Thursday, 4 July 2024
เสื้อเหลือง

เรียกร้องไม่โหวตให้ พรรคที่คิดล้มล้างสถาบัน ด้าน ‘อกนิษฐ์’ ย้ำจุดยืนโหวตนายกฯ ต้องเป็นคนเก่งและดี

วันนี้ (วันที่ 12 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา เวลา 05.00 น. คณะประชาชนคนรักในหลวง นำโดยนายนายประยูร จิตรเพ็ชร ประธานคณะฯ ส่วนกลาง และมวลชนซึ่งสวมเสื้อสีเหลืองจำนวนมาก รวมตัวเพื่อให้กำลังใจ ส.ว. และยื่นหนังสือขอให้ ส.ว. งดการลงมติให้กับพรรคการเมืองที่ล้มล้างสถาบันเบื้องสูง

ทั้งนี้เวลา 08.00 น. นายประยูร และแกนนำบางส่วนได้เข้าพบกับส.ว. บนตึกวุฒิสภา ชั้น2 โดยเป็นการพบปะแบบส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก่อนที่นายประยูร จะกลับมาแจ้งให้มวลชนรับทราบว่า พล.อ. อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ส.ว. จะเป็นผู้รับยื่นหนังสือ และพามวลชนเข้ามารอที่ด้านในอาคารรัฐสภา บริเวณโถงหน้าพิพิธภัณฑ์รัฐสภา พร้อมยืนยันว่าการรวมตัวของกลุ่มประชาชนคนรักในหลวง ไม่มีประเด็นการเมือง ไม่มีความรุนแรง และต้องการมาให้กำลังใจ ส.ว.เท่านั้น

ต่อมาเวลา 10.15 น. พล.อ.อกนิษฐ์ พร้อมด้วยนายทวีศักดิ์ วัฒนพรมงคล ส.ว. เข้ารับยื่นหนังสือกับแกนนำและตัวแทน โดยนายประยูร กล่าวว่าตนขอให้กำลังใจ ส.ว. และขอเรียกร้องไม่ให้ลงมติให้กับพรรคการเมืองที่คิดล้มล้างสถาบัน ซึ่งการรวมตัวของมวลชนถือเป็นบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้ตนทราบข่าวว่ามีคนคิดจะล้มล้างสถาบัน หากเกิดขึ้นจริง กลุ่มประชาชนคนรักในหลวงจะออกมาชุมนุมเป็นหลักล้านคน

โดย พล.อ. อกนิษฐ์ กล่าวตอบว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การบริหารราชการแผ่นดิน วุฒิสภา และ ส.ว. หลายคนที่ทำงานร่วมมกันขอให้สัญญาว่า ส.ว. ทุกคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมีวุฒิภาวะดี ตนเชื่อว่าทุกคนจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์สูงสุดประเทศชาติ และประชาชน ไม่ต้องกลัว ส.ว. มีวุฒิภาวะพอ

พล.อ. อกนิษฐ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนจะดูรายละเอียดของหนังสือที่มายื่นว่าเข้าเงื่อนไขอะไรบ้างและต้องเดินต่ออย่างไร ส่วนที่ถามถึงจุดยืนส่วนตัวในการโหวตเลือกนายกฯ นั้น ตนบอกแล้วว่าทุกคนมีวุฒิภาวะที่ตัดสินใจบนผลประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นหลัก และตอนนี้ยังไม่ชัดเจน คนที่เป็น ส.ส. ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรอง ดังนั้นเร็วเกินไปที่จะตอบตอนนี้

เมื่อถามว่าส่วนตัวมองสเปคบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ ที่จะโหวตให้อย่างไร พล.อ.อกนิษฐ์กล่าวว่า ต้องเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ คนเก่ง คนดี และต้องคู่กัน ไม่ใช่ดีแล้วไม่เก่ง หรือ เก่งแล้วไม่ดี ต้องเป็นคนเก่งและคนดี เก่งด้วยดีด้วย และทำงานเพื่อประเทศชาติ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ต่อข้อถามว่า ตัวเลข ส.ส. ร่วมรัฐบาลจะเป็นปัจจัยโหวตนายกฯหรือไม่ พล.อ. อกนิษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของฝั่ง ส.ส. เรามีหน้าที่พิจารณาตอนเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ เท่านั้น ซึ่งเป็นคนละขั้นตอน

เมื่อถามถึงการกดดันให้ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ เสียงข้างมากตามมติประชาชน โดยให้พรรคอันดับหนึ่งเป็นนายกฯ พล.อ. อกนิษฐ์ กล่าวว่า การที่บอกว่า เสียงอันดับหนึ่งเป็นนายกฯ หลายท่านเข้าใจผิด เสียงส่วนใหญ่กับเสียงส่วนน้อยเป็นอย่างไร เป็นขั้นตอนของการเลือกตั้งแต่ตอนนี้ไม่มีเสียงส่วนใหญ่ ยังไม่รู้ว่าใครเป็นเสียงส่วนใหญ่เป็นแค่การวางแผนกันเท่านั้น เมื่อมีเสียงส่วนใหญ่ต้องมีเสียงส่วนน้อย ตนไม่ได้ฟังเสียงคนที่ได้รับเลือกตั้งมามากเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่

เมื่อถามถึงกรณีทีตัวแทนพรรคก้าวไกลมาพูดคุยส่วนตัวหรือไม่เพื่อให้โหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ พล.อ. อกนิษฐ์ กล่าวว่า ไม่มี ส่วนตัวพร้อมรับฟังทุกพรรค เพราะตนมีเพื่อนอยู่ทุกพรรค ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง เป็นเพื่อนทุกพรรค ตนรู้จักแกนนำของทุกพรรค

เมื่อถามย้ำว่าปัญหาที่นายพิธา ถูกตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ้นสื่อ หรือเรื่อง อื่นๆจะเป็นปัจจัยตัดสินตอนโหวตหรือไม่ พล.อ. อกนิษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะฝ่าย ส.ส. ยังไม่นิ่ง ดังนั้นจึงตัดสินใจอะไรไม่ได้ แต่ตนมีหลักเกณฑ์ง่ายๆ ขอเลือกคนเก่ง คนดี และทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงเนื้อหาของหนังสือของคณะประชาชนคนรักในหลวง ที่ยื่นต่อส.ว. ตอนหนึ่ง ระบุว่า มวลชนเดินทางมาที่รัฐสภาเพื่อให้กำลังใจและยืนเคียงข้าง ส.ว. ที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และขอให้ ส.ว. ไม่ยกมือให้กับ ส.ส. ที่คิดจะยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ทั้งนี้พบว่าในจดหมายที่ยื่นต่อ ส.ว. ยังพบการขอรับการสนับสนุนการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ประจำปี 2566 ที่ จ. ร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 22- 28 กรกฏาคม จากวุฒิสภา จำนวน 28.7 ล้านบาท ด้วย

'สลัดข้าง-สลายขั้ว' กระแสคนไทยกลับมารักกันเพราะมี 'ขั้ว' ล้มสถาบันฯ มาช่วยประสานใจ

ตอนนี้ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีการพูดถึงกระแส 'สลายขั้ว' ระหว่าง 'คนเสื้อเหลือง-คนเสื้อแดง' มากขึ้น แนวโน้มการพูดคุยเป็นไปในทิศทางของการปรับความเข้าใจกัน และให้อภัยต่อเรื่องในอดีต เพื่อจับมือกันก้าวไปข้างหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง ภายใต้จุดร่วมเดียวกัน คือ ธำรงไว้ซึ่ง 'ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์'

อย่างไม่นานมานี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Peemai Sirikul' ซึ่งออกตัวว่า FC พี่โทนี่และพรรคเพื่อไทย และก็มักจะโพสต์ล่วงเกินฝั่งตรงข้ามบ่อย ๆ ก็ได้ออกมาโพสต์ด้วยว่า...

"ขอโทษพี่น้องเหลือง - สลิ่มเฟส 1 สิ่งใดที่ได้ล่วงเกินกันในอดีต ขออโหสิ นับจากนี้เราคือพี่น้องร่วมชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เดียวกัน ขอเชิญชวนทุกท่านสมานฉันท์ ปรองดอง"

โดยข้อความดังกล่าว ได้ถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียลมากมาย สร้างแรงกระตุ้นในขั้วเหลืองแดงในอดีตเริ่มรู้สึกถึงสปิริตที่อยากแสดงออกในห้วงเวลาที่ประเทศไทยต้องรวมใจเป็นหนึ่ง

ประกอบกับความเคลื่อนไหวของต่างขั้วพรรคการเมืองที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อนำพาประเทศเดินหน้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีพรรครวมไทยสร้างชาติตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทยเป็นไฮไลต์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.นั้น ก็ยิ่งทำให้คนไทยเริ่มมองเห็นแสงสว่างขอการยุติสงครามสีอันยาวนานหลายทศวรรษลงได้แน่ ๆ

พร้อมทั้งเหลือเพียงสีของธงชาติไทยทั้งสาม ที่คนไทยจะกอดไว้เพียงหนึ่งเดียว

เพียงแต่ขั้วหรือสีที่ทำให้ 'เหลือง-แดง' เริ่มผสานกลมกลืน และสลายขั้วกันได้นี่สิ...จะอยู่ในฐานะอะไรต่อไป?

'ดร.สุวินัย' รับ!! ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นสิ่งที่ดี  ให้ความหวังและน่าชื่นชม ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

(21 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ระบุว่า…

ปรากฏการณ์สลายขั้วเหลือง-แดง เป็นปรากฏการณ์ที่ดี ที่ให้ความหวังและน่าชื่นชม...ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็ตาม

ทุกข์ของคนไทยตอนนี้ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว โดยเฉพาะทุกข์ทางเศรษฐกิจและทุกข์เรื่องทำมาหากินที่ยังฝืดเคือง

การมีข่าวดี ๆ ออกมา ที่ช่วยลดความขัดแย้งแตกแยกในหมู่คนไทยด้วยกันเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง จงอย่าใจแคบ ความคิดก็อย่าคับแคบ มองภาพใหญ่ให้ออก มองป่าทั้งป่าให้ได้

ทุก ๆ วัน การดึงตัวเองไปอยู่ในมณฑลแห่งพลัง และโลกของผู้บำเพ็ญในจิตของตนก่อนเมื่อลืมตาตื่น คือกิจวัตรของผม

ฝึกฝนเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกเช้าค่ำ จนกระทั่งมันเป็นไปเอง

อย่างการนั่งฟัง (เห็นโพสต์) ‘เสียงทุกข์’ ของสรรพสัตว์ (หรือ กวนอิม 観音) ผ่านจอแท็บเลตของตัวเองทุกวันด้วยจิตผู้รู้…ก็เป็นอีกวิธีภาวนาที่ผมใช้เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ 

คนทั่วไปมักไม่รู้ว่า การรับรู้กับการตีความของเรานั้นเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ทำให้คนเรามักมองโลกด้วย ‘จิตที่กะเกณฑ์’ ไว้ล่วงหน้าเสมอ

ผลก็คือคนเราได้สร้างสิ่งขวางกั้นระหว่างตัวเรากับ ‘ความเป็นจริงอย่างที่มันเป็น’ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

การเห็นอย่างบิดเบือนแล้วปักใจเชื่ออย่างนั้นเลย จึงหมายถึง การยึดมั่นถือมั่น คือหลงไปยึดสิ่งที่เรารับรู้ ซึ่งเข้ากันได้กับประสบการณ์ทางจิตอันจำกัดของเรา ทำให้เกิดการบิดเบือนการรับรู้อย่างตรงไปตรงมาหมายความว่า ตอนนั้นเราไม่มีความรู้ตัว หรือขาดสัมปชัญญะไปแล้ว

อวิชชาหรือความไม่รู้สึกตัว คือที่มาแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง 

ความทุกข์มากมายจนท่วมโลกขนาดไหน สุดท้ายมันก็มีแค่นี้แหละ คือความไม่รู้ตัว หรือไม่มีสัมปชัญญะ เมื่อฝึกภาวนาเห็นทุกข์ของผู้คนแบบนี้บ่อยเข้า บ่อยเข้า

วิราคะ หรือความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏมันย่อมเกิดขึ้นเอง

'ดร.สุวินัย' ฟันธง!! ขั้วขัดแย้งเหลืองแดงยาวนานกำลังสลายตัว 'คนไทย-สังคมไทย' ก้าวสู่ Land of Compromise อย่างแท้จริง

(30 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ 'แลไปข้างหน้า' โดยมีรายละเอียดดังนี้...

- การสลายขั้วขัดแย้งเหลืองแดงที่ดำรงมายาวนานกว่า 15 ปี ... นี่คือ ‘ข่าวดี’ สำหรับคนไทยและสังคมไทย Land of Compromise

- พร้อม ๆ กับการปรับตัวของ ‘ระบบการเมืองไทย’ ที่กลับสู่การเมืองแบบธนาธิปไตย หรือ Money Politics ในสมัยพรรคไทยรักไทย ปี พ.ศ. 2544 หรือเมื่อ 22 ปีก่อน ... ก่อนที่จะเกิด ‘การเมืองที่แบ่งขั้วขัดแย้งรุนแรง’ (polarized politics) 

- ตามมาด้วยการยุติ หรือหมดหายไปของ ‘วาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตย vs ฝ่ายเผด็จการ’ ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อครอบงำคนเสื้อแดง (เพื่อไทย) และด้อมส้ม (ก้าวไกล) ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา

- รัฐบาลใหม่ที่ครองอำนาจรัฐได้ อันที่จริงคือ เพื่อไทย+รัฐบาลชุดเดิม ที่เขี่ยก้าวไกลออกจากวงจรอำนาจให้กลายเป็น ‘พรรคฝ่ายค้านถาวร’ ของระบบการเมืองไทย

- การกลับเมืองไทย เพื่อ ‘ติดคุกแบบ VVIP’ ของโทนี่ ... มิใช่การฟื้นคืนชีพของ ‘ระบอบทักษิณ’ อย่าเข้าใจผิดอย่างนั้น แต่ควรมองว่า เป็นการปรองดองทางการเมืองระหว่างตระกูลชินวัตรกับขั้วอำนาจเดิมมากกว่า ... ทั้งสองฝ่ายต่างมีบทเรียนจากความขัดแย้งกันในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ... จนตอนนี้สามารถปรับตัวเข้าหากันได้แบบ วิน-วิน ที่ไม่มีใครกินรวบหรือได้หมด

- หลังจากนี้ พรรคการเมืองที่เอาใจใส่ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้จริงและทำงานเป็น จะได้ใจประชาชนแน่นอน ... และเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ด้วย

- เราผ่านวิกฤต ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ มาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนี้ การเมืองไทยจะเดินไปตามระบบของมัน ... วิกฤตสงครามโลกครั้งที่สามและสถานการณ์ต่างประเทศต่างหากที่น่าห่วง

‘ดร.พร้อมพงศ์’ ปลื้มใจ!! ‘แดง-เหลือง’ ร่วมโต๊ะชื่นมื่น เปรย!! ยุคศิวิไลซ์ กลิ่นความสุข ความเจริญมาถึงแล้ว

เมื่อวานนี้ (4 ก.ย. 66) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก ‘ดร.พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ - Dr. Prompong Nopparit’ ทีมงานพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. นำโดย นายนพดล พรหมภาสิต และนางกัลยาณี จูปรางค์ หรือป้าอยุธยา นัดกินข้าวกับมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดง และนายนิยม นพรัตน์ หรือ เค สามถุยส์ ที่ร้านอาหารแซ่บไบรท์ ย่านถนนบางกรวย-ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี โดยมีข้อความระบุว่า "รัฐบาลสลายขั้ว ประชาชนสลายสี ยุติขัดแย้ง แดง เหลือง ทานข้าวกระชับมิตร บรรยากาศที่ดี กลิ่นความสุข ความเจริญ มาแล้วครับ"

นายพร้อมพงศ์ระบุอีกด้วยว่า "ศึกระหว่างสีเกือบ 20 ปี ที่บาดเจ็บ เสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สิน เสียเวลาทำมาหากิน เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ หมดยุคการค้าความขัดแย้ง ถึงยุคศิวิไลซ์ คนไทยรักกัน เพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรครับ"

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  กล่าวระหว่างเดินทางไปยังร้านเล่า ถนนนิมมานเหมินท์  เพื่อแจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่ซื้อหนังสือ 'ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน' 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล 
กล่าวระหว่างเดินทางไปยังร้านเล่า ถนนนิมมานเหมินท์ 
เพื่อแจกลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่ซื้อหนังสือ 'ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน' 
วันที่ 17 มี.ค.67
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top