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ ตนไม่เอา ตนเอารักมาก ๆ แต่รักนาน ๆ ด้วย 
รักคนใต้ วันนี้ที่มา มาเพราะแรงคิดถึง รักอย่างแรง รักแล้ว รักต่อ ก่อนจะแซวชาวบ้านว่าจะร้องเรียนอะไรหรอ เป็นรัฐบาลแล้วค่อยว่ากัน แต่คิดว่าหมดแล้ว 8 ปีที่อยู่มาเราต้องหาเงินเข้ากระเป๋าให้ได้ก่อน ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนให้ได้มากที่สุด

ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะถามประชาชนว่า “เห็นในทีวีทุกวันยังไม่เบื่อหรอ รูปในกล้องก็ใช้ไม่ได้ ทีวีเสีย ผมไม่หล่อ วันนี้มีเรื่องจะพูดเยอะแต่มันตื้นตัน รักจังฮู้ ที่มาเพราะแรงคิดถึง รักแรง ทั้งนี้ ทำมา 8 ปี ตนรู้ปัญหา คือต้องหาเงินเข้ากระเป๋าไม่อย่างนั้นทำไม่ได้ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุด เงินกระเป๋าซ้ายก็ตุงขึ้นมาและจ่ายกระเป๋าขวาให้พวกเรา ดูแลสวัสดิการ ถ้าไม่มีสตางค์มันทำอะไรไม่ได้ มันดีแต่โม้กันทั้งนั้น”

พล.อประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้รักรวมไทยสร้างชาติ เราเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่รวบรวมคนเก่าและคนใหม่เข้ามา ทั้งหมดจะได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลอยู่ที่พวกเราทุกคน และช่วยกันไปเลือกตั้ง 14 พ.ค. ลากกันไปเลือกตั้ง เคาะข้างบ้านด้วย ใครไม่ไปชวนกันไป อนาคตประเทศไทยอยู่ที่มือของพวกเราทุกคน บ้านเมืองต้องมั่นคง สถาบันหลักของประเทศต้องมั่นคง ตนมีแต่ความจริงใจให้ท่าน ตนเป็นทหารเก่ามาทุ่มเททั้งชีวิตไปแล้วในการรักษาแผ่นดินผืนนี้ให้กับท่าน เราต้องช่วยกันรักษาต่อไปในสิ่งที่ดีงาม ถ้าอยากให้ตนเป็นนายกฯต้องเลือกกี่ใบ จำไว้ 2 เลข อย่าไปเดินชนอะไรแล้วลืมเบอร์ ช่วยกันส่งพลังเงียบออกมาได้หรือไม่ได้ ข้าราชการเกษียณว่าอย่างไร เราเป็นช้างป่วยหรือเปล่า เราเป็นช้างศึกไม่ใช่ช้างป่วย ทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินมาแล้วเท่าไหร่ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการดี ๆ มีเยอะแยะไป ขอให้ช่วยกันทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง

จังหวะนี้ประชาชนตะโกนถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่างวดนี้ออกอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวถามกองสลากก่อน เขาเป็นคนหมุนเครื่องปั่น ผมไม่ได้ไปล้วงกับเขา ก็สุดแล้วแต่พวกเรา อย่าทุ่มเทมากนะ ตอนนี้รถมีหลายคันซื้อเบอร์กันทุกคัน เสียกันเยอะ” ขณะที่ประชาชนตะโกนว่า “ลุงตู่สู้ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ จึงชูกำปั้น พร้อมกล่าวว่า “สู้ตายๆ ไม่ใช่สิ สู้ไม่ตาย” พร้อมถามประชาชน “สู้ไม่สู้ๆๆ” ประชาชนกล่าวว่า “สู้ๆ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนคืออนาคตของประเทศไทย ร่วมกันก้าวเดินไปพร้อมกับลุงตู่ ตน ยืนยันถ้าได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน

‘จิรพงษ์’ เปลี่ยนป้ายหาเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำจุดยืน ไม่ขายตัว ปลุกความเชื่อมั่น ปชช. เลือก ‘เพื่อไทย’ ทั้งคนทั้งพรรค

‘จิรพงษ์’ เปลี่ยนป้ายหาเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำจุดยืน อุดมการณ์ ไม่ขายตัว ยึดมั่นในประชาชน ปลุกกาบัตรเลือก เพื่อไทย ทั้ง ส.ส.แบ่งเขต ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ

(10 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต 2 เบอร์ 8 พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เปลี่ยนป้ายหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งอีกครั้ง

โดยก่อนหน้านี้ นายจิรพงษ์ ได้จัดทำป้ายหาเสียงมาแล้ว 2 เวอร์ชัน ซึ่งเวอร์ชันแรกเป็นป้ายแนะนำตัว เวอร์ชันที่ 2 เป็นป้ายแนะนำนโยบายของพรรค พท. แต่ละนโยบาย และเวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันที่ 3 ย้ำถึงจุดยืน “ไม่ขายตัว ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์ ยึดมั่นในประชาชน”

นายจิรพงษ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนป้ายโค้งสุดท้าย​ ตนต้องการย้ำอุดมการณ์​ว่า ไม่ว่าจะที่ผ่านมา วันนี้ หรือต่อไปในอนาคต ตนก็ยังจะเคารพการตัดสินใจของประชาชน​ ที่เลือกตนให้มาเป็น​ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ตนไม่คิดขายตัว ไม่เคยย้ายพรรคไปไหน​ และเห็นว่า พรรค พท.คือคำตอบที่ทำให้ประชาชน​อยู่ดีกินดี มีเศรษฐกิจ​ที่ดี​

หากจะมีคนคิดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย​ แล้วคิดจะมาซื้อ​ ส.ส. โดยเฉพาะ​ ส.ส.เขต​ของ พท.คงยาก รับประกันได้เลยว่า ไม่มีใครยอม

ดังนั้น วัน​ที่​ 14​ พ.ค.​นี้​ ขอเขิญชวน​พ่อแม่พี่น้องมาลาจากความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่น เชื่อใจพรรค พท.อีกครั้งโดยการเข้าคูหา​ กาเพื่อไทยทั้งแบบแบ่งเขต​และบัญชีรายชื่อ

‘จุรินทร์-อภิสิทธิ์’ เตรียมปราศรัยโค้งสุดท้าย ลานคนเมือง 12 พ.ค.นี้ ชวนคนไทย เลือก ‘ปชป.’ เป็น รบ. พาประเทศเดินหน้าอย่างยั่งยืน

(10 พ.ค. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลพื้นที่ กทม.เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 12 พ.ค.นี้ เวลา 17.00 น.พรรคประชาธิปัตย์ จัดปราศรัยใหญ่ ที่ลานคนเมือง นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯ, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพฯ, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานวัตกรรมการเมือง และตน พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกคับคั่ง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า การปราศรัยครั้งนี้จะเป็นการปราศรัยครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ โดยจะเน้นเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศช่วยสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ ทั้ง ส.ส.แบบเขต และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์การทำงานในสาขาวิชาชีพต่างๆ พร้อมทั้งการทำงานรับใช้ใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ จะชี้ให้เห็นถึงนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนกลุ่มต่างๆ และเป็นนโยบายที่สามารถปฏิบัติได้จริงทันทีที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล

“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ที่จะชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทยว่า จะเดินไปทางไหน โดยพรรคประชาธิปัตย์จะชี้ให้เห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่การเมืองเข้าสู่จุดเข้มข้นจนอาจถึงทางตัน แต่พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะช่วยสร้างทางรอดให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการยึดมั่นในการทำงานบนความซื่อสัตย์สุจริต เชื่อมั่นว่า การปราศรัยใหญ่ครั้งนี้จะมีส่วนทำให้ประชาชนพร้อมจะตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาทำงานรับใช้ประชาชนอย่างท่วมท้นแน่นอน” นายองอาจ กล่าว

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. สมุทรปราการ ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 8 เขตของจังหวัดสมุทรปราการ ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้

>>เขต 1 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.บางโปรง ต.บางด้วน ต.บางเมือง ต.ท้ายบ้าน และ ต.ปากน้ำ)
>>เขต 2 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.บางปู ต.บางปูใหม่ ต.แพรกษา และ ต.ท้ายบ้านใหม่)
>>เขต 3 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.เทพารักษ์ ต.สำโรงเหนือ และ ต.บางเมืองใหม่)
>>เขต 4 อำเภอบางพลี (เฉพาะ ต.บางพลีใหญ่ และ ต.บางแก้ว)
>>เขต 5 อำเภอเมืองสมุทรปราการ (เฉพาะ ต.แพรกษาใหม่) อำเภอบางพลี (เฉพาะ ต.บางปลา ต.บางโฉลง ต.ราชาเทวะ และ ต.หนองปรือ) และอำเภอบางเสาธง (เฉพาะ ต.ศีรษะจรเข้น้อย)
>>เขต 6 อำเภอพระประแดง (ยกเว้น ต.บางจาก)
>>เขต 7 อำเภอพระประแดง (เฉพาะ ต.บางจาก) และอำเภอพระสมุทรเจดีย์
>>เขต 8 อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง (เฉพาะ ต.บางเสาธง และ ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่)

‘มณีรัตน์’ ชู ปลดล็อกค้าขายออนไลน์-ลดค่าขนส่งระหว่างประเทศ หวังติดปีก e-Commerce ดันผู้ค้ารายย่อย-สินค้าไทยสู่ตลาดโลก

เมื่อไม่นานนี้ น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หมายเลข 6 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ถึงเรื่องการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยระบุว่า…

ปัจจุบันการซื้อสินค้าจากประเทศจีนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้ค้าจีนสามารถส่งส่งสินค้ามาถึงผู้ซื้อในไทย ค่าส่งเพียง 20 บาท!! เขาทำกันได้อย่างไร??

ค่าส่งสินค้าที่สูงเป็นปัญหาใหญ่ ที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไทยกำลังประสบกันอยู่ เพราะบางครั้งค่าส่งสินค้าภายในประเทศยังเสียค่าส่งแพงกว่านี้!!

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญและผลักดันธุรกิจค้าปลีก e-Commerce ของจีนจนสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์จีนสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ คือ ค่าขนส่งสินค้าไปต่างประเทศที่ถูกมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทำให้ผู้ค้าจีนได้เปรียบผู้ค้าประเทศอื่น ๆ ด้านราคาเมื่อคิดรวมค่าขนส่งกับค่าสินค้าเข้าด้วยกัน โดยรัฐบาลจีนให้ความช่วยเหลือผู้ค้าในส่วนนี้ โดยการสนับสนุนค่าส่งสินค้าไปต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์ม, ผลักดันเรื่องการบริหารจัดการระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ, ควบคุมราคาค่าส่งสินค้าให้มีความเหมาะสม, ร่วมกับการเจรจาลดหย่อนภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้า

ในทางกลับกันประเทศไทยมีสินค้าไทย ที่ได้รับความที่นิยมจากลูกค้าชาวจีนและประเทศอื่น ๆ จำนวนมาก แต่หากคนไทยขายของออนไลน์ส่งไปต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน กลับต้องเสียค่าขนส่งสูงกว่าจากจีนมาไทยหลายเท่า เป็นปัญหาที่ดับฝันโอกาสทางธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายย่อยชาวไทย ในการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มไปสู่ตลาดโลกอย่างสิ้นเชิง

ในครั้งนี้หากได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ประเด็นการค้าขายออนไลน์ เป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะผลักดัน โดยหนึ่งในนั้นคือ การปลดล็อก ลดค่าขนส่งสินค้ารายย่อยระหว่างประเทศ เพื่อติดปีก e-Commerce ไทย สนับสนุนให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top