Sunday, 20 April 2025
แก๊งอาชญากรรม

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพอใจ 7 มาตรการเข้ม สั่งรุกปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำเดินหน้าไม่แผ่ว ไม่ให้พื้นที่แก๊งอาชญากรรม

(8 ก.พ.67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า หลังจากที่ออกนโยบาย 7 มาตรการเข้มข้น นับตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2568 และขีดเส้นตาย 7 วันให้ทุกหน่วยดำเนินการ พบว่าผลการดำเนินงานตาม 7 มาตรการเข้มข้น ทั้งด้านการปราบปราม การป้องกัน การให้ความช่วยเหลือ เห็นผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) และศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เดินหน้าขับเคลื่อนการปฏิบัติต่อเนื่องอย่างเต็มกำลัง เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป 

ในส่วนของพื้นที่เสี่ยงที่เฝ้าระวังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะ อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่จะข้ามแดนไปยังฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ทั้งทางด่านตรวจ ท่าข้าม และช่องทางธรรมชาติ และยังมีมาตรการในการป้องกันการย้ายฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะฝั่งชายแดนประเทศกัมพูชา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกองทัพบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการร่วมกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานความร่วมมือในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในทุกมิติ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศ และระดับนานาชาติ อาทิ INTERPOL , สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) , สถานเอกอัครราชทูตนานาประเทศ เป็นต้น เพื่อบูรณาการเดินหน้าในการปราบปรามอย่างไม่ลดละ 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันหนักแน่นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะลุยต่อไม่แผ่วในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป มั่นใจการดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องจะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ไม่มีพื้นที่ให้มิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนได้อีก ย้ำ “เราทำจริง เอาจริง ประชาชนต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรเหล่านี้อีกต่อไป” 

มั่นใจว่าด้วยความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาในทุกภาคส่วน มาตรการต่างๆ จะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

จเรตำรวจแห่งชาติเปิดโครงการอบรมไซเบอร์ เพื่อต่อกรกับกลุ่มแก๊งอาชญากรรมในรูปแบบใหม่ 

(19 ก.พ.68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วานนี้ได้เป็นประธานโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เร่งรัดสำนวนคดีออนไลน์และสร้างมาตรฐานระบบการสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เพื่อทบทวนและเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในวิธีการใช้งานระบบริหารจัดการ สืบสวน สอบสวน ตรวจสอบวิเคราะห์รายละเอียดของคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดยมีกำหนดการจัดโครงการดังกล่าว ระหว่างวันที่ 16-21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมมัสดีฟส์ บีช รีสอร์ท อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี 

ด้วยปัจจุบันเกิดปรากฏการณ์ New paradigm (กระบวนทัศน์) ทางอาชญากรรมขึ้นมาใหม่ เนื่องจากขณะนี้ คดีอาชญากรรมออนไลน์ , คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นคดีรูปแบบใหม่ New Normal  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากรูปแบบเดิม ๆ เป็นรูปแบบการทำงานแบบใหม่ทั้งหมด เพราะคดีเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว คนร้ายสามารถใช้โทรศัพท์หลอกลวงคนเป็นร้อยล้านครั้งในเวลาอันสั้น เป็นการทำลายรูปแบบการทำงานแบบเดิมทั้งหมดในกระบวนการยุติธรรม ไม่เหมือนกับการวิ่งราวทรัพย์ หรือคดีพื้นฐานอื่น ๆ ซึ่งคดีรูปแบบใหม่นี้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วมาก ทำให้ต้องหาข้อมูลอย่างรวดเร็วจากธนาคารต่าง ๆ หรือการปิดกั้น ยับยั้ง ระงับข้อมูลในเชิง AI ต้องทำอย่างรวดเร็ว 

ดังนั้น จึงตัองมีการระดมความเห็นเพื่อหาวิธืการรับมือให้สอดคล้องกับรูปแบบอาชญากรรมรูปแบบใหม่ New paradigm ซึ่งขณะนี้ตำรวจและทางการไทยกำลังต่อกรกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการตรวจสอบพบความเชื่อมโยงของคดีเป็นจำนวนมาก แต่คดีอาจจะเหลือน้อยลงเพราะเป็นคดีเรื่องเดียวกัน จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและสามารถนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนนี้จะดำเนินการเป็นไกด์ไลน์เพื่อสร้างวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ แล้วนำรูปแบบนี้ไปใช้กับตำรวจทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาประชาชนได้ทั้งในเรื่องการจับกุมคนร้าย และในเรื่องของการติดตามทรัพย์สินกลับมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top