Sunday, 20 April 2025
ไวรัสโคโรนา

ห้องแล็บในสหรัฐ ผสมเชื้อโอมิครอน+อู่ฮั่น ได้ 'โอมิครอน-เอส' อัตราการตายสูงถึง 80%

นักวิทย์ประณาม ห้องแล็บในสหรัฐฯ 'เล่นกับไฟ' เอาเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อู่ฮั่นแบบดั้งเดิม มาผสมกับโอมิครอน จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตถึง 80%

เมื่อวันที่ (18 ต.ค. 65) เว็บไซต์ข่าวเดลี่เมล รายงานอ้างคำเปิดเผยของศาสตราจารย์ชามูเอล ชาปีรา นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของรัฐบาลอิสราเอล ที่กล่าวประณามนักวิจัยของห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยบอสตัน ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ของสหรัฐฯ ที่ทำการทดลองเพาะเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ไฮบริด ที่เกิดจากการสกัดหนามโปรตีนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอน ที่มีอัตราการแพร่เชื้อเร็วสูงสุด มาตัดแต่งเข้ากับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบในเมืองอู่ฮั่น โดยใช้ชื่อว่า 'โอมิครอน-เอส'

นักวิทยาศาสตร์ของอิสราเอลระบุว่า การทดลองนี้เรียกได้ว่าเป็นการ 'เล่นกับไฟ' ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เพราะจากการทดลองกับหนูจำนวน 10 ตัวที่ได้รับเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เพาะออกมาในห้องทดลองนี้ ปรากฏว่าหนูตายไป 8 ตัวจากจำนวนทั้งหมด 10 ตัว คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 80% 

รายงานข่าวระบุว่า การเปิดเผยครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงอันตรายที่ยังคงดำเนินต่อไปจากการทดลองในห้องแล็บสหรัฐฯ ท่ามกลางความหวาดวิตกว่าอาจเกิดการหลุดรอดออกมาของเชื้อไวรัส ทำให้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่อีกรอบ แม้ว่าการทดลองเพาะเชื้ออันตราย อย่างงานวิจัยที่พยายามสร้างซูเปอร์ไวรัสขึ้นมาเพื่อศึกษาว่ามันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างไรได้บ้าง (Gain of Function research) ได้ถูกสั่งห้ามในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ขณะที่มีความเชื่อกันว่า เชื้อไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดการระบาดไปทั่วโลก มีต้นตอมาจากตลาดค้าสัตว์ป่า ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องทดลองวิจัยเชื้อไวรัสโคโรนาในค้างคาว ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ของจีน

นายแพทย์ริชาร์ด อีไบร์ท นักเคมีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยรัตเกอร์ส ในเมืองนิว บรันสวิก รัฐนิวเจอร์ซีย์กล่าวว่า หากโลกต้องการปกป้องไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจากห้องแล็บครั้งใหม่ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องสอดส่องไม่ให้เกิดการวิจัยซูเปอร์ไวรัสอันตรายขึ้นมาอีก


ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2529533

https://ch3plus.com/news/international/frontpagenews/315895

'หมอธีระ' เตือน!! โควิด-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก ชี้!! รอบนี้มากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยหนัก ไม่ใช่ผู้สูงอายุ

(29 เม.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Thira Woratanarat’ ระบุว่า... 

วิเคราะห์การระบาดของไทย…
สัปดาห์ล่าสุด 21-27 เมษายน 2024

จำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,672 ราย เสียชีวิต 9 ราย ปอดอักเสบ 390 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 148 ราย

ผู้ป่วยนอนรักษาตัวใน รพ.มากกว่าสัปดาห์ก่อนถึง 66.5% และขึ้นต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 เท่า

จำนวนปอดอักเสบ เพิ่มขึ้น 33.6% และใส่ท่อช่วยหายใจก็เพิ่มขึ้น 46.5%

คาดประมาณจำนวนคนติดเชื้อใหม่ต่อวันอย่างน้อย 11,943-16,588 ราย

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจำนวนติดเชื้อจริงจะมากกว่านี้

ชัดเจนว่าการเพิ่มขึ้นข้างต้น ไม่ได้เป็นการเพิ่มเล็กน้อย แต่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ

แม้จะมีลักษณะพุ่งขึ้นคล้ายปีก่อน แต่จำนวนผู้ป่วยเริ่มต้นก่อนสงกรานต์ปีนี้นั้นมากกว่าปีก่อนอย่างมาก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์จะหนักกว่าเดิม หากไม่ป้องกันควบคุมโรคให้ดี

หากดูจำนวนผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 148 ราย เป็นคนที่ไม่ใช่สูงอายุคือ 0-59 ปี ถึง 55 ราย คิดเป็น 37.1% มากกว่าหนึ่งในสามของทั้งหมด ดังนั้นแม้ไม่ใช่ผู้สูงอายุ ก็ควรป้องกันตัวให้ดีเช่นกัน

โควิด-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก ไม่ได้เป็นไปตามฤดูกาล แต่แปรผันกันปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องเทศกาล กิจกรรม รวมถึงพฤติกรรมป้องกันตัวของประชาชน

ติดแต่ละครั้ง นอกจากเสี่ยงป่วย ป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิตแล้ว ยังเสี่ยงต่อ Long COVID ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตระยะยาว

ช่วยกันป้องกันตัวนะครับ เพื่อให้ตัวเรา และคนที่เรารักปลอดภัย

อย่าปล่อยแบบ let it rip เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์สุขภาพที่เกิดขึ้น ไม่มีใครแบกรับ นอกจากตัวเราและครอบครัว…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top