Saturday, 30 September 2023
CRIMES

‘ตร.’ จับจริง!! ร้านอาหารอีสานดัง ฝ่าฝืนคำสั่งขายเบียร์ ชี้!! ผิดกฎหมายเลือกตั้งชัดเจน เตรียมส่งดำเนินคดี

(14 พ.ค. 66) พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ ได้ทำการจับกุม ร้านอาหารที่ฝ่าฝืน เปิดร้านจำหน่ายสุรา ซึ่งผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ที่มีคำสั่งห้ามจำหน่ายตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของเมื่อวานที่ผ่านมา (13 พ.ค.) จนถึงเวลา 18.00 น. วันนี้

โดยเจ้าหน้าทีได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ และพบร้านจำหน่ายอาหารอีสานฝ่าฝืนคำสั่ง เมือช่วงค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา (13 พ.ค.) จึงได้จับกุมตัว นายณรงค์ คงจันทร์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/16 หมู่ที่ 14 ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยของกลาง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์ จำนวน 1 ขวด ที่เปิดฝาดื่มแล้ว วางอยู่บนโต๊ะที่ลูกค้า

“ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ออกตรวจร้านอาหารสถานบริการและร้านจำหน่ายสุราในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ก่อนวันเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อเจ้าหน้ามาถึงร้านมิตรภาพลาบก้อย ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พบว่า ร้านดังกล่าวมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบ นายณรงค์ แสดงตัวรับว่าเป็นเจ้าของร้านมิตรภาพลาบก้อย เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบภายในร้าน พบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วางอยู่บนโต๊ะที่ลูกค้านั่งดื่มแล้วลุกออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาถึงภายในร้าน”

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่อว่า เจ้าของร้าน ยอมรับว่า ได้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารให้กับผู้ที่มารับใช้บริการที่ร้านจริง จึงได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด ในข้อหา ผู้ใดขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิด ในเขตเลือกตั้ง ในระหว่างเวลา 18.00 นาฬิกา ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวัน จนถึงเวลา 18.00 นาฬิกา ของวันเลือกตั้ง แต่ร้านมิตรภาพลาบก้อย ยังมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มาใช้บริการ

จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘หนุ่มคลั่ง’ ยอมจำนน หลังก่อเหตุยิงในบ้าน กว่า 30 ชม. ตร.บุกเข้าจู่โจม พบอาวุธปืน 9 มม.1 กระบอก

(13 พ.ค. 66) พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้วางแผนเข้าจับกุม นายพงศ์ ภูธนะกูล หนุ่มคลั่งก่อเหตุยิงในบ้านมากกว่า 30 ชั่วโมง โดยมีการใช้พลแม่นปืนสไนเปอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวนภาค 2 สืบสวนจังหวัดระยอง และ สืบสวน สภ.เมืองระยอง เข้ามาตรึงกำลัง พร้อมทั้งเจรจากับผู้ก่อเหตุตลอด

แต่ผู้ก่อเหตุได้ตะโกนด่าออกมาเป็นระยะ พร้อมบอกว่า “พร้อมเผาตัวเอง” โดยบอกว่ามีน้ำมันอยู่ 6 ขวด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่สแตนด์บายไว้ ได้ลากสายน้ำเข้าไปเตรียมพร้อมภายในซอย พร้อมพลแม่นปืนที่มีการหาพื้นที่เตรียมพร้อม แต่ก็ยังไร้การบุกเข้าไป

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายพงศ์ ได้ยิงออกมา 2 นัด เสียงปืนดังสนั่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เตรียมพร้อมได้วิ่งกรูเข้าไป พร้อมกับทีมจู่โจม ใช้เวลา 30 นาที ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว โดยมีแม่เข้าไปรับ จึงยอมเดินลงมา และเดินออกมาจากบ้าน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวขึ้นรถตู้ไปควบคุมตัวที่ ภ.จว.ระยอง เพื่อทำการสอบสวน โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 เตรียมเดินทางมาแถลงข่าว

‘ครูฝึกยิงปืน’ คลุ้มคลั่ง!! ลั่นไกสนั่นบ้าน ชาวบ้านหวาดผวา ล่าสุดยังไม่ยอมมอบตัว ตร.ปิดล้อมพื้นที่ ขอเน้นเจรจา

(13 พ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายบาส หรือพงศ์ อายุ 36 ปี ครูฝึกยิงปืน เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธยิงภายในบ้าน เหตุเกิดตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผ่านไปแล้วกว่า 24 ชั่วโมง การเจรจายังไม่เป็นผล นายบาสยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน ซึ่งตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงและป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียโดยจะยึดแนวทางการเจรจา ซึ่งท่าทีของนายบาสล่าสุดไม่ได้แสดงอาการคลุ้มคลั่งแล้ว แต่ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน

ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.อภิชนันท์ วัฒนวรางกูล ผกก.กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ได้นำโดรนขึ้นบินสังเกตปฏิกิริยาของนายบาส ที่ยังคงกบดานอยู่ภายในบ้านพักบนชั้น 2 ก็ยังไม่พบว่ามีการกระทำที่รุนแรงใดๆ ซึ่งก็หมายความว่า ตัวของนายบาสยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้าน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าระวังและเตรียมวางแผนการเจรจาอีกครั้งเพื่อให้เหตุการณ์สงบก่อนช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากต้องใช้พื้นที่จัดตลาดนัดถนนคนเดินวันเสาร์

‘ทนายธันย์พิชา’ ยืนยันเลิกเป็นทนายให้ ‘แอมไซยาไนด์’ ชี้ สุดสิ้นหน้าที่ตั้งแต่ 1 พ.ค. ลั่น!! ใครวิจารณ์เสียหายเจอฟ้อง

(12 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธันย์พิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ ‘แอม ไซยาไนด์’ ได้ติดต่อผ่าน อมรินทร์ทีวี แจ้งว่าขณะนี้อย่ามาเรียกว่าทนายแอม เพราะตนไม่ทำคดีให้แอมแล้ว ตอนนี้แอมมีการเปลี่ยนทนายใหม่ ตอนแรกตนสอบถามแอมในชั้นพนักงานสอบสวนว่าจะเปลี่ยนทนายหรือไม่ ถ้ายังรับได้กับการทำคดีของตน ซึ่งแอมบอกไม่เปลี่ยน

“แต่พอเข้าไปสู่เรือนจำ เมื่อถามแอมอีกครั้ง แอมบอกเปลี่ยน ดิฉันจึงสิ้นสุดการทำคดีให้แอม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จึงอยากให้รับทราบโดยทั่วกัน หลังจากนี้เรื่องคดีความของแอม ขอให้สื่อมวลชนไปติดตามกับทนายคนใหม่ คือนายชินคุปต์ ไทยยะกร”

น.ส.ธันย์พิชา บอกอีกว่า ส่วนตัวไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับแอม แต่มาทำหน้าที่ในฐานะของทนายความในชั้นพนักงานสอบสวนเท่านั้น วันนี้แอมได้แต่งตั้งทนายใหม่เรียบร้อยแล้ว ถือว่าหน้าที่ทนายความของตนสิ้นสุดลงแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.

“ส่วนคนที่ทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของดิฉันให้เกิดความเสียหายหลังจากนี้ ตอนนี้จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จะฟ้องกลับทุกคดี” น.ส.ธันย์พิชา ระบุ

‘ตร.’ จับมือ ‘กรมปศุสัตว์’ บุกค้น 16 โกดัง ซุกซ่อนหมูเถื่อน หวั่นนำ ‘โรคอหิวาต์’ จากแอฟริกามาแพร่ระบาดในไทย

(11 พ.ค. 66) ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ และเข้ากระบวนการต่าง ๆ เพื่อนำออกสู่ท้องตลาด โดยมิได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทำให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับสินค้าอันไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงอาจนำโรคระบาดชนิดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) มาแพร่ระบาด ทำให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสุกรภายในประเทศ และเกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559, พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.และ พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองบริโภค (บก.ปคบ.) ตำรวจภูธรภาค 1, 5 และ 7 ร่วมกับ กรมปศุสัตว์เข้าตรวจสอบสถานที่ต้องสงสัยทั้งหมด 16 แห่ง ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ

จากการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่นำหมายค้นของศาลอาญาทำการตรวจค้น 16 แห่ง พบว่า จังหวัดนครปฐม 1 จุด สามารถอายัดเนื้อสุกรแช่แข็งรวม 4,070 กิโลกรัมและ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 จุด สามารถอายัดเนี้อสุกรแช่แข็งรวม 11,100 กิโลกรัม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิด พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอฝากเตือนพี่น้องประชาชน โปรดระมัดระวังในการบริโภคเนื้อสุกร ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือไม่ได้มาตรฐาน และขอความร่วมมือกรณีหากมีเบาะแส / เรื่องร้องเรียนลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียน / เบาะแสโดยตรงได้ที่สายด่วน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โทร.1135 หรือ สายด่วนฉุกเฉิน 191 และสามารถแจ้งผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน DLD 4.0 ของกรมปศุสัตว์

เปิดสตอรี่ ‘เก่งลายพราง’ อดีตคนคุกกลับใจกับชีวิตกินหรูอยู่สบาย หรือแท้จริง ‘ธุรกิจหมึกย่าง’ เป็นแค่ฉากบังหน้าเพื่อไว้ฟอกเงิน

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 66 รายการ ‘ถอนหมุดข่าว’ เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ เปิดลับ เก่ง ลายพราง ฟอกเงินจากเว็บพนัน ผ่านสตอรี่หมึกย่างอำพราง

‘เก่ง ลายพราง’ นายจิรายุ ยิ้มอำไพ อินฟลูเอนเซอร์ดัง ที่ขายลุค ‘คนคุก’ ได้เวลากลับเข้าคุกอีกรอบแล้ว หลังโดนตำรวจไซเบอร์จับข้อหาชักชวนคนเล่นการพนัน จากการโฆษณาเชิญชวนคนไปเข้าเว็บพนันออนไลน์ อย่างโจ๋งครึ่ม ทั้งแปะลิงก์ ทั้งพูดโต้งๆ ออกไลฟ์สด พอถูกจับก็อ้างว่า เพราะธุรกิจ “หมึกย่างลายพราง” ของตัว ที่เคยขายดีทำรายได้วันละเป็นแสนบาท ตอนนี้ยอดตกหนัก เหลือแค่วันละ 6 พันบาท เงินไม่พอยาไส้ จำต้องมารับจ้างดึงคนไปเล่นพนัน มีรายได้เดือนละ 300,000 บาท

หากพิจารณาเรื่องราวของ ‘เก่ง ลายพราง’ ตั้งแต่ต้น สามารถฟันธงได้เลยว่า มันล้วนเป็น ‘สตอรี่’ ที่เขาจงใจสร้างมา ให้มีความดรามาเรียกคนติดตาม

เขาขายสตอรี่คนคุกที่ออกมาสร้างครอบครัวใหม่อย่างสุจริต โอ้โห ช่างโดนใจสายโซเชียล สังคมไทยเป็นนักให้โอกาสคนอยู่แล้ว

‘หมึกย่างลายพราง’ ไม้ละ 120 บาท ของ ‘เก่ง ลายพราง’ เลยดังเปรี้ยงปร้าง ขายดีจนเจ้าตัวออกอาการคึก ประกาศจะขยายสาขา แต่สตอรี่จริงๆ ที่ซ่อนไว้เนียนๆ ก็คือ ธุรกิจหมึกย่างของเขา มันก็มีไว้เพื่อฟอกเงินกลายๆ เพื่อจะตอบสังคมได้ว่า ทำไมเขาถึงใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบาย มีทั้งบ้านหลังใหญ่ รถแพงๆ หลายคัน เที่ยวนอนรีสอร์ท พลูวิลล่าแพงๆ เอามาอวดให้ FC ฮือฮาตลอด เขาเบี่ยงเบน ให้คนเข้าใจไปว่าเขารวยจาก ‘หมึกย่างลายพราง’ ทั้งที่เขารวยจากเว็บพนันต่างหาก

‘หมึกย่างลายพราง’ จึงมีสถานะก็แค่ ‘หมึกย่างอำพราง’ ธุรกิจทำเงินจริงๆ ของเขา คือเว็บพนัน จากที่อ้างว่าได้เงินจากแอดมินแค่เดือนละ 300,000 บาท ก็ไม่น่าจะเป็นคำให้การตามจริง เนื่องจากทุกวันนี้ ธุรกิจเว็บพนันเจอปัญหาใหญ่ คือ ขาดแคลนอินฟลูเอนเซอร์ ที่จะมาชักชวนเด็กๆ เยาวชน มาเป็นเหยื่อ เพราะหลายรายถูกจับเข้าตะรางไปแล้ว หลายรายก็เริ่มไหวตัว ขืนทำต่อละก็คุกแน่นอน เลยชิงวางมือกันไปหมด เหลือแต่อินฟลูเอนเซอร์ ที่วอนนอนคุกอย่าง ‘เก่ง ลายพราง’ ที่ยังวาดลวดลายอย่างไม่แคร์สื่อ

ซึ่งภาวะที่วงการขาดแคลน ‘คนชั่วที่ใจกล้า’ นี่เอง ประกอบกับเขาทำงานแบบเกินร้อย ชักชวนคนเล่นพนันต่อหน้ากล้องอย่างชัดเจน ในสไตล์คล้ายกับ ‘เสี่ยโป้’ เคยทำมาก่อน

ราคาค่าตัวของ ‘เก่ง ลายพราง’ น่าจะไม่ใช่แค่ 300,000 ต่อเดือน อย่างที่เขาอ้างกับตำรวจ แต่น่าจะเป็นเงินถึงหลักล้าน สอดคล้องกับชีวิตกินหรูอยู่สบาย หรือแม้แต่พูดอวดว่า เขายังติดการพนัน แค่เจียดเงินบางส่วนมาเล่น ก็ยังเล่นเสียไปถึง 3 ล้านบาท รายได้แค่ 300,000 บาทต่อเดือน จากเว็บพนัน คงไม่มากพอที่จะทำเช่นนั้นได้

เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนของสังคมไทย อย่าหลงเชื่อสตอรี่ดราม่าอะไรง่ายๆ และก็อย่าโลกสวย เชื่อว่าคนบางคนจะกลับตัวกลับใจ ทำมาหากินสุจริตได้

‘ราชทัณฑ์ฯ’ เผย ‘ใบเตย’ เครียด-นอนไม่หลับ หลังฝากขังคืนแรก ด้าน ‘ดีเจแมน’ ยังปกติดี ยัน!! พร้อมดูแลผู้ต้องหาตามหลักสิทธิมนุษยชน

(10 พ.ค. 66) นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวหลังจากทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวจำเลยในคดีร่วมกันฉ้อโกงแชร์ Forex 3D ทั้ง 6 คน รวมถึงนายพัฒนพล หรือ ‘ดีเจแมน’ และ น.ส.สุธีวัน หรือ ‘ใบเตย’ ไว้ในการควบคุมเรียบร้อยแล้ว

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจสอบจัดทำทะเบียนประวัติ ประเมินสุขภาพเบื้องต้น และส่งตัวเข้าสู่ห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอก ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 เมื่อครบกำหนดจะส่งตัวเข้าแดนแรกรับ

ขณะที่เช้าวันนี้ ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ‘ใบเตย’ มีอาการเครียดเล็กน้อย นอนไม่หลับและยังไม่รับประทานอาหาร ส่วน ‘ดีเจแมน’ รับประทานอาหารได้ นอนหลับพักผ่อนได้ ไม่มีสภาวะความเครียด ซึ่งทั้ง 2 คนให้ความร่วมมือดีในการปฏิบัติตามระเบียบของทัณฑสถานฯ และเรือนจำ

รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การปฏิบัติต่อใบเตย ดีเจแมนและพวก เป็นไปตามมาตรการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่จากภายนอกตามปกติ และปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้วยความเท่าเทียมเสมอภาค พร้อมดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน

ไม่รอด!! อัยการสั่งฟ้อง ‘ดีเจแมน-ใบเตย’ พร้อมพวก คดี Forex 3D ทุกข้อหา จ่อนำตัวส่งฟ้องศาลวันนี้

(9 พ.ค. 66)  ที่สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งคดี นายพัฒนพล กุญชร หรือดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือใบเตย นักร้องสาวชื่อดัง สองสามีภรรยาผู้ต้องหากับพวกรวม 8 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงแชร์ Forex-3D โดยผู้ต้องหาชุดนี้ มี 8 คน นายอดัม โพการี สัญชาติฮังการี 1 ในผู้ต้องหาหลบหนีไปประเทศฮังการี ส่วนนายแดรัล ยัง ชาวสิงคโปร์ แฟนหนุ่มของ ซาร่า คาซิงกินี นางแบบสาว ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จึงเหลือผู้ต้องหาเพียง 6 คน คือ นายพัฒนพล, น.ส.สุธีวัน, นายฉัตรชัย หรือเสือ คชทิน, นายธีร์ภัสกร หรือมาร์ค กิมวังตะโก, นายสุรนาถ นาคมุสิก และนายอายุวัต ชัยเมธนากูล ที่ต้องมารายงานตัว 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมาพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้นัดให้นายพัฒนพล หรือดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน หรือใบเตย นักร้องสาวคนดัง กับพวกรวม 6 คน มาฟังคำสั่งคดีดังกล่าว  แต่ปรากฏว่า นักร้องสาวใบเตย มอบหมายให้ทนายความยื่นใบรับรองแพทย์ว่า มีอาการไส้ติ่งอักเสบ-เครียดหนัก ต้องพักรักษาตัวในรพ. ส่วนดีเจแมน สามี และผู้ต้องหารายอื่นๆ อ้างขอเลื่อนฟังคำสั่งคดี เพื่อเตรียมหาหลักทรัพย์ประกันตัวในชั้นศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในช่วงเช้า โดยนายพัฒนพล กุญชร หรือดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือใบเตย นักร้องชื่อดัง สองสามีภรรยา พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการเพื่อฟังคำสั่งคดีฉ้อโกงแชร์ Forex 3D รวม 3 ข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ

ดีเจแมน พัฒนพล กล่าวว่า ตอนนี้ต้องรอดูว่าอัยการจะมีคำสั่งใด ยังไม่มีอะไรคืบหน้า กำลังรอคุณแม่มา ถามว่าพร้อมประกันตัวไหม ก็ต้องลองสู้ วันนี้ยังไม่รู้ว่าคำสั่งคืออะไร สำหรับหลักทรัพย์ประกันตัวนั้นยังไม่ได้เตรียมไว้ ยังต้องรอให้แม่มา ทั้งนี้ตนก็คงไม่เลื่อนนัดฟังคำสั่งอีกแล้ว

ขณะที่ใบเตย สุธีวัน มีสีหน้าเคร่งเครียดและปฏิเสธไม่ตอบคำถามใดกับสื่อมวลชน

ทั้งนี้มีรายงานงานว่า อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องดีเจแมน พัฒนพล นักร้องสาวใบเตย สุธีวัน และพวกอีก 4 คน โดยจะนำต้วผู้ต้องหาทั้งหมดไปยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาในช่วงสายวันนี้

วันเดียวกันนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้เผยแพร่เอกสารข่าวคดีนี้ว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้นัด นายพัฒนพล กุญชร ผู้ต้องหาที่ 1 น.ส.สุธีวัน กุญชรหรือทวีสิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายฉัตรชัย คชชิน ผู้ต้องหาที่ 5 นายธีร์ภัสกร กิมวังตะโก ผู้ต้องหาที่ 7 นายสุรนาถ นาคมุสิก ผู้ต้องหาที่ 8 นายอายุวัต ชัยเมธนรากูล ผู้ต้องหาที่ 12 มาเพื่อทราบนัดและฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ ในคดีพิเศษที่ 273/2565 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) ระหว่างนางสาวรัศมี ศรีสว่าง กับพวก ผู้กล่าวหา นายพัฒนพล กุญชร กับพวก ผู้ต้องหา

ในความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรบอกให้แจ้ง โดยประกาศแพร่ข่าว ด้วยสื่อออนไลน์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ในวันที่ 9 พ.ค.นี้เวลา 09.00 น.

‘เก่งลายพราง’ จ่อพบ ‘ตร.ไซเบอร์’ ปมชวนเล่นพนันออนไลน์ เจ้าตัวรับทำมาตั้งแต่ออกจากคุก ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 2 แสน

(9 พ.ค. 66) มีรายงานว่า พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รองผบก.สอท.1 ได้ออกหมายเรียกนาย ‘เก่งลายพราง’ หรือนายจิรายุ ยิ้มอำไพ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ให้มาพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (เมืองทองธานี) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามความผิดชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน ตามพรบ.การพนัน พ.ศ. 2478 ม. 12  

‘สองผัวเมีย’ ชิ่งหนี!! หลังชวน ‘ออมเพชร’ โกงเงินไปหลายสิบล้าน ล่าสุดได้คืนมาบางส่วน ผู้เสียหายเพียบ คาดมูลค่าอาจถึง 100 ลบ.

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี มีผู้เสียหายและพนักงานร้านเพชรชื่อดังย่าน จ.สมุทรสาคร ที่เปิดขายเพชร-ทอง ทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ถูกเจ้าของร้านซึ่งเป็นสองสามีภรรยาปิดร้านหนีไปทำให้พนักงานร้านเพชรมืดแปดด้าน มิหนำซ้ำ สองสามีภรรรยายังค้างส่งของเพชรให้ลูกค้ากว่า 300 ราย  รวมมูลค่าความเสียหายหลาย 50 ล้านบาท ตอนนี้ชิ่งหนีหายเข้ากลีบเมฆ พนักงานและผู้เสียหายได้รวมตัวกันร้องดำเนินคดีกับกองบังคับการปราบปรามและร้องขอความช่วยเหลือจากทนายความตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวจ.อุดรธานีได้รับการประสานงานจาก นายภาณุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” ว่าสามารถติดตามเพชรของ น.ส.นุจรี ที่ซื้อไว้กับ น.ส.นันทิดา ได้แล้วบางส่วน ที่เป็นแห่งหนึ่งที่สองสามีภรรยาสั่งออเดอร์มาเพื่อนำมาไลฟ์สดเพื่อให้กับลูกค้า แต่สุดท้ายไม่ส่งคืนให้ โดยไปติดตามได้จากน้าสาวที่ จ.อุดรธานี เป็นเลสข้อมือทองคำขาวล้อมด้วยเพชรแท้ จำนวน 4 ชิ้น และแหวนเพชรอีก 4 วง ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นลูกค้าสายมูเป็นเลสข้อมือรูปร่างพญานาคและงู รวมมูลค่าทั้งหมดเกือบ 800,000 บาท

นายภาณุมาศ เปิดเผยว่า ตนได้รับการประสานงานจากทนายไพศาลและคุณนุจรี ผู้เสียหายว่า ร้านเพชรออนไลน์ที่ จ.สมุทรสารคร ของนายเสรี กับนางสาวนันทิดา เจ้าของร้านเพชรชื่อดังที่จังหวัดสมุทรสาคร และมาทำธุรกิจร้านอาหารและร้านกาแฟที่ จ.อุดรธานี ซึ่งหลังจากได้รับการประสานจึงลงพื้นที่ตามหา เพราะเรามีเบาะแสว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนมาประกอบธุรกิจร้านอาหารที่ เมื่อเข้าไปสอบถามที่ร้านอาหารพบว่ามีเพียงแต่พนักงานอยู่ และพนักงานแจ้งกลับมาว่าเจ้าของไม่ได้เข้าร้านมาประมาณ 3-4 วัน แล้วพนักงานเองก็ยังไม่ได้เงินเดือนด้วย จึงได้ไปสอบถามไปทางผู้จัดการร้าน ชื่อคุณ “จ” ให้ช่วยประสานญาติแตะติดต่อนัดเจอพูดคุย ซึ่งทางญาติทราบต่อมาว่าเป็นน้าของคุณนันทิดาก็ออกมาพบและเมื่อสอบถามหาผู้ต้องหาทั้ง 2 คน น้าก็ปฏิเสธไม่รู้ว่าอยู่ไหน และส่วนเรื่องเพชรน้าสาวก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้เป็นคดีความและเป็นข่าวไปแล้ว

เมื่อสอบถามด้านน้าสาวบอกว่า เคยเห็นเครื่องเพชรแบบนี้ที่ร้านส่งมา ทางน้าสาวก็ตอบกลับมาว่าเครื่องเพชรนี้มีอยู่กับตน โดยตอนนั้นหลานคือนางสาวนันทิดานำมาฝากไว้ แล้วฝากความบอกด้วยว่าเครื่องเพชรจำนวนนี้เป็นขอนุจรี เดี๋ยวนุจรีจะมาเอา จากนั้นหลานก็ไม่กลับมาอีกเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน น้าจึงมอบเครื่องเพชรในตนส่งมอบต่อให้คุณนุจรีต่อไป โดยวันนี้ตนจะนำเครื่องเพชรส่งคืนให้เจ้าของต่อไปโดยนัดส่งมอบที่กองปราบที่กรุงเทพฯต่อไป

‘นิว ภาคภูมิ’ เจ้าของเว็บพนัน 27 เว็บ และมือขวา ‘สารวัตรซัว’  ผูกคอเสียชีวิตในห้องขัง คาด!! เกิดจากความเครียดหลังถูกจับ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 66 มีรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุผู้ต้องหาผูกคอตายภายในห้องขัง สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายภาคภูมิ หรือ นายนิว ผู้ต้องหาเครือข่ายคดีเว็บพนันออนไลน์ของพ.ต.ท.วสุวัตต์ มุครสกุล หรือ สารวัตรซัว อดีตข้าราชการตำรวจ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์รายใหญ่

ข่าวแจ้งว่า สภาพศพของนายภาคภูมิ เสียชีวิตในสภาพใช้ผ้าห่มผูกคอตนเองโยงกับลูกกรงห้องขัง ไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงขายาวสีเทาเพียงตัวเดียว คาดเสียชีวิตไม่เกิน 6 ชั่วโมง

สำหรับนายภาคภูมิ ถูกจับกุมได้เมื่อช่วงประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังดีเอสไอออกหมายจับในความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์และการฟอกเงินของสารวัตรซัว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากความเครียดหลังถูกจับกุม เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าของเว็บพนัน 27 เว็บไซต์ มีฐานอยู่ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา และยังถูกแจ้งความดำเนินคดีก่อเหตุมอมเหล้าและกระทำอนาจารด้วย

‘กรมโรงงานฯ’ จ่อแจ้งจับ ‘แอม-ไอซ์’ ใช้ไซยาไนด์ผิดวัตถุประสงค์ เตรียมประสาน ‘สคบ.’ ตรวจร้านออนไลน์ ยัน!! พร้อมเพิ่มความเข้มงวด

กรมโรงงานฯ จ่อดำเนินคดี ‘แอม’ และ ‘ไอซ์’ ดาราสาว ใช้ไซยาไนด์ผิดวัตถุประสงค์ โทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกิน 3 แสน อธิบดีฯ ยืดอกป้องลูกน้อง รับประกันต่อไปจะเข้มงวดมากกว่านี้

(8 พ.ค. 66) ที่ กองปราบปราม นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังร่วมประชุมใหญ่กับตำรวจชุดคลี่คลายคดี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ ‘แอม ไซยาไนด์’ และกรณี น.ส.ปรีชญา พงษ์ธนานิกร หรือ ‘ไอซ์’ ดาราสาวที่ได้ทำการสั่งซื้อไซยาไนด์ เพื่อนำไปใช้วางยาฆ่าสัตว์เลื้อยคลานว่า ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะผู้เสียหาย จะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘ตำรวจ’ คุมตัว ‘อดีตพระอาจารย์คม’ พร้อมพวกอีก 2 ราย ฝากขังศาลอาญา หลังยักยอกเงินวัด 180 ลบ. พร้อมค้านประกัน

(8 พ.ค. 66) พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอฝากขัง 3 ผู้ต้องหา ได้แก่ 1. นายคม หรืออดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี 2. นายวุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี 3. น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี

โดย ท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี

สำหรับคดีนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้จับกุม 1. นายคมฯ หรืออดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี 2. นาย วุฒิมา หรือพระหมอ อายุ 38 ปี และ 3. น.ส.จุฑาทิพย์ฯ อายุ 35 ปี

ได้ไม่คุ้มเสีย! สืบนครบาลรวบสาวกลางอนุสาวรีย์ชัย รับจ้างเปิดบัญชีม้า เช็กประวัติมีหมายจับเพียบ

วันที่ 7 พ.ค. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังจับกุม น.ส.ชัญญานุช ใคร่ครวญ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/7 หมู่ที่ 6 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ตามหมายจับกว่า 10 หมายจับ 

ประกอบด้วย หมายจับศาลจังหวัดยโสธรที่ จ.76/2565 ลงวันที่ 9 ส.ค. 65 หมายจับศาลจังหวัดพังงาที่ จ.222/2565 ลงวันที่ 28 ก.ย. 65 หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ จ.631/2565 ลงวันที่ 15 พ.ย. 65 หมายจับศาลจังหวัดราชบุรีที่ จ.328/2565 ลงวันที่ 13 ธ.ค. 65 หมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.531/2565 ลงวันที่ 29 ธ.ค. 65 หมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุยที่ จ.10/2566 ลงวันที่ 12 ม.ค. 66 หมายจับศาลอาญาที่ 75/2566 ลงวันที่ 12 ม.ค. 66 หมายจับศาลอาญาที่ จ.166/2566 ลงวันที่ 16 ม.ค. 66 หมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.168/2566 ลงวันที่ 23 มี.ค. 66 และหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ที่ จ.147/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 66 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน จับตัวได้ที่ “กลางถนน” บริเวณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี จ.กรุงเทพ

ตำรวจไซเบอร์ จับกุมขบวนการ Hybrid Scam : Bidget-coins ตุ๋นเหยื่อสูญเงินกว่า 2.5 ล้าน

กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 จับกุมขบวนการ แอบอ้างเป็นหญิงสาวหน้าตาดี เข้ามาตีสนิทผ่านโลกออนไลน์ จากนั้นชักชวนลงทุนเทรดเงินดิจิทัล ผลตอบแทนสูงร้อยละ 50 จนเหยื่อหลงเชื่อ สูญเงินรวมกว่า 2.5 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา มีประชาชนซึ่งตกเป็นผู้เสียหาย จากการถูกกลุ่มขบวนการ Hybrid Scam หลอกให้รักแล้วลงทุน ใช้โปรไฟล์หญิงสาวหน้าตาดี เข้ามาทักทายตีสนิทผ่านทางเฟสบุ๊ค จากนั้นได้มีการพูดคุยติดต่อกันทางแอปพลิเคชั่น ไลน์ เรื่อยมาประมาณ 1 เดือน และได้เริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรด ซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล USDT ซึ่งมีผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 50 ของเงินลงทุน เมื่อผู้เสียหายสนใจ คนร้ายได้ส่งแพลตฟอร์ม Bidget-coins เพื่อให้ผู้เสียหายสมัครสมาชิกเข้าไปลงทุน ซึ่งในช่วงแรกสามารถทำกำไรและเบิกถอนเงินได้ตามปกติ จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 2,588,000 บาท ต่อมาไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยคนร้ายใช้ข้ออ้างต่างๆ เช่น ต้องชำระค่าภาษีหรือค่าธรรมเนียม หรือ ต้องเพิ่มการลงทุนให้มากขึ้น จึงจะถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงได้มาร้องทุกข์กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top