Thursday, 28 March 2024
NEWSFEED

สักการะ 'พระพิฆเนศ' องค์ใหญ่ที่สุดในไทย นำพาสุข สบายใจ เติมเฮง ร่ำรวย สู่ผู้บูชา

ผู้คนที่ศรัทธา ‘พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข’ นิยมมากราบไหว้บูชากันที่วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีความเชื่อกันว่า จะนำพาความสุขสบาย ความมั่งคั่งมาสู่ผู้ที่มาสักการะ โดยพระพิฆเนศองค์สีชมพูนี้ นับว่าเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เป็นไฮไลท์ของวัด ที่นอกจากจะมากราบไหว้แล้ว ก็ยังต้องถ่ายรูปความงามนี้ เช็คอินเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย 

วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอบางคล้า และอำเภอคลองเขื่อน ริมแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เล่าสืบกันต่อกันมาว่า ขุนสมานจีนประชา (เดิมชื่อ จ๋าย สืบสมาน) เป็นคหบดี ผู้มีฐานะฐานะมั่นคงและเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ท่านขุนมีน้องสาว 1 คน คือนางยี่สุ่น วิริยะพาณิชย และมีภรรยา 2 คนด้วยกันคือ นางทิม สืบสมาน และนางผ่อง สืบสมาน ต่อมาเมื่อท่านขุนสมานจีนประชาถึงแก่อนิจกรรมลง นางยี่สุ่นผู้เป็นน้องสาวพร้อมกับภรรยาทั้ง 2 มีความประสงค์จะสร้างวัดเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ขุนสมานจีนประชาผู้ล่วงลับจึงได้ดำเนินการสร้างวัดนี้ขึ้น และจึงตั้งชื่อวัดว่า วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า วัดใหม่ขุนสมาน

พระพิฆเนศ นั้นถือได้ว่า เป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ และความสำเร็จ ทางด้านการศึกษาเล่าเรียน ตำแหน่งหน้าที่การงาน การเงิน ความรัก ปัดเป่าอุปสรรคทุกข์ภัย หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ภายในวัดสมานรัตนาราม นั้นเป็นที่ประดิษฐานของ พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อองค์เป็นสีชมพู มีขนาดความสูงถึง 16 เมตร และความกว้าง 14 เมตร  มีความวิจิตรงดงาม เป็นที่สักการะบูชาของประชาชนทั่วไป 

พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุขนั้น มีความหมายถึง พระพิฆเนศ ปางที่ประทานความมีกินมีใช้ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ เงินทองไม่ขาดมือ ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ รื่นรมย์ ไร้ความทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง 

หลังจากที่ได้ไปไหว้สักการะบูชา องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุขแล้ว อย่าลืมไปกระซิบหู ‘หนูมุสิกะ’ ผู้เป็นต้นห้องขององค์พระพิฆเนศ เพื่อฝากคำขอพรต่าง ๆ ไปยังพระพิฆเนศด้วย มีวิธีการก็คือ ไปยืนที่ด้านหลังแล้วเอาปากพูดตรงหูหนู และเอามือปิดหูของหนูอีกข้างไว้ โดยเชื่อกันว่า หนูมุสิกะ จะนำข้อความทั้งหมดไปบอกให้องค์พระพิฆเนศทราบ และคำขอพรจะสัมฤทธิ์ผล ในที่สุด

‘ธัญญ่า อาร์สยาม’ เคลียร์!! หลังถูกโยงดรามาปมเล่นของจนชีวิตพัง เผย ตนแค่เป็นสายมู แต่ไม่เคยเล่นของ ลั่น!! “ตอนนี้ชีวิตดีมาก”

(16 ก.ค. 66) ทำเอานักร้องสาว ‘ธัญญ่า อาร์สยาม’ ต้องออกมาชี้แจงเป็นการด่วน ๆ เมื่อถูกโยงจากคำใบ้ถึงนางเอก-น้องสาวเล่นของแล้วไม่แก้ จนของเข้าตัวเองทำชีวิตพัง โดยงานนี้ ธัญญ่า ได้ชี้แจงว่า...

“เห็นคลิปนึงที่เขาออกมาพูดมีหลาย ๆ เพจหลาย TikTok ด้วยที่ออกมาพูดถึงประเด็นที่มีอักษรย่อออกมาว่า นางเอกนักร้องดังเล่นของแล้วไม่ไปแก้แล้วของเข้าตัวเอง อะไรซักอย่าง ซึ่งพอไปอ่านในคอมเมนต์แล้วอักษรย่อมันมาตกอยู่ที่หนู แล้วคนก็บอกว่าหนูอ่ะเคยโดนของหรือเปล่า มีโยงมาที่หนูเยอะมากนะคะ แล้วมันมีต่อท้ายด้วยนะคะว่า ตอนนี้ชีวิตคือพังมาก”

“ก็ถามว่าถ้าเรื่องเคยโดนของไหม หนูเคยโดนของนะคะ เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว แต่ว่าก็ไม่ได้ปรักปรำว่าใครเป็นคนทำ แล้วก็เคยไปเล่าในรายการ เดอะโกสเรดิโอ อันนี้ก็ไปหาฟังกันเองนะคะ อาการอะไรยังไงนะคะ แต่ในส่วนของที่เคยไปทำของใส่ใครไหม หรือตัวเองเคยเล่นของไหม ไม่เคยนะคะทุกคน”

“แต่ยอมรับว่าเป็นนักร้องสายมูจริง ๆ มูแบบว่าทำบุญบ่อย ไปวัดบ่อยหรืออาจจะมีลงนะหน้าท้องบ้าง ก็เหมือนคนที่ชอบทำบุญแล้วก็สายมูปกตินี่แหละค่ะ แต่ว่าไม่เคยไปทำของใส่ใครแน่นอน แล้วตอนนี้ชีวิตคือดีมากนะคะ แล้วก็กำลังค้าขายรุ่งเรือง ธุรกิจการงานคือดีมากเลยค่ะ เพราะฉะนั้นอักษรย่อที่มาลงที่ธัญญ่าไม่ใช่นะคะทุกคน”

‘พุดเดิ้ล’ ห่วง ‘แอนนา’ โหมรับงาน จนดมยาสลบ 5 ครั้งใน 2 เดือน ลั่น!! “มันไม่ปกติแล้ว รู้ว่าเครียด แต่คนอยู่ด้วยผวา กลัวคิดสั้น” 

(16 ก.ค. 66) โดยล่าสุด ‘พุดเดิ้ล ยุพดี’ โพสต์เฟซบุ๊กว่า "เพลียมาก คือ คลินิกเค้านอยว่าแอนนาไม่มาตัดไหมที่คลีนิคแต่ไปตัดที่อื่น วันที่ 17 ที่นัดว่าต้องทำหน้าช่วงกราม แอนนาก็ไม่พร้อม ทำเงินค่าจ้างเขาก็จ่ายมาเต็มแล้ว เค้าตามมากับพุดเดิ้ล คือพุดเดิ้ลรับทุกทาง จนพุดเดิ้ลเครียดไปหมดแล้ว แต่ก็เข้าใจสภาพจิตใจแอนนา นางคิดสั้นจนคนในบ้านผวาไปหมด ช่วงนี้พักรับงานให้แอนนาก่อนนะคะ นางไม่ปกติแล้ว"

นอกจากนี้ยังโพสต์อีกว่า "ไม่หวาน ไม่จ้อจี้ แอนนาก็รับงานเอง รับจนดมยาสลบ ไป 5 ครั้ง ใน 2 เดือน มันไม่ปกติคนแล้ว รู้ว่าอยากได้เงิน รู้ว่ามีปัญหา แต่นี่ก็หมดคำจะพูด รักแอนนา แต่อยากให้แอนนารักตัวเองกว่านี้ ดมยาจนตี 3 ตี 4 เดินทั่วบ้าน 8 โมง 9 โมงตื่นมาเดินวนไปมา คนในบ้านมันผวากันหมด กลัวนางจะคิดสั้นอีก คนอยู่ด้วยระแวงไปหมดแล้ว"

นอกจากนี้ ‘แอนนา’ ยังแชร์โพสต์ของ ‘พุดเดิ้ล’ ไปที่เพจของตนพร้อม โพสต์อีกว่า "งดติดต่องานผ่านพุดเดิ้ลก่อนนะคะช่วงนี้ ติดต่อทุกอย่างทักเพจค่ะ พุดเดิ้ลนางรับไม่ไหวแล้ว" และบอกอีกว่า "อย่าไปตามจิกที่นาง มีอะไรมาตามที่แอนนา"

‘น็อต วิศรุต’ เล่นใหญ่!! เหมาโรงหนังเพื่อ ‘ชมพู่ อารยา’ ยกทัพพนักงานมาดูหนังที่ภรรยาคนสวยเล่นเป็นนางเอก

(16 ก.ค. 66) เผลอแป๊บเดียว ซุป'ตาร์สาวอย่าง ‘ชมพู่ อารยา’ ก็แต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวกับสามีนักธุรกิจ ‘น็อต วิศรุต’ มาเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว อีกหนึ่งครอบครัวที่สุดแสนเพอร์เฟค แถมครองใจแฟน ๆ กันได้ทั้งบ้านเลย ด้วยความน่ารักและเจื้อยแจ้วของพี่แฝด ‘สายฟ้า-พายุ’ และความน่าเอ็นดูของน้องสาวคนสุดท้อง ‘แอบิเกล’ ที่มาเพิ่มเติมสายใยความผูกพันให้อบอุ่นมากยิ่งขึ้น รวมถึงความเป็นแฟมิลี่แมนของ ‘พ่อน็อต’ ที่ทำให้หลายคนอดชื่นชมไม่ได้ บอกเลยครอบครัวนี้ทั้งอบอุ่นและน่ารักมากจริง ๆ

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก มนุษย์ตุ๊ด ได้เผยโมเมนต์ที่ ‘พ่อน็อต’ ทั้งรักและซัพพอร์ตเมียแบบทุ่มสุดตัว ลงทุนเหมาโรงหนังพาพนักงานในบริษัทไปดูภาพยนตร์ Long Live Love! ลอง ลีฟ เลิฟว์ ที่นำแสดงโดยแม่ชม และพระเอกหนุ่ม ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

พร้อมแคปชันว่า "ผัวที่ดีคือผัวที่ซัพพอร์ตเมีย ล่าสุดพ่อน็อตเหมาโรงหนังให้พนักงานที่โรงงาน
มาดูหนังที่แม่ชมเล่น แบบฉ่ำ ๆ ช่วยเมียทำมาหากินแล้วหนึ่ง!! น่ารักกกก"

'Mission Impossible 7' ได้คะแนน Rotten Tomatoes สูงถึง 99% นับเป็นคะแนนวิจารณ์ที่ดีที่สุดในอาชีพนักแสดงของ ‘ทอม ครูซ’

เมื่อไม่นานมานี้ แม้จะยังไม่เข้าฉายอย่างเป็นทางการ และได้รับคะแนนจากนักวิจารณ์เพียง 147 คนเท่านั้น แต่ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One ก็ได้รับการการันตีมะเขือสดหรือ Certified Fresh บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes เป็นที่เรียบร้อยด้วยตัวเลข 99% พร้อมด้วยคะแนนเฉลี่ยที่สูงถึง 8.10 คะแนน 

ด้วยเปอร์เซนต์ที่สูงถึง 99% จึงทำให้ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One กลายเป็นผลงานที่ได้รับเปอร์เซนต์ฝั่งนักวิจารณ์สูงที่สุดในแฟรนไชส์ และเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในอาชีพการแสดงของ Tom Cruise ในทันที นับตั้งแต่เจ้าตัวเริ่มมีผลงานตั้งแต่ยุค 80 ผ่านภาพยนตร์มากกว่า 45 เรื่อง ซึ่งแชมป์เก่าก็คือผลงานภาคก่อนหน้าอย่าง Mission: Impossible - Fallout ที่ตัวเลข 97% ตามมาด้วยผลงานในปีที่แล้วอย่าง Top Gun: Maverick ที่ทำไว้ได้ถึง 96% นั่นเองครับ

แต่ถึงกระนั้น แม้ความชอบของนักวิจารณ์จะสูงเกือบร้อยเปอร์เซนต์ แต่ด้วยคะแนนเฉลี่ยที่ 8.10 ของ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One นั้นยังน้อยกว่าผลงานภาคก่อนหน้าอย่าง Mission: Impossible - Fallout ซึ่งทำได้ที่ 8.40 คะแนนและ Top Gun: Maverick ที่มีคะแนนเฉลี่ย 8.20 คะแนน

Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One แสดงนำโดย Tom Cruise, Rebecca Ferguson, Simon Pegg, Ving Rhames, Hayley Atwell, Vanessa Kirby, Henry Czerny, Esai Morales, Pom Klementieff และ Cary Elwes ภายใต้การกำกับของ Christopher McQuarrie ได้วางกำหนดฉายเอาไว้วันที่ 11 กรกฎาคม

‘แม่น้อย’ โวย!! ถูกลูกสาว ‘หญิง รฐา’ สั่งหยุดขายส้มตำ ด้านแม่สวนกลับ ยื่นคำขาด!! “จะให้เลิกตำ ต้องมีหลานให้ฉัน”

(15 ก.ค. 66) ถูกสั่งห้ามขายส้มตำซะแล้ว สำหรับ ‘แม่น้อย โพธิ์งาม’ ที่ปัจจุบันเปิดร้านขายส้มตำอยู่แถวบางนา ก.ม.14 (ขาออก) แต่ด้วยความเป็นห่วงของลูกสาว อยากให้แม่ได้พักผ่อน ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยให้ลำบากแล้ว

ล่าสุด แม่น้อย เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับ หญิง รฐา ที่ร่วมกับเพื่อนๆ จัดงานเปิดตัว The Grand Opening of Our New ‘ACTLAB THE MASTERS’ เปิดสถาบัน แอ็ค แล็บ ห้าห้า เดอะ มาสเตอร์ สถาบันสอนการแสดง สาขาบางนา ที่ ลานอีเวนต์ ชั้น 1 ATT U Park Bangna

จากนั้น แม่น้อย ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องร้านส้มตำที่ลูกสาวไม่อยากให้ไปทำแล้ว โดยเจ้าตัว เผยว่า…

“อยากให้ช่วยหน่อยว่าอย่าให้เขามาห้ามแม่มากนัก เพราะแฟนๆ ส้มตำของฉันเขาก็บอก ว่าบอกลูกด้วยว่าถ้าแม่น้อยหยุดฉันไม่มีที่กิน”

ใครห้ามแม่พูดไป?
แม่น้อย : “ญาญ่า ญิ๋ง นี่แหละค่ะ แล้วลูกเขยฉันเป็นคนเสริม แม่ครับจะทำอะไรแม่ทำตามใจที่แม่ชอบเลย (อีกคนยุอีกคนห้าม?) แล้วฉันจะไม่รักลูกเขยฉันได้ยังไง แกคิดดูสิ”

แล้วทำไมลูกมาทำอย่างนี้กับแม่ได้?
แม่น้อย : “ฉันบอกหญิงฟังฉันนะ ฉันไม่ได้ทำฟรี ฉันได้ตังค์ด้วยนะ (ฉันหาเงิน?) เออ พูดถูก ไอ้นี่พูดดี (หัวเราะ) เล่นตลกมาเลี้ยงมันก็เงินจากประชาชนนี่แหละ และแฟนๆ สมัยนั้นยังไม่มีโซเชียล เขาก็รักเรามาตลอด นี่ก็โตมาได้ก็เงินของประชาชน แล้วตอนนี้ฉันนะไม่ได้เล่นตลก ฉันเอาส้มตำมาแทน ก็เงินของแฟนๆ ฉันทั้งนั้น (แล้วจะมาห้ามฉันทำไม?) ใช่ (หัวเราะ)”

แล้วไม่เคยเล่นติ๊กต็อกใช่มั้ย?
แม่น้อย : “หลานสาวเอามา คอมเมนต์เพียบเลยบอกว่าให้กำลังใจแม่น้อยนะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ น้อย โพธิ์งาม ขอสรุป ถ้านางจะให้ฉันเลิกตำส้มตำ นางต้องมีหลานให้ฉัน (หัวเราะ) แล้วฉันจะวางสากวางครก”

ประกาศตรงนี้เลยนะ?
แม่น้อย : “ใช่ เพราะอยู่บ้านมันจะเหงา ขอโทษลูกๆ ทุกคนนะคะ อย่าห้ามพ่ออย่าห้ามแม่ ให้แกได้ทำอะไรให้ซ้อมได้ปั่น ได้คิดเงิน ได้ตำบ้าง ให้ฉันได้ตอแหลกับแฟนๆ บ้าง จะมาห้ามอะไรฉัน เพราะฉะนั้นคำชมต่างๆ ที่ให้แม่น้อยมาก็ขอขอบคุณตรงนี้ด้วยนะคะ”

ยื่นคำขาดไปนานหรือยัง ว่าต้องมีหลานนะ?
แม่น้อย : “ก็นี่แหละ เต็มๆ ก็วันนี้ (ครั้งแรกในโลก?) ใช่ ครั้งแรกในโลก (แล้วถ้ามีหลานจริงๆ แฟนๆ ส้มตำล่ะ?) ห๊ะ ฉันก็จะรักหลานมากกว่าก็ได้ (หัวเราะ)”

ถ้าหญิงบอกว่า แม่ไม่ต้องทำงานให้ เขาให้เงินเดือนละ 1 ล้าน?
แม่น้อย : “ไม่ต้องล้าน แค่แสน แม่ก็ไม่ทำอะไรแล้ว แต่ที่ฉันทำนี่อย่างน้อยๆ นะ เอาจริงๆ หนี้สินนะหมดแล้ว แต่ดันไปสร้างร้านขึ้นมาก็มีขาดทุนบ้าง โควิดบ้าง เขาก็บอกอะไรของแม่เนี่ย แล้วฉันขอถามหน่อย ถ้าไม่ให้ฉันทำ ฉันนั่งเป็นง่อยอยู่บ้านแกพอใจไหม ลูกๆ ทุกคนที่ห้ามพ่อแม่ไม่ให้ทำอะไร เธอน่ะเป็นตัวฆ่าพ่อฆ่าแม่ ไม่ได้นะคนแก่สมัยนี้ต้องทันเด็กรุ่นใหม่”

คำนี้พูดกับ หญิง ใช่ไหม?
แม่น้อย : “พูดกับทุกคนนี่แหละ (หัวเราะ) (นี่คือความในใจใช่ไหม?) ใช่ ฉันไม่ได้เจอกับนักข่าวมานานมาก แต่ก่อนหญิงเขาพาฉันไปทำงานด้วย ฉันจะไปด้วยทำไม ฉันตำส้มตำ ฉันได้ตอแหลกับชาวบ้านฉันสนุกกว่า ไปกับเขานะ เขาพูดแต่ภาษาอังกฤษกัน ฉันไม่รู้เรื่องกับเขา ฉันก็ไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ)”

ตอนนี้ขายยังไงบ้าง?
แม่น้อย : “มีออกบูธนะ ตามกระทรวงต่างๆ โรงพยาบาลต่างๆ เรียกไปหมดแล้ว (หญิงก็ห่วงแม่จะไม่สบาย?) ฉันเดือดร้อนมันหรือเปล่า เปล่าเลย ประกันเป็นคนจ่าย (หัวเราะ)”

ตอนไฟดูด ตอนมีดบาดทำยังไง?
แม่น้อย : “อันนั้นตกใจ หงายเงิบเลย ฉันเก่งนะ ฉันขับรถออกไปเอง มือหนึ่งกำมือหนึ่งขับรถเองด้วย (เก่งขนาดนี้ไม่ต้องมีลูกก็ได้?) (หัวเราะ) เธอนะถูกใจฉันจริงๆ ขอขายของหน่อย ร้านฉันอยู่แถวนี้เอง บางนา ก.ม.14 ก่อนถึงธนาซิตี้ค่ะ”

แฟนคลับห่วงสุขภาพ ‘เจนนี่ BLACKPINK’ หลังต้องโด๊ป ‘IV Drip’ ก่อนขึ้นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 66 สาว ๆ BLACKPINK ได้ปล่อยคลิปวิดีโอสุดพิเศษ ‘BLACKPINK ‘B.P.M.’ Roll #27’ หรือ ‘BORN PINK Memories’ คลิปสรุปเส้นทางการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก ซึ่งมีเรื่องราวน่าประทับใจมากมาย แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ ‘เจนนี่’ ได้เล่าเรื่องที่ทำให้แฟนๆ ไม่ค่อยสบายใจ เพราะมีช่วงหนึ่งเธอเล่าว่า ก่อนที่จะขึ้นคอนเสิร์ตที่โอซาก้า เมื่อวันที่ 3-4 มิถุนายน ที่ผ่านมา เธอต้องทำการ ‘IV Drip’ หรือ ‘Intravenous Therapy’ หรือ ‘การทำวิตามินบำบัด’ คือการให้วิตามินหรือสารน้ำผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกาย และส่งผลในการบำรุงร่างกายได้ทันทีเนื่องจากในตอนนั้นร่างกายเธออ่อนแอจากการทำงานหนักติดต่อกัน เจนนี่ยังโชว์แขนให้เห็นว่า เธอใช้ตุ๊กตาที่เธอเคยให้โรเซ่มาใช้หนีบแขนเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดรอยช้ำจากรูเจาะน้ำเกลือ

แฟนๆ ที่ได้ชมคลิปนี้ต่างแสดงความเห็นห่วงเจนนี่กันอย่างล้นหลาม เพราะตอนที่เธอขึ้นคอนเสิร์ตเธอแสดงแบบทุ่มสุดตัวจนไม่มีใครรู้เลยว่าป่วย แต่ในสัปดาห์ต่อมาเมื่อเธอไปแสดงคอนเสิร์ตที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย วันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจนนี่ ไม่สามารถแสดงต่อจนจบเธอต้องลงจากเวทีไปก่อน แสดงให้เห็นว่าสภาพร่างกายของเธอยังไม่ได้ฟื้นฟูเต็มที่

เหล่า BLINK จำนวนมากออกมาเรียกร้องให้ทางต้นสังกัด YG มีการดูแลศิลปินให้ดีกว่านี้ โดยอาจจะปรับตารางการทำงานให้มีช่วงเวลาพักมากขึ้น แม้ว่าแฟนๆ จะอยากเจอสาวๆ BLACKPINK มากแค่ไหน แต่ถ้าส่งผลกับสุขภาพของศิลปินก็ไม่ควรจัดงาน

‘โบว์ เบญจวรรณ’ เปิดใจถึงอดีตแฟนหนุ่ม ‘ก๊อต จิรายุ’ เผย กำลังพยายามมูฟออน แม้ยังรักอยู่ แต่เป็นเพื่อนกันดีกว่า

(15 ก.ค. 66) เปิดใจ ‘โบว์ เบญจวรรณ’ หลังเจอมรสุมรักพังแบบไม่ทันตั้งตัวกับพระเอกชื่อดัง ไม่รู้ว่าตอนนี้ สาวโบว์ มูฟออนได้หรือยัง? พร้อมเผยเหตุผลทำไมตัดสินใจไปฝากไข่ หรือว่ามีหนุ่มใหม่มาดามใจเรียบร้อยแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง One 31 ที่มี ‘หนิง ปณิตา’ และ ‘ชมพู่ ก่อนบ่าย’ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

วันนี้เป็นยังไงบ้าง?
โบว์ : วันนี้โอเคนะ แฮปปี้ จริง ๆ แล้วโบว์พยายามที่จะแฮปปี้ในทุก ๆ วัน มันมีหลายอย่างที่โบว์สามารถมีความสุขกับมันได้ พยายามจะไม่ไปจมปลักกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินไป

เหมือนเรามีเรื่องถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกันเลย?
โบว์ : มีอยู่แล้ว โบว์ว่ามันมีคำถามเยอะแหละในตัวเอง เพราะว่ามันมีการตั้งคำถามกับตัวเอง มีการตั้งคำถามกับสถานการณ์ แล้วมันมีความสงสัยเกิดขึ้น สับสน มันหลากหลายอารมณ์มาก ๆ ณ ตอนนั้นที่เราเองต้องจัดการ แล้วมันมาแบบเร็ว 1 ทั้งหมด โบว์ว่ามันเป็นเรื่องปกติของทุกคนแหละ ที่เราเจอสถานการณ์อะไรที่มันช็อกหน่อย ๆ มันจะยังไม่รู้ว่ามันจะต้องทำยังไงให้ตัวเองเข้าใจ และออกจากสถานการณ์นั้น ๆ ได้ ของโบว์ อันดับแรก โบว์ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และโบว์ต้องมีการจัดการกับมันให้ได้และให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันใช้เวลาอยู่แล้ว แต่ว่าระยะเวลาของแต่ละคนมันต่างกันกับการที่เราจะจัดการกับความรู้สึก แล้ววิธีการมันก็ต่างกัน มีหลายคนเข้ามาแนะนำ โบว์เข้าใจทุกคนอยากให้โบว์ขึ้น แต่บางทีด้วยวิธีการจัดการของคนอื่นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับโบว์ ณ จุดจุด นี้

สมัยก่อนอาจจะใช่ แต่ ณ ตอนนี้วิธีแบบเดิม มันอาจไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นวิธีที่โบว์คนพบกับตัวเอง แน่นอนโบว์เป็นคนทำสมาธิอยู่แล้ว เอาตรงนี้มาใช้แบบเต็มที่ แล้วแต่ละวันมีการจดบันทึกอยู่แล้วว่าอยากขอบคุณอะไร โบว์เลยเปลี่ยนไดอารี่นั้นเป็นการจดถึงอารมณ์ตัวเอง แต่ละวันที่เรารู้สึก เพราะโบว์ไม่ยากไปโทรหาเพื่อนว่าวันนี้เป็นอารมณ์ แบบนี้ ไม่รู้ว่าเองเจออะไรๆ อยู่บ้าง โบว์เล่าพัฒนาของอารมณ์ตัวเอง ช่วงแรก ๆ อึ้งกับความรู้สึกที่มันแปลกเราจะรับมือกับมันยังไง ผ่านไปก็แบบวันนี้ดีขึ้น มันไม่ใช่ทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วเราจะนอยด์ แล้วไม่ใช่ทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วเราจะแฮปปี้ แต่ละวันมันจะไม่เหมือนกัน ทุกชั่วโมงมันเปลี่ยนแปลงหมดเลย บางทีเราตื่นมาโอเค แต่มานอยด์ตอนเย็นแทน

อย่างเช้านี้เป็นยังไง?
โบว์ : ดีค่ะ เขียนไปเลยวันนี้เป็นวันที่ดี วันนี้ตื่นมาขอบคุณทุกสิ่ง ทุกอย่างที่โบว์มี แล้วอารมณ์วันนี้โบว์รู้สึกว่าคงที่ขึ้นเรื่อย ๆ

แสดงว่าตลอดเวลา 2 เดือนที่เป็นโสด 100%จะเขียนไดอารี่ตลอดเวลา?
โบว์ : เขียนตลอด เขียนเพิ่มขึ้น

เหมือนเป็นการที่เราอยู่กับตัวเองแล้วให้เวลาดูตัวเอง?
โบว์ : ใช่ เหมือนเป็นที่ปรึกษาให้ตัวเองไปเลย เพราะโบว์ไม่อยากไประบายกับทุกคนเรื่อย ๆ เพราะเขาก็มีปัญหาของเขา แล้วเราก็ไม่ต้องไปยัดเยียดอะไรให้ใครด้วย

ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วง ทำไมถึงไม่พูด ถึงไม่เล่า?
โบว์ : โบว์คิดว่าโบว์น่าจะจัดการกับตัวเองได้ดีที่สุด แต่กำลังใจจากคนรอบตัวสำคัญ เพราะว่าวันที่โบว์ตัดสินใจได้ว่าโอเค พวกยูเข้ามาเลย แล้วมันทำให้เห็นเลยนะ ว่ามันก็เป็นอีกอารมณ์หนึ่งที่มีเพื่อนอยู่รอบตัว

ยังมีอะไรมาสะกิดใจเรา แล้วยังมีน้ำตาอยู่?
โบว์ : ด้วยมันเป็นระยะเวลาที่นาน สิ่งที่เล่นตลกกับเราบ่อย ๆ คือความทรงจำ ภาพต่าง ๆ ที่เราเคยมีความสุข

เวลาไปที่เดิมๆ ซ้ำๆ?
โบว์ : มีบ้างแต่มันก็ไม่ถึงกับน้ำตาซึมหรอก แต่เราแบบ เออ… ที่นี่ก็ใช่ เราเคยมากับเขาหรือสถานที่นี้ กิจกรรมนี้ด้วย ความที่เราอยู่เราอยู่ด้วยกันมานาน มันก็มีกิจกรรม มีเพื่อนคล้าย ๆ กัน

วันนี้มูฟออนได้กี่เปอร์เซ็นต์?
โบว์ : ไม่รู้วัดยังไง มันต้องใช้เวลา โบว์ไม่อยากบอกว่าโอเค จบแล้ว แล้ววันหนึ่งมีอะไรมาสะกิดแล้วมันก็ดาวน์กว่าเดิม โบว์ค่อย ๆ ตกผลึกไปดีกว่าว่าตอนนี้เป็นยังไง วันไหนดีก็บอกว่าดี

การที่เราอยู่กับตัวเองทุกวัน ที่ผ่านมาโบว์ก็หาคำตอบด้วยว่ามันเพราะอะไรถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น นี่ผ่านมา 2 เดือนแล้ว โบว์ได้เจอคำตอบนั้นหรือยัง?
โบว์ : เอาตรง ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นที่ออกมาพูดไม่ได้มีการค้นหาเพิ่มเติมแล้ว โบว์คิดว่ามันไม่ได้ส่งผลดีกับตัวโบว์เหมือนการที่โบว์วิ่งวนอยู่ในวงกลม ถามตัวเองว่าทำไม มันไม่ได้ดีกับตัวเอง โบเลยเบนเข็มไปหาอะไรที่ทำให้เราออกมาจากตรงนี้ได้ดีและเร็วขึ้นดีกว่า มีแว๊บ ๆ ไหมมันมีแหละ แต่ไม่มีประโยชน์ที่ให้ตัวเองไปอยู่ในจุดนั้นอะไรที่เป็นความสุขของเราวันนี้ก็โฟกัสไปตรงนั้น อะไรที่ไม่ใช่ก็ต้องยอมปล่อย

มันมีสัญญาณมาบอกเราไหมว่ามันจะถึงวันนี้ ?
โบว์ : ในมุมโบว์ไม่มี เพราะว่ามันมีการพูดถึงอนาคตด้วย มีการวางแพลนบ้าง เหมือน ณ ตอนนู้นเราเลือกกันแล้วแต่แค่มาวันนี้มันไม่ใช่ โบว์ก็ต้องยอมรับว่ามันเท่านี้ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เรามอบความรักให้คนนี้มากกว่า แต่ก่อนเราอาจมีแบ่งปันให้ แต่ตอนนี้ก็กลับมาที่ตัวเองเยอะขึ้นเท่านั้นเอง โบว์ว่ามันเป็นอะไรที่ทุกคนทำแล้วมันดี

แต่จะมีคนอีกกลุ่มมองว่าโบว์ไม่ยอมมูฟออน เลยจะมีโมเมนต์ของความแอบเศร้าอยู่บ้าง?
โบว์ : โบว์นับถือทุกคนเลยนะที่เขามูฟออนได้เร็ว ถ้าคุณทำได้ ทำได้ดี ดีใจกับคุณ มันเป็นสิ่งที่อเมซิ่งมาก แล้วโบว์ชื่นชมมากนะ แต่ว่ามันอาจไม่ใช่โพรเซสของโบว์ เพราะว่าของโบว์มัน 10 ปี ความทรงจำมันค่อนข้างเยอะ มันดีมาตลอด เพราะความที่มันดี มันแฮปปี้นี่แหละ มันเลยทำให้เรา เอ๊ะ… มันไม่ดีตรงไหน มันไม่ใช่เราไม่ทะเลาะกันนะ มันมีการทะเลาะกัน

ได้มองไหม วันนี้มันอาจจะเป็นเรื่องของสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เรื่องของเวรกรรม หรือพันธสัญญาบางอย่างที่มันไม่ใช่?
โบว์ : โบว์ว่าเป็นไปได้หมด แค่โบว์ไม่ได้ไปแสวงหาจุดกำเนิดมันมาจากอะไร ยังไง พยายามอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วจัดการกับตัวเอง เรียบเยงทุกอย่างใหม่มันก็โอเค ตอนนี้เราได้หันมาทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราต้องการทำแล้วโฟกัสไปที่ตัวเองได้เต็มที่

เหตุการณ์ครั้งนี้โบว์ไม่ค่อยคุยกับคนรอบข้าง แต่เวลาเราเจอเพื่อน เราดีขึ้นแล้ว เราก็จะอัปเดตไปคร่าวๆ กำลังใจที่สำคัญของโบว์ที่ทำให้เราสามารถเดินหน้าไปแต่ละวันให้มันมีขึ้นอยู่ที่ ใคร?
โบว์ : ทั้งแฟมิลี่และเพื่อนเลย เพราะมันเป็นพลังงานที่โบว์รับแล้วโบว์รู้สึกเติมเต็มโบว์มาก ๆ โดยเฉพาะจากแม่ บอกตรงๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องโบว์ห่วงเขามากที่สุด เพราะว่าคุณแม่อายุเยอะแล้ว 70 กว่าแล้ว โบว์ไม่อยากให้เขาห่วง หรือถ้าวันนึงเขาไม่อยู่แล้วลูกจะยังไง มีใครอยู่ด้วยหรือเปล่า โบว์ก็เป็นห่วงเขาตรงนั้น แต่ว่าพอเกิดเรื่องจริง ๆ ทำให้เห็นว่าเขาเข้มแข็งกว่าที่เราคิดเยอะมาก ๆ เขาไม่จี้ถามโบว์เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถามอย่างเดียวเลยว่าหนูเป็นยังไง กินข้าวยังวันนี้ดีขึ้นไหม

หลังจากเหตุการณ์นี้ครอบครัวรักกันมากขึ้นด้วย?
โบว์ : ใช่ เหรียญมันมี 2 ด้น บางทีเรามัวแต่มองด้านนึงที่มันเศร้า หรือแบบทุกข์ กลายเป็นว่าเราไม่ได้มองอีกด้านนึงพอเราเห็นอีกด้านนึงคุณแม่โบว์เหมือนผ่าตัด 3 ปีที่แล้ว เขากินข้าวไม่ค่อยได้ ดูแลตัวเองไม่ค่อยต่อเนื่อง ฟิลแบบเบื่อไม่อยากทำอะไรแล้ว จะมีความหงุดหงิด แล้วเขาก็มีการพาลกับบุคคลรอบตัวนิดนึง ซึ่งพี่ชายอยู่พัทยากับคุณแม่ เขาจะเป็นคนที่รับผลกระทบอยู่เรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ก็จะมีพี่โทรมาบ่น แม่โทรมาบ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์กลายเป็นว่าสายที่โบว์ได้รับ ยิ้มแย้ม แม่กินข้าวแล้วนะ หนูกินยัง วันนี้พี่เขาพาไปนู้น ไปนี่นะ มันดีนี่ มันเป็นอะไรที่แบบสิ่งนี้โบว์อยากฟังมาตลอดว่าเขาแฮปปี้ เสียงเขาดี ไม่มีเสียงป่วยเลย ก่อนหน้านี้จะมีเสียงปวดนู้นนี่นั่น แต่ตอนนี้เสียงเขาสดใสมากมันทำให้โบว์รู้สึก นี่แหละคือความรักของโบว์ นี่คือกำลังใจของโบว์

ถ้าคุณแม่ดูอยู่อยากให้ความมั่นใจอะไรกับท่านบ้าง?
โบว์ : แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนู: หนูเข้มแข็งตามรอยแม่แน่นอน แม่เข้มแข็งยังไงหนูก็เข้มแข็งอย่างนั้น ความรักที่แม่มีให้หนู หนูรับรู้ได้สมอ แม่ไม่ต้องน้อยใจเลย แม่คือไอดอลของหนู หนูรักแม่ แล้วจะเข้มแข็งเพื่อแม่นี่แหละ

อีกฝ่ายออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว โบว์ได้ดูไหม?
โบว์ : โบว์เห็นเป็นบทสรุป โบว์ไม่ได้ไปดูตัวคลิปเต็ม คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าไปดู มันมีคนส่งมาแหละ เข้าใจดูเป็นสรุปทั่ว ๆ ไปดีกว่า

พอโบว์ไม่ฟังมันก็มีดรามา ทำไมไม่ฟังล่ะจะได้รู้เหตุผล อยากบอกอะไรกับคนพวกนั้นไหม?
โบว์ : โบว์ว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด โบว์ไม่สามารถไปบังคับหรือไปตีกรอบได้ว่าคุณต้องคิดเท่านี้นะ ต่อให้โบว์พูดความจริงทั้งหมด แต่คนเขามีความคิดอีกแบบ มันก็ต้องปล่อยให้เขาคิดแบบนั้น ต่อให้โบว์ทำดีที่สุด มันก็ยังมีคนที่เขาจะเห็นต่าง ก็ต้องยอมรับ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับเรา

ก็จะมีประโยคนั่งไม่รู้ได้อ่านไหม ‘ก็ยังรักอยู่ แต่เป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุดแล้ว’ คิดยังไงกับคำนี้บ้าง?
โบว์ : ก็ขอบคุณค่ะ โบว์ไม่รู้ว่าโบว์จะต้องรู้สึกกับคำพูดนี้ยังไง หลังจากวันนั้นมันไม่ได้มีการพูดคุยกัน มันไม่รู้ว่ามันจะเป็นเฟรนด์ชิพกันยังไง

ตั้งแต่เลิกกันมีการติดต่อกันบ้างไหม?
โบว์ : ไม่เลย ไม่ได้คุย ไม่ได้มีการทักหา

โบว์สามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ไหม?
โบว์ : เป็นได้นะ เพราะโบว์ไม่มีความคิดร้ายกับเขานะ ไม่มีความโกรธหรือเกลียดเขาเลย โบว์ไม่รู้ว่าโบว์จะพูดถึงเขาในแง่ร้ายทำไม ในเมื่อในมุมมองโบว์เบาก็คือคนดีคนนึง

ไม่โกรธ ไม่เกลียด แล้วน้อยใจบ้างไหม?
โบว์ : มี บางอย่างที่เคยพูดไว้ มันมีวกกลับไปแหละ: ตอนนั้นเคย แต่ก็กลับมาเหมือนเดิม มันไม่มีประโยชน์ที่โบว์จะไปหาคำตอบ

แล้วถ้าวันนึงมาร่วมงานกันล่ะ?
โบว์ : ดีใจที่ได้เจอ เพราะว่าเราไม่ได้เจอกันเลย คงไม่ใช่แบบไม่เอา ไม่เจอ มันไม่ใช่ฟิลนั้น

เพื่อนมีมาอัปเดตเรื่องเขาบ้างไหม?
โบว์ : ไม่มีเลย

ลึก ๆ จริง ๆ อยากรู้ไหม?
โบว์ : อยากรู้แหละ อยากรู้ว่าสบายดีไหม เป็นไงบ้างชีวิตช่วงนี้ คืออยากรู้แน่ พอมันไม่มีการเคลื่อนไหวก็เป็นไปตามนั้น ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ โบว์ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน หรืออาจจะไม่ได้มีการเจอกันเลย ก็ต้องยอมรับ

ตัดสินใจไปฝากไข่?
โบว์ : เป็นเวลาที่แปลก ๆ เหมือนกัน โบว์ 36 แล้วช่วงนี้เพื่อนโบว์ฝากไข่กันเยอะมาก โบว์ได้มีโอกาสไปช่วยเขาแบบปักยาให้ ทำรีเสิชดูว่ายังไง โบว์ไม่ได้มีแพลนว่าจะมี เพราะว่าพอมันสายนั่งสมาธิ เรารู้สึกว่าเราขอจัดการกับตรงนี้ก่อน แต่พอเห็นเพื่อน ๆ เริ่มทำก็ลองศึกษาดู จริง ๆ โบว์เป็นคนที่เหมือนฮอร์โมนผิดปกติตั้งแต่เด็ก ๆ ต้องทานยา ช่วงก่อนประจำเดือนมา มีมู้ดต่าง ๆ ปวดแบบค่อนข้างเยอะมาก จนโบว์รู้สึกว่าทำยังไงให้มันหายได้ ไปปรึกษาคุณหมอเรื่องนี้ คุณหมอก็บอกว่าต้องมีน้อง มันถึงจะกลับไปปกติ แต่โบว์บอกว่าโบว์ไม่ได้พร้อมที่จะมี หรืออยากมี เพราะฉะนั้นมันมีทางไหนได้บ้าง เขาก็เลยนี่แหละ มันอาจไปกระตุ้นให้รังไข่กลับมาทำงานปกติก็เลยลองดู

เห็นว่าตอนแรกทำได้อาทิตย์เดียวถอดใจเลย?
โบว์ : ถอดใจค่ะ สำหรับโบว์ตอนแรก โบว์ได้มา 1 เข็ม ปักไปประมาณ 5 วัน แล้วก็พอไปตรวจอีกทีขนาดไข่มันไม่ได้โตเท่าเกณฑ์ที่ควรจะโตก็เลยเป็น 2 เข็ม เข้าอาทิตย์ที่สอง พอไข่มันเริ่มโตขึ้น พื้นที่ในท้องเรามันเริ่มแน่นขึ้นแล้วอาการแบบท้องอืด แน่นทั้งหมด ไม่สบายตัว รอบเอวขึ้นมา 3 นิ้ว

พอเริ่มเข้ากระบวนการฝากไข่ ทำให้เรารักคุณแม่มากขึ้น?
โบว์ : มาก โบว์ชื่นชมคุณแม่ทั้งหมดมาก ๆ ของโบว์ทำไป 2 อาทิตย์ มีคุยกับผู้จัดการ โบว์ว่าโบว์มีไม่ได้แน่ ๆ เลยแค่ 2 อาทิตย์ยังไม่ไหวเลย แล้วคนที่ขาต้องอุ้ม 9เดือน เก่งจังเลย แล้วนึกถึงคุณแม่ แม่เราอดทนมากเลยเนอะกว่าจะเลี้ยงเราโตมาได้ มันกระบวนการหลายอย่าง เพราะคนที่ตั้งครรภ์จริง ๆ อากรแพ้ท้องมันไม่ได้อยู่แค่ 2-3 วัน บางคนอยู่เป็นเดือน อยู่ทนกันได้ยังไง เก่งมาก

สรุปกระบวนการฝากไข่ของเราสำเร็จไหม?
โบว์ : ได้เยอะด้วย เก็บเรียบร้อยแล้วค่ะ นี่ผ่านมา 2 อาทิตย์ได้แล้วค่ะ

ลึก ๆ อยากมีน้องไหม?
โบว์ : ไม่ได้อยากมี ความคิดโบว์อยากรับเลี้ยง แต่ว่าด้วยงาน ด้วยอะไร มันอาจจะยังไม่ได้ แล้วยังไม่ได้มีคนช่วยดูแล

แล้วตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไหม พอเราได้ฝากไข่?
โบว์ : ยังไม่เร็ว ๆ นี้

ความรักที่ผ่านมาทำให้เราเข็ดกับความรักไหม?
โบว์ : ไม่ค่ะ เพราะว่าแต่ละคนมันต่างกัน โบว์ไม่สามารถเอาประสบการณ์นี้ไปส่งให้อีกคน แล้วกลายเป็นระแวงทุกอย่าง โบว์ไม่ทำแบบนั้น ที่ผ่านมาโบว์ก็ไม่ทำแบบนั้น ไม่ได้จบดีมาเสมอ ถ้าโบว์มัวแต่ระแวง เหมือนสร้างกำแพงขึ้นมาตลอด แล้วคิดว่าคุณต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน โบว์ว่าโบว์อยู่คนเดียวไปดีกว่า ถ้าโบว์มีความคิดแบบนั้นที่จะกลัวไปทั้งหมด อยู่คนเดียวอาจจะตอบโจทย์กว่า แต่ไม่ได้มีความคิดแบบนั้น

เราอยู่กับคนคนนึงมา 10 ปี อยู่ดี ๆ อยู่คนเดียว เราไม่ได้ปิดใจตัวเอง ไม่ได้กลัวว่าใครเข้ามาแล้วจะทำให้เสียเวลา ?
โบว์ : ไม่ได้กลัวนะคะ ไม่ได้กลัวการผิดหวัง เพราะโบว์คิดว่าเราพรีเซ็นต์ตัวเองไปอย่างนี้ เราให้ไปอย่างนี้ อยู่ที่ว่าอีกคนจะตอบกลับมาแบบไหนมากกว่า คือมันต้องมีการพูดคุยกัน มันไม่ใช่อยู่ดี ๆ เจอปุ๊บแล้วให้ไปหมดเลย

แสดงว่าความรักของโบว์ในอนาคตก็น่าจะเป็นสิ่งที่สวยงามอยู่?
โบว์ : เสมอค่ะ ความรักไม่ได้ผิดอะไร มันอยู่ที่ตัวเราเองหรือตัวบุคคลนั้นที่มันมีแรงกระแทกใส่กัน หรือว่ามันจูนกันไม่ติด มันเป็นเรื่องของความเข้าใจมากกว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับความรัก ความรักดีของมันอยู่แล้ว

มีคนเข้ามาหรือยัง?
โบว์ : ไม่ได้มีใครมาดามใจค่ะ อาจจะมีแบบพูดคุย แต่ไม่ได้เชิงรุกขนาดนั้น เพราะว่าโบว์ชัดเจนในมุมของโบว์ โบว์ต้องการจัดการตัวเองให้เต็มที่ก่อน เพราะโบว์ต้องการที่จะแฟร์กับตัวเอง แฟกับคนที่โบว์คุยด้วย ไม่อยากเพราะเหงา เพราะอยู่คนเดียว รู้สึกเศร้า อยากมี มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะโบว์รู้สึกว่ามันเอาเปรียบเขาเกินไป ถ้าโบว์ทำแบบนั้น ขอเคลียร์ตัวเอง

มีคนเข้ามาจีบบ้างแหละ เรียกแบบนี้ได้ไหม ?
โบว์ : ได้มั้ง ผ่านเพื่อนบ้าง ผ่านคนรู้จัก

วางสเปคไว้ยังไง?
โบว์ : จริงใจแล้วก็ปากตรงกับใจ ใจเย็นกับโบว์ เป็นคนสนุก เป็นคนหลายมิติได้ เป็นคนดูแลตัวเอง เพราะโบว์เป็นคนที่ดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นไลฟ์สไตล์มันต้องมีความใกล้เคียงกัน

แล้วข้อห้ามล่ะ ถ้ามีแบบนี้เราไม่เอาเลย ?
โบว์ : เมาขาดสติ อันนี้โบว์เคยเจอเหตุการณ์โบว์คุยไม่รู้เรื่อง เรื่องอายุไม่สำคัญ เพราะบางคนมันดูที่ใจมากกว่า

อร่อยถึงเครื่อง(บิน) ‘Na-Oh Bangkok’ ร้านอาหารสไตล์ Fine Dining มื้อพิเศษ บรรยากาศแสนโรแมนติก กับดนตรีแจ๊ส แสนละมุน

‘นาโอแบงคอก’ ร้านอาหารสไตล์ Fine Dining บนเครื่องบิน ในโครงการช่างชุ่ย ที่เปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการให้เป็นดินเนอร์มื้อพิเศษ

ร้านนี้ใส่ใจในรายละเอียด ตั้งแต่ก้าวแรกที่ขึ้นเครื่องบิน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะอาหาร เสียงดนตรี รวมถึงแสงไฟ ที่ทำให้สาวๆ ถ่ายรูปออกมาได้แบบเพอร์เฟกต์ ได้รูปสวยๆ อย่างแน่นอน

ในซีซันนี้ ร้านนาโอแบงคอก ก็ได้นำเสนออาหารในธีม Mother Tongue ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น ที่จะถูกเปลี่ยนให้เป็นจานพิเศษ จากแรงบันดาลใจ รสชาติในวัยเด็กของเชฟ ถูกปรุง และพรีเซนต์ออกมาได้อย่างสวยงาม แสดงออกถึงความใส่ใจ และความคิดสร้างสรรค์ ที่เปรียบเสมือนการสร้างงานศิลปะลงไปในจาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top