Saturday, 18 May 2024
แก้ไขรัฐธรรมนูญ

‘ภูมิธรรม’ ลั่น!! แก้ไข รธน. ทุกฝ่ายต้องยอมรับได้ จ่อหารือพรรคการเมือง ก่อนขยายสู่การลงประชามติ

(14 ก.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง มอบหมายให้ดูแลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตลอด 4 ปีของรัฐบาลที่ผ่านมา มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายร่าง แต่ที่สุดไปไม่ได้ หลายฉบับตกไป หลายฉบับค้างที่วาระ 2 วาระ 3 ในที่สุดไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และตัดสินว่าอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้อำนาจประชาชน ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องไปถามประชาชนก่อนถึงจะแก้ได้ ทางปฏิบัติจึงต้องถามประชาชนก่อนว่าจะแก้หรือไม่แก้ และถ้าแก้จะแก้ด้วยกระบวนการแบบไหน อย่างไร ดังนั้นถ้าไม่เคลียร์ให้จบก่อน แต่ละกระบวนการจะค้างไม่คืบหน้า ส่วนประเด็นหมวดหนึ่งหมวดสองนั้นรัฐบาลยืนยันว่าหากมีการแก้ไขจะไม่แก้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ 

“แต่ปัญหาที่มีอยู่คือเรื่องเกี่ยวกับการได้มาซึ่งอำนาจในระบบประชาธิปไตย ได้มาอย่างไร และทำให้กระบวนการเอื้ออำนวยต่อการบริหารประเทศ ต่อการรักษาสิทธิเสรีภาพประชาชน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือให้มีคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อให้มีความคิดเห็นที่หลากหลายในการช่วยกันคิดให้กระบวนการเดินหน้าไปได้ หาจุดที่พอดีให้เดินหน้า หากเราสามารถพูดคุยส่วนต่าง ๆ ได้จะค่อย ๆ แกะไปที่ละเปราะแล้วนำไปสู่การแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และจะเป็นการเปิดประตูบานแรกจนได้รัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นออกมา” นานภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราต้องเริ่มจากความเป็นจริงเพราะถ้าจะแก้อะไรที่หักหาญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เปิดอำนาจให้ ถ้าจะทำโดยไม่คำนึงถึงคนที่เห็นต่างทุกฝ่ายจะไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ ดังนั้นการได้พูดคุยกันหาความพอดีกัน เพราะทุกฝ่ายยอมรับว่าการแก้รัฐธรรมนูญควรทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ส่วนจะทำวิธีการไหนจะเป็นการประนีประนอมของทุกฝ่ายเพื่อแกะที่ละปม โดยหลังจากนี้ตนจะเร่งตั้งคณะกรรมการที่มีมาจากทุกฝ่ายตามที่นายกฯ ได้สั่งการให้ดึงการมีส่วนร่วมของทุกคนเข้ามาและให้รายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

เมื่อถามว่าการได้มาซึ่งคำถามที่จะให้ทำประชามติจะใช้เวทีรัฐสภาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวทีรัฐสภา จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะคุยถ้าเห็นพ้องกันทุกฝ่ายก็เป็นจุดเริ่มต้นว่าคนที่เป็นตัวแทนคนในสังคมพอใจกับสิ่งนี้ แล้วนำไปสู่การตัดสินของประชาชน ถ้าเห็นด้วยเลยก็จะเป็นไปด้วยดี ถ้ามีความเห็นต่างก็นำความเห็นต่างมาปรับปรุงเพื่อลดช่องว่างความเห็นต่าง 

เมื่อถามว่ามีกรอบหรือไม่ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเริ่มทำประชามติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯกำชับอยากให้ตนที่คลุกคลีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมา ไปดึงความคิดเห็นเข้ามาซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากการนำทีมที่ปรึกษาของแต่ละพรรคการเมืองมาพูดคุยกัน แล้วขยายตัวไปสู่กลุ่มวิชาชีพ ถ้าเห็นพ้องกันทั้งกลุ่มธุรกิจ ประชาชน ข้าราชการ ก็จะทำให้การขยับไปสู่การลงประชามติไม่ยากลำบาก

'วราวุธ' ยัน!! 'ชาติไทยพัฒนา' เห็นพ้องพรรคร่วมรัฐบาล  ทำประชามติ 3 รอบ แก้รธน. ขอแค่ต้องไม่แตะหมวด 1-2

(22 เม.ย.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 7 พรรคร่วมรัฐบาลหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำประชามติ 3 รอบ ว่า จากการหารือร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นตรงกันว่า รัฐธรรมนูญจะมีการแก้ไขโดยที่พวกเราจะไม่แตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 เพราะถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และเป็นนโยบายที่สำคัญของทุกพรรคการเมืองด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคชาติไทยพัฒนาเราให้ความสำคัญกับการเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ 

ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะอย่างไรก็แล้วแต่หมวด 1 และหมวด 2 จะต้องไม่มีการไปกระทบ หรือมีการแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อทุกพรรคการเมืองเห็นตรงกันแล้วเราก็จะเดินหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำประชามติ ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ซึ่งแนวทางนี้ทราบว่าในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) รองนายกฯ ภูมิธรรม จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งก็เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนเห็นพ้องกันไปในทิศทางเดียวกัน เพราะได้มีการพูดคุยกันแล้ว

'รทสช.' เห็นด้วยกับแนวทางแก้ไข รธน.ของรัฐบาลทุกประการ เพราะมั่นคงในการแก้ไข โดยไม่แตะต้องหมวด 1 หมวด 2

(24 เม.ย.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญและเห็นควรจัดให้มีการออกเสียงประชามติ จำนวน 3 ครั้ง รวมถึงควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวสามารถเป็นเครื่องมือทางประชาธิปไตยที่จะช่วยส่งเสริมประชาชนแสดงเจตจำนงในเรื่องต่าง ๆ ได้โดยตรงว่า พรรค รทสช.เห็นด้วยกับแนวทางของ ครม.ทุกประการ

นายอัครเดช กล่าวอีกว่า การออกเสียงประชามติ 3 ครั้งแม้จะถูกติติงว่า จะใช้งบประมาณจำนวนมากก็ตาม แต่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามเนื่องจากการทำประชามติรอบแรกศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้แล้วต้องทำ ตามที่มีผู้เคยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งคำวินัยของศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กร ส่วนครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 เป็นการทำประชามติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ดังนั้นการทำ 3 ครั้งเป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญ

“พรรครวมไทยสร้างชาติขอย้ำจุดยืนเดิมที่มั่นคงให้ไว้ตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาล หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาด พรรคได้ยืนหยัดในจุดยืนนี้มาโดยตลอดและจะยืนหยัดต่อไป ส่วนเนื้อหาอื่นจะแก้ไขอะไรบ้างก็ต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเช่นเดียวกัน” โฆษกพรรค รทสช.ย้ำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top