Sunday, 8 June 2025
ไทย-เวียดนาม

'รองโฆษกรัฐบาล' เผย ไทย-เวียดนาม จับมือสร้างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ดันการค้า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี68 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนนโยบายการสร้างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งกับประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ 19 พ.ย ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเป็นประธานร่วม โดยมีการเห็นชอบที่จะผลักดันความร่วมมือที่ใกล้ชิดในด้านต่างๆ อาทิ 1) ด้านการเมืองและความมั่นคง 2)ด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 3)ด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน 4) ด้านสังคม วัฒนธรรม และประชาชน 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจนั้น ขณะนี้ไทย เป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามในบรรดาสมาชิกอาเซียน และเป็นผู้ลงทุนลำดับที่ 9 ในเวียดนาม ส่วนเวียดนามเป็นคู่ค้าลำดับที่3 ของไทยในบรรดาสมาชิกอาเซียน และเป็นผู้ลงทุนที่กำลังเติบโตรายใหม่ในไทย ความร่วมมือจะประกอบด้วยการดำเนินงาน เช่น
1)การริเริ่มใหม่ที่ช่วยกระตุ้นการค้าและการลงทุนที่ครอบคลุมและยังยืนระหว่างกัน เช่นการเปิดตัวระบบการชำระเงินค้าปลีกด้วยรหัสคิวอาร์โค้ด โดยธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับธนาคารกลางเวียดนาม เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าดิจิตอลข้ามแดน และ การพาณิชย์ อิเล็คทรอนิกส์ระหว่างสองประเทศ 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 2)ร่วมกันหาแนวทางในการบรรลุเป้าหมายทางการค้าทวิภาคีที่มีมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 ตามที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องร่วมกัน
3)ส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิตอลให้มากขึ้นในสาขาที่มีศักยภาพ อาทิ การชำระเงินข้ามแดน การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีการเงิน (fintech) และนวัตกรรมซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและบูรณาการทางการเงินระหว่างสองประเทศและในภูมิภาค

น.ส.รัชดา กล่าวว่า 4)ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการจัดการนโยบายและกฎระเบียบด้านการนำเข้าและส่งออกระหว่างสองประเทศ รวมถึงการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของสินค้าจากทั้งสองฝ่าย
5)ส่งเสริมความร่วมมือและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะด้านการขนส่ง การค้า การเกษตร และศุลกากร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่งและการส่งออกสินค้าระหว่างสอง 6)ขยายความร่วมมือสอดรับกับนโยบายโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG) ของไทย กับยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียวของเวียดนาม

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 'ไทย-เวียดนาม' จับมือดันราคาข้าวเพื่อชาวนา!!

'อลงกรณ์' เผยเจรจาเวียดนามสำเร็จตกลงจับมือไทยยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก เตรียมเสนอรัฐมนตรีเกษตร "เฉลิมชัย-เล มิน ฮวาน" ตั้งกลไกขับเคลื่อนพร้อมขยายการค้าสินค้าเกษตร2ชาติ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (29 ส.ค)ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตามที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายว่า ในการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จในการขยายความร่วมมือด้านการเกษตรและการค้าระหว่าง 2 ประเทศโดยเฉพาะผลการประชุมหารือความร่วมมือด้านข้าวกับ นายเจิ่น แทงห์ นาม (H.E. Mr. Tran Thanh Nam) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทและคณะผู้บริหารระดับสูง ณ นครเกิ่นเทอ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ.เวียดนามยืนยันอย่างแข็งขันและมุ่งมั่นในการร่วมมือกับไทยยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก

“การเจรจาครั้งนี้เป็นการเจรจารอบที่2ต่อจากการประชุมหารือที่ฝ่ายไทยเสนอข้อริเริ่มให้มีความร่วมมือร่วมกันยกระดับราคาข้าวที่กรุงเทพเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรทั้ง2ฝ่ายคือดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายเล มิน ฮวาน (Mr. Le Minh Hoan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาได้ทราบและเห็นด้วยในหลักการจนนำมาสู่การเจรจาล่าสุดนับเป็นความสำเร็จและเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวอันดับที่2และ3ของโลกตกลงร่วมมือกันเพื่อยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก เป็นงานที่ยากและยังมีภารกิจที่ท้าทายรออยู่เบื้องหน้าจะสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ยังตอบไม่ได้แต่วันนี้เราได้เริ่มเดินก้าวแรกร่วมกันแล้วในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร”

นายอลงกรณ์กล่าวว่า “เราเห็นตรงกันว่าราคาข้าวในตลาดโลกไม่เป็นธรรมกับประเทศผู้ผลิตและชาวนาของ2ประเทศมาเป็นเวลายาวนานนำมาซึ่งหนี้สินและความยากจนจึงถึงเวลาที่ต้องต่อสู้เพื่อชาวนา ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือราคาข้าวในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งราคาปุ๋ยและราคาน้ำมันจากผลกระทบของวิกฤตการณ์โควิด19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนหากปล่อยสถานการณ์ราคาข้าวเป็นอยู่เช่นนี้ชาวนาจะอยู่ไม่ได้เพราะขาดทุนหันไปทำเกษตรอื่นที่มีรายได้มากกว่าจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตข้าวลดลงในระยะยาวกระทบต่ออุปทานข้าวของโลกสวนทางกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นและปัญหาความมั่นคงด้านอาหารจะรุนแรงมากขึ้น”

นายอลงกรณ์เปิดเผยด้วยว่า ทั้ง2ฝ่ายจะนำเสนอผลสรุปของการประชุมเสนอต่อรัฐมนตรีเกษตรของ2ประเทศเพื่อตั้งกลไกขับเคลื่อนร่วมกันในรูปของคณะทำงานเฉพาะกิจ และให้แจ้งสมาคมชาวนา สมาคมผู้ค้าข้าว สถาบันอาหารและสมาคมผู้ส่งออกข้าวของไทยและเวียดนามได้ทราบถึงแนวทางความร่วมมือดังกล่าว รวมทั้งจะเจรจาความร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อื่น ๆ ต่อไป

โดยระหว่างนี้จะกระชับความร่วมมือด้านข้าวระหว่างไทยกับเวียดนามในระดับองค์กรชาวนาและหน่วยงานด้านการเกษตรให้มากขึ้นซึ่งนายฟาน จี๊ ทัญ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยมีส่วนสำคัญต่อการประสานความร่วมมือระหว่าง2ประเทศในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top