Tuesday, 29 April 2025
โฆษกเกษตร

โฆษกเกษตร แจง !! กระทรวงเกษตรฯ ยุค 'ธรรมนัส' ข้าราชการต้องโปร่งใส ไม่กลัว 'เกลือเป็นหนอน' ย้อนระวังจะโดน 'เกลือจิ้มเกลือ'

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงกรณีมีการกล่าวอ้าง ว่า ภายในกระทรวงเกษตรฯ มีเกลือเป็นหนอนส่งข้อมูลปมทุจริตนั้น ยืนยันว่า ทุกอย่างมีกระบวนการในการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง ไม่กลัว “เกลือเป็นหนอน” แต่ระวังจะย้อนกลับเป็น 'เกลือจิ้มเกลือ' หากให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่ และพร้อมดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด เนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ เป็นสถานที่ราชการ ประชาชนทุกคนสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ตามปกติ เฉกเช่นเดียวกันกับกลุ่มม็อบต่างๆ เดินทางมาอยู่หน้ากระทรวงเกษตรฯ กินนอนเป็นประจำ และเข้ามาใช้บริการห้องน้ำภายในตัวอาคาร ใช้เป็นที่หลบฝนบางครั้งบางคราวในทุกยุคทุกสมัย จึงยากที่จะจำได้หมด ว่า ในแต่ละวันรัฐมนตรีแต่ละท่านพบเจอใครบ้าง ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานราชการที่รับเอาทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรในหลายด้าน มาช่วยเหลือและแก้ไขเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะมีทั้งกลุ่มผู้เรียกร้อง และกลุ่มผู้มาร้องเรียน สามารถมายื่นเรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆ ได้ตามปกติ ซึ่งนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ในยุคของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีช่วยฯ ทั้งสองท่าน ยึดมั่นในแนวทางการบริหารราชการด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล นายกเศรษฐา ทวีสิน ที่ยึดมั่นในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความ ซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส มีความเป็นธรรมาภิบาล (Good governance) ส่วนรูปคดีมีความคืบหน้า มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ชัดมากขึ้น เน้นย้ำให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ซึ่งเป็นหน้าที่ของขบวนการยุติธรรมที่ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป  

ดังนั้น ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่าน เชื่อมั่นในการบริหารงานของกระทรวงเกษตรฯ ที่ผู้บริหารในระดับนโยบายได้สั่งการและกำชับให้ข้าราชการในสังกัดของกระทรวง ยึดโยงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง อย่าไปให้ความสำคัญกับขบวนการบ่อนทำลายชื่อเสียงของกระทรวงเกษตรฯ และบั่นทอนขวัญกำลังใจของข้าราชการในกระทรวงที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ

โฆษกเกษตรฯ เคลียร์ชัด เลิกโยงการเมือง ปมไฟไหม้เจ้าหน้าที่สรุป ”ไฟฟ้าลัดวงจร“

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ ชั้น 2 ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนักเคมี-ฟิสิกส์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและเก็บพยานหลักฐานหลังเกิดเหตุ ประกอบกับกล้องวงจรปิดบันทึกภาพตรงกันกับคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุไฟฟ้าลัดวงจรจากรางเก็บสายไฟ ภายในห้องครัว ชั้น 2 ไม่มีการลอบวางเพลิง หรือ มีประเด็น “ลับลวงพราง” ทางการเมืองแต่อย่างใด วอนสังคมหยุดโยงประเด็นทางการเมือง และอยากให้เปิดพื้นที่ด้านผลงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ที่กำลังดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลเพื่อพี่น้องเกษตรกรแทนจะดีกว่า ส่วนเอกสารสำคัญอื่นๆ ไม่ได้รับความเสียหาย มีเพียงแค่เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในจุดเกิดเหตุ รวมไปถึงกลิ่นควันไฟไหม้ที่ยังคงรุนแรง  ส่วนระยะเวลาในการปรับปรุงพื้นที่คาดการณ์ว่าประมาณ 2-3 เดือน จะปรับปรุงแล้วเสร็จ สามารถกลับเข้ามาทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะทำรายงานสรุปผล มอบให้กับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีต่อไป

โฆษกเกษตรเผย ”ไชยา“ สั่งลุย ! ฝนหลวงบินลดฝุ่น Pm2.5 ตามนโยบายนายกเศรษฐา

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 (เกินค่ามาตรฐาน) จากการตรวจสอบพบว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน (สีส้ม) โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และโดยเฉพาะบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำกับดูแลได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ขึ้นบินปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล และเฝ้าติดตามสถานการณ์และสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน โดยได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองในหลายพื้นที่ลดลงตามนโยบายของรัฐบาล นายกเศรษฐา ทวีสิน ที่มีความตั้งใจจะยกระดับวิถีชีวิตประชาชนในทุกมิติรวมถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอากาศสะอาด โดย PM 2.5 เป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง 

ซึ่งในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะเริ่ม Kick Off ปฏิบัติการทำฝนหลวงประจำปี 2567 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรพื้นที่ภาคการเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ตลอดจนเติมน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ และการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนป่าเพื่อป้องกันการเกิดไฟป่า และการบรรเทาปัญหาหมอกควัน และค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งถือว่าเป็นภัยพิบัติของประเทศ ดังนั้นการปฏิบัติการครั้งนี้ จึงเป็นการบรรเทาปัญหาความรุนแรง และเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร เพื่อเก็บกักน้ำไว้ให้รองรับกับความต้องการของประชาชนในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรอีกด้วย

โฆษกเกษตร เผย ชาวสวนทุเรียนเตรียมพร้อม ดันทุเรียนคุณภาพส่งจีน “ธรรมนัส” สั่งคุมเข้มตลอดห่วงโซ่อุปทาน เสริมแกร่งสู้ประเทศคู่แข่ง

นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออกทุเรียนไทยไปยังตลาดประเทศจีน ในปี 2567 ยังคงมีช่องทางการตลาดที่สดใส แม้ปัจจุบันทุเรียนไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในการส่งออกไปยังตลาดจีน จากการแข่งขันของประเทศคู่แข่ง โดยล่าสุด ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้กรมวิชาการเกษตร  เร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ควบคุมคุณภาพทุเรียนส่งออกไปจีนตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั้งในส่วนของนโยบาย สวน โรงคัดบรรจุ การส่งออก การขนส่ง การตลาด การแปรรูป และการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการ พร้อมกันนี้ยังได้วางแผนขยายผลไปยังทุกภูมิภาคที่ผลิตทุเรียนเพื่อส่งออก และได้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ สวพ.6 และศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรีกว่า 180 คน เพื่อสลับเปลี่ยนหมุนเวียนทำหน้าที่ ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนสิ้นสุดฤดูกาลส่งออก และเพิ่มผู้จัดการเขตพื้นที่ทุเรียน (DIZ) จากเดิม 6 คน เพิ่มเป็น 9 คน พร้อมจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากพบการสวมสิทธิ์ใบรับรอง GAP หรือการให้เช่าโรงคัดบรรจุพร้อมกับใบรับรอง GMP-DOA เป็นต้น ”

โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ให้ความสำคัญอย่างมากกับการส่งเสริม สนับสนุน การส่งออกสินค้าเกษตรคุณภาพไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะทุเรียน ที่เป็นไม้ผลเศรษฐกิจสำคัญ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ภายใต้การนำของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ใช้แนวนโยบาย ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เป็นธงนำในการสร้างรายได้ และขยายโอกาสให้ภาคเกษตร มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรเป็น 3 เท่าภายใน 4 ปีของรัฐบาล  จึงเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาภาคเกษตร ที่ช่วยเสริมจุดแข็งในการด้านการตลาด จากการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ

ทั้งนี้ สถิติการส่งออกทุเรียน ปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาไทยส่งออกทุเรียนไปจีนทั้งหมด 57,000 ตู้/ชิปเม้นท์ ปริมาณสูงถึง 945,900 ตัน มูลค่า 120,469.34 ล้านบาท โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2565 สูงถึงร้อยละ 38.47 (ปี พ.ศ. 2565 ส่งออกทุเรียนไปจีน 8.11 แสนตัน มูลค่ากว่า 8.7 หมื่นล้านบาท) สำหรับช่องทางการส่งออก พบว่ารถยนต์มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 63.9 รองลลงมาคือทางเรือ ร้อยละ 31.72 และทางรถไฟ ร้อยละ 1.17 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top